หลังจากที่เคนเนธเสนอวิธีตัดสินคนที่จะมาคู่กับชินในงานเต้นรำ ทุกคนก็สงสัยกันว่าจะใช้วิธีไหน
แต่แทนที่จะบอกทันที เจ้าตัวกลับอุบไว้ก่อนแล้วชวนไปร้านเช่าชุดเดรสเสียอย่างนั้น
แม้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่ แต่ว่าไปแล้วมันก็สมเหตุสมผล เพราะคงไม่มีใครเตรียมชุดเดรสสำหรับเต้นรำมาจากบ้านอยู่แล้ว ทางเลือกเดียวจึงมีแต่การเช่าชุด
และด้วยเหตุนั้น… กลุ่มของชินจึงกำลังอยู่ในร้านสำหรับชุดเดรสโดยเฉพาะ
อาคารภายนอกเป็นสไตล์โมเดิร์นสีขาว แต่การตกแต่งภายในนั้นเป็นแบบย้อนยุค บรรยากาศอย่างกับถอดแบบมาจากในภาพยนตร์ ถึงแบบนั้นชุดเดรสก็มีแทบจะทุกแบบทุกสไตล์ให้เลือกสรร ทั้งหมดเรียงรายตามผนังและกลางร้าน ดูละลานตาไปหมด
ตัวต้นคิดอย่างเคนเนธเดินนำเข้ามาในร้าน ลูบคางนึกสนุกอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว จนชินชักจะกังวลว่าหมอนี่มีแผนแบบไหนอยู่ในหัว
แต่หญิงสาวในห้วงแห่งรักหาได้สนใจเรื่องนั้นไม่
โอลิเวีย เกวนและซูซานจ้ำอ้าวเข้ามาในร้านก่อนชิน ยืนประจันหลังเคนเนธด้วยออร่าร้อนระอุจนเขารู้สึกได้ เคนเนธเลยต้องรีบหันกลับมามอง
“มาถึงร้านแล้วนะคะ เข้าเรื่องเลยดีกว่าค่ะ” ซูซานกอดอกเร่งเร้าไม่รอช้า เป็นไปในทางเดียวกับโอลิเวียและเกวนที่หรี่ตามองเคนเนธเสียคมกริบยังกับจะไปทำสงคราม
ชินกับจินที่มาทีหลังเลยจำต้องเป็นคนดู
ส่วนทูตผู้สร้างสันติภาพอย่างเคนเนธนั้นกลับยิ้มร่าไม่ทุกข์ร้อน เขากระแอมเพื่อให้มั่นใจว่าเสียงใสก่อนจะตอบ
“อะแฮ่ม! เมื่อกี้ฉันพูดถึงความเข้ากันกับชินใช่ป่ะ? แล้วถ้าพูดถึงงานเต้นรำมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างความสามารถในการเต้น หรือมารยาท แต่คนหัวทึบอย่างฉันตัดสินของที่เป็นนามธรรมแบบนั้นไม่ได้หรอก!”
“ก็แล้วมันอะไรเล่า! รีบพูดมาสิ!” เกวนชูไม้ชูมือชักจะรอไม่ไหว
ในตอนนั้นเคนเนธก็ผายมือทั้งสองข้างออกไปทางชุดเดรสในร้าน
“รสนิยมเรื่องการแต่งตัวไงล่ะ! ถ้าทั้งสองคนเลือกชุดได้เข้ากัน มันก็แสดงว่าเทสพอ ๆ กันไง! เข้าใจง่ายดีใช่ไหมล่ะ!!!”
เคนเนธพูดจบก็ชูนิ้วโป้งให้ทุกคน ภูมิใจมากกับแผนสุดบรรเจิดของตัวเอง …ถ้าไม่ติดว่าเขาทำจมูกฟึดฟัดเหมือนตื่นเต้นอะไรบางอย่างอยู่
ถึงอาการนั่นจะทำชินสงสัย แต่เรื่องการตัดสินด้วยการเลือกชุดมันก็แอบเข้าท่าอยู่
ซูซานที่จับคางครุ่นคิดมาตลอดยังพยักหน้ารับเห็นด้วยเลย
“ว่าไปแล้วก็จริงค่ะ… เรื่องความเข้ากันของชุดมันเปรียบเทียบง่าย ต่อให้เป็นคนทั่วไปก็ตัดสินได้”
“ถ้าเป็นเรื่องที่เห็นชัดเจนแบบนี้ก็ตัดสินแบบอคติไม่ได้ ถือว่ายุติธรรมดีค่ะ” โอลิเวียเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นถ้าทุกคนโอเคฉันก็เอาด้วย …ไม่ยักรู้ว่านายจะฉลาดขนาดนี้นะเนี่ยเคนเนธ”
“ใช่ไหมล่า!”
เคนเนธยิ้มภูมิใจอีกรอบแม้จะโดนเกวนยิ้มแซว ส่วนสามสาวก็ตกลงกันได้ ผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่ชินคาดจนเขายังอึ้ง ทำเอารู้สึกผิดเลยที่คิดว่าเคนเนธจะทำอะไรแผลง ๆ
พอดีกับที่พนักงานร้านสาวเดินเข้ามาหา แววตาของสามสาวจึงคมกริบขึ้นอีกครั้ง
เพราะมันหมายความว่าการแข่งได้เริ่มขึ้นแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่ากำลังตามหาชุดแบบไหนเหรอคะ?”
“พวกเราอยากมาดูชุดสำหรับงานเต้นรำน่ะค่ะ” เกวนพูดเปิดก่อนเพราะอยู่ใกล้พนักงานที่สุด พนักงานสาวก็ผายมือเข้าไปในร้านและเดินนำพวกเธอทันที
“งานเต้นรำสินะคะ! แล้วเป็นงานสไตล์ไหนเหรอคะ?”
“คือว่าเรื่องนั้น———”
สามสาวตามพนักงานที่เดินนำไปก่อน ทิ้งให้สามหนุ่มอยู่แถวหน้าร้าน
แล้วพอสบโอกาสเพราะเห็นว่าพวกเธอไม่อยู่ เคนเนธก็เข้ามากอดคอชินจนเขาตกใจ ส่วนเจ้าตัวดันกลับมาแสยะยิ้มเหมือนมีแผนการร้ายอีกครั้ง
“เป็นไง? แผนฉันเจ๋งป่ะล่ะ?”
“หา? พูดเรื่องอะไรเนี่ย” ชินขมวดคิ้วสับสน แต่เคนเนธดันขมวดคิ้วยังกับว่าชินแกล้งโง่
“อย่ามาทำเป็นไม่เข้าใจสิเพื่อน! นี่เราจะได้เห็นสาวงามระดับ S ของโรงเรียนถึงสามคน ในชุดเดรสเซ็กซี่ก่อนเพื่อนร่วมชั้นเลยนะเฮ้ย! ไม่ตื่นเต้นเลยเรอะ!”
“…เห้อ นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก”
เห็นเคนเนธแสดงความต้องการซื่อตรงขนาดนั้น ชินก็ถึงกับกุมขมับ เขาบ้าอย่างไรก็บ้าอย่างนั้นอยู่วันยันค่ำ
…ช่างตรงข้ามกับจินผู้เงียบสงบ
แต่กลับจับตามองชินอยู่ตลอด ราวกับมีจุดประสงค์บางอย่าง
❖❖❖❖❖
“เชิญเลยค่ะคุณลูกค้า! ส่วนนี้เป็นเดรสของสุภาพสตรีทั้งหมด ส่วนห้องลองเสื้ออยู่ทางด้านในสุด เชิญเลือกได้ตามสบายเลยนะคะ!”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ!”
เกวนโค้งตัวให้พนักงานสาวที่ผละตัวออกไปดูลูกค้าคนอื่น โอลิเวียกับซูซานเองก็ก้มหน้าตาม
แล้วสัญญาณการแข่งก็เริ่มขึ้นทันที… ด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ยิ้มยกของซูซาน และแววตาอันคมกริบขึ้นของเธอ มองไปยังโอลิเวียและเกวนราวกับท้าทาย
“สงสัยจังเลยค่ะว่าทั้งสองคนจะเลือกชุดแบบไหน” ซูซานส่งแววตาท้าทายไปที่โอลิเวียเป็นพิเศษ
และโอลิเวียก็รับรู้ได้ จึงพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นก่อนตอบ
“…จะลอกกันเหรอคะ? แบบนั้นก็ตัดสินไม่ได้พอดีสิคะ”
“เอ๋!? ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะคะ ในเมื่อคนที่รู้ดีที่สุดว่าชินชอบแบบไหนก็คือฉันอยู่แล้ว”
ซูซานแฝงใบมีดโกนไปกับคำพูดอย่างจงใจ
…เลยโดนสวนกลับมาด้วยแววตาหรี่ลงครึ่งของโอลิเวียจนได้
ครืน…
บรรยากาศรอบตัวเธอเย็นลงยังกับมีทุ่งน้ำแข็งปกคลุม โอลิเวียถึงกับต้องรีบตั้งสติก่อนทั้งร้านจะกลายเป็นช่องฟรีส
อุณหภูมิกลับมาปกติจนเกวนโล่งอก แต่เห็นซูซานเข้าปะทะนอกประเด็นแล้วก็แอบหงุดหงิด ขัดกับความยุติธรรมในใจเธออยู่เหมือนกัน
“อย่าเล่นนอกเกมสิซูซาน แบบนั้นมันไม่ดีเลยนะ”
“…แต่คนที่พูดแบบนั้น ร้อยทั้งร้อยอกหักหมดเลยนะคะ”
“!?”
โดนซูซานสวนกลับมา มือเกวนที่จับเนื้อผ้าอยู่ก็ถึงกับแข็งกึก เหมือนจะไปจี้ใจดำเข้าเต็ม ๆ
“ละ แล้วไงล่ะ!” แต่เกวนก็ยังใจแข็ง สั่นคลอนความสูงส่งในใจเธอไม่ได้ เกวนเลยพยายามไม่เก็บมาคิดแล้วเลือกเสื้อตัวต่อไป
ทางโอลิเวียเองก็ตั้งสติเพื่อเมินคำจิกกัดของซูซาน มันชัดเจนอยู่แล้วว่าซูซาน… ชงหยวนต้องการสั่นคลอนอารมณ์ให้พวกเธอตัดสินใจได้แย่ลง
…แม้ว่าสิ่งที่พูด มันจะแอบสะท้อนสิ่งที่เธอจะทำก็ตาม
เกวน… ทั้งความรักและสงครามน่ะ
ถ้ามัวแต่เลือกวิธีการมันจะแพ้เอานะ
ซูซานคิดราวกับตัวเองอยู่ในจุดที่เหนือกว่า แม้ในระนาบจะเดินเข้าไปขั้นกลางระหว่างเกวนกับโอลิเวียอย่างเท่าเทียม
มองเทียบกัน ใครก็รู้ว่าทั้งสามคนงดงาม เก่งกาจและฉลาดล้ำไม่หนีกันมาก
และสิ่งเดียวที่จะสร้างความเหนือกว่าได้ในสถานการณ์อันทัดเทียม… ก็มีแต่เล่ห์กล
“ ‘หยุดซะ’ ”
ชงหยวนเปิดปากพร้อมประกาศิต ใช้พลังไนท์ของเธอเข้าควบคุมเกวนและโอลิเวียผ่านโสตประสาทแบบไม่ให้พวกเธอตั้งตัว
พริบตานั้นรอยยิ้มแห่งชัยชนะของชงหยวนก็ผุดขึ้น ตามแววตาของโอลิเวียที่เริ่มเทาลงเหมือนต้องมนตร์สะกด
เพียงเท่านี้ชงหยวนก็สามารถสั่งให้พวกเธอเลือกชุดที่ไม่มีทางเข้ากับชินได้ ชัยชนะก็จะกลายเป็นของชงหยวนอย่างแน่นอน
ชีวิตมันก็แบบนี้แหละนะทั้งสองคน ฉันไม่ยอมยกที่ข้างชินให้หรอก
ขอรับชัยชนะไปล่ะ———
…แต่รอยยิ้มแห่งชัยชนะ กลับไม่ได้อยู่กับเธอนานเท่าที่หวัง
“อึก… เมื่อกี้มันอะไรน่ะ?”
“!!!?”
เกวนบ่นโอดโอยอยู่ทางฝั่งขวาชงหยวน ทำเอาแผ่นหลังเธอสะดุ้ง ขนลุกไปจนถึงหัว
พอหันไปมองก็พบว่าเกวนกำลังกุมศีรษะ สภาพเธอคล้ายกับกำลังเมาเครื่องบินคล้ายกับตอนที่ชินโดน สะท้อนความจริงอันน่าขนลุก
นั่นคือเกวนไม่ตกอยู่ภายใต้ไนท์ของชงหยวน
หา!? ได้ไง!?
ทำไมเกวนถึงทนพลังของฉันได้ล่ะ!?
ชงหยวนถึงกับหน้าถอดสี คนที่ทนพลังประกาศิตของเธอได้ควรจะมีแต่แวมไพร์สายเลือดแท้ระดับสูงเท่านั้นแท้ ๆ กระทั่งคนที่นึกออกก็มีแต่ชินคนเดียวด้วยซ้ำ
แต่สาเหตุจะเป็นอย่างไรคงต้องเอาไว้ก่อน
ชิ! ช่วยไม่ได้!
ชงหยวนกัดฟันจำต้องเปลี่ยนแผน เธอรีบคลายมนตร์ให้โอลิเวียเพื่อไม่ให้น่าสงสัย ก่อนจะเข้าไปประคองเกวน
“เป็นอะไรรึเปล่าคะเกวน?” ซูซานเข้าไปจับมือเกวนให้ยืนขึ้นตรง แต่เจ้าตัวก็ยังกุมขมับจากอาการมึนอยู่
“ไม่เป็นไรจ่ะ… อยู่ ๆ ก็หน้ามืดเฉยเลยน่ะ”
“…ระวังหน่อยก็ดีนะคะ”
ซูซานยิ้มอ่อนตอบ แอบรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่ารู้สึกผิด เพราะยังไงเธอก็เป็นคนทำเกวนเอง
และเพราะกังวลกับผลที่ตามมา สัญชาตญาณเลยสัมผัสได้ถึงสายตาทิ่มแทง …มาจากโอลิเวียที่อยู่ด้านข้างกำลังจ้องหลังเธออยู่
ดูจากดวงตาที่หรี่มองลงมา โอลิเวียคงพอเดาได้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นหนึ่งในคนที่รู้จักพลังของชงหยวน
น่าขายหน้าซะจริง
ไฟในอกชงหยวนสุมแทบจะปะทุ กับคนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเธอมันทนไม่ได้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นไม้เบื่อไม้เมาด้วยยิ่งรู้สึกพ่ายแพ้เป็นสองสามเท่า
แต่ชงหยวนก็ได้แต่กัดฟันทนไว้ ในเมื่อแผนนึงล้มเหลว จะเคลื่อนไหวอะไรต่อก็ยิ่งต้องระวัง
ครั้นจะอยู่ตรงนี้ต่อ บรรยากาศก็คงไม่ดีเท่าไหร่อีก
“งั้นฉันขอไปเลือกชุดทางนั้นก่อนนะคะ”
“เอ่อ… อื้ม”
เกวนพยักหน้าแบบสงสัยไม่หาย ได้แต่มองปริบ ๆ ตามหลังซูซานที่เดินออกไป
พอผละจากสายตาทิ่มแทงของโอลิเวียมาได้ ความสงบก็เริ่มกลับมาบ้าง
…กระนั้นความรู้สึกขมุกขมัวในอกกลับยังตกค้าง มันไม่ใช่แค่ความหงุดหงิดจากความพ่ายแพ้อย่างเดียว
นี่เราทำบ้าอะไรอยู่กันนะ
ชงหยวนชักสับสนในตัวเอง สิ่งที่ทำลงไปมันช่างขัดกับหลักการที่เธอยึดถือมาทั้งชีวิตเหลือเกิน
เธอควรจะชนะอย่างองอาจและยุติธรรม สามารถยิ้มและยืดอกกับผลลัพธ์ได้ไม่ใช่เหรอ? คิดแบบนั้นรอยยิ้มของคู่แข่งตัวฉกาจอย่างโอลิเวียยิ่งทิ่มแทง
เพราะมันไม่ใช่สายตาดูถูก …แต่เป็นความผิดหวัง
เป็นความจริงที่เธอจำเป็นต้องคู่กับชินให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีโอกาสได้ยืนยันตัวตนของเขา
แต่เพื่อการนั้น… มันถึงกับต้องแลกความภาคภูมิที่สั่งสมมาทั้งชีวิตเลยงั้นเหรอ?
ตัวเรากลายเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ตั้งแต่ที่รู้ว่าชินยังไม่ตาย?
ตั้งแต่ที่คิดว่าไม่อยากเสียเขาไปอีกแล้ว? หรือตั้งแต่ก่อนหน้านั้นอีก?
ชงหยวนได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าตัวเธอเป็นคนยังไงกันแน่
มือที่จับเนื้อผ้าตามราวแขวน ลูบผ่านไปเรื่อยอย่างเลื่อนลอยดังความรู้สึกอันไม่ชัดเจน
และคงเพราะกำลังโหยหาตัวตนเมื่อก่อน… สิ่งที่เกี่ยวข้องกับอดีตจึงกระตุ้นความทรงจำเธอ
“!!?”
ชงหยวนหยุดมือลงเมื่อไปสัมผัสกับเดรสสีแดงเข้า เป็นเดรสกระโปรงยาวลายลูกไม้สำหรับเดินพรมแดง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุ้นตาหรือเคยสวมมาก่อน แต่ความโดดเด่นของเดรสที่อยู่ท่ามกลางสีโทนอ่อนมันทำให้เธอนึกถึงใครบางคน
ใครคนนั้นยึดมั่นสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่แคร์รอบข้าง ยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าถูกต้อง แม้จะถูกคนใกล้ชิดผลักไสเธอก็ยังพยายามยืนหยัด
ใครคนนั้น… คือตัวของเธอเอง
…ถ้าจำไม่ผิดนั่นคงเป็นงานเต้นรำครั้งแรกหลังจากได้เป็นคู่หมั้นกับชิน
ความรู้สึกที่ถูกบ้านเกิดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองยังสดใหม่ ความกลัวต่อบ้านหลังใหม่ก็ยังแจ่มชัดเหมือนแผลเพิ่งโดนกรีด
แต่เธอไม่อาจยอมให้ตัวเองเชื่อว่านี่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องได้ ในงานเต้นรำที่มีธีมสีดำทมิฬยามค่ำคืน ชงหยวนจึงทำอารยะขัดขืนด้วยการสวมชุดเดรสสีแดงเข้าร่วมงาน
เพิ่งเข้าใจคำว่าแกะดำก็วันนั้น… สายตาทิ่มแทงจำนวนมากถูกส่งมาที่เธอ ทั้งที่เป็นแขกและผู้น้อย แถมยังอาศัยบ้านเข้าอยู่ แต่กลับไม่รักษามารยาทเสียได้
คำติฉินพวกนั้นมันสมควรแล้ว ชงหยวนรู้ดีแต่ก็ทำได้แค่เจ็บใจ ทนเสียงดูแคลนและยืนกำกระโปรงเสียแทบขาดปานโกรธแค้นโชคชะตา
ทั้งที่เป็นแบบนั้น… ชายคนที่น่าจะหัวเสียที่สุดกลับเดินเข้ามาและยื่นมือเข้าหา
ชายหนุ่มผู้ที่ควรจะเสียหน้าที่สุดเพราะต้องครองคู่กับหญิงสาวไร้มารยาท เขาคนนั้นกลับยื่นมือเข้ามาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจนะคะ” ชงหยวนกล่าวอย่างสำนึก แม้จะยังกริ้วโกรธกับความอยุติธรรมที่ถาโถม
แต่ชายหนุ่ม… ชินกลับยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มเข้าอกเข้าใจ
เขาไม่สนใจและเริ่มชวนเธอเต้นรำ
ก็จริงที่เป็นการทำไปตามมารยาทและพิธี แต่ความอ่อนโยนนี้ไม่ใช่ของเทียมแน่ ชงหยวนรู้สึกได้
“ไม่เป็นไรนะ ฉันเข้าใจ” ชินบอกแบบนั้นขณะเพลงเริ่มบรรเลงและก้าวเท้า
“มันคงยากสำหรับเธอที่ถูกบังคับให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ถ้ามันไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ฉันว่ามันก็ไม่มีปัญหาหรอก”
“…แต่คนในงานเขาไม่ชอบกันนี่คะ” ชงหยวนขมวดคิ้วในขณะย่ำเท้าตามจังหวะชิน ความกระอักกระอ่วนทำให้แสดงฝีมือออกมาไม่เท่าที่ซ้อม
แต่คนที่นำเธอกลับเป็นชินอีกครั้ง ทั้งที่ถูกสายตาจับจ้องเหมือนกันแต่เขากลับไม่หวั่นไหวเลยสักนิด
“คนอื่นจะดูถูกก็เป็นปัญหาของพวกเขานะ” แววตาชินมองตรงเข้ามา ไม่ใช่แค่ดวงตาของเธอแต่เป็นถึงหัวใจ เพราะมันถูกส่งมาด้วยความเข้าใจ
“ไม่ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน ถ้าแตกต่างจากคนอื่นก็จะมีคนไม่ชอบอยู่เสมอนั่นแหละ… แล้วฉันว่าการทำแบบนี้มันกล้าหาญแล้วก็น่าชื่นชมมาก งานใหญ่ขนาดนี้เป็นฉันเองยังไม่กล้าเลย”
ชินเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้ง ไม่กล้าจินตนาการว่าหากเป็นตัวเองจะกล้าทำไหม
แต่สำหรับชงหยวน… คำเยินยอนั่นมันแทบจะทำเอาหัวใจเธอละลาย ทั้งที่มันควรจะถูกแช่แข็งเพราะถูกบ้านเกิดทรยศไปแล้วแท้ ๆ
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะคำพูดอ่อนโยนของเขา… เป็นเพราะเขาไม่ปฏิเสธสิ่งที่เธอเลือก
“เป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่เถอะนะชงหยวน แค่ถูกบังคับมาอยู่ต่างถิ่นมันก็แย่พออยู่แล้ว …อย่างน้อยตอนที่รับบทคู่หมั้นกัน ถ้ามีสายตาแบบนั้นอีกฉันจะช่วยแบ่งเบาให้เอง”
“…ค่ะ”
ถูกโอบอ้อมด้วยรอยยิ้มราวกับดวงอาทิตย์ ใครหนอจะไม่หวั่นไหว
ทั้งที่เคยบอกว่าจะรับบทพอเป็นพิธี และจะไม่แตะต้องจนกว่าจะได้เป็นอิสระ แต่กลับใช้คำพูดหวานมาสัมผัสละลายหัวใจ แบบนี้ใครเล่าจะทนไหว
แต่… ก็ต้องขอบคุณคำพูดเขา ชงหยวนถึงได้ไม่ทนทุกข์กับบ้านใหม่อีก
ไม่สิ… เขาทำให้เธอไม่สูญเสียความเป็นตัวเองด้วยซ้ำ
คนที่ทำให้เธอเชื่อมั่นในตัวเองได้ คนที่สนับสนุนว่าการยืนหยัดเพื่อตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด คน ๆ นั้นคือรักแรกและรักเดียวคนนี้
พอมานึกดู… ความรู้สึกหวานอมเปรี้ยวนี้อาจเกิดขึ้น ณ ตอนนั้นก็ได้ เธอนึกแล้วยังอมยิ้มไม่หาย
แต่พอเทียบกับตอนนี้แล้ว
เราเปลี่ยนไปจริง ๆ ด้วยสินะ
คำตอบช่างทิ่มแทง ตอนนี้เธอเป็นได้กระทั่งคนที่ตัวเองเกลียด ถึงกับทลายความยุติธรรมของตัวเองเพื่อสิ่งที่ต้องการ
แล้วแบบนี้… เธอจะมีหน้าไปเปลี่ยนโลกให้ผู้คนสมควรได้รับสิ่งที่ตัวเองทำได้เหรอ?
ความซื่อตรงเริ่มจะทำให้ความรู้สึกเธอแจ่มชัดขึ้นเช่นนั้น
และตัวเลือก… ก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เสมอ
กริ๊ง! กริ๊ง!
โฮโลวอชที่ข้อมือของชงหยวนเกิดสั่นขึ้นมา พอเปิดหน้าจอโฮโลแกรมขึ้นดูก็พบว่ามีข้อความใหม่จากจิน
จะว่าไปแล้ว… เรามีแผนสำรองที่จะให้จินส่งคำตอบมาให้เราด้วยนี่นะ
ชงหยวนนึกถึงการเตรียมการก่อนเริ่มแข่ง
เธอให้จินที่เป็นผู้ชายด้วยกันแอบส่งข้อมูลมาให้ว่าชินเลือกชุดแบบไหน เธอจะได้เลือกชุดที่เหมาะสมตาม เรียกว่าแอบส่งโพยก็คงไม่ผิด
…แต่หลังจากที่นึกเรื่องในอดีตขึ้นมาได้ นิ้วที่กำลังจะเปิดข้อความกลับชะงัก
มันต้องชะงักอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ที่ใช้ไนท์หวังควบคุมคู่แข่งให้แพ้ เธอทำไปเพราะความร้อนรน
แต่หากสงบลงแล้วยังเลือกทางเดิม มันก็ไม่ต่างจากการตั้งใจทำลายตัวตนของตัวเอง
และนั่นคือฟางเส้นสุดท้าย… ที่เธอไม่มีวันตัด
พอที!
ชงหยวนตัดสินใจเด็ดขาด เลื่อนมือปิดโฮโลวอชไม่อ่านข้อความ
แววตาแน่วแน่ของเธอหวนคืน กลับไปเป็นหญิงผู้องอาจ
ดั่งตัวตนที่เคยลืม… ตัวตนที่เคยได้รับคำชื่นชมจากเขาคนนั้น
ฉันคือชงหยวน! คนที่จะเป็นราชาของโลกใบใหม่!
ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีหลอกลวง!
ถ้าชนะอย่างภาคภูมิไม่ได้ ก็ขอตายซะดีกว่า!!!
❖❖❖❖❖
หลังจากที่ฝั่งผู้หญิงแยกไปเปลี่ยนชุด ฝั่งชายเองก็กำลังเตรียมตัวอยู่เหมือนกัน
แต่ถึงจะบอกว่าเตรียมตัว คนที่อยู่ในชุดสูทก็มีแต่ชินคนเดียวอยู่แล้ว
ตอนนี้เขาอยู่ในชุดสูทสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทที่ผูกเป็นสีดำ ว่าไปแล้วก็เป็นชุดมาตรฐานทั่วไป
“ธรรมดาอ่ะ!” เคนเนธเลยทำหน้ามุ่ยบ่นอุบซะแบบนั้น
แต่จินได้ยินเขาบ่นแล้วยิ่งหรี่ตา …เพราะถ้าชินแต่งตัวออกมาดูธรรมดาจริง สาว ๆ ในร้านคงไม่มองเขาเป็นตารูปหัวใจกันหมดทั้งร้านอย่างนี้
แต่เหมือนจินจะจ้องมากไปหน่อย ชินเลยรู้ตัวและมองกลับคืนมา
“แล้วจินไม่เลือกชุดของตัวเองเหรอ?”
“…ของผมไว้ทีหลังก็ได้”
จินตอบสงบเสงี่ยมเหมือนเคย
แต่ชินรู้ว่ามันหมายความว่ายังไง เพราะเขาเห็นจินใช้งานโฮโลวอชหลายครั้งตอนเขาเลือกชุด
ถึงจริง ๆ อาจจะใช้งานเรื่องส่วนตัวก็เป็นไปได้
แต่ขอเดาไว้ก่อน 90% เลยว่าคงส่งข้อมูลให้ชงหยวนแน่ ๆ
ชินคาดเดาเอาตามลักษณะนิสัยของจิน เพราะเขาเป็นพวกเคร่งมารยาท ประเภทที่จะไม่เล่นโฮโลวอชตอนทานข้าวกับเพื่อน
แต่หากใช้วิธีนั้นเพื่อเอาชนะการแข่ง ชินคงรู้สึกผิดหวังในตัวชงหยวน แม้จะเข้าใจได้ว่ามันจำเป็นก็เถอะ
“อู้วว!!!”
อยู่ดี ๆ เคนเนธก็ส่งเสียงดีใจ ชินเลยมองตาม
แล้วก็รู้คำตอบในทันที… โอลิเวีย เกวนและซูซาน ทั้งสามคนเดินเข้ามารวมกลุ่มอีกครั้ง สาวงามทั้งสามในชุดเดรสสะกดสายตาทั้งชายหญิงในร้านไปหมด
ทางด้านของเกวนเป็นชุดเดรสสีขาวลายลูกไม้ แต่ปิดบังเนื้อหนังทั้งหมดอย่างสงวนตัว กระนั้นก็แสดงออกถึงความแก่นแก้วด้วยกระโปรงสั้นเสมอเข่าดูร่าเริงสมเป็นเจ้าตัว
ต่างจากเดรสสีเขียวใบไม้ของโอลิเวียที่เป็นลายลูกไม้เหมือนกัน แต่ด้วยความที่ชุดเป็นแบบเปิดไหล่เลยทำให้รู้สึกเป็นผู้ใหญ่กว่า กระโปรงยาวที่ควรจะรู้สึกเรียบร้อยกลับเป็นแบบแสกข้าง ตั้งใจขับเน้นความเป็นผู้หญิงของตัวเองออกมาเต็มที่
ในขณะที่ซูซานเป็นชุดเดรสสีดำสนิท เนื้อผ้าเรียบลื่นสบายตา แนบเนื้อไปโครงร่างผอมบางของเจ้าตัว กระโปรงมีความยาวถึงน่องพอเหมาะกับความเรียบร้อยและเหมาะสมสำหรับการเต้น เรียกว่าเป็นความงามที่สอดคล้องกับประโยชน์ใช้สอย
ทั้งสามสาวยืนอยู่ด้านหน้าชิน… จากทีแรกหวังให้เขาประทับใจ ดันกลายเป็นหน้าแดงเมื่อเห็นเขาในชุดสูทแทนเสียได้
…แต่เกรงว่านั่นไม่ใช่สาเหตุเดียวที่พวกเธอใจสั่นผิดจังหวะ
เพราะหลังจากเห็นว่าชุดของชินเป็นสีดำ เกวนก็หน้าถอดสี โอลิเวียก็ยืนแข็งทื่อ
ต่างจากซูซานที่ฉีกยิ้มกว้าง
“นึกว่าจะต้องตัดสินด้วยการออกแบบอะไรทำนองนั้น …แต่ดูเหมือนแค่โทนสีก็คงบอกผู้ชนะได้แล้วสินะคะเนี่ย”
ชัยชนะปรากฏตั้งแต่พริบตาที่เห็นตัวชิน สไตล์การแต่งตัวของทั้งสี่คนไม่ได้ต่างกันเลยนอกจากสี
และคนที่เข้าคู่ที่สุดราวกับนัดกัน ก็มีแต่ซูซานที่สวมสีดำ
ผลลัพธ์ทำเกวนกุมหน้าอก ยิ่งเห็นซูซานเดินเข้าไปหาชินเธอยิ่งทำใจลำบาก
แม้ว่าทางชินจะไม่ยี่หระใด ๆ นอกจากมองตามซูซานที่ร่นเข้ามาหา เธอฉีกยิ้มของสาวน้อยแรกแย้มราวกับเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม
ชินที่ระแวงเธอยังสัมผัสได้แต่ความเที่ยงธรรม ไม่รู้สึกเลยว่ารอยยิ้มแห่งชัยชนะนี้ได้มาจากวิธีสกปรก
“ฝากตัวอีกครั้งด้วยนะคะ ชิน”
“…อื้ม ฝากตัวด้วยนะ”
ชินจำต้องรับสภาพ เพราะกฎก็ต้องเป็นกฎ
แต่คนที่เจ็บปวดที่สุดคงเป็นคนที่แพ้มากกว่า… เกวนถึงได้กำมือแน่นมองซูซานกับชินคู่กันปานจะหลั่งน้ำตา
“คุณโอลิเวีย… แบบนี้จะไม่แย่เหรอคะ?”
เกวนกัดฟันหันไปถาม แม้ไม่คิดแคลงใจผลตัดสินแต่ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงชิน เพราะเธอรู้ว่าซูซานต้องหวังอะไรมากกว่าได้คู่เขาแน่
ทั้งอย่างนั้น… พอมองโอลิเวียที่อยู่ข้าง ๆ เกวนกลับพบว่าเธอสงบกว่าที่คิด อย่างน้อยก็สงบกว่าเธอแน่ ๆ
“ไม่หรอกค่ะ แบบนี้แหละดีแล้ว”
โอลิเวียเปรยยิ้มทำเกวนรู้สึกทึ่ง ไม่คิดเลยว่าเธอจะใจกว้างถึงขนาดนี้
ทั้งที่พอเป็นเกวนเธอทั้งจะแขวะทั้งแซวแท้ ๆ คิดแบบนั้นเลยกลายเป็นแอบงอนแก้มป่องให้โอลิเวียแทน
ทว่า… เกวนคิดผิดถนัด
เพราะสายตาที่โอลิเวียมองซูซานมันไม่ใช่ความอ่อนโยน และรอยยิ้มของเธอก็ไม่ได้เกิดจากความยินดี
หากแต่เป็นสายตาของผู้ชนะที่กำลังมองผู้แพ้สวนทางกับผลลัพธ์
ราวกับการแข่งนี้ เป็นเพียงแค่ทางผ่านสู่บางอย่าง
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION