ตอนที่ 70 ชัยชนะย่อมเกิดแก่ผู้ที่เป็นตัวของตัวเองถึงที่สุด
หลังจากหู่ปรากฏตัวบนสนามรบ อัลเฟรดกับเซอร์เคย์ก็จำต้องหยุดมือเท้าและเปลี่ยนมาระแวดระวังเขาแทน
การโจมตีด้วยไนท์ ‘ตัด’ จากระยะไกลของเขาทำลายโอกาสปิดเกมของอัลเฟรด และเป็นการประกาศไปในตัวว่าสามารถเด็ดหัวเซอร์เคย์ได้ทุกเมื่อ
ซึ่งเซอร์เคย์เองก็ไม่ได้ไร้หัวคิด เขารู้ว่าหู่เป็นตัวตนที่มาเปลี่ยนกระแสสงครามให้เข้าสู่บทสรุปเร็วขึ้น
และตัวหู่เองย่อมรู้ดีกว่าใคร… ว่าตัวเองจะต้องตกเป็นเป้าของทั้งเซอร์เคย์และวลาดในทันทีที่ลงสนามแน่
…แม้ว่าคนที่รู้จะมีอยู่อีกหนึ่งคนก็เถอะ
‘ระวังตัวด้วยหู่ ไนท์ควบคุมแสงของเซอร์เคย์เป็นการโจมตีระยะไกลเหมือนนาย’
เสียงหญิงสาวดังมาจากหูฟังใต้หน้ากากของหู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากโหว ลิงสาวผู้เป็นโอเปอร์เรเตอร์ให้กับกลุ่มนักษัตร
เธออัพเดทสถานการณ์ให้ฟังอย่างเร่งรีบ น้ำเสียงร้อนรนของเธอส่งผ่านมาถึงหูฟังได้อย่างชัดเจน เพราะถ้าหู่ถูกไนท์อันร้ายกาจของเซอร์เคย์เล่นงานเข้าอีก ทุกอย่างจะจบเห่ทันที
‘แล้วอย่าลืมนะหู่ หน้าที่ของนายคือถ่วงเวลาวลาดเอาไว้ให้หลงกลับมาปิดฉากเท่านั้น ถ้ามีโอกาสก็ชิงจัดการเซอร์เคย์ก่อนได้ แต่ขอย้ำอีกครั้งว่าอย่าทำอะไรมุทะลุเด็ดขาด’
…ดูถูกกันน่าดูเลยนี่หนิงอัน
หู่ขมวดคิ้วแทบจะชนกัน ดูเหมือนการย้ำแผนจะกลายเป็นการย้ำแผลหู่ไปเสียแล้ว
แต่ที่น่าหงุดหงิดคือเขาเถียงไม่ออกว่าตัวเองไม่มีพลังพอจะเอาชนะศัตรูได้ จากการที่พ่ายแพ้ให้กับแองกริคราวน์ถึงสองครั้งสองคราจนเสียประวัติ
ความผิดพลาดพวกนั้นมันช่างเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรียิ่งนัก ทำเอาเส้นเลือดถึงกับปูดโปนเต็มหน้าผากของหู่
‘นายต้องรู้ว่าตอนไหนควรพอนะหลิ่งจิน ไม่งั้นสักวัน… นายจะตายเอานะ’
เสียงของหญิงสาวในความทรงจำฉุดรั้งเขาไว้ ก่อนที่หู่จะได้พุ่งเข้าไปด้วยความโกรธ
คำเตือนนั้นแทบไม่ต่างจากการย้ำแผนของโหวที่ทำเขาโกรธ ทว่าเสียงหวาน ๆ ที่เขาจำได้ชัดเจนนี้กลับทำให้รู้สึกอมยิ้มอย่างสองมาตรฐานแทน
ให้ตายสิ… ดันมานึกถึงในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ
หู่อยากจะสบถหัวเราะ เพราะตอนที่เธอยังอยู่เคียงข้างเขา คำเตือนของเธอมันช่างเหมาะเจาะกับสถานการณ์ยังกับเป็นคำทำนาย
พอมานึกดู… เวลาที่เธอเตือนอะไรร้าย ๆ มันก็เกิดขึ้นทุกทีเลยสินะ
สมกับเป็นแม่เฟยคนเก่งของผมจริง ๆ
…แต่ว่า ยกโทษให้ผมด้วย
เพราะผมปล่อยให้ตัวเองเป็นไอ้ขี้แพ้แบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอก!
ก็ถ้ายอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนี้… แล้วผมจะไปสู้หน้าเธอได้ยังไง!!!
สุดท้ายหู่ก็สะบัดความเป็นตัวเองไม่หลุด
มือทั้งสองข้างของเขาเงื้อขึ้น เป็นที่จับจ้องของทั้งเซอร์เคย์และอัลเฟรดจนพวกเขาต้องยกมือตั้งการ์ด
“ไปตายทั้งคู่นั่นแหละ!!!”
หู่สะบัดมือทั้งสองข้างเป็นแนวนอน เซอร์เคย์กับอัลเฟรดขนลุกซู่จนต้องก้มตัวหลบตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้นอากาศก็ถูกตัดแบ่งเป็นสองส่วนในชั่วพริบตา พลาดที่จะตัดหัวทั้งสองคนได้พร้อมกันอย่างน่าเสียดาย
“ชิ!”
เป็นเพราะเป็นผู้ครองดินแดนกับมีตราอัศวิน เลยทำให้ประสาทสัมผัสเฉียบคมขึ้นสินะ!
หู่อ่านสถานการณ์ใหม่ คิดว่าถ้าโจมตีไปแบบง่าย ๆ ทั้งสองคนจะต้องหลบได้อยู่ดีจากความสามารถพื้นฐานที่ต่างกัน
ถ้างั้น… ก็เพิ่มระดับความยากขึ้นก็พอ!!!
หู่ไม่ยอมแพ้แล้วเริ่มวาดมืออีกครั้ง ทำเซอร์เคย์กับอัลเฟรดกระโดดหลบไปด้านข้าง อากาศตรงนั้นถูกตัดเฉียงสองเส้น ฉิวเฉียดที่จะเก็บหัวทั้งสองคนอีกครั้ง
“อย่าดีแต่ปากสิเฮ้ย! เอาคำชมของข้าคืนมาเลยนะ!!!”
เห็นมุกเดิมซ้ำสอง เซอร์เคย์ก็ถึงกับหงุดหงิด
แต่เพราะเอาแรงที่เหลือไปใช้โดยไม่จำเป็นเขาถึงไม่ทันรู้ตัว ว่าอัลเฟรดได้ถีบพื้นพุ่งมาหาหลังจากหลบการตัดของหู่ทันที
“คุณเองก็พอกันนั่นแหละครับ!”
อัลเฟรดออกหมัดซ้ายใส่กลางลำตัวเซอร์เคย์ทันทีแบบไม่รีรอ แต่เซอร์เคย์ก็เหลือแรงพอจะหลบเบี่ยงหนีจุดสำคัญได้อยู่ หมัดของอัลเฟรดเลยโดนหัวไหล่ซ้ายเขาแทน
คิดว่าแค่นี้จะหลบพ้นเหรอ!
อัลเฟรดกางมือออกในจังหวะนั้น แล้วคลุมมือด้วยเลือดแปรเปลี่ยนเป็นดาบโลหิต ก่อนจะตวัดคมเข้าใส่คอของเซอร์เคย์ ทำเอาเจ้าตัวเหวอจนขนลุกซู่
“อย่าหวังเลย!”
แต่หู่ปฏิเสธการถูกแย่งชิงเหยื่อ เขาสร้างการตัดขึ้นตรงแขนของอัลเฟรดไปพร้อมกับตรงคอของเซอร์เคย์ เพื่อขัดจังหวะอัลเฟรดและฆ่าเซอร์เคย์ให้ได้ก่อน
“คุณต่างหาก อย่าหวัง!”
อัลเฟรดเองก็สัมผัสได้
แต่เขาไม่หลบอีกแล้ว… อัลเฟรดเปลี่ยนวิถีการโจมตีของมือมีดโลหิต ไปรับการตัดที่พุ่งใส่คอของเซอร์เคย์แทน ทำเอาแขนเสื้อของอัลเฟรดขาดกระจุย
แต่คมการตัดจากไนท์นั้นเฉือนไม่ทะลุผิว โลหิตแข็งที่คลุมแขนของอัลเฟรดป้องกันมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ หู่ไม่อาจรีดเลือดของอัลเฟรดได้เลยสักหยด
อัลเฟรดค่อย ๆ หันหน้ามาทางหู่อย่างใจเย็น ท่าทางไร้ความระแวงนั่นช่างน่าหงุดหงิดสำหรับหู่ยิ่งนัก
“ผมก็อุตส่าห์กลัวแทบแย่ ถ้ารู้ว่าบางเป็นกระดาษงี้ผมไม่น่าหลบเลย”
“…ว่าไงนะ แก!”
คำยั่วยุของอัลเฟรดได้ผลราวกับสาดน้ำร้อน ทำเอาหู่เลือดขึ้นหน้าจนถีบเท้าวิ่งเข้าหาอัลเฟรด
‘หยุดก่อน! ตั้งสติหน่อยจิน!!!’
โหวตะโกนเตือนจากในหูฟัง
ทว่าไม่ทันแล้ว… เสียงของใครก็ไม่อาจทานความโกรธของชายผู้ทระนงตนได้ หมัดของหู่พุ่งเข้าใส่กลางลำตัวของอัลเฟรดอย่างแรง
กระทั่งระยะของเขากับอัลเฟรดใกล้ชิดพอ จนได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ภายใต้หน้ากาก
“คุณนี่อ่านง่ายจริง ๆ”
“!!!?”
ความเจ็บปวดแล่นผ่านแผ่นหลังของหู่ในชั่วพริบตา ทำเอาหมัดของเขาถึงกับชะงัก
อะไรกันเนี่ย!?
หู่ใช้หางตาเหลียวหลัง เลยเพิ่งพบว่าตรงนั้นมีคมหอกแทงขึ้นมาจากพื้นแล้วฟันใส่หลังเขาเต็ม ๆ
นี่จะต้องเป็นกับดักของอัลเฟรดแน่
แต่รู้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะพริบตาที่หันกลับไปหาเจ้าตัวต้นเหตุ อัลเฟรดก็สะบัดมือหลังแหวนใส่ปลายคางของหู่เข้าเต็ม ๆ
“อั๊ก!!!”
ภาพตรงหน้าสั่นสะเทือนราวกับโลกหมุน หู่รีบปล่อยการตัดออกไปรอบ ๆ โดยสัญชาตญาณแม้ร่างกายจะค่อย ๆ ร่วงลงพื้น
เซอร์เคย์กระโดดหลบออกไปก่อน เหลือแต่อัลเฟรดที่ไม่รีบร้อนเพราะรู้อานุภาพของการตัดนี้แล้ว
ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเหรอครับ
เอาเถอะ จะยังไงก็———!!!?
อัลเฟรดสัมผัสถึงความผิดปกติจนหลุดสะดุ้ง ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากความรู้สึกเนื้อถูกเฉือนที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
เขาจึงรีบถอยหลบไปอีกทางตรงข้ามกับเซอร์เคย์
พลังทำลายเพิ่มขึ้นเมื่อใกล้กับเป้าหมาย …นี่คือเหตุผลที่เข้าประชิดสินะ
อัลเฟรดมองแผลที่แขนเป็นรอยถูกบาด
แม้ไม่ลึกมาก แต่สำหรับแวมไพร์สายเลือดแท้แถมยังถือครองตราราชันย์ การตัดนี้นับว่าเป็นพลังทำลายที่ไม่ควรประมาทเลย
แต่รู้แล้วมันก็เท่านั้น… เพราะตอนนี้คุณก็ทำได้แค่นอนต่อไปอย่างนั้นแหละ
อัลเฟรดไม่คิดเข้าประชิดหู่อีก และเดินจากไปสู่เป้าหมายเดิมอย่างเซอร์เคย์
ส่วนหู่ที่นอนล้มคว่ำไปกับพื้นก็ได้แต่กำซากหินและดินตรงนั้น ตัวเขาแทบไม่ต่างอะไรกับทางผ่านของอัลเฟรด เป็นดั่งดินทรายอันไร้ความหมายในมือของเขาเองนั่น
“เดี๋ยว… ก่อน…”
หู่ส่งเสียงอย่างแหบกร้านไร้เรี่ยวแรง ไม่มีกระทั่งพลังจะเค้นความไม่พอใจในอกนี้ออกมาด้วยซ้ำ
น่าสมเพชเกินไปแล้ว… นี่เราแพ้อีกแล้วเหรอ?
เป็นเพราะไอ้ศักดิ์ศรีนี่นะเหรอ? นี่จะบอกว่าผมแพ้เพราะอีโก้นี่น่ะเหรอ!?
เป็นเพราะเกลียดความพ่ายแพ้… ก็เลยพาตัวเองให้มีจุดจบแบบนี้น่ะเหรอ!?
หู่… จินก่นด่าตัวเองผู้โง่เขลาเกินกว่าจะเลือกทางที่ดีกว่านี้
ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้ เขาคงจะฉวยโอกาสก่อนหน้านี้บั่นหัวเซอร์เคย์แทนที่จะเป็นอัลเฟรด
ไม่สิ… ตั้งแต่การโจมตีแรกในเงามืด หากเขาเล็งเซอร์เคย์แทนที่จะเป็นอัลเฟรด เขาอาจปิดฉากสงครามไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้
เป็นเพราะทิฐินี้ที่ทำให้เขาตัดสินใจพลาด เป็นเพราะทิฐินี้ที่จำกัดทางเลือก
และเป็นเพราะทิฐินี้ เพียงเพราะไม่ใช่วิธีที่ปรารถนา เขาถึงไม่ยอมคว้าชัยชนะเมื่อมีโอกาส …เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรจึงได้พ่ายแพ้อยู่ร่ำไป
แล้วทุกครั้งที่พลาด ก็ต้องถามตัวเองอยู่ซ้ำ ๆ ว่าทำไมถึงไม่ยอมทิ้งมันไปเสีย ชัยชนะจะได้ตกถึงท้องเสียที หรือจะต้องหิวโหยจนตายก่อนหรืออย่างไร?
…แต่เขาจะทำได้อย่างไร
ก็ในเมื่อทุกครั้งที่พยายามทิ้งทิฐินี้ไป ภาพของเธอคนนั้นก็ผ่านเข้ามาในหัวทุกที
กับเธอคนนั้นที่พยายามเป็นตัวของตัวเองจนถึงที่สุด …หากเขาหนีจากตัวเอง เขาจะกล้ายืนอยู่เคียงข้างเธอคนนั้นได้อย่างไร
ก็จริงที่หากเขาไม่ชนะ เขาก็จะไม่สามารถช่วยเธอคนนั้นได้
แต่หากชนะด้วยวิธีการอันไม่น่าภาคภูมิ เขาก็กลัวเกินกว่าจะเจอเธออีกครั้ง
ความขัดแย้งนั้นตีอยู่ในหัวจนปวดประสาท ไม่อาจเลือกได้เลยว่าทางไหนคือสิ่งถูก
หรือเพราะไม่คว้าทางใดมาแต่แรก ผลลัพธ์อันน่าสมเพชนี้จึงได้เกิดแก่เขา
หรือผลลัพธ์อันน่าสมเพชนี้… จะเป็นผลอันสมควรแล้วกับคนครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างเขากันแน่
เฟย… ผมน่ะ———
❖❖❖❖❖
ตัวผม… โจว หลิ่งจิน
เป็นแค่เด็กธรรมดาที่เกิดในประเทศฉิน
ผมโตมาในตระกูลธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ร่ำรวยหรือว่ายากจน
อันที่จริง… ไม่ว่าจะเป็นการเรียน กีฬาหรือว่าอะไร ผมก็อยู่ระดับกลาง ๆ อยู่ตลอด
อย่างเดียวที่พอมีดีอยู่บ้างคือไนท์ที่ได้มาแต่กำเนิดอย่าง ‘การตัด’
แต่ในโลกยุคนี้ที่ไม่มีสงคราม พลังแบบนี้มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเท่าไหร่กับการทำงาน เพราะงั้นสุดท้าย มันก็เป็นพลังครึ่ง ๆ กลาง ๆ อยู่ดี
ใช่… ตัวผมมันเป็นคนที่ไม่ได้มีอะไรดีเด่หรือโดดเด่นเลยสักอย่าง
แต่พริบตาที่รู้ความจริงข้อนี้ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดและรับไม่ได้สุด ๆ
นี่ผมจะเกิดมาเป็นคนธรรมดา แล้วก็ตายไปแบบธรรมดาอย่างนี้น่ะเหรอ? เป็นแค่ก้อนกรวดตามรายทางที่หายไปก็ไม่มีใครรู้แบบนี้น่ะเหรอ?
ยอมไม่ได้… เรื่องแบบนั้นยอมไม่ได้เด็ดขาด!
พอคิดแบบนั้นผมถึงเริ่มทำอะไรสักอย่าง แต่คนธรรมดาอย่างผมก็คิดอะไรไม่ออกหรอกนอกจากเริ่มทำธุรกิจ
ตอนแรกมันลำบากก็จริง เพราะถูกพวกเจ้าถิ่นมาเก็บค่าคุ้มครอง ไม่อยากเชื่อว่ายุคสมัยนี้ยังมีอะไรอย่างนี้
คนละแวกนี้เขากลัวมันกันหมด เพราะเห็นว่าเป็นแก๊งใหญ่ระดับประเทศที่มีตำรวจหนุนหลังด้วย
แต่ผมยอมไม่ได้กับอะไรไร้เหตุผลอย่างนี้ถึงได้ปฏิเสธ
ถ้าผมเป็นคนที่ยอมอะไรแบบนั้นได้… ผมคงจะยอมใช้ชีวิตอยู่อย่างเฉื่อยชาและตายไปแบบคนธรรมดาแล้ว
ผมก็เลยต่อต้านมัน แล้วเป็นไงต่อน่ะเหรอ? พวกมันก็เข้ามาพังร้านของผมน่ะสิ
แต่โชคดีไปที่ผมมีไนท์ แค่ตัดเสาไฟฟ้าขู่ พวกมันก็ขี้หดตดหายหนีหางจุกตูดไปแล้ว
หลังจากนั้นผมก็โด่งดังขึ้นมาในละแวก แล้วก็ได้ใจ เลยว่าจะจัดการพวกมันถ้ามาเก็บเงินร้านในย่านนี้ด้วยเลย
แต่ผิดคาด… พวกพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่นดันปฏิเสธผม แล้วก็เริ่มเย็นชาใส่ทำเป็นไม่รู้จักกันเฉยเลย
คงกลัวว่าจะโดนหางเลขไปด้วยนั่นแหละ เรื่องที่ไม่อยากตกอยู่ในอันตรายไปด้วยก็เข้าใจได้อยู่
แต่เทียบกับตอนแรกที่เอาของฝากไปให้ก็ยิ้มแย้มกลับมาอย่างเป็นกันเอง ตอนนี้แค่เดินผ่านร้านยังโดนไล่เลย
ความกลัวมันเปลี่ยนคนเราได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
ในตอนนั้นผมเองก็สงสัยเหมือนกัน… ว่าทำไมคนธรรมดาอย่างผมถึงได้กล้าทำอะไรเสี่ยง ๆ อย่างนั้น ทั้งที่คนอื่นไม่กล้า
แถมคนพวกนี้ก็น่าจะเป็นคนธรรมดาเหมือนผมแท้ ๆ ทำไมถึงมีแต่ผมที่กล้าเผชิญหน้ากับความไร้เหตุผลนี้
แต่คำตอบมันก็ง่ายมาก ๆ… นั่นเพราะผมไม่ธรรมดามาแต่แรกแล้วยังไงล่ะ!
ผมก็แค่เกิดมาและมีคุณสมบัติของคนธรรมดาเฉย ๆ
แต่จริง ๆ แล้วศักยภาพของผม สามารถเป็นคนที่พิเศษกว่าใครได้!
ผมเริ่มใช้ชีวิตโดยเชื่อมั่นในตัวเองอย่างนั้นจนธุรกิจเติบโต ขยายสาขาจากหนึ่งเป็นสิบในเวลาไม่ถึงปี
ก็จริงที่ยังถูกเจ้าพวกนั้นรังควาญอยู่ แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีใครจะยัดเยียดอะไรไร้เหตุผลให้ผมได้ ไม่มีใครจะกดหัวผมให้ต่ำกว่าแล้วคิดว่าเป็นคนธรรมดาอีกแล้ว…
เวลาผ่านไปโดยที่ผมยึดถือวิธีการใช้ชีวิตแบบนี้
แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึง …โดยไม่ทันตั้งตัว
วันนั้นมันก็แค่วันธรรมดาวันนึง ที่มีแม่ค้ามาเปิดร้านค้าใหม่ในย่านการค้าใกล้ ๆ
แต่ที่เตะตา มันคงเป็นเพราะเธอมาเปิดร้านใกล้ ๆ สาขาแรกของผม และเป็นเด็กสาวที่อายุพอ ๆ กัน
…นอกจากนี้ เธอก็งดงามด้วย
เธอชื่อเฟย เป็นคนอัธยาศัยดีมาก …ก็มากถึงขนาดที่มาทักทายผมและญาติดีด้วยโดยไม่กลัวนี่แหละ
ตอนแรกผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ายัยนี่น่าจะไม่รู้อะไร
แต่ไม่ใช่เลย ยัยนี่เพี้ยนของแท้ต่างหาก!
เพราะหลังจากที่กลุ่มเจ้าถิ่นมาเก็บค่าคุ้มครองร้าน ยัยนี่ก็หยิบท่อแป๊ปออกไปจัดการเจ้าพวกนั้นเรียงตัวเลย ทั้งที่อ่อนแอไม่มีพลังเหมือนผมแท้ ๆ
แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ เธอจัดการพวกมันไม่ได้
ผมทนไม่ไหวก็เลยเข้าไปช่วย จนพวกมันหนีหางจุกตูดไปอีกรอบ
ก็ไม่ใช่ว่าอยากได้คำขอบคุณหรอกนะ อันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วด้วยว่าจะถูกปฏิเสธความช่วยเหลือเหมือนแม่ค้าคนอื่น
ไม่สิ… กับคนแข็งกร้าวอย่างยัยนี่ อาจจะถูกบอกว่า ‘ไม่มีใครบอกให้มาช่วยสักหน่อย!’ ก็ได้เหมือนกัน
แต่ว่า ไม่ใช่…
“ขอบคุณนะ! สุดยอดไปเลยนะนายเนี่ย!”
ยัยนั่น… เฟยยิ้มร่าขอบคุณโดยที่ไม่ได้หวาดกลัวผมเหมือนกับคนอื่น ๆ ยอมรับการกระทำของผมราวกับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก
ผมเข้าใจเธอได้ตั้งแต่วินาทีนั้นเลย
อา… เธอเป็นคนประเภทเดียวกับผมนี่เอง
เป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ไม่ยอมรับการกระทำอันไร้เหตุผลและลดทอนคุณค่าของตัวเองจากคนอื่น
เป็นพวกหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี… ยอมหักไม่ยอมงอเหมือนกันนี่เอง
พอรู้แบบนั้นมันก็ดีใจอย่างน่าประหลาด
ถึงจะเคยคิดว่าตัวเองพิเศษจนรู้สึกว่าอยู่คนเดียวเป็นเรื่องปกติก็เถอะ แต่ยังไงซะคนที่ไม่ธรรมดามันก็ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวอยู่แล้ว
เพราะงั้น… ถ้าจะมีใครสักคนที่เข้าใจกัน มันก็คงไม่เลวนักหรอก
และบางทีเฟยคงคิดเหมือนกัน พวกเราถึงได้สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วตอนที่ผมรู้ว่าเธอยังไม่มีแฟน ความรู้สึกดีใจราวกับจะกระโดดโลดเต้นก็เกิดขึ้น …มันทำให้ผมรู้ว่าได้ตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
หลังจากนั้นก็ …ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน แต่ผมก็เริ่มจีบเฟย
ให้ดอกไม้ ไปทานมื้อค่ำ และไปเที่ยว ผมทำทุกอย่างที่จินตนาการไม่ออกเลยว่าคิดจะทำมาก่อน
กระทั่งวันนึง… ตอนเราไปเดทดูดาวในป่าด้วยกัน ผมก็ถามเฟยว่า
“เธอรู้ใช่ไหมว่าผมตามหาความพิเศษมาตลอด เพราะไม่อยากเป็นคนธรรมดา อันที่จริง ที่พยายามมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะกลัวจะกลายเป็นคนไร้ค่าแบบนั้นนี่แหละ”
แล้วเฟยก็ตอบว่า “รู้สิ” แต่ด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ
เธอบอกว่า “แต่คิดแบบนั้นมันน่าเศร้านะ แถมเหนื่อยด้วย”
แล้วเธอยังบอกอีกว่า “ต้องคอยมากังวลสายตาคนอื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็ไม่เห็นต้องพิสูจน์คุณค่ากับใครเลย เราทุกคนมีค่าเหมือนกันหมดนั่นแหละ!”
เธอพยายามมองเข้ามาในตาผม เหมือนไม่อยากให้ผมไล่ตามผีที่ไม่มีอยู่จริงในสายตาเธอ
แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าผมเลิกตามหามันมาได้สักพักแล้ว ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าทิฐิพวกนี้จะหายไปง่ายขนาดนี้
ไม่สิ… อันที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้น นั่นเป็นเพราะผมถูกเติมเต็มจนไม่ต้องไปหาที่อื่นมากกว่า
และนั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องทำให้เฟยรู้
“ผมเองก็ยังมีเรื่องที่ยอมไม่ได้อยู่ แต่ตอนนี้คิดว่าถึงตายไปแบบไม่มีใครรู้จักก็ไม่เป็นไรแล้ว” ผมพูดอย่างนั้นเฟยก็ตกใจ ไม่รู้ในแววตาเธอเศร้าเพราะรู้สึกผิดรึเปล่า
แต่เธอเข้าใจผิดถนัด นั่นเพราะ…
“ผมไม่อยากให้ใครรู้สึกว่าผมพิเศษอีกแล้ว… นอกจากเธอ เฟย”
ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านั้น ผมพูดแค่นั้นแก้มเธอก็แดงแป้ดขึ้นมาเลย
เคยเห็นมาหลายครั้งก็จริง แต่ผมรู้เลยว่าครั้งนี้มันมากกว่าทุกที
…ก็แน่ล่ะ ผมสารภาพรักเธอนี่นา
และแน่นอน เธอไม่ปฏิเสธ …อันที่จริง เธอก็กำลังคิดเหมือนกันแต่ผมดันเป็นฝ่ายบอกก่อนด้วยซ้ำ
พวกเราเลยเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนนั้น
นับเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต เคยคิดเสมอว่าพวกที่บอกว่าโลกนี้จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อพบรักมันเพ้อเจอ
…จนได้เจอกับตัวนี่แหละถึงรู้ว่าจริง
มันคือช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่าพิเศษ และการได้รับความรักจากเธอทำให้ผมรู้เลยว่าเกิดมาทำไม
ถึงผมจะยังติดนิสัยที่ยอมบางอย่างไม่ได้อยู่เหมือนเดิม แต่เรื่องนั้นเฟยเองก็เหมือนกัน
ก็ไม่ถึงขนาดจะเรียกตัวเองว่าคนดีหรือผู้ผดุงธรรมหรอก แต่เวลามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เช่นว่าเจ้าพวกเจ้าถิ่นไปก่อกวนร้านเปิดใหม่ที่ไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง ผมก็ไปปราบมัน
เฟยเองก็เห็นด้วย ถึงกับพูดว่า “อย่าไปยอมมัน!” ด้วย …อันที่จริง เธอยังถือท่อแป๊ปตามผมไปด้วยกันอยู่เลย (ถึงผมจะเป็นคนจัดการทั้งหมดอยู่ดีก็เถอะ)
“ถึงนายจะบอกว่าไม่อยากเป็นคนพิเศษแล้วก็เถอะ แต่การได้เป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ แถมมันก็เป็นสิ่งดีด้วย แบบนี้ฉันว่ามันพิเศษที่สุดแล้วล่ะ!”
เฟยว่าอย่างนั้น เข้าข้างผมอย่างที่สุดเลยเชียว
…พอมานึกดู
อาจเพราะคำพูดนั่น ผมเลยได้ใจ
ไม่สิ… เป็นเพราะทิฐิของผมเองมากกว่า ไม่ใช่เพราะเฟยเลยสักนิด
วันนั้นมันก็แค่วันธรรมดาวันนึง ที่ผมได้ยินข่าวว่าหัวใหญ่ของเจ้าถิ่นสั่งคนไปก่อกวนร้านผมที่สาขาไกลออกไป
ได้ยินว่าพวกมันทำร้ายพนักงานของผมด้วย ผมเลยรู้สึกยอมไม่ได้
แต่ดูเหมือนผมจะโกรธไปหน่อย จนหลุดพูดว่าจะไปจัดการแก๊งนี้มันทั้งแก๊ง ปัญหาจะได้จบสักที
“นายต้องรู้ว่าตอนไหนควรพอนะหลิ่งจิน ไม่งั้นสักวัน… นายจะตายเอานะ” เฟยเตือนผมว่าอย่างนั้น
ก็แน่ล่ะ นั่นมันหน้าที่ตำรวจ ขืนผมทำคงเป็นจุดจบของผมแน่
แต่ผมก็ยังไปที่นั่นเพื่อล้างแค้นให้พวกพนักงาน ทั้งที่จริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องเก็บกวาดให้สะอาดขนาดนั้นเลย
…แล้วตอนที่ผมกลับมา บ้านของพวกเราก็เละเทะจนหมด
ผมเข้าไปในบ้าน เห็นพวกพ่อบ้านแม่บ้านที่ร้องโอดโดย
แต่ที่หนักที่สุด คือเฟยที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น ร่างกายฟกช้ำหลายจุด และที่เจ็บปวดที่สุดคือรอยยุบบนหัวเธอที่ทำเอาผมคลั่ง!
พวกเรารีบพาเธอส่งโรงพยาบาล แต่เธอมีอาการบาดเจ็บที่สมองส่วนหน้า
โอกาสที่จะฟื้นริบหรี่ แม้ต่อให้ฟื้นก็จะใช้ชีวิตปกติไม่ได้อยู่ดี
ทุกอย่างเป็นการจัดฉาก… พวกมันล่อให้ผมไปที่อื่นเพื่อที่จะเล่นงานเธอ ใช้งานทิฐิที่ผมควบคุมไม่ได้ให้ไปจากเธอ
แต่ตอนนั้นผมกลับคิดอีกอย่าง นั่นคือผมใช้ทิฐิของตัวเองไม่มากพอต่างหาก พวกนั้นมันถึงกล้าลงมือหนักขึ้นเรื่อย ๆ!
เป็นเพราะผมปล่อยให้พวกมันลอยนวล ผมถึงต้องเสียหัวใจของผมไป
ถ้าผมจัดการพวกมันโดยที่ไม่ต้องสนกฎหมาย พวกมันคงไม่มีปัญญามาแตะต้องเฟยแน่ คิดแบบนั้นก็ยิ่งฉุนขาด!
แต่… ที่หงุดหงิดที่สุด ก็คือตัวผมเองที่ปล่อยให้มันกลายเป็นแบบนี้นี่แหละ!
ผมจะไม่รอกฎหมายหรือเวรกรรมแล้ว… ผมจะจัดการพวกมันแม้จะสายไปแล้ว
ผมไล่จัดการแก๊งนี้จากสาขาเล็กไปสาขาใหญ่ ครบทุกมณฑลจนหัวหน้ามันต้องหนีหัวซุกหัวซุน
พอผมรู้ว่ามันมีแก๊งใต้อาณัติ ผมก็ไปจัดการมันต่ออีก
เรื่องน่าตลกคือ ผมสาวไปถึงเหล่าตำรวจที่คอยเป็นมือเท้าให้พวกมัน ผมเลยจัดการพวกมันทุกตัวไปด้วยเลย
ผมไปได้ไม่ไกลหรอก… ถึงจะจัดการมันได้หมดก็เถอะ แต่สุดท้ายผมก็โดนจับ …ยอมให้พวกมันจับ
อาจเพราะจัดการพวกที่เกี่ยวข้องหมดแล้วเลยหมดกะใจก็ได้
แต่ยิ่งเห็นว่ามีพวกเลวที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่อีกเยอะแค่ไหนผมก็เริ่มเหนื่อย เพราะต่อให้จัดการไปมากแค่ไหน พวกเลว ๆ ก็ผุดเพิ่มเป็นดอกเห็ดอยู่ดี
สิ่งที่ผมกับเฟยเชื่อมั่นมันไม่มีอยู่หรอก
ถ้าผมรู้ว่าการเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นตัวของตัวเองและยืนหยัดเพื่อมันจะต้องแลกกับเธอ ผมคงทิ้งมันไปนานแล้ว
ต่อให้มัน… เป็นสิ่งที่ทำให้เราเจอกันก็ตาม
…แต่ใครจะรู้
หลังจากที่ผมก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้น ผมกลับถูกขังคุกแค่วันเดียวเอง
ผมรู้ได้เลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ และยิ่งมั่นใจเมื่อได้เห็นว่าใครเป็นคนปล่อยผมออกมา
เธอเป็นเด็กผู้หญิงร่างเล็กบาง ผมสีดำสูงส่ง …ก็แน่ล่ะ เธอคือเจ้าหญิงของประเทศนี้ที่ควรจะตายไปแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่นา
เธอมาหาผมเพราะถูกใจในสิ่งที่ผมทำ และเพราะเหตุผลเดียวกัน เธอเลยพาเฟยเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศ
เธอยื่นข้อเสนอให้ผม ซึ่งนั่นเป็นอิสระกับเรื่องที่ช่วยเฟย ถึงผมไม่รับข้อเสนอ แต่เธอก็ยังจะรักษาเฟยให้ฟรีตลอดชีวิตอยู่ดี
แต่ข้อเสนอของเธอ… ข้อเสนอของท่านชงหยวนมันไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้เลย
“ตอนนี้โลกเรากำลังมีสงครามในเงามืดเพื่อกำหนดราชาของโลกใบใหม่อยู่
ถ้าฉันชนะ ฉันจะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้เป็นแบบรวมศูนย์ ฉันจะเป็นผู้ปกครองที่ทำให้ทุกคนได้รับในสิ่งที่สมควรได้รับ และเรื่องโหดร้ายที่เธอกับเฟยได้พบเจอมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม”
ท่านชงหยวนว่ามาแบบนั้น…
สงครามเหรอ? การเปลี่ยนโลก? เรื่องแบบนั้นมันมีอยู่แต่ในนิยายแฟนตาซีเท่านั้นแหละ
แต่ว่า… ถ้าเรื่องเหล่านั้นมีจริง…
ถ้าสามารถสร้างโลกที่ผมกับเฟยอยู่ได้ สามารถภูมิใจกับความถูกต้องที่ตัวเองยึดถือ และใช้ชีวิตโดยที่จะไม่ถูกใครรังควาญอีกต่อไปได้
ถ้าผมสร้างโลกแบบนั้นให้กับเฟยได้… มันจะดีแค่ไหนกันนะ?
แต่ว่า… ความฝันมันก็เป็นแค่ความฝัน
ถึงจะพยายามใช้ชีวิตอย่างถูกต้องในแบบของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยังต้องพ่ายแพ้ แล้วก็ล้มหน้าคว่ำอยู่ตรงนี้
แม้แต่คำสั่งเล็ก ๆ ที่ให้ถ่วงเวลา เรายังยอมให้ตัวเองเล่นสกปรกไม่ได้จนต้องมานอนกองอยู่กับพื้นอย่างน่าสมเพชแบบนี้!
ทำไมถึงไม่เรียนรู้สักที… ว่าต่อให้เป็นตัวของตัวเองไปมันก็ไม่ได้อะไร
ก็เพราะถือทิฐิแบบนั้นถึงต้องเสียเฟยไป แค่นั้นมันยังไม่ชัดเจนอีกรึไง?
ถึงเฟยฟื้นขึ้นมา เธอก็คงจะยิ้มแล้วบอกว่า “เธอน่ะทำถูกแล้ว จิน” แต่นั่นมันคุ้มค่าที่ไหนกัน!?
มือของจินเริ่มหมดแรงจะต่อต้าน ก้อนหินในมือที่เคยทลายได้อย่างง่ายดายกลับไร้ซึ่งพลังจะกำทำลาย ราวกับถูกโลกใบนี้ช่วงชิงแรงกายไปจนหมดสิ้น
ผมควรจะพอแล้ว… ควรจะพอได้ตั้งนานแล้ว
ทั่วทั้งกายจินรู้สึกอ่อนล้าไปจนถึงสมอง ภาพที่เห็นอัลเฟรดกำลังย่ำกรายเข้าหาเซอร์เคย์ก็ค่อย ๆ พร่ามัวขึ้น พร้อมสติที่กำลังจะดับวูบลงตามกำลังใจ
‘อย่าไปยอมมัน!’
“!!!?”
เสียงจากความทรงจำแทบทำเอาจินสะดุ้ง ภาพของเฟยแวบเข้ามาในหัวพร้อมกันยังกับเธอเฝ้ามองดูเขาอยู่
และชั่วพริบตาที่คิดแบบนั้น แผ่นหลังของจินก็สั่นสะท้านด้วยความสังเวชใจต่อตัวเอง
การที่เขาถูกอัดจนสลบอยู่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกอับอาย ต่อให้พ่ายแพ้หรือตกต่ำเขาก็จินตนาการภาพไม่ออกด้วยว่าเฟยจะไปจากเขา
การพ่ายแพ้จึงไม่ได้น่าสมเพชเลยสักนิด ไม่เคยเป็นด้วย …แต่การที่ไม่ได้เป็นสิ่งที่อยากจะเป็นจนถึงที่สุดต่างหากที่ทำให้รู้สึกอับอาย
หากตายไปตอนนี้แล้วพบหน้าเฟยเข้าในอนาคตกาล เขาจะกล้าสู้หน้าเธอได้อย่างไร
“ถึงนายจะบอกว่าไม่อยากเป็นคนพิเศษแล้วก็เถอะ แต่การได้เป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ แถมมันก็เป็นสิ่งดีด้วย แบบนี้ฉันว่ามันพิเศษที่สุดแล้วล่ะ!”
กับหญิงสาวที่เขารักที่สุด เธอพูดชื่นชมเขาแบบนั้นด้วยรอยยิ้มสดใสที่สุดที่เคยพบในชีวิต
การเลิกเป็นคนที่เธอเชื่อมั่น มันจะต่างอะไรกับการทำลายดวงใจของเธอไปด้วยเล่า
ให้ตายสิ… ผมนี่มันอ่อนแอจริง ๆ
ขนาดคำพูดของคนที่รักยังลืมไปซะได้
จินรู้สึกสมเพชตัวเองจนปวดร้าวในอก ความรู้สึกนี้เป็นแบบเดียวกับตอนที่พบว่าดวงใจของเขาถูกทุบตีจนหมดสภาพ
นึกย้อนกลับไป… ภาพเฟยที่นอนสลบอยู่บนพื้น ในมือของเธอยังกำท่อแป๊ปตัวเก่งไม่ยอมปล่อยเลยด้วยซ้ำ
กระทั่งหมดสภาพก็ยังไม่ยอมแพ้ กระทั่งสิ้นสติไปแล้วเธอยังไม่หยุดที่จะเป็นตัวของตัวเอง
แล้วคนที่เธอหลงรักจนฝากหัวใจไว้ให้ จะเลือกเดินเส้นทางที่ต่างไปจากเธอได้อย่างไร
คิดแบบนั้นร่างที่ไร้เรี่ยวแรงก็ไม่อาจปล่อยให้หยุดนิ่งได้
มือทั้งสองที่ได้แต่แพ้ซ้ำซากก็ไม่อาจหยุดเคลื่อนแม้จะรู้ว่าจุดจบเป็นอย่างไร
ถึงจะแพ้… ถึงจะตายก็ไม่เป็นไร…
ขนาดคนเก่งของผมยังไม่ยอมแพ้จนถึงที่สุด
…แล้วคนที่เป็นสามีอย่างผม จะยอมแพ้ไปก่อนได้ยังไง!
แรงแขนอันน้อยนิดถูกดันเพื่อยกร่างขึ้นแม้จะสั่นเทา ขาที่ยังควบคุมได้ไม่เต็มที่ก็พยายามยั้งส่งตัวจนยืนขึ้นมาได้
“…โกหกใช่ไหมครับเนี่ย”
อัลเฟรดแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มือเขากระแทกปลายคางของหู่เข้าเต็ม ๆ ซึ่งนั่นควรจะทำให้หมดสติไปทันทีด้วยซ้ำ
หู่เป็นแค่มนุษย์ที่มีไนท์… การลุกขึ้นมายืนได้หลังจากถูกแวมไพร์สายเลือดแท้ทำให้สมองกระทบกระเทือนมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้น
เซอร์เคย์เห็นก็ถึงกับขนลุกซู่ไปด้วย
“ฮะฮะฮ่า!!! นี่สิจิตวิญญาณที่ข้าอยากจะเห็น! ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้ามีของ เจ้าเสือ!!!”
ในกายของเซอร์เคย์เกิดความระทึกพอกับครั้งของหลงทำเอาเนื้อเต้น แม้ว่าลมหายใจจะบางเบาตามพลังชีวิตที่ใกล้จะมอดดับเต็มที
แต่หากคู่ต่อสู้คนสุดท้ายคือผู้ที่ฝืนชะตาลิขิตได้ เขาก็พร้อมจะตายเพื่อให้แผ่นจารึกบนหลุมศพมันทรงเกียรติ
“เข้ามาเลย!!!”
เซอร์เคย์ผายมือออกยอมรับชะตา โดยมีหู่ประจันหน้าและวลาดประกบหลัง
เห็นร่างกายฝืนสังขารของเซอร์เคย์จนตัวสั่นไม่ต่างกับตน หู่รวมถึงอัลเฟรดรับรู้โดยสัญชาตญาณว่านี้จะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้าย
และผู้ที่ได้รับชัยชนะ คือผู้ที่ไปถึงตัวของเซอร์เคย์ก่อน
แต่นั่นก็ช่างยากเหลือแสนสำหรับคนที่แค่ยืนขึ้นมาได้ก็เต็มกลืน ภาพที่เห็นก็ช่างเลือนรางเหลือเกิน
บ้าเอ้ย! หัวยังเบลอเพราะหมัดของไอ้วลาดอยู่เลย
แบบนี้ใช้การตัดระยะไกลไม่โดนแน่
งั้นก็เหลือแค่ทางเดียว… คือต้องเข้าไปใกล้ให้มากที่สุด!
หู่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบพื้นเพื่อร่นระยะสิบเมตรในพริบตา
มือเขายื่นออกไปหาเซอร์เคย์ที่กำลังพร้อมรับความตาย ทำอัลเฟรดขมวดคิ้วแน่นเพราะรู้เองกับตัวว่าพลังของหู่มันรุนแรงขนาดไหนหากใช้ในระยะประชิด
“ฝันไปเถอะครับ!”
อัลเฟรดไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสคว้าชัย เขาเปลี่ยนโลหิตที่ไหลจากกายทั้งหมดเป็นหอกหนามจำนวนหลายสิบแท่ง แล้วสั่งให้พวกมันพุ่งใส่แผ่นหลังของเซอร์เคย์
ทว่าหู่ก็ลดระยะห่างของตัวเองในพริบตาเช่นกัน ต่อให้หอกเลือดพวกนั้นจะถึงตัวเซอร์เคย์ก่อนแต่เขาจะไม่ตายทันที หู่จึงยังคงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ปิดฉาก
…กระทั่งอัลเฟรดแย้มยิ้มใต้หน้ากากอีกครา
“ซะที่ไหนล่ะครับ”
“!!!?”
สิ้นน้ำเสียงเก็บหัวเราะของอัลเฟรด หอกที่พุ่งเข้าใส่หลังเซอร์เคย์ก็กลับเบนออกอ้อมตัวเขาไปแทน แล้วจากนั้นมันก็วกกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม
…ราวกับหลบเลี่ยงเซอร์เคย์ไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงอย่างหู่ หอกจำนวนหลายสิบเล่มที่พุ่งเข้ามาทำเอาหนาวไปถึงไขกระดูก เพราะหู่ไม่ได้เก็บแรงไว้หลบเลยนอกจากเพื่อพุ่งไปข้างหน้า
อัลเฟรดรู้เช่นนั้นจึงยิ้มอย่างผู้กำชัย
ผมไม่ปล่อยให้คุณมีโอกาสเข้าใกล้ได้หรอกครับ
ผมจะจัดการคุณที่กำลังอ่อนแอก่อน แล้วก็ต่อด้วยเซอร์เคย์ทีหลัง
นี่แหละยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตั———
“อย่าไปยอมมัน!”
แต่หู่กลับตะโกนสู้ และถีบพื้นฝ่าเข้าป่าหนามอย่างไร้ความเกรงกลัว แม้หอกจำนวนสิบกว่าเล่มทิ่มแทงเฉือนร่าง หู่ก็ไม่ยอมหยุดเท้าแถมฝ่าเข้าไปเร็วแรงขึ้นอีก
“โอ้วววววว”
ความเจ็บปวดทั่วร่างถูกเปลี่ยนเป็นเสียงตะโกนไม่ให้เท้าหยุดนิ่ง กัดกลืนความเจ็บปวดทั้งหมดเป็นเสียงและส่งเป็นพลังแทน
หู่ส่งแรงถีบเฮือกสุดท้าย จนมือขวาเข้าไปแตะกลางลำตัวของเซอร์เคย์ได้สำเร็จ
เซอร์เคย์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง การดิ้นรนของหู่ทำเขายิ้มได้ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต
คงมีแต่คนแบบเดียวกันที่จะเข้าใจ ว่าการใช้ชีวิตในแบบของตัวเองจนถึงที่สุดมันรู้สึกดีแค่ไหน ต่อให้ต้องตายก็คุ้มค่า
“สุดยอดไปเลยนะ เจ้าเนี่ย”
เซอร์เคย์เผยรอยยิ้มสุดท้าย ทว่าด้วยคำพูดที่ดูคุ้นหูถนัด จินรู้สึกราวกับน้ำเสียงของเฟยในวันแรกที่เจอกันได้ซ้อนทับเข้ามา
“อา…”
จินยิ้มใต้หน้ากาก ได้คำตอบต่อความสงสัยว่าเขาเป็นตัวของตัวเองถึงที่สุดหรือไม่
…ก่อนจะแผลงพลังการตัดในระยะประชิด ผ่าร่างของเซอร์เคย์จนขาดเป็นสองส่วน
❖❖❖❖❖
Chapters
Comments
- ตอนที่ 70 ชัยชนะย่อมเกิดแก่ผู้ที่เป็นตัวของตัวเองถึงที่สุด 2 วัน ago
- ตอนที่ 69 มังกรหนุ่ม อย่างไรก็เป็นมังกร 2 วัน ago
- ตอนที่ 68 แผนซ้อนแผน 2 วัน ago
- ตอนที่ 67 ของอร่อยต้องเก็บไว้กินทีหลัง 2 วัน ago
- ตอนที่ 66 ถ่านไฟเก่า 2 วัน ago
- ตอนที่ 65 ชัยชนะที่โอ้อวดไม่ได้ ไม่เรียกว่าชัยชนะ 2 วัน ago
- ตอนที่ 64 สัญชาตญาณของผู้หญิง 2 วัน ago
- ตอนที่ 63 บางครั้งเรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก 2 วัน ago
- ตอนที่ 62 ความเชื่อใจ สร้างจากความไร้ลับลม 2 วัน ago
- ตอนที่ 61 สถานการณ์ที่ผิดปกติยิ่งขึ้น 2 วัน ago
- ตอนที่ 60 ความระแวงคือความไม่รู้ 2 วัน ago
- ตอนที่ 59 สถานการณ์ที่เริ่มผิดปกติ 2 วัน ago
- ตอนที่ 58 เริ่มต้นทัศนศึกษา 2 วัน ago
- ตอนที่ 57 ปณิธานของชงหยวน ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 56 ปณิธานของชงหยวน ตอนแรก 2 วัน ago
- ตอนที่ 55 การโหวดเลือก ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 54 การโหวตเลือก ตอนแรก 2 วัน ago
- ตอนที่ 53 ความรักเปรียบดั่งสงคราม ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 52 ความรักเปรียบดั่งสงคราม ตอนแรก 2 วัน ago
- ตอนที่ 51 ความเข้าใจผิด 2 วัน ago
- ตอนที่ 31 ภาค 2 เป็นต้นไปเป็นแบบขายรายตอนนะครับ 2 วัน ago
- ตอนที่ 30 ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตอนจบ (จบ Prologue) 2 วัน ago
- ตอนที่ 29 ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตอนต้น 2 วัน ago
- ตอนที่ 28 Overlord 2 วัน ago
- ตอนที่ 27 ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต 2 วัน ago
- ตอนที่ 26 แองกริคราวน์หลั่งเลือด 2 วัน ago
- ตอนที่ 25 รังแกเด็ก 2 วัน ago
- ตอนที่ 24 วลาดจอมเสียบ ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 23 วลาดจอมเสียบ ตอนต้น 2 วัน ago
- ตอนที่ 22 ข่าวร้ายกลายเป็นจริง ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 21 ข่าวร้ายกลายเป็นจริง ตอนต้น 2 วัน ago
- ตอนที่ 20 สถานการณ์คู่ขนาน 2 วัน ago
- ตอนที่ 19 ผู้ (ถูก) พิพากษา 2 วัน ago
- ตอนที่ 18 ศึกแรก 2 วัน ago
- ตอนที่ 17 หลังเลิกเรียนที่ไม่เหมือนเดิม ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 16 หลังเลิกเรียนที่ไม่เหมือนเดิม ตอนต้น 2 วัน ago
- ตอนที่ 15 ความสัมพันธ์ที่ไม่อยากให้เปลี่ยนแปร 2 วัน ago
- ตอนที่ 14 ยามเช้าที่ไม่อยากให้แปรเปลี่ยน 2 วัน ago
- ตอนที่ 13 ความเป็นจริงค่อย ๆ ถูกแง้มให้เห็น ตอนจบ 2 วัน ago
- ตอนที่ 12 ความเป็นจริงค่อย ๆ ถูกแง้มให้เห็น ตอนกลาง 2 วัน ago
- ตอนที่ 11 ความเป็นจริงค่อย ๆ ถูกแง้มให้เห็น ตอนแรก 2 วัน ago
- ตอนที่ 10 เค้าลางก่อนพายุ 2 วัน ago
- ตอนที่ 9 ลมสงบหลังพายุ 2 วัน ago
- ตอนที่ 8 ตกกระไดพลอยโจน 2 วัน ago
- ตอนที่ 7 เขตที่ 855 2 วัน ago
- ตอนที่ 6 ฝันกลางวัน 2 วัน ago
- ตอนที่ 5 ยามเช้าดังเช่นทุกวัน 2 วัน ago
- ตอนที่ 4 ระเบิดกัมปนาท 2 วัน ago
- ตอนที่ 3 เส้นแบ่งของโลก 2 วัน ago
- ตอนที่ 2 ชีวิตประจำวันที่ควรจะเป็น 2 วัน ago
- ตอนที่ 1 ยามเช้าแสนธรรมดาดังเช่นทุกวัน 2 วัน ago
MANGA DISCUSSION