————กลางดึกเวลาไล่เลี่ยกัน, นอกเมืองปารีส
ช่วงเวลาเดียวกับที่แองกริคราวน์กำลังโดนไล่ล่า ชานเมืองของปารีสเองก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
บรรยากาศเมืองย่อยแห่งนี้ว่าไปแล้วแทบไม่ต่างจากในเมือง คือเป็นอาคารแถวที่มีความสูง 3-4 ชั้นตลอดสองฝั่งของแนวถนน แสงไฟจากหลอดนีออนตามข้างทางเองก็ส่องสว่างเพียงพอ พื้นถนนเองก็ดูสะอาดสะอ้านสมกับที่มีการทำความสะอาดสม่ำเสมอ
ทั้งอย่างนั้น… เสียงผู้คนจากบ้านเรือนกลับเงียบสนิท ทั้งที่ไฟในบ้านแทบทุกหลังยังเปิดทิ้งไว้ กระทั่งผู้คนเดินถนนที่ควรมีกลับไม่เหลืออยู่เลยสักคน
ความเงียบงันน่าฉงนราวกับชาวเมืองถูกผีลักซ่อน
…มีเพียงตัวตนเดียวที่เหลืออยู่ คือบุคคลปริศนาผู้สวมชุดเกราะอัศวินสีฟ้าเงินพร้อมหมวกเกราะเหล็กสีเดียวกัน
เขาเดินอย่างเชื่องช้ากลางถนนโดยไม่กังวลเรื่องรถยนต์ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะไม่มีใครหลงมาที่นี่ได้
นอกเสียจากคนที่เขากำลังรออยู่
“ข้าต้องบอกให้แสดงตัวไหม เจ้าพวกผู้บุกรุก!!!!”
อัศวินตะโกนดังลั่นเมืองด้วยเสียงของชายวัยกลางคน
ทว่ากลับไร้ซึ่งเสียงตอบกลับใด ๆ
นั่นยิ่งทำให้ชายอัศวินกระทืบเท้าหงุดหงิด เพราะเขารู้ว่ามี
“ออกมาซะ เจ้าพวกฉิน! ข้ารู้ตั้งแต่ที่พวกเจ้ากับราชามาเยือนถิ่นของข้าเมื่อกลางวันแล้ว!”
อัศวินชักดาบสะพายเอวออกจากฝัก ชี้ดาบสองคมขนานกับถนนไปยังความมืดมิดในมุมตึกห่างไปไม่ไกล
เสียงฝีเท้าจำนวนนึงจึงจำต้องออกมาจากมุมมืดอย่างไม่อาจเลี่ยง
ประกอบไปด้วยหญิงสาวผมหางม้าสวมหน้ากากหนู… สู่
หญิงสาวผมสั้นภายใต้หน้ากากกระต่าย… ทู่
และสุดท้ายคือชายหนุ่มกล้ามโตสวมหน้ากากวัว… หนิวผู้มาพร้อมขวานยักษ์คู่ใจ
เห็นทั้งสามยืนประจันหน้า อัศวินผู้ปกครองดินแดนก็กอดอกพยักหน้าพอใจ
“ใช่ ๆ ต้องแบบนี้สิ! เป็นนักรบมันต้องใจ ๆ หน่อย”
อัศวินทำเสียงร่าเริงเหมือนได้รับมารยาทที่ต้องการ
แต่กับคนที่เป็นศัตรูอย่างพวกหนิว พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าท่าทีนั้นมีประโยชน์อะไรกับการต่อสู้
“อะไรของหมอนั่นเนี่ย… เต็มป่ะ?” สู่เลยแอบกระซิบใส่หลังหนิว แต่งตัวแปลกแถมยังพูดแปลก ๆ แบบนั้นคงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“แล้วฉันจะไปรู้ไหมเล่า?”
หนิวทำหน้าเหมือนอยากจะบอกว่า ‘มาด้วยกันจะไปรู้ได้ยังไง’
ถึงแบบนั้น หนิวก็สัมผัสได้ว่าทู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เองก็กำลังหัวเราะแห้ง คงเพราะศัตรูมีบุคลิกแปลกประหลาดแบบนั้นเลยทำให้ยากกับการอ่านสถานการณ์
แถมอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ตัวเสียด้วย พอเห็นพวกหนิวกระซิบกระซาบ เส้นเลือดจึงได้ปูดบนหน้าแล้วชี้มาทางพวกหนิวเสียแรง
“เฮ้ย ๆ พวกแก! มาด่าคนอื่นว่าเป็นไอ้บ้าสวมเกราะมันใช้ได้ที่ไหน! มีมารยาทหน่อยสิเฮ้ย!”
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลย!”
หนิวตะโกนสวนอัศวินคนร้อนตัวแทบไม่ทัน ทำเอาเขาถึงกับเสียความเยือกเย็นไปด้วย เข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาเจอคนบ้าถึงต้องสงบสติอารมณ์ก่อนเป็นอันดับแรก
…แต่ถึงแบบนั้นคนที่เขาคิดว่าบ้ากลับใจเย็นกว่า (หรือไม่ก็ไม่ได้คิดอะไรแต่แรก)
อัศวินแหงนมองจุดที่อยู่เหนือพวกหนิวขึ้นไป ทำให้พวกหนิวรู้ว่าอัศวินคนนี้ประสาทสัมผัสดีและมีสติกว่าที่เห็น
“พวกเจ้ามีอีกคนนึงไม่ใช่รึไง?”
“ไม่… เธอคนนั้นมาแค่สังเกตการณ์” หนิวไม่ปฏิเสธตัวตนของมือขวาองค์ราชินีอย่างหนิงอัน อัศวินคนนี้เป็นผู้ปกครองย่อมรู้อยู่แล้วว่าเธอมีตราอัศวิน
แต่ถึงรู้แบบนั้น อัศวินวัยกลางคนกลับทำแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระใด ๆ
“…เอาเถอะ จะแอบลอบกัดกันก็ตามสบาย”
อัศวินวัยกลางคนไม่ซื้อความซื่อตรงของหนิว เพราะจากมุมของเขา หนิงอันหรือโหวดูเหมือนคนที่มาคอยเก็บงานมากกว่าจะแค่ดูอยู่เฉย ๆ
เดิมที… การมีคนไม่รู้จักเข้ามาในสวนหลังบ้านพร้อมกับคนที่แอบดู มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทนได้นานอยู่แล้ว
“งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” อัศวินวัยกลางคนเร่งเร้าบทสนทนา
“ข้ามีนามว่าเซอร์เคย์! อัศวินของกษัตริย์อาเธอร์ผู้จักปลดปล่อยโลกนี้ให้เป็นอิสระ!”
อัศวิน… เซอร์เคย์ยกคมดาบขึ้นชี้พวกหนิว ทำให้พวกเขาตั้งการ์ดด้วยหมัดและอาวุธ
…เพราะนอกเหนือจากคำประกาศ แรงกดดันที่เซอร์เคย์แผ่ออกมาก็รุนแรงจนขนหัวลุกพอกัน
“แต่พวกเจ้าไม่ต้องบอกชื่อก็ได้”
“ “ “!!?” ” ”
พริบตานั้น… เซอร์เคย์ก็หายไปจากสายตาพวกหนิว ทั้งที่พวกเขาไม่ทันได้กะพริบตาแท้ ๆ
พอรู้ตัวอีกที เซอร์เคย์ก็อยู่เหนือหัวพวกเขาทั้งสามคนพร้อมกับเงื้อดาบขึ้น
“หากพวกเจ้าคู่ควร ข้าจะถามชื่อพวกเจ้าเอง!!!”
เซอร์เคย์ฟาดดาบลงจนอากาศสั่นสะเทือน แต่พวกหนิว สู่และทู่ก็กระโดดถอยหลบไปได้ทัน
คมดาบฟาดลงกับพื้นจนเกิดรอยหลุมอุกกาบาต พลังกายของเขาน่ากลัวจนพวกหนิวเหงื่อตก
“ใช้ได้ ๆ ถึงจะออมมืออยู่ แต่หลบได้ก็ถือว่าเยี่ยม”
เซอร์เคย์พาดดาบบนไหล่ ท่าทางสบาย ๆ ช่างไม่สมกับฝีมือที่ร้ายกาจกว่าความเป็นจริง
บ้าเอ้ย… ทั้งที่ควรจะรีบปิดเกมให้ได้วันนี้แท้ ๆ
ศัตรูดันเก่งกว่าที่คิดซะได้
หนิวกัดฟันกรอดเจ็บใจ หากจะมีโอกาสไหนที่จะชิงดินแดนและรีบยืนยันตัวตนของชินให้ได้โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว มันก็ควรเป็นคืนแรกของการทัศนศึกษาแบบนี้แท้ ๆ
แต่ว่า… นี่มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น!!!
หนิวใช้ ‘ผสานจิต’ จากตราอัศวิน ออร่าเพลิงครอบคลุมไปทั่วร่างพร้อมพลังกายที่เพิ่มขึ้น จนพื้นที่เขาเหยียบแตกระแหง เซอร์เคย์เห็นก็ยังต้องผิวปากชื่นชม
หนิวได้ทีก็เหยียบพื้นเตรียมพุ่ง พร้อมกับเงื้อขวานไปด้านหลังเตรียมฟาดในทันทีที่ร่นระยะเข้าหาเซอร์เคย์ได้
จากนั้นก็ฟาดขวาดเข้าใส่สีข้างของเซอร์เคย์จนเกิดเสียงดังสนั่นประหนึ่งระเบิดลง อัดร่างของอัศวินปลิวทะลุตึกจนควันฟุ้ง
“ไง… คู่ควรพอให้จำชื่อรึยัง?” หนิวยิ้มเยาะ ยังแอบเคืองกับคำดูถูกก่อนหน้า คิดว่าเท่านี้คงเพียงพอแล้วต่อการพิสูจน์
แต่ว่า…
“ไม่ใกล้เลยว่ะ”
“!!!?”
เซอร์เคย์ปรากฏตัวด้านหลังหนิว ตามมาด้วยลมกรรโชกจากการเคลื่อนไหวเร็วกว่าเสียง ความปราดเปรียวถึงขนาดสายลมยังต้องตามหลัง
เร็วมาก!!!
คมดาบของเซอร์เคย์ฟาดเข้ามาทำหนิวเสียวสันหลังวาบ เขารีบหันกลับหลัง ยกมือที่สวมปลอกแขนขึ้นมาเบี่ยงการโจมตีได้ทัน
หนิวอาศัยแรงเหวี่ยงตอนหันตัวเหวี่ยงขวานสวนเข้าใส่เซอร์เคย์อีกต่อ
แต่เซอร์เคย์ก็ทำแบบเดียวกันด้วยการหมุนตัวสร้างแรงเหวี่ยง แล้วเอียงดาบปัดการโจมตีของหนิวไปอีก
ไอ้ตาลุงขี้เมานี่เทคนิคเหลือร้ายจริง ๆ!
หนิวชักทนไม่ได้ที่ถูกปัดการโจมตีต่อเนื่อง
แต่ในทางกลับกัน… หากอีกฝ่ายต้องปัดการโจมตีแทนที่จะรับเอาไว้ ก็เป็นไปได้ว่าพละกำลังของตัวเขายังเหนือกว่า
หนิวตัดสินใจดังนั้นจึงใช้จุดแข็งของตัวเอง ออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อเส้นเลือดผุดแขนแล้วเหวี่ยงเข้าใส่กลางลำตัวเซอร์เคย์กะจะผ่าเขาเป็นสองส่วน
แต่เซอร์เคย์ปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไว คมขวานนั้นเฉือนผ่านเกราะของเขาในจังหวะที่พยายามกระโดดหลบออกไป แรงเหวี่ยงอันมหาศาลยังไปต่อจนตัดเสาไฟใกล้ ๆ และตัดอาคารเป็นแนวเฉียง
เซอร์เคย์ลูบเกราะตรงท้อง ปรากฏรอยลึกเฉือนเข้าไปจนลมผ่านเข้ามาโดนผิว
แต่หนิวไม่สังเกตเห็นเลือดจากรอยนั้น ทำให้เขาเหงื่อตกแทน
กลับกัน เซอร์เคย์ยังยืนปล่อยแขนสบาย ๆ อยู่เลย
“พลังทำลายใช้ได้ แต่ความเร็วตามข้าไม่ทันสักนิด”
“หนอย…”
โดนเซอร์เคย์ย้ำไปอีก หนิวก็ต้องกัดฟันกรอดอีกครั้ง
แต่ว่า… คนที่ ‘เร็ว’ น่ะ
ไม่ได้มีแต่แกหรอก!!!
“!!!?”
พริบตาที่หนิวเผยรอยยิ้มใต้หน้ากาก กระต่ายนามทู่ก็ปรากฏด้านหลังของเซอร์เคย์แบบที่เขาทำกับแฟนหนุ่มของเธอ
เธอพลิกตัวกลางอากาศเตะก้านคอของเซอร์เคย์จนหน้าหัน
“อึก!”
เซอร์เคย์รีบตั้งสติแล้วหันกลับไปตวัดดาบใส่ แต่ทู่ก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอยืนอยู่ห่างออกไปถึงสิบเมตร แถมยังทำท่าจะถีบพื้นพุ่งเข้ามาแล้วด้วย
จังหวะต่อเนื่องไม่ให้พักหายใจ ทำเอาเซอร์เคย์หงุดหงิดจนต้องกุมหัวผ่านหมวกเกราะ
“ยัยผู้หญิงหน้าไม่อาย!!!!”
เซอร์เคย์ตะโกนลั่น เกียรติของอัศวินทำให้เขารู้สึกว่าการโจมตีแบบนี้มันน่าอับอาย
และความโกรธนั้นแล ที่กลบเกลื่อนกลิ่นอายของคนที่สามจนมิด
“ด่าได้แสบจนแอบเห็นด้วยเลยนะเนี่ย”
“!!!?”
สู่พูดทีเล่นทีจริง เธอปรากฏตัวอยู่ข้างเซอร์เคย์แบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง
ในมือเธอถือมีดสั้นถูกอาบด้วยออร่าเพลิงจากตราอัศวิน เข้าแทงจุดที่เกราะเปิดบริเวณท้องของเซอร์เคย์เข้าจั๋งหนับ ก่อนจะถีบพื้นหายไปอย่างเงียบเชียบ
ทว่านั่นไม่ใช่การหนีไปตั้งหลัก แต่เป็นการหลบให้พ้นจากการโจมตีถัดไป
…ของขวานยักษ์ในมือหนิวที่กำลังกวาดเข้ามา ใส่กลางลำตัวเซอร์เคย์เป็นครั้งที่สาม
รอบนี้หนีไม่พ้นแน่! ปิดฉากล่ะ!!!
“อั๊ก!!!”
คมขวานฟาดใส่สีข้างซ้ายของเซอร์เคย์จนเกราะแตก เขาส่งเสียงกระอักเลือดเป็นครั้งที่สอง แต่หนนี้เลือดถึงกับกกปาก ก่อนที่ร่างจะกระเด็นกระดอนเด้งไปตามพื้นถนนไกลกว่า 30 เมตร
ทู่กับสู่ที่ช่วยสนับสนุนวิ่งกลับมาอยู่ข้างกายหนิวอีกครั้ง
ทั้งสามยืนอยู่คนละฝั่งกับเซอร์เคย์ที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ
สภาพต่างจากก่อนจะเริ่มสู้โดยสิ้นเชิง
“อา… ซี่โครงหักไหมวะเนี่ย” เซอร์เคย์จับสีข้างตัวเองแล้วรู้สึกว่าใช่
สถานการณ์ของเขาเริ่มตกเป็นรองเพราะเป็นฝ่ายเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ
แต่… พวกหนิวกลับยังตั้งการ์ดแน่นและไม่เข้าไปซ้ำทันที ความระแวดระวังนี้เกิดจากท่าทีที่ยังสบาย ๆ ของเซอร์เคย์
บวกกับความจริงที่ว่า ‘อีกฝ่ายยังไม่ได้เอาจริง’
“ยอมรับเลยล่ะนะว่าพวกนายตึงมือกว่าที่คิด แบบนี้จบไม่สวยแหง” เซอร์เคย์เกาหัวผ่านหมวกเกราะ ไม่แน่ใจว่ารู้ตัวไหมว่าทำไปก็ไม่หายคัน
แต่เขาก็ทำเรื่องไม่จำเป็นมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
…รวมถึงเรื่องที่ไม่ยอมใช้ตราอัศวินของตัวเองตั้งแต่แรกด้วย
วูม!!!
สัญญาณเอาจริงของเซอร์เคย์จึงเริ่มขึ้น ด้วยออร่าสีทองอร่ามจากตราอัศวินปรากฏขึ้นบนมือขวาของเขา
“ถ้าชนะพวกนายได้แบบไม่ต้องใช้ตราอัศวินคงเท่ไม่หยอกแท้ ๆ น่าเสียดาย”
“น่าเสียดายเหรอ… สติดีรึเปล่านายน่ะ”
หนิวขมวดคิ้วใต้หน้ากาก ไม่เข้าใจตรรกะความคิดของชายตรงหน้า ทั้งที่การเอาแต่เล่นของเขาอาจทำให้ตัวเองตายได้เลยแท้ ๆ
“สติดีเหรอ? ถามอะไรแปลก ๆ” ทั้งอย่างนั้น… สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็นการเอียงคอสงสัยของเซอร์เคย์แทน
“ยึดติดกับอุดมคติของตัวเองมันแปลกตรงไหน? พวกนายไม่ได้ลงมาในสนามรบเพื่อจะทำเรื่องบ้า ๆ อย่างการเปลี่ยนโลกรึไง?”
นอกจากความสงสัยที่ได้กลับมายังเป็นคำถาม เซอร์เคย์ผายมือทั้งสองออกเหมือนอยากถามว่าพวกหนิวต่างจากตนตรงไหน
“ถึงฉันจะเป็นไอ้ขี้เมาก็เถอะ! แต่อย่างน้อยก็มีความภาคภูมิใจในการเป็นอัศวิน ไม่ลอบกัดคนอื่นเชียวนะ! ถึงจะบ้าแต่ข้าก็ดีกว่าพวกเจ้าแหละวะ!” เซอร์เคย์ชี้คมดาบไปทางทู่จนหนิวเอาตัวเข้าไปบัง
แต่เขาทำไปเพราะอยากแสดงออกว่าตนสูงส่งกว่าเท่านั้น จึงทุบอกตัวเองเหมือนโอ้อวดมากกว่าจะเพื่อคุกคาม
“แต่เอาเถอะ… อัศวินอย่างข้าไม่ถือสาอะไรพวกเจ้าหรอก” เซอร์เคย์กลับมายักไหล่เหมือนไม่คิดมากอีกครั้ง แต่สู่ที่ทนฟังมาตลอดจนคิ้วกระตุกรู้สึกเหมืนฟังคำแถ
“โทษนะยะ แล้วเมื่อกี้ไม่เรียกถือรึไง”
“ก็พวกเจ้าว่าข้าสติไม่ดีก่อน ข้าจะสวนบ้างก็ไม่เห็นแปลก”
เซอร์เคย์ต่อปากต่อคำ เหมือนเขาจะเป็นประเภทไม่ยอมคน
…ไม่ว่าอย่างไร คำพูดที่ส่งไปยังทู่ก็ยังเป็นการดูแคลน แต่หญิงสาวคนนี้ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากำมือแน่นเก็บความหงุดหงิดไว้ในใจ
“ทนฟังมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” คนที่ตัวสั่นด้วยความหงุดหงิดกลับเป็นหนิวที่อยู่ด้านหน้าสุด ไม่ใช่คนที่โดนสบประมาทอย่างทู่
“พูดบ่นนู่นนี่นั่น สุดท้ายแกก็ยังดูถูกคนอื่นอยู่ดี!”
หนิวยกขวานขึ้นชี้หน้าเซอร์เคย์เป็นครั้งแรก การแสดงความรู้สึกในการต่อสู้จนเกินควบคุมนั้นอาจทำให้เสียความเยือกเย็นแท้ ๆ
แต่ความระอุในอก จากการที่คนรักถูกดูแคลนนั้นเกินจะเก็บไหว หนิวไม่อาจทนให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้
“คนที่แกดูถูกอยู่นี่เป็นหญิงแกร่งที่เลี้ยงดูน้องชายน้องสาวเกือบสิบคนด้วยตัวคนเดียวเลยนะ! ขยันแล้วก็เข้มแข็งถึงขนาดเอาความฝันของตัวเองไว้ทีหลังได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นคนอ่อนโยนด้วย!
ไม่รู้เรื่องนั้นแล้วยังไปด่าเธอ แกก็แค่พวกอัศวินชั้นสองนั่นแหละ!!!”
“จิว——หนิว…”
ทู่ประทับใจจนเกือบหลุดเรียกชื่อจริง ความอบอุ่นเกิดขึ้นในใจจนเผลอกุม การมีคนรักคอยอยู่เคียงข้างและยืดหยัดอยู่ฝั่งเดียวกันมันน่าชื้นใจเช่นนี้นี่เอง
…เจ้าพวกคู่รักงี่เง่าเอ้ย
ถึงนั่นจะแอบทำให้สู่รำคาญใจจนต้องเกาหัว แต่ตรงจุดที่หนิวออกตัวปกป้องคนที่รักมันยิ่งทำให้เธอหยุดชอบเขาไม่ลง นั่นยิ่งน่าหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
และในทางกลับกัน… ลูกผู้ชายเหมือนกันได้ยิน มีหรือจะอดชื่นชมไม่ได้
“…ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงก็ถือว่าน่ายกย่อง ข้าขอโทษด้วยละกัน เมาแล้วปากมันชอบไหลไปเอง”
เซอร์เคย์เกาหัวอีกไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ ดูจะเป็นลูกผู้ชายพอที่จะเอ่ยปากขอโทษ (แม้จะโบ้ยให้เหล้าอยู่ดีก็ตาม)
แต่เพราะตระหนักถึงความผิดของตัวเอง สติจึงเต็มตื่น
และนั่นอาจกลายเป็นดาบสองคมสำหรับพวกหนิวแทน
“แต่ถ้าพวกเจ้าสมเกียรติขนาดนั้นก็ดี… ข้าจะได้ไม่ต้องออมมือแล้ว”
วูม!!!!
ตราอัศวินทอแสงทองอร่ามตอบสนองจิตวิญญาณอัศวินของเซอร์เคย์ และพวยพุ่งคลุมร่างของเขา
ร่างกายของเขาไปจนถึงชุดเกราะถูกผสานจิต ไม่เพียงเท่านั้นยังอาบไปถึงดาบในมือ พลังโจมตีและป้องกันของเซอร์เคย์ถึงจุดสูงสุดในชั่วพริบตาเดียว
หนิว ทู่และสู่เห็นแล้วแผ่นหลังสั่นสะท้าน ออร่าหนาเตอะที่คลุมร่างเซอร์เคย์มันมากกว่าทั้งสามคนรวมกันเสียอีก
ปริมาณออร่าขนาดนั้น… นั่นใช่ของตราอัศวินแน่เหรอ!?
หนิวเหงื่อตกจนถึงกับกุมขวานด้วยสองมือ แม้ในใจจะยังมีความสงสัย แต่ความกลัวทำให้ละสายตาไปจากเซอร์เคย์ไม่ได้
“มาเริ่มรอบสองกัน”
ส่วนเจ้าตัวนั้นเดินย่างสามขุมเข้ามาหาพวกหนิวโดยไร้ความเกรงกลัวใด ๆ
ท่าทางคล้ายกับการดูถูกอีกครั้ง แต่พวกหนิวได้แต่ระวังไม่กล้าจะเปิดปากด้วยซ้ำ
ราวกับรู้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายเหนือกว่า เขาสัมผัสถึงความกลัวของแฟนสาวและเพื่อนสมัยเด็กด้านหลังได้เลย
แต่ว่า… ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะยอมแพ้!
หนิวเรียกใจสู้ผสานจิต เสริมแกร่งร่างกายและขวานยักษ์ด้วยออร่าสีแดงเพลิง เขาถีบพื้นเข้าหาเซอร์เคย์ร่นระยะไม่ให้เข้ามาใกล้ทู่กับสู่มากกว่านี้
หนิวง้างขวานขึ้นจนสุดด้วยสองมือ กล้ามเนื้อเกร็งจนเส้นเลือดขึ้นแขน เหวี่ยงฟาดลงใส่เซอร์เคย์เต็มแรงราวกับอุกกาบาตตกสู่พื้นโลก
ตู้ม!!!!
เกิดระเบิดขึ้นราวกับขีปนาวุธลงตรงจุดปะทะ เศษซากหินของพื้นปลิวกระจายไปทั่ว พร้อมกับลมพายุ พัดมาถึงจุดที่ทู่กับสู่ยืนอยู่จนพวกเธอต้องยกแขนบัง
แต่พริบตาเดียว ฝุ่นควันก็ถูกออร่าสีทองของเซอร์เคย์พัดหาย
แลเหลือเพียงภาพที่ขวานยักษ์ถูกเซอร์เคย์คว้าไว้ด้วยมือเปล่า
“ดูเหมือนปณิธานของข้าจะแรงกล้ากว่าพวกเจ้านะ”
“บ้าชัด ๆ!”
ถ้าใช้ดาบรับยังพอว่า! แต่ใช้มือเปล่า ๆ รับนี่มันเป็นไปไม่ได้!!!
หนิวเหงื่อแตกพลั่กใต้หน้ากากแทบไม่เชื่อสายตา เพราะกระทั่งในกลุ่มนักษัตร กำลังเพียว ๆ เขาก็ไม่เป็นรองใครแท้ ๆ
“ทีนี้ตาข้าบ้าง”
“!!!?”
เซอร์เคย์ปล่อยมือจากคมขวานแล้วง้างหมัด ขนทั้งตัวของหนิวชูชันเป็นดั่งสัญชาตญาณเอาตัวรอด
เขารีบปล่อยมือจากด้ามขวานแล้วยกมือทั้งสองขึ้นตั้งการ์ดหมัดที่พุ่งเข้ามา
“อึก!!!”
หมัดเซอร์เคย์กระแทกเข้ากับแขนซ้าย หนิวรู้สึกเหมือนกับถูกรถสิบล้อชน ร่างเขากระเด็นลอยผ่านทู่กับสู่ไปโดยพวกเธอไม่ทันรู้
“ “จิวซิน!” ”
ความกลัวจนเย็นหลังทำพวกเธอเผลอเรียกชื่อ แต่หนิวที่กำลังนอนหงายท้องไม่มีแรงจะลุกด้วยซ้ำ
ถึงแบบนั้นก็ยังเห็นภาพทั้งสองคนวิ่งเข้ามาทางเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ซึ่งอีกนัยนึง… มันคือการหันหลังให้ศัตรู
“ไม่ได้นะ! หนีไป!!!”
หนิวตะโกนสุดเสียง เพราะมีแต่เขาที่เห็นเซอร์เคย์ร่นระยะเข้าหาแฟนสาวและเพื่อนสมัยเด็ก
คมดาบของชายคนนั้นถูกง้างและฟาดเข้ามาในเสี้ยววินาที คมดาบกำลังเข้าใกล้สู่และทู่… จิ้นหงและมี่หมินกำลังจะตายต่อหน้าต่อตาเขา
ภาพในวัยเด็กกับช่วงเวลาที่ผ่านมาถึงกับแวบเข้ามาในหัว ราวกับเป็นความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะเสียพวกเธอไป
“!!!?”
แต่คมดาบนั้นกลับหยุดอยู่กับที่ก่อนจะถึงตัวสู่ ทำให้ทั้งสู่และทู่เข้าไปถึงตัวหนิวได้ก่อน
ส่วนเซอร์เคย์ก็ได้แต่ชะงักนิ่ง สับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
อะไรกันเนี่ย? เหมือนดาบไปกระแทกกับอะไรเข้า
“นี่พวกเจ้า มีลูกไม้อะไรอีก———”
“ดูท่านายจะโหยหาคนที่คู่ควรสินะ” เสียงปริศนาดังขึ้นข้างคมดาบที่หยุดนิ่ง อากาศตรงนั้นสั่นไหวราวกับหมอกลวงตา
“งั้นลองเจอกับคนที่ปณิธานเทียมกันเสียหน่อยไหมล่ะ?”
หมอกอันตรธานหาย แปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กว่าเซอร์เคย์ ในชุดศิลปะป้องกันตัวไร้ซึ่งเกราะเหล็กคลุมตัว ส่วนของร่างกายที่เผยให้เห็นก็เป็นเกล็ดของสัตว์เลื้อยคลาน
เป็นเกล็ดของมังกร… ตามสมญานามหลง
“พี่ใหญ่!!!”
หนิวส่งเสียงดีใจทั้งที่ยังไม่มีแรงลุกจากพื้น เดาได้เลยว่าสีหน้าภายใต้หน้ากากจะต้องโล่งอกและดีใจมากแน่
ส่วนเซอร์เคย์ที่เห็นแบบนั้นกลับไม่ได้กระโดดหลบถอย ระยะห่างเพียงหนึ่งเมตรทำให้สังเกตเห็นรูปลักษณ์ของศัตรูครบถ้วน
บวกกับเห็นหน้ากากลายหัวมังกรวาดด้วยพู่กันจีน ตัวตนชัดเจนทำเอาเซอร์เคย์ถึงกับยิ้มร่าใต้หน้ากาก
“รึว่าเจ้าจะเป็นหลง! ขุนพลเอกของพวกฉิน!”
เซอร์เคย์ดีใจราวกับได้เจอศัตรูคู่ควร คำโอ้อวดของหลงก่อนหน้านี้กลายเป็นทำให้ใจเต้นรัวลุ้นระทึกแทน
ในขณะที่หลงนั้นไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเป้าหมาย…
“ลองสักเพลงหมัดแล้วจะรู้”
“!!!?”
หลงไม่พูดพร่ำทำเพลง ออกหมัดต่อยกลางลำตัวเซอร์เคย์ในระยะไม่ถึงไม้บรรทัด ทำเอาเซอร์เคย์ที่ผสานจิตแล้วถึงกับปลิวกระเด็น
แต่เขาก็ยังตีลังกากลับมาลงพื้นได้
หลงไม่มีท่าทางตกใจและเดินเข้าไปขวางลำระหว่างเซอร์เคย์กับพวกหนิว กะยื้อเวลาให้พวกเขาถอยไปตั้งหลัก
และเซอร์เคย์เองก็รู้ว่าหลงยังไม่ได้เอาจริง เขาค่อย ๆ ยืนจนตัวตรงตั้งสติใหม่
เพราะศัตรูหนนี้ไม่หมู แถมยังมีลูกเล่นที่ทำให้เขาสัมผัสตัวตนไม่ได้มาตลอดอีก
ก็ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงหลบเลี่ยงการตรวจสอบของพลังผู้ครองดินแดนได้
แต่ว่า…
“ซ่อนตัวได้เนียนขนาดนั้น แต่เผยตัวออกมาสู้กันซึ่งหน้า คนแบบนี้แหละถึงสมกับชื่อขุนพล!”
ความตื่นเต้นที่ได้เจอศัตรูอันคู่ควรทำเอาเซอร์เคย์ลืมเรื่องจิ๊บจ้อย เขาดีใจตะโกนลั่นราวกับฆ้องศึก
พ้องกับออร่าสีทองจากการผสานจิตที่พวยพุ่งขึ้นมากยิ่งกว่าเก่าถึงสองเท่าตัว ทำเอาพวกหนิวที่สู้กันมาแต่แรกยิ่งเหงื่อตกเข้าไปใหญ่
บ้าน่า! ยังเพิ่มได้มากกว่านี้อีกเหรอ?
เจ้าหมอนี่ไม่ใช่ผู้ปกครองระดับล่าง ๆ รึไง!?
ความผิดปกติทำเอาหนิวกัดฟัน ทู่กับสู่ที่ประคองเขาขึ้นยืนก็สังเกตเห็นความผิดปกติ ความแข็งแกร่งของเซอร์เคย์มันไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้มาเลย การเปิดเผยตัวตนของชินกลายเป็นงานยากกว่าที่วางแผนไว้เสียได้
แต่ว่า… ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ไม่แพ้แน่
ความรู้สึกเจ็บใจอยู่ในอกหนิวก็จริง แต่ความกลัวที่จะพ่ายแพ้นั้นไม่มี
ไปในทางเดียวกับความสงบของแผ่นหลังหลง เขายืนเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าจะผสานจิตได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอย่างไร้ความยำเกรง
“ไม่เลว” หลงกล่าวชมสั้น ๆ
วูม!!!
…ก่อนสวนแรงกดดันศัตรูด้วยการผสานจิตอย่างเดียวกัน
ร่างเขาอาบออร่าสีแดงเพลิงคลุมร่างหนาพอกันกับเซอร์เคย์
เซอร์เคย์เห็นยิ่งยิ้มร่าเข้าไปใหญ่
“เยี่ยมเลย ต้องแบบนี้แหละ! นี่แหละศึกที่อัศวินคู่ควรกับการแลกชีวิต!!! ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้ไม่ก็ตายไปข้าง!!!”
“งั้นก็ตายซะ!”
แรงกดดันทั้งสองเข้าปะทะพร้อมฝีปาก สร้างลมกระโชกออกไปทั่วจนผิวอาคารโดยรอบแตกร้าว
ก่อนทั้งสองจะถีบพื้นเต็มแรงพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายหมายให้ดับดิ้น ดั่งที่ราชันย์ของพวกเขาบัญชา
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION