————คืนก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อวาน ช่วงเวลาที่ชินกับอัลเฟรดนัดพบเคลียร์ใจและตระหนักถึงเป้าหมายของชงหยวน
ตอนนี้ชินและอัลเฟรดรู้แล้วว่าเธอต้องการยึดฟรองขณะทัศนศึกษา เพื่อใช้พลังของผู้ปกครองดินแดนเปิดโปงตราราชันย์ที่ชินมี คอของชินอยู่บนเขียงโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งป่านนี้
แต่ดูเหมือนทางรอดจะไม่ได้ถูกปิดเสียทีเดียว
‘ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับทุกคน… ผมมีแผน’
อัลเฟรดดันแว่นราวกับมีแผนร้ายในหัว ถึงอยู่ในจอโน๊ตบุ๊คแต่บรรยากาศเจ้าเล่ห์ตามปกติก็ยังแผ่ออกมาอยู่เลย
แต่ชินไม่ได้ตื่นเต้นไปด้วยขนาดนั้น …อันที่จริงไม่มีใครตื่นเต้นด้วยซ้ำ ขนาดมิวที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะวางคอมเธอยังยิ้มแหย ๆ เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอลิเวียที่นิ่งตลอดศก
เจ้าตัวเองก็คงรู้ถึงได้ทำเป็นกระแอมกลบเกลื่อน
‘อะแฮ่ม! งั้นเข้าเรื่องเลยนะครับ’
อัลเฟรดเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว ชินเห็นทีไรก็รู้สึกว่าไว้ใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนของเขาคือของจริง
สิ่งที่นำมาพิจารณาได้จึงมีแต่เรื่องที่เป็นรูปธรรม อย่างแผนการที่อัลเฟรดกำลังจะยื่นให้
‘ถ้าท่านชงหยวนยึดครองฟรองได้เราก็จบ งั้นเราก็แค่ทำให้เธอยึดไม่ได้ก็พอ …ด้วยเหตุนั้น ผมจะเข้าไปร่วมศึกชิงดินแดนที่ฟรองด้วยครับ’
อัลเฟรดพูดจบสายตาก็ส่งมาทางชินเหมือนขอความเห็น แต่ชินก็รู้สึกว่าไม่ได้เป็นแผนที่ดีหรือแย่
กลับกัน… ชินรู้สึกเหมือนมองข้ามอะไรไปมากกว่า
ไม่สิ… เดี๋ยวก่อนนะ
“…อัลเฟรด นายเคยบอกว่าการยึดครองดินแดนจะทำได้ก็ต่อเมื่อเอาชนะผู้ครองดินแดนได้ และต้องไม่มีมือที่สามอยู่ในดินแดนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?”
ชินส่งคำถามกลับไปยังอัลเฟรด โอลิเวียเลยพลอยเอะใจตามไปด้วย
กฎการยึดครองดินแดน… หากมีฝ่ายที่สามอยู่ในดินแดนขณะที่โค่นผู้ปกครองได้ ฝ่ายชนะจะต้องขับไล่ฝ่ายที่สามออกจากดินแดนให้หมดก่อนจึงจะทำสัญญายึดครองได้ นั่นคือกฎที่ชินได้ยินมา
แต่แผนการของชงหยวนคือการยึดครองฟรอง ซึ่งชินที่เธอสงสัยว่ามีตราราชันย์กลับยังอยู่ในพื้นที่ แล้วเธอจะยึดครองดินแดนเพื่อตรวจสอบตราของชินได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่ควรยึดครองดินแดนได้แต่แรก
จะบอกว่าชงหยวนลืมเรื่องง่าย ๆ แบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ คำตอบเดียวที่ชินคิดออกจึงเป็น…
“หรือว่ามีวิธีอื่นที่จะยึดครองดินแดนได้โดยไม่ต้องขับไล่ฝ่ายที่สามงั้นเหรอ?”
ชินส่งคำถามกลับไปที่อัลเฟรดด้วยสายตาทิ่มแทง คูณสองเข้าไปด้วยสายตาแบบเดียวกันจากโอลิเวีย จากที่เธอระแวงอยู่แล้วก็แทบจะแยกเขี้ยวขู่
อัลเฟรดถึงกับนิ่งไปเลยทั้งที่เพิ่งเสนอแผนไปแท้ ๆ
“เดี๋ยวนะ! นี่คุณไม่ได้บอกคุณชินเรื่อง ‘กฎยึดครองพิเศษ’หรอกเหรอ!?” มิวที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มโวยวาย เธอยื่นหน้าจนแทบจะเข้าไปในจอโน๊ตบุ๊คอยู่แล้ว
แต่ก็แน่ล่ะ… เพราะตอนนี้เธอทำหน้าที่เป็นคนกลางแถมยังกลัวชินสุด ๆ (โดยเฉพาะโอลิเวียที่กำลังจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเธอ) มิวจะหงุดหงิดใส่ราชาตัวเองก็ไม่แปลกแล้วตอนนี้
“กฎยึดครองพิเศษเหรอ?” แต่ทางชินสนใจคำใหม่นั่นมากกว่า
มิวที่เป็นคนพูดเรื่องนั้นถึงกับหยุดปากด่าเจ้านาย รีบหันขวับกลับมาหาชินเลยทีเดียว
“คะ ค่ะ! เป็นกฎพิเศษสำหรับการยึดครองดินแดนที่มีหลายฝ่ายน่ะค่ะ หากฝ่ายที่ชนะผู้ปกครองดินแดนมีตราราชันย์หรือตราอัศวินรวมกัน 5 อัน ก็จะสามารถยึดครองดินแดนนั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องขับไล่ฝ่ายที่สามที่สี่ออกไปเลยล่ะค่ะ!”
มิวรีบสะบัดไม้สะบัดมืออธิบายใหญ่ แถมไม่รอคำสั่งจากอัลเฟรดด้วย ดูท่าความกลัวตายของเธอจะมีมากกว่าความภักดี
…ถึงจะไม่ทันแล้วก็เถอะ เพราะตอนนี้บรรยากาศรอบตัวโอลิเวียกำลังเดือดสุด ๆ จนเหมือนกับมีแมกม่าอยู่ในห้องเลยทีเดียว
“แล้ว… พวกคุณรอป่านนี้ ถึงเพิ่งมาบอกมาสเตอร์เหรอคะ?”
‘แหม่! พูดตามตรงผมก็ลืมไปซะสนิทเลยน่ะ’
“พูดแบบนี้ไม่พูดดีกว่าไหมคะเนี่ย!!”
มิวแทบจะหยิบโน๊ตบุ๊คเขวี้ยงทิ้ง ช่างเป็นคำแก้ตัวที่ไร้ความผิดชอบเสียนี่กระไร
งือออออ… ไม่ไหวแล้ว!
ก้มหัวขอขมาตอนนี้จะทันไหมเนี่ย!
มิวก้มตัวปิดหูทำท่าเหมือนหลบภัย เห็นแล้วโอลิเวียก็ชักจะสงสารเธอที่มีเจ้านายช่างเล่นแบบนี้อยู่เหมือนกัน
ชินเองถึงไม่ได้สงสารเธอขนาดนั้น แต่ก็พยายามไม่ใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ เพราะความกลัวทำเขามองข้ามความไม่ลงรอยของข้อมูลนี้ไปหนนึงแล้ว
แต่จะว่าไป… เกวนเองก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วย
มันคงเป็นแค่รายละเอียดเพิ่มเติมที่ไม่สำคัญจริง ๆ นั่นแหละ ไม่งั้นเธอคงบอกไปแล้ว
ชินพยายามมองไปตามจริง กฎยึดครองพิเศษนั่นเป็นเรื่องที่ช่วยให้วางแผนได้ละเอียดขึ้นก็จริง แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดจะไปโกรธ
แถมตอนนี้เขาต้องพึ่งกำลังรบจากอัลเฟรดด้วย เลยยิ่งไม่อยากให้ขุ่นเคืองกันเกินจำเป็น
“จะมองข้ามไปก็แล้วกัน”
‘ขอบพระคุณครับท่านชิน!!!’
อัลเฟรดทำตาประกายออดอ้อนยังกับจะพุ่งทะลุจอเข้ามากอดชิน ทำเอามิวที่อยู่ข้าง ๆ กัดฟันมอง แถมยังส่งเสียง ชิ! ใส่ราชาตัวเองอีก
มีคนหงุดหงิดแทนให้ขนาดนั้น ชินกับโอลิเวียก็ไม่รู้จะโกรธให้เหนื่อยอีกทำไม
และอัลเฟรดก็ไม่ได้คิดจะให้ตัวเองดูแย่ไปกว่านี้เหมือนกัน
‘อะแฮ่ม! เพราะงั้นแหละครับ ผมเลยจะส่งตัวเอง ไดอา ริวและก็มิวเข้าไปขัดขวางการยึดดินแดนของท่านชงหยวน’
อัลเฟรดเริ่มเล่าแผนของตัวเองต่อ หนนี้ชินฟังโดยไม่ขัด
‘จากข้อมูลที่เรามี… อีกฝ่ายมีกำลังพลคือหลง หู่และหนิวที่ต้องจับตามอง แต่ถ้าเทียบกับผมและริวรวมกัน ยังไงทางเราก็เหนือกว่าครับ แล้วถ้าหากการขัดขวางดูจะเป็นไปได้ยาก เราก็จะชิงลงมือสังหารผู้ปกครองดินแดนเองซะเลยครับ พอเป็นแบบนั้นอีกฝั่งก็ทำสัญญาไม่ได้แล้ว’
อัลเฟรดดีดนิ้วแสดงความเจ้าเล่ห์ราวจอมโจร ก็สมกับกลยุทธ์แมวขโมยที่เล่าให้ฟัง
แผนการนั้นเรียบง่าย ชัดเจน และมีการรองรับสถานการณ์ไม่คาดคิด ถือว่าเป็นวิธีการรับมือขั้นพื้นฐานที่เหมาะสม
แต่เพราะมีแค่นั้น ชินเลยยังขมวดคิ้วแน่นอยู่
“ถ้าแพ้ขึ้นมาจะทำยังไง?” คำถามของชินทำเอาอัลเฟรดเลิกคิ้ว เรียกว่าเปลี่ยนอารมณ์เลยคงได้
‘…ดูจากกำลังรบแล้ว ผมว่าเราไม่น่าแพ้เลยนะครับ ถึงท่านชงหยวนจะตามมาลงสนามด้วยตัวเองทีหลัง ผมก็ยังชิงฆ่าผู้ครองดินแดนได้ก่อนอยู่ดี’
อัลเฟรดมองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่ชินเห็น เขาเลยปฏิเสธอย่างสุภาพ
ซึ่งอันที่จริงชินก็รู้ว่าพวกอัลเฟรดแทบไม่มีโอกาสแพ้เหมือนกัน แต่ว่า…
“แต่มันก็ต้องมีเผื่อเอาไว้ เพราะกลยุทธ์ที่ดีคือแผนที่ต่อให้แพ้ก็ยังได้สิ่งที่ต้องการ”
‘จะบอกว่าต่อให้แพ้ศึกก็ต้องชนะสงครามเหรอครับ’
“ของมันแน่อยู่แล้ว”
ชินพูดเอียงคอเหมือนถามว่าแล้วทำไมจะไม่ใช่ โอลิเวียรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับชิน
ในมุมของโอลิเวีย… เธอไม่อยากให้มีโอกาสแม้แต่ 0.1% ที่ชินจะเป็นอันตรายจึงต้องมีแผนสำรอง ส่วนทางชินก็อยากรอบคอบไว้ก่อน
โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่แพ้ก็เท่ากับตายแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่านความผิดพลาดได้เลย
และที่สำคัญ… การวางแผนย่อมต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ท้ายสุดมากกว่าระหว่างทางด้วย
จะชนะหรือแพ้ในศึกชิงดินแดนมันไม่ใช่ประเด็นหลัก การปิดบังตัวตนไม่ให้ชงหยวนรู้ว่าเขามีตราราชันย์ต่างหากคือปลายทางที่ต้องการ
เพราะแบบนั้น กระบวนการจึงต้องสอดคล้องกับผลลัพธ์สุดท้ายด้วย
ใช่… ก็จริงที่การชนะศึกชิงดินแดนจะเป็นการขัดขวางการตรวจสอบของชงหยวน
แต่มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้หมดจด เพราะมันไม่ได้ทำให้ชงหยวนหายเคลือบแคลง
ไม่สิ… อันที่จริง…
การชนะศึกนี้จะเป็นทางเลือกที่ถูกแน่เหรอ?
การคิดอีกมุมทำให้ชินเห็นว่ากระบวนการอาจไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ เขาชักเริ่มไม่แน่ใจเรื่องแผนการ
ถ้าเราชนะ ชงหยวนก็ยังต้องสงสัยเราต่อ และก็คงต้องหาวิธีอื่นเพื่อยืนยันตราราชันย์ของเราให้ได้อยู่ดี
ในอนาคต… เธออาจมาพร้อมกับแผนอะไรที่บ้าบิ่นยิ่งขึ้นก็ได้ใครจะไปรู้
ชินเริ่มรู้สึกว่าปัญหามันลุกลามกว่าที่คิด แถมวิธีแก้ในตอนนี้ก็ยังเป็นการบรรเทามากกว่ารักษาแผล เรียกว่าเป็นการเลี้ยงไข้ก็ไม่ผิด
อัลเฟรดที่จับคางครุ่นคิดตามก็ใช่ว่าจะตามไม่ทันเสียทีเดียว
‘…ใช่ว่าผมไม่เข้าใจหรอกนะครับคุณชิน แต่ผมเองก็คิดแผนที่ดีกว่านี้ไม่ออกอยู่ดีนั่นแหละ’
อัลเฟรดแบะมือยิ้มแห้งราวกับยอมแพ้ รับตามตรงเลยว่าไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น
ท่าทีเหยาะแหยะของเขาเริ่มทำโอลิเวียขมวดคิ้วอีกครั้ง แต่ถึงเป็นเธอเองก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกันเลยไม่รู้จะมีสิทธิต่อว่าอะไร
โอลิเวียถึงเริ่มมองชินด้วยความเป็นห่วงจากด้านข้าง กลัวว่าเขาจะสับสนจนเครียดอีก
…ชิน?
แต่ใบหน้าด้านข้างที่เธอเห็นกลับเป็นแววตามั่นคงของชิน ดวงตาอันสุกใสของเขาดูเกลี้ยงเกลาไม่มัวหมอง
…ราวกับเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดชัดเจนแล้วยังไงอย่างนั้น
แววตานั้นแปรกลับเป็นปกติในชั่วพริบตา คงมีแต่โอลิเวียเท่านั้นที่ทันสังเกต
“งั้นเหรอ… งั้นก็คงช่วยไม่ได้”
ชินยิ้มแห้งให้อัลเฟรดเหมือนกับที่เขายิ้มมา ท่าทางยอมแพ้ของชินช่างตรงข้ามกับแววตาที่โอลิเวียเห็นเมื่อครู่ราวกับภาพลวงตา
แต่ถ้าถามว่าความมั่นใจหรือความจำยอมที่เป็นของจริง… มีหรือที่โอลิเวียจะมองไม่ออก
คิดออกแล้วสินะคะชิน
โอลิเวียรู้ดังนั้นจึงรีบเก็บงำรอยยิ้มยินดีแก่ชินไว้ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ชินอยากให้เป็น
“ฝากด้วยล่ะอัลเฟรด”
ชินส่งสายตาคาดหวังต่อแผน ด้วยสีหน้าอยู่เหนืออารมณ์ที่อัลเฟรดเองก็คาดเดาไม่ออกว่าชินหมายความตามนั้นจริงไหม
แต่ในเมื่อชินร้องขอมาอย่างนั้น เขาก็มีแค่ทางเลือกเดียว
‘…ได้เลยครับคุณชิน’
❖❖❖❖❖
————ปัจจุบัน
การปรากฏตัวของกลุ่มอัลเฟรดบนถนนใจกลางเมืองทำเอาพวกหลงเหวอกันไปหมด
ทั้งหนิว ทู่และสู่ รวมถึงหนิงอันที่สังเกตจากจุดห่างไกล ความสับสนทำพวกเขาไม่กล้าขยับเลยด้วยซ้ำ
ราชาอันดับสองเรอะ… มาช่วยชินยะสินะ!
หลงเป็นคนเดียวที่ตามสถานการณ์ทันอย่างรวดเร็ว เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น แม้แต่การปรากฏตัวของริวที่ทำให้ใจเต้นผิดจังหวะเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
การเตรียมใจรับสถานการณ์ใหม่ของหลงจึงทำได้เร็วกว่าใคร
“ทุกคนตั้งสติ!”
หลงตั้งการ์ดขึ้น เดินนำหน้าเป็นโล่ให้น้อง ๆ อัศวินนักษัตร เสียงตะโกนของเขาทำให้ทุกคนตั้งการ์ดขึ้นตาม
สีหน้าทุกคนกลับมาจริงจังแม้ขมวดคิ้วสับสน แม้จะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนสิ่งที่ต้องทำ
…เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่วลาดจะมาในฐานะมิตร
“แค่ก!” เสียงกระอักเลือดดังมาจากด้านหลังอัลเฟรด เขารู้โดยไม่ต้องหันไปมองเลยว่าเป็นของเซอร์เคย์
“อะไรอีกวะเนี่ย สวรรค์เหรอ? …ไม่ใช่สินะ”
ภาพดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงเป็นผืนเดิม เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นโลกหลังความตาย
แต่ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นอาการเจ็บช้ำกลางอกที่ถูกหลงซัด กับความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นด้านหน้าที่ทำให้เชื่อได้ว่ายังไม่ลาโลก
โดยเฉพาะความอลหม่าน จากชายหนุ่มสวมหน้ากากแวมไพร์ที่กำลังหันมาทางเขา
“อ้าว? กำลังจะโดนโค่นพอดีเลยไม่ใช่รึไงครับเนี่ย” น้ำเสียงอัลเฟรดลันล้าทะลุหน้ากาก รู้สึกเหมือนเค้กชิ้นสุดท้ายยังเหลืออยู่บนจาน แล้วเขาจะพลาดขนมชิ้นสุดท้ายนี้ได้อย่างไร
อัลเฟรดรีบหันกลับตัวในชั่วพริบตา เขาถีบพื้นพุ่งเข้าไปหาเซอร์เคย์ที่กำลังนอนหมดแรง แล้วกางมือตัวเองออกประหนึ่งหอกพุ่งแทงใส่กลางหน้าอกของเซอร์เคย์อย่างไม่รอรี
หนิว ทู่กับสู่มองเห็นแต่ร่างกายขยับตามไม่ทัน ทำเอารู้สึกเย็นไปทั้งหลังเมื่อความพยายามทั้งหมดกำลังจะถูกชุบมือเปิบ
“โอ๊ะ!?”
แต่มือของอัลเฟรดไปไม่ถึงเซอร์เคย์ เพราะถูกหลงเข้ามาต่อยให้เปลี่ยนทิศออกไปก่อน
หมัดของหลงกระแทกใส่ข้อมืออัลเฟรดอย่างจัง แต่มันดูไม่เหมือนได้รับความเสียหายเลยสักนิด เขาทำได้แค่เบี่ยงมืออัลเฟรดออกไปเท่านั้น
เวรเอ้ย! ถึงจะยังไม่ได้ผสานจิตก็เถอะ แต่ร่างกายนั่นมันอะไรเนี่ย!?
ความต่างของความแข็งแกร่งทำหลงเหงื่อตก ทั้งที่ยังไม่มีฝ่ายใดใช้ผสานจิตเลยแต่เขากลับทำได้แค่นี้ ยิ่งคิดไม่ตกว่าตอนเอาจริงจะชนะได้อย่างไร
แต่บ่นไปก็เท่านั้น… หลงผสานจิตทั่วทั้งร่างก่อนจะเริ่มรัวหมัดใส่อัลเฟรดทำเขาต้องกระโดดถอย
หนิว ทู่และสู่อาศัยจังหวะนั้นเข้ามาคลุกวงในบีบพวกอัลเฟรดจากสองทาง พวกอัลเฟรดเลยต้องกระโดดหลบออกไปทางอื่นจนยืนเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
และอัลเฟรดก็ยังทำเป็นสะบัดมือไม้อ่อน ดูสบาย ๆ เหมือนกับทีแรกไม่เปลี่ยน
“ไม่ได้จะดูถูกหรอกนะครับ แต่คุณไม่ชนะหรอก”
“ก็นั่นแหละเรียกว่าดูถูก”
หลงพยายามตอบกลับไปอย่างใจเย็น เพราะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจงใจยั่วโมโห
ถึงหนิวด้านหลังจะกัดฟันอยู่ด้านหลังไปแล้วก็เถอะ แน่นอนว่าเขาต้องหงุดหงิดและเจ็บใจ เพราะชัยชนะถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา
ทู่กับสู่ยังยืนตั้งการ์ด ไม่ได้มาจากความเยือกเย็นแต่เป็นความหวาดกลัว เพราะพวกเธอจำการต่อสู้ระหว่างวลาดกับราชินีของตัวเองได้ว่ามันวอดวายแค่ไหน
คงมีแต่หลงที่กล้าเดินเข้าหาอีกก้าวก่อนตั้งท่า ระยะห่างที่ร่นเข้ามาเหมือนเป็นการยืนยันในตัวว่าไม่คิดถอย ทำอัลเฟรดถึงกับผิวปากชื่นชม
ทว่า… บนสนามรบไม่ได้มีแค่สองฝ่ายเท่านั้น
“บลา บลา บลา… คุยอะไรกันอยู่ได้ หนวกหูชะมัด”
เซอร์เคย์เริ่มยันตัวลุกขึ้นขัดจังหวะทั้งสองพวก
ด้วยตำแหน่งยืนทำให้เขาอยู่ใกล้กับพวกหลงมากกว่า แต่ถามว่ามันทำให้พวกหลงจัดการเขาได้เร็วกว่าพวกอัลเฟรดไหม คำตอบคือไม่
เพราะหนิวสังเกตเห็นแผลช้ำภายใต้ชุดเกราะอัศวินของเซอร์เคย์หายไป อวัยวะภายในที่บาดเจ็บจากท่าไม้ตายของหลงเองก็น่าจะอยู่ในสภาพดีเหมือนกัน
ฟื้นตัวแล้วเหรอ?
เวรเอ้ย อุตส่าห์จะชนะอยู่แล้วเชียว!!!
หนิวกำขวานในมืออย่างเจ็บใจ เขาเห็นเซอร์เคย์เริ่มขยับไหล่วอร์มอัพก็รู้ได้เลยว่าเขาพร้อมสู้แล้ว
หลงมองเซอร์เคย์ด้วยหางตาก็พอจะรู้ได้เหมือนกัน แถมเซอร์เคย์ก็มองมาทางเขาอีก
…ราวกับมีบทสนทนาเกิดขึ้นทางสายตาอย่างไรอย่างนั้น
“อา อา… เข้าใจแล้ว”
ซู่ม!!!
พริบตานั้น ออร่าสีทองก็พวยพุ่งจากร่างของเซอร์เคย์ราวน้ำพุอีกครั้ง
ความกลัวจากที่เผชิญหน้าครั้งก่อนทำให้หนิว ทู่และสู่ยกการ์ดหันไปตั้งรับฝั่งเซอร์เคย์แทน
…มีเพียงหลงเท่านั้นที่ยังตั้งการ์ดหันไปฝั่งวลาด
จะเอายังไงกันนะ
อัลเฟรดขมวดสีหน้าใต้หน้ากากอย่างสงสัย
แต่คำตอบก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น เซอร์เคย์ถีบพื้นเข้ามาหาอัลเฟรดพร้อมกับออกหมัดพุ่งตรงเข้าใส่กลางลำตัว อัลเฟรดรีบยกมือขึ้นตั้งใจจะกำหมัดที่พุ่งเข้ามา
“โอ๊ะโอ๋!? อะไรกันครับเนี่ย?” แต่แรงหมัดของเซอร์เคย์ยังส่งต่อเหนือความคาดหมาย ทำอัลเฟรดถูกดันจนเท้าครูดพื้นไปข้างหลัง
เซอร์เคย์แสยะยิ้มปานพอใจ และโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน
“แกสินะ คนที่มาขัดขวางการประลองระหว่างลูกผู้ชาย ฉันจะเล่นแกก่อนเลย!”
“เห…”
อัลเฟรดชักทึ่งในพละกำลังที่เหนือธรรมดา เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นการผสานจิตของตราอัศวินที่รับมือราชาได้เป็นครั้งแรก
แต่ที่น่าทึ่งอีกอย่าง คงเป็นสัญญาใจที่เซอร์เคย์เคลื่อนไหวไปพร้อมกับพวกหลงมากกว่า ทั้งที่เขาเพิ่งโดนหลงจัดชุดใหญ่และกำลังจะตายเพราะเรื่องนั้นอยู่แล้วแท้ ๆ
แต่หมอนี่จะเพี้ยนยังไงก็ช่าง
มาท้าสู้เองแบบนี้ถือเป็นโอกาสดีเลย!
อัลเฟรดผู้มองโลกในแง่บวกผละมือที่รับหมัดของเซอร์เคย์ออก แล้วเริ่มผสานจิตใส่ร่างตัวเองบ้าง
กายของเขาถูกโอบล้อมด้วยออร่าสีแดงโลหิต ส่งแรงกดดันคละคลุ้งด้วยเลือดใส่เซอร์เคย์ที่อยู่ตรงหน้า
“โห… บรรยากาศแบบนี้ แกเป็นราชาสินะ!”
เซอร์เคย์รู้ตัวทันที สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังในบัดดล ก่อนที่จะเร่งออร่าสีทองของตัวเองให้เข้มข้นขึ้น
แล้วออกหมัดใส่อัลเฟรด… ออกหมัดใส่วลาดราวกับปืนกล
แต่อัลเฟรดเองก็ต่อยสวนกลับไปได้ทุกหมัดเช่นกัน
“ใช้ได้นี่ครับ!”
“ยังได้มากกว่านี้อีกโว้ย!!!”
ทั้งสองฝ่ายตะโกนลั่นคำราม แลถูกกลบด้วยเสียงหมัดกระทบยิ่งกว่ากลองชุด ทำฝุ่นคละคลุ้งไปทั้งเมือง ทุกคนที่อยู่ตรงจุดนั้นต้องรีบยกแขนขึ้นบังไม่ให้ฝุ่นเข้าตา
“พี่ใหญ่! เอาไงต่อดีครับ!”
หนิวอาศัยช่องว่างรีบถามแผนการ ถึงจะยังสับสนเรื่องที่เซอร์เคย์หันมาช่วย แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำความเข้าใจบุคลิกแปลก ๆ ของลุงนั่นแล้ว
หลงเองก็พูดยากว่าเข้าใจ แต่ในเมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เขาก็ต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์
เว้นแต่อีกฝ่ายก็คิดเหมือนกัน
“!!!!?”
หลงสัมผัสได้ถึงวัตถุบางอย่างฟาดเข้ามาจากในฝุ่นคลุ้งทำให้ต้องรีบเอี้ยวหัวหลบ พวกหนิวเห็นก็รีบกระโดดไปด้านหลังอย่างไกล
แต่ศัตรูเองก็กระโดดตามมาด้วย… ทั้งหญิงสาวหน้ากากกบเขียวและเด็กสาวสวมหน้ากากแมวน้ำ ยืนประจันหน้าทั้งสามคนอย่างไร้ความหวาดกลัว
และสำหรับหลง… ฝุ่นควันตรงหน้าถูกอาวุธยาวสะบัดพัดไปอีกครั้ง จนเผยให้เห็นตัวตนที่เขาไม่อยากให้มาอยู่ตรงหน้าที่สุด
“ไงพี่”
เด็กหนุ่มสวมหน้ากากหนุมานพร้อมอาวุธในมือ… น้องชายภายใต้คราบของนักรบทักทายอยู่อีกฝั่งในฐานะของศัตรู
และสำหรับคนเป็นพี่ นั่นแหละคือเรื่องเจ็บปวดที่สุด ลำคอหลงถึงกับแห้งผากฉับพลัน อย่างเดียวที่กลบเกลื่อนความหวั่นไหวได้คือการพยายามตั้งการ์ดให้ดูมั่นคงที่สุด
เพื่อรับมือกับน้องชาย… ผู้ที่เขาควรจะต้องปกป้อง
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION