หลังจากเจอกันที่จุดนัดหมาย พวกเราก็เข้าไปในร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง และเริ่มกินข้าวเย็นทันที
ผมสั่งสเต็ก ส่วนโคอิซังสั่งพาสต้าที่ดูคล้ายสลัด
ระหว่างที่เรากินข้าวด้วยกัน เราก็คุยกันไปด้วย
「ถึงจะมีเรื่องของฮินามิอยู่ก็เถอะ แต่โคอิซังชวนฉันมากินข้าวเย็นแบบนี้ มันแปลกดีนะ」
「ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้ทางร้านเขามีโปรโมชั่นอยู่ไง ถ้ามีนายมาด้วย ตอนจ่ายเงินจะได้ลดราคายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ฉันเลยคิดว่าเป็นโอกาสดีที่อยากลองกินพอดี เลยชวนมา」
「จะจริงจังเกินไปแล้ว……」
「อะแหม หน้าดูเศร้าจัง หรือว่าแอบคาดหวังอะไรอยู่รึเปล่า?」
「ไม่มีทางซะหน่อย」
「มันเขียนอยู่บนหน้าชัดเลยนะ ว่าคาดหวังแล้วก็กำลังเสียใจอยู่」
「ไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งนั้นแหละ」
จะว่าไม่คาดหวังก็คงโกหกหน่อย ๆ ล่ะนะ ผมแอบรู้สึกตื่นเต้นอยู่นิด ๆ จริง ๆ ตอนที่เห็นโคอิซังใส่ชุดลำลอง แถมยังเป็นเดรสอีกต่างหาก ก็เผลอใจเต้นขึ้นมาเลย
แต่ว่าพอคุยกันแบบนี้ ก็เข้าใจทันทีเลยว่า เธอไม่ได้ชวนผมมาเพราะมีความรู้สึกพิเศษอะไรหรอก
ยังคงเป็นโคอิซังคนเดิมที่มักจะพูดหยอกล้อผม และทำหน้าราวกับมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ใช่เลย เธอก็ยังเป็นโคอิซังคนเดิมแท้ ๆ และผมก็แค่ถูกลากมาด้วยเท่านั้นเอง
「แต่ถึงเราจะรู้จักกันมาตั้งแต่เข้าโรงเรียนใหม่ ๆ ก็เถอะ แต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มากินข้าวนอกบ้านด้วยกันแบบนี้」
「พูดแบบนั้นก็น่าคิดเหมือนกันแฮะ อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย」
「แน่ล่ะ ต้องตื่นเต้นอยู่แน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ?」
「กลับได้ไหมครับ?」
「ล้อเล่นน่า ขำขำนะ」
โคอิซังหัวเราะคิก แล้วก็ใช้ส้อมม้วนพาสต้าเข้าปาก
หลังจากที่เคี้ยวเส้นพาสต้าเสร็จแล้ว เธอก็เริ่มพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา
「ว่าแต่โคอิซัง เธอไม่ได้มาแค่เพราะอยากกินข้าวใช่ไหม? มีอะไรเกี่ยวกับฮินามิเกิดขึ้นรึเปล่า?」
「อืม ก็มีนิดหน่อยนะ」
「หรือว่า พอเข้าช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?」
「ยังหรอก ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ฉันไปเจอโพสต์แปลก ๆ ในโซเชียลมีเดียน่ะ」
โคอิซังหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า แล้วเปิดหน้าจอให้ผมดู
「นี่มันโพสต์จากทวิตเตอร์ไม่ใช่เหรอ」
ภาพที่เธอให้ผมดู เป็นภาพจากทวิตเตอร์ เป็นโพสต์ที่ถูกแคปหน้าจอไว้ และเธอก็เลื่อนให้ฉันดูทีละภาพ
ดูไปสองสามภาพก็รู้แล้วว่า เป็นโพสต์ของคนคนเดียวกัน
ชื่อบัญชีคือ “むしょくとうめい” (โปร่งใสไร้สี) ไม่รู้ที่มาของชื่อเลย แถมยังไม่มีภาพโปรไฟล์อีกต่างหาก เลยไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหน
ผมอ่านโพสต์ของ “โปร่งใสไร้สี” ไปเรื่อย ๆ แล้วก็…
ตรง ๆ เลยคือ ผมแทบจะหยุดหายใจ
『โปร่งใสไร้สี』 27 มิถุนายน 03:15 น.
「ฮ้า… ไอ้คนที่ชื่อคุซายานางิอะไรนั่น มันน่าหงุดหงิดชะมัด มายุ่งกับผู้หญิงของฉันได้ยังไงกัน!」
「ฮินามิจังเป็นของฉันนะ! ฉันจะปกป้องเธอเอง!」
『โปร่งใสไร้สี』 28 มิถุนายน 02:03 น.
「ฮินามิจังน่ารักจริง ๆ เลย」
「เธอคือเจ้าสาวของฉัน ดีใจจริง ๆ ที่ได้พบกับเธอ อยากเจอเธอสักครั้งจัง…」
「ไม่ไหวแล้ว อยากเจอจริง ๆ อยากได้เธอมาเป็นของฉัน」
『โปร่งใสไร้สี』 8 กรกฎาคม 04:20 น.
「ไม่รู้เลยว่าจะมีพวกอันตรายโผล่มาต่อหน้าเธอเมื่อไหร่」
「ฉันต้องคอยอยู่ข้าง ๆ ปกป้องเธอสิ…」
「ฉันว่างอยู่พอดี งั้นจะลองสืบหาที่อยู่ของเธอเพื่อคอยอารักขาก็แล้วกัน?」
「เดี๋ยวนะ แบบนี้มันสตอล์กเกอร์ชัด ๆ เลยไม่ใช่เรอะ?」
「แต่ไม่เป็นไรหรอก」
「ยังไงเราก็ถูกลิขิตให้เป็นของกันและกันแล้วนี่」
นั่นคือเนื้อหาคร่าว ๆ ที่ผมได้ดูจากโพสต์
ยังมีโพสต์อื่น ๆ อีก แต่แค่ตรงนี้ผมก็ไม่ไหวแล้ว…
อะไรกันเนี่ย รู้สึกขนลุกชอบกล
ไม่ได้ดูเหมือนเป็นแอนตี้ของฮินามิ แต่กลับน่ากลัวในอีกแง่หนึ่ง
จากโพสต์เหล่านี้บอกได้ชัดว่าเขาหมกมุ่นกับฮินามิเกินกว่าระดับแฟนคลับทั่วไปแล้ว
「โคอิซัง หรือว่า คนคนนี้คือ…?」
「น่าจะใช่ล่ะ ถึงจะยังไม่มีหลักฐานเด็ดขาดก็เถอะ แต่ความเป็นไปได้นั้นสูงมาก ฉันลองค้นหาว่ามีเบาะแสอะไรในทวิตเตอร์ไหม แล้วก็บังเอิญเจอเข้าให้ ดีที่เขาไม่ตั้งบัญชีเป็นส่วนตัว ไม่งั้นเราคงหาไม่เจอ」
「แต่ทำไมคนชื่อ ‘โปร่งใสไร้สี’ คนนี้ถึงหมกมุ่นกับฮินามิขนาดนี้ล่ะ? แค่ชอบเฉย ๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่เล่นลามไปถึงขั้นสตอล์กเกอร์แบบนี้ มันเกิดจากอะไรกันแน่?」
「น่าจะเป็นเพราะคำพูดของคุซายานางิตอนงานกีฬาสีล่ะมั้ง?」
「หา? หมอนั่นน่ะเหรอ?」
หลังจากเก็บมือถือแล้ว โคอิซังก็เริ่มอธิบายสมมติฐานของเธอ
「สำหรับคนชื่อ ‘โปร่งใสไร้สี’ นั้น ฮินามิคงเป็นเหมือนไอดอลส่วนตัว ไม่เป็นของใคร เป็นไอดอลที่มีแค่เขาเท่านั้นที่ชื่นชมได้ แต่พอคุซายานากิพูดอวดอ้างว่าเป็นฮีโร่ แล้วแสดงท่าทีเหมือนจะครอบครองฮินามิ มันจึงกลายเป็นจุดที่เขารับไม่ได้ แถมยังกลัวว่าจะมีคนแบบนั้นโผล่มาอีก ไอดอลของเขาอาจถูกช่วงชิงไปก็ได้」
「แล้วเขาเลยคิดว่า ถ้าจะถูกช่วงชิงไป ก็ขอให้เป็นของตัวเองไปเลยจะดีกว่า?」
「ใช่แล้วล่ะ การกระทำของคุซายานางินั่นแหละ จุดชนวนให้ความรู้สึกของคนคนนี้เบี่ยงเบนไปในทางที่ไม่ดี」
ถ้าเขารู้สึกชอบฮินามิอยู่แล้วจริง ๆ หลังจากเธอโด่งดังในรายการทีวี ก็น่าจะมีการแสดงตัวออกมาตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้กลับเคลื่อนไหว ทั้งที่เหตุการณ์ก็ผ่านไปนานพอควรแล้ว
ดูท่าจะเกี่ยวกับงานกีฬาจริง ๆ อย่างที่โคอิซังว่า
ขนาดไม่เห็นหน้าคุซายานางิซะนาน… ยังมีเรื่องวุ่น ๆ จากการกระทำของแกในอดีตอีกหรอเนี่ย
「โคอิซัง ถึงเราจะรู้แล้วว่าเป็นบัญชีทวิตเตอร์ไหน แต่หลังจากนี้จะทำยังไงต่อ? เธอต้องมีแผนอะไรอยู่แล้วใช่ไหม?」
ผมถามพลางหั่นสเต็กแล้วมองตาเธอ โคอิซังทำหน้าเหมือนจะพูดว่า “กำลังรออยู่เลย”
ไม่มีทางที่โคอิซังจะชวนผมมาโดยไม่มีแผนแน่นอน
เธอฉลาดกว่าผมมาก อย่างน้อยต้องมีแผนสักอย่างล่ะ
เรารู้จักกันมาตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ ก็พอจะเข้าใจนิสัยกันอยู่บ้าง
「แน่นอนว่ามีสิ แต่ต้องเข้าใจก่อนนะว่า มันไม่ได้การันตีว่าจะจับตัวได้แน่ ๆ」
「รับทราบ! แล้วแผนคืออะไรล่ะ?」
เมื่อผมถามแบบนั้น โคอิซังก็เปิดหน้าจออีกหน้าให้ผมดู แล้วเริ่มอธิบาย
「เสาร์อาทิตย์หน้าฮินามิจะไปช้อปปิ้ง แล้วดูเหมือนว่าแผนนั้นจะถูกเปิดเผยเข้าให้ นี่ ดูนี่สิ」
ภาพที่ฟุโคอิซังเปิดให้ดู เป็นโพสต์ที่เขียนว่า:
『โปร่งใสไร้สี』 25 กรกฎาคม 03:20 น.
「ว่าแล้ว เสาร์หน้าดูเหมือนจะออกไปข้างนอก งั้นจะแอบตามไปแบบเงียบ ๆ ดีกว่า」
「ฉันต้องคอยปกป้องเธอจากเงามืดนะ」
พอเห็นโพสต์นี้ ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
เจ้าสตอล์กเกอร์คนนี้…ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้ว่าฮินามิจะออกไปข้างนอกวันเสาร์หน้า…
ทำไมกัน…?
「ทำหน้าเหมือนจะพูดว่า ‘ทำไมเขาถึงรู้แผนการเคลื่อนไหวของเธอล่ะ?’ เลยนะ」
「ใช่เลย แล้วเขารู้ได้ยังไงกันล่ะ?」
「ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันกับฮินามิตั้งใจจะไปซื้อเสื้อผ้าวันเสาร์ แต่เราไม่ได้บอกใครเลยจริง ๆ ทั้งฉันและฮินามิก็ไม่ได้โพสต์อะไรลงโซเชียลเลย แต่ว่า…หมอนี่กลับยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของฉัน งั้นก็ใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์สิ เธอน่ะ ตามติดฮินามิไปอย่างลับ ๆ」
「ฉะ ฉันเนี่ยนะ จะต้องตามฮินามิกับโคอิซังไปแบบลับ ๆ?」
「ใช่ ฉันอยากให้เธอตามเราสองคน แล้วคอยสังเกตหาคนที่ดูน่าสงสัย ฮินามิยังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเธอรู้ล่ะก็ มันจะกลายเป็นความกลัวและความเครียดอย่างมากแน่นอน เพราะงั้นอย่าให้เธอรู้ แล้วจับให้ได้ และนายก็เป็นคนเดียวที่ทำเรื่องนี้ได้นะ?」
「ฉันคนเดียว…ที่ทำได้」
ไม่รู้จริง ๆ ว่าข้อมูลมันรั่วได้ยังไง ฮินามิไม่น่าจะโพสต์ในโซเชียล โคอิซังก็ไม่น่าเหมือนกัน
แต่ว่าก็จริง นี่เป็นสิ่งที่มีแต่ผมที่ทำได้
วันเสาร์หน้าโคอิซังจะอยู่ข้างฮินามิ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ
ถ้าสตอล์กเกอร์ตัวใหญ่หรือแข็งแรงขึ้นมา ก็ป้องกันไม่ได้หรอก
นี่มัน…เป็นหน้าที่ที่ผู้ชายอย่างผมต้องทำ!
「รับทราบ ฝากฉันได้เลย ฉันจะตามพวกเธอสองคนเอง เพราะงั้นโคอิซังช่วยอยู่ข้างฮินามิตลอดด้วยนะ」
พอผมพูดแบบนั้น โคอิซังก็ยิ้มอย่างมีความสุข
จากนั้นเธอก็เอามือมาวางบนหัวผมแล้วลูบเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
「รู้แล้วว่านายต้องพูดแบบนี้แน่ ขอบคุณนะ」
「มะ ไม่เป็นไรหรอก ฮินามิเป็นเพื่อนสำคัญของฉัน ฉันอยากปกป้องเธอจริง ๆ」
「ดีแล้วล่ะ ฉันดีใจที่มีนายอยู่ด้วย」
ขณะที่ลูบหัวผมอยู่นั้น โคอิซังก็พูดประโยคสุดท้ายขึ้นมา
「ฝากด้วยนะ เจ้าน้องหมาของฉัน」
「เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ใครเป็นหมากันฟะ!?」
…แย่ล่ะ คนคนนี้ลูบหัวผมเพราะคิดว่าผมเป็นหมาจริง ๆ เรอะ!
เหมือนสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังคำสั่งเจ้านาย แล้วได้รางวัลเป็นการลูบหัวเลยนี่หว่า!
「ค-โคอิซัง เธอลูบหัวฉันเพราะคิดว่าฉันเป็นหมาใช่ไหม?」
「ใช่」
「ใช่⁉ ตอบทันควันเลยเรอะ!」
สุดท้าย โคอิซังก็มองผมเป็นแค่ข้ารับใช้หรือสัตว์เลี้ยงอยู่ดี…
ผมแอบรู้สึกเสียใจอยู่นิด ๆ แล้วโคอิซังก็หยุดลูบหัว แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้หูข้างขวาของผมเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
「แม้คนรอบตัวหรือฮินามิจะไม่รู้ แต่ฉันน่ะ รู้ดีว่านายพยายามมากแค่ไหน เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะ โอเคไหม?」
เธอกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา
ลมหายใจอ่อน ๆ และเสียงกระซิบของเธอทำให้ร่างกายผมร้อนวูบขึ้นมาในทันที ทั้งเขินและตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย
คะ คนคนนี้…
ตบหัวแล้วลูบหลังอีกแล้วเรอะ!
MANGA DISCUSSION