‘ประกาศ! ขณะนี้เวลา 17.00 น. นักเรียนที่กำลังทำกิจกรรมชมรมอยู่ ขอให้ออกจากบริเวณโรงเรียนก่อนที่จะทำการปิดรั้ว ณ เวลา 18.00 น. ด้วยค่ะ… ขอย้ำอีกครั้ง———’
ประกาศตามกิจวัตรดังขึ้นหลังเสียงออด ไม่น่าสงสัยเพราะท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยนจากสีส้มเป็นทมิฬมืดในเวลาอีกไม่นาน
แต่ในห้องประชุมแห่งนี้ กลับมีเพียงชินคนเดียวที่ได้รับรู้เรื่องนั้น
ทั้งหมดเป็นเพราะชงหยวน… เจ้าของวาจาสิทธิที่สั่งให้ทุกคนนิ่งเหมือนหิน
ทั้งโอลิเวียที่ยืนขึ้นและเอื้อมมือไปทางชงหยวน
หรือจินที่นั่งเหลือบมองไปทางชงหยวน
ทั้งนักเรียนและอาจารย์ทุกคนต่างก็นิ่งสนิทเหมือนถูกสาป แววตาของทุกคนไร้ประกายเสมือนถูกสะกดจิต ชินมองกวาดเห็นภาพเหล่านั้นแล้วขนลุกขึ้นมา
ภาพที่เกิดขึ้นราวกับเวลาถูกหยุดลง แต่เสียงเครื่องปรับอากาศทำให้รู้ว่าที่ถูกหยุดไปมีเพียงผู้คนเท่านั้น
พอคิดว่าเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ ความกังวลก็ทำเอาชินเหงื่อตกขมวดคิ้วแน่น
ครั้นหันไปมองชงหยวนผู้เป็นสาเหตุ เธอก็ยังหันมาหรี่ตายิ้มให้เขาอีก
“สมกับเป็นชินเลยนะคะเนี่ย… คุณยังเป็นคนเดียวที่ทนพลังของฉันได้เหมือนเดิมเลย”
ชงหยวนส่งสายตาชื่นชม น้ำเสียงหวานแหววดูน่าหวาดเสียวยิ่งทำชินเกร็งจนนั่งหลังไม่ติดพนักพิง
ไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะรู้นี่แหละชินจึงไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้
‘ประกาศิตสมบูรณ์’
ไนท์ที่สามารถควบคุมผู้ที่อยู่ในรัศมีการได้ยินของตัวเองตามชื่อของมัน
ผู้ที่ได้ยินเสียงของเธอเข้าไปจะทำตามคำสั่งของเธอทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น กลายเป็นทาสของชงหยวนโดยสมบูรณ์
พลังของเธอเป็นการส่งคลื่นเสียงไปกระทบกับเป้าหมาย
คนที่ไม่สามารถป้องกันได้ก็จะถูกคลื่นนั่นกลืนและตกอยู่ใต้การควบคุมของเธอ ส่วนคนที่แข็งแกร่งพอก็จะถูกคลื่นนั่นกระแทกแทนเพราะไม่สามารถผ่านเข้ามาในตัวได้
ชินค่อย ๆ ตั้งสติ ผลจากแรงกระแทกที่ทำเขาเซเริ่มหายไปแล้ว
แต่ปัญหาคือจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี นั่นคือสิ่งที่ชินกำลังคิด
มาใช้พลังในจังหวะนี้… คิดจะแทรกแซงการโหวตงั้นเหรอ?
แต่ไม่สิ… ที่สำคัญกว่านั้น…
ความสับสนเริ่มทำให้ชินหวาดระแวงในเป้าหมายของชงหยวน
…แต่ความกลัวนั่นไม่ได้เกิดแก่ตัวเขา
ชินเหลือบไปมองโอลิเวีย เขากวาดมองทั้งนักเรียนและอาจารย์ที่อยู่ใต้ผลกระทบของพลังนั้นด้วยความเป็นห่วง
ชงหยวนที่มองสายตาชินมาตลอดเองก็จับได้ว่าชินเป็นห่วงคนรอบตัว
แต่เฉพาะจังหวะที่ชินมองโอลิเวีย ชงหยวนแอบหงุดหงิดในจังหวะนั้น จึงหันไปมองโอลิเวียบ้าง
“ ‘นั่งลง’ ”
“ค่ะ”
โอลิเวียนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมตามคำสั่งของโอลิเวีย แววตาไร้ประกายของเธอทำเอาชินเกือบเก็บสีหน้าเรียบเฉยไว้ไม่อยู่
ในที่แห่งนี้ไม่มีใครขัดคำสั่งของชงหยวนได้อีกแล้ว ชินได้แต่หวังว่าผลโหวตจะเป็นอย่างเดียวที่เธอต้องการ
“อยากเลือกที่เที่ยวเองขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชินยิ้มแห้ง หวังว่าการติดตลกจะช่วยให้สถานการณ์ผ่อนคลายลง
“ช่วยไม่ได้นี่คะ พอดีมันจำเป็นน่ะค่ะ”
ชงหยวนยักไหล่แบบไม่เสียรอยยิ้ม
แต่นั่นก็ยืนยันเป้าหมายของเธอไปในตัว
แสดงว่า… ที่ขัดขวางเรามาตลอดการประชุม ไม่ได้ทำเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของเราอย่างเดียว
แต่ชงหยวนเองก็คงจะวางแผนบางอย่างไว้เหมือนกันสินะ
“ถ้าถามว่าวางแผนอะไรอยู่ก็คงไม่ตอบสินะ”
ชินเอ่ยถามไม่อ้อมค้อม ความซื่อตรงนั้นทำชงหยวนนิ่งไป
รอยยิ้มเธอหายไป… พร้อมกับความกลัวว่าจะเสียอะไรบางอย่างไปจากชินอีก
“…ไม่มีอะไรที่ได้อย่างใจไปตลอดหรอกนะคะ”
“หมายถึงฉันหรือว่าเธอล่ะ?”
ชินไม่สามารถขอชงหยวนได้ทุกอย่าง หรือชงหยวนเองไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้แม้อยากจะตอบ
ชินเห็นแววตาอันสั่นเครือเพียงชั่วครู่ของชงหยวนแล้วอดสงสัยไม่ได้
ความร้อนรุ่มเกิดขึ้นในใจชงหยวนอีกครั้ง
แต่ชงหยวนทำเหมือนไม่ใส่ใจความรู้สึกนั้นของตัวเอง
เธอหลับตาลงเสมือนทำใจ แล้วหันไปมองรอบ ๆ ห้องแทนที่จะตอบชิน
“ ‘หลังจากได้สติ ให้ทุกคนโหวตตามฉัน’ ”
“ “รับทราบค่ะ/ครับ” ”
คำสั่งของชงหยวนเป็นที่สิ้นสุด ดูเหมือนแผนการของชงหยวนจะก้าวไปอีกหนึ่งก้าว
สวนทางกับความเชื่อใจของชินที่ถอยกลับไปอีกสองก้าว
❖❖❖❖❖
หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับมา การโหวตก็เริ่มขึ้นทันที
การโหวตเริ่มจากชงหยวนทั้งที่ควรจะเป็นฉันหรือโอลิเวียที่เป็นหัวหน้าก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นตามที่เธอสร้างบทเอาไว้
และหลังจากนั้นทุกคนก็เลือกสถานที่ตามชงหยวนกันหมด
นี่แหละความน่ากลัวของพลังนี้… มันไม่ใช่แค่การสะกดจิตธรรมดาที่มีผลตอนใช้พลังอย่างเดียว แต่การควบคุมของเธอสามารถแสดงผลหลังจากคลายพลังได้ด้วย ที่เรียกว่ากลายเป็นทาสจึงไม่เกินเลยสักนิด
ฉันก็เลยต้องโหวตตามกระแสอย่างไม่มีทางเลือก เพราะฉันเองก็ไม่อยากทำให้อะไรดูแปลกแถมแค่เสียงเดียวก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ด้วย
ที่จริงจะให้ใช้ ‘เปอร์เซ็นต์เทจ (Percentage)’ กับโอลิเวียเพื่อคลายการสะกดจิตแล้วช่วยกันโน้มน้าวทุกคนอีกครั้งก็ได้อยู่หรอก แต่ถึงทำแบบนั้นไปก็เอาชนะพลังสะกดจิตไม่ได้
หรือต่อให้โน้มน้าวได้ ชงหยวนก็อาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงต้องพยายามขนาดนั้น
เพราะงั้น… ให้มันจบที่ชงหยวนคิดว่าตัวเองได้สิ่งที่ต้องการก็อาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้
เพราะถึงจะไม่ได้ทุกอย่างตามที่วางแผนไว้
แต่ตัวแปรเกินกว่า 50% ก็อยู่ในมือเราแต่แรกแล้ว
❖❖❖❖❖
“อาจารย์เลน่า ตื่นได้แล้วครับ”
“หะ!?”
ถูกชินสะกิดปลุก อาจารย์เลย์น่าที่หลับคาเก้าอี้ก็สะดุ้งตื่น
เธอกวาดสายตาปรือ ๆ มองไปรอบห้องถึงรู้ว่าคนอื่นกลับไปหมดแล้ว ตอนนี้ในห้องประชุมเหลือแค่เธอ ชินและโอลิเวียเพียงสามคน
“อ้าว นี่ฉันหลับอีกแล้วเหรอ” เลย์น่าถามด้วยแววตาใสซื่อ (เสแสร้ง)
“ก็ใช่น่ะสิครับ”
ชินถอนหายใจเพราะมองสายตานั้นออก แต่ถามว่าอาจารย์เลย์น่าสลดไหม ก็ไม่ เธอยังบิดขี้เกียจโชว์อีกต่างหาก
ทำชินรู้สึกเปล่าประโยชน์ขึ้นมา
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ ตอนนี้ผมกับโอลิเวียกำลังสรุปเนื้อหากันอยู่ ยังไงอาจารย์กลับก่อนเลยก็ได้นะครับ”
“ฮ้าว〜 เธอนี่พึ่งได้เสมอเลยนะ งั้นฝากด้วยล่ะ” เจ้าตัวว่าแบบนั้นแล้วก็โบกมือลาจากห้องประชุมวิ่งแจ้นหายไปอย่างไวราวสายลม
ชินเห็นแล้วอดยิ้มแห้งไม่ได้
แต่จะว่าเหนื่อยหน่ายใจกับเธอก็ไม่ถูก เพราะชินรู้ว่าทำไมอาจารย์เลย์น่าถึงดูเฉื่อยชาขนาดนั้น
ด้วยความที่เป็นตัวแทนห้องหลายครั้งทำให้ชินสนิทกับอาจารย์เลย์น่ามากกว่าคนอื่น
เขาสนิทกับเธอมากพอ ถึงขั้นรู้ว่าอาจารย์เลย์น่ามักไปทำงานส่งอาหารหรือส่งของตอนกลางคืนต่อจากงานของอาจารย์ตามปกติ การทำงานจนหลังขดหลังแข็งทั้งวันทั้งคืนนั่นแลคือสาเหตุที่อาจารย์เลย์น่าง่วงนอนเป็นนิจ
แม้จะไม่ถึงขั้นรู้ว่าทำไมเธอถึงต้องหาเงินมากขนาดนั้น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ชินมองอาจารย์เลย์น่าคนละความรู้สึกกับที่คนอื่นมอง
ชินมองแผ่นหลังอาจารย์เลย์น่าวิ่งไปตามทางเดินด้วยความแอบชื่นชม
ถึงจะมีจุดที่อยากติเรื่องการแบ่งเวลาก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น
…และเพราะอาจารย์เลย์น่ากลับไปแล้ว
ตอนนี้ภายในห้องประชุมเลยเหลือกันอยู่แค่เขากับโอลิเวียสองคน ชินกลับไปนั่งลงใกล้ ๆ กับโอลิเวียตรงโต๊ะประชุมที่เดิม
และด้วยความที่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพวกเขาทั้งสองคน ท่าทีตามปกติที่ต้องสวมหน้ากากเลยคลายออกไปเองโดยอัตโนมัติ
“เอ่อ…” ชินเปิดปากกึ่งกลัวกึ่งเกรงจนเหงื่อตก
ต่อหน้าคนอื่นชินคงไม่สามารถแสดงสีหน้าแบบนี้ได้
แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นโอลิเวีย… ยิ่งเป็นหลังจากที่เธออารมณ์ไม่ดีด้วยแล้ว ความซื่อตรงจึงจำเป็นอย่างที่สุด
ท่าทางไม่มั่นอกมั่นใจแบบนี้ เลยไม่มีใครเคยเห็นนอกจากคนใกล้ตัวอย่างโอลิเวีย
และโอลิเวียที่เหลือบตาเห็นท่าทีนั้น เธอเดาได้ทันทีว่าชินอยากจะพูดเรื่องอะไร
“ชินไม่ต้องขอโทษหรอกนะคะ” โอลิเวียชิงพูดก่อน ไม่ยอมให้ชินพูดอะไร
น้ำเสียงเธอดูละมุลละม่อมลงกว่าเดิม ต่างจากความหงุดหงิดก่อนหน้านี้มาก
แต่ถ้าจะให้เจาะจง… ชินรู้สึกว่านั่นคือน้ำเสียงของคนที่กำลังรู้สึกผิดมากกว่า
ทั้งที่เขาควรเป็นคนที่ต้องรู้สึกแบบนั้นแท้ ๆ แต่โอลิเวียกลับไม่รับคำขอโทษ ชินเองยังรู้สึกแปลกใจ
“แต่เธอ… โกรธอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ชินมองตาโอลิเวีย แม้มีความสงสัยแต่ถามออกไปด้วยความมั่นใจ
แต่นั่นทำให้โอลิเวียรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้น เธอส่ายหน้าปฏิเสธกลับมา
ไม่ใช่ว่าไม่โกรธ หากแต่กำลังสับสน
“พูดตามตรง… ดิฉันเองก็ไม่มั่นใจว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ด้วยซ้ำค่ะ”
โอลิเวียก้มหน้า แววตาสั่นเครือ ความรู้สึกหลายอย่างตีกันในหัวของเธอจนจับใจความไม่ได้
แต่สีหน้าของโอลิเวียหมองลงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเป็นตอนนี้ ต่อให้เป็นคนอื่นก็ยังอ่านอารมณ์เธอออก
ว่าเธอกำลังเศร้า
ชินเห็นแล้วรู้สึกโหวงในอก ความเป็นห่วงก่อตัวขึ้นในใจเขาด้วย
“แต่สาเหตุคงเป็นเพราะฉันกับซูซาน ไม่สิ… เพราะฉันกับชงหยวนใช่ไหม”
แม้จะไม่มั่นใจว่าโอลิเวียรู้สึกอะไรอยู่ แต่ชินมั่นใจเรื่องสาเหตุเพราะไม่มีทางเป็นอื่น
และใช่… การแทงใจดำถูกเรื่องทำความรู้สึกในอกของโอลิเวียรุนแรงขึ้น
แต่ทั้งความรู้สึกโกรธ เศร้าและน้อยใจทั้งหมดที่เคยเพ่งใส่ชงหยวน ทั้งหมดทั้งมวลกลับหันพุ่งเข้าใส่ตัวโอลิเวียเองจนรู้สึกละอายใจ
ความอิจฉาที่ได้เห็นชินใกล้ชิดกับหญิงอื่น
ความกลัวว่าจะมีคนมาแทนที่จุดที่เธอยืนอยู่
ความกังวลว่าจะมีใครสนับสนุนชินได้มากกว่าตน
และความเศร้า… ที่ชินอาจไปรู้สึกแบบนั้นกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตน
ความรู้สึกเหล่านั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด เพราะเธอไปหงุดหงิดใส่ชินก่อนหน้านี้ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของชิน แถมเขากับเธอยังไม่ใช่คนรักกันด้วยซ้ำ
ถึงอันที่จริงมันจะไม่ใช่ความผิดของเธอ ของชินหรือว่าของใคร แต่มันเกิดจากความกลัวของเธอเองและเธอควรจะรับมือมันด้วยตัวเองให้ได้
เธอควรจะพัฒนาตรงจุดนั้นให้ทัดเทียมคู่แข่งที่ตัวเองกลัว แทนที่จะไปโทษอย่างอื่น
เพราะถ้าเอาชนะความกลัวตัวเองไม่ได้… เราอาจไม่คู่ควรกับชินมากเท่ากับผู้หญิงคนนั้น
เรื่องนั้นน่ะ… ยอมไม่ได้หรอก
พอตระหนักได้แบบนั้น โอลิเวียก็มีแต่ต้องโทษตัวเอง
“ขออภัยด้วยนะคะ… เป็นเพราะดิฉันควบคุมอารมณ์ไม่ดีเอง”
“…ไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะฉันเองก็มีส่วน”
“ไม่หรอกค่ะ เรื่องนั้น…”
โอลิเวียหันหน้าหนี หลังจากที่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะตัวเธอเอง เธอไม่สามารถรับคำขอโทษจากใครได้ ยิ่งโดยเฉพาะกับชินผู้เป็นที่รัก
ใบหูเธอตกลงด้วยความกังวลตรงนั้น มือที่วางบนตักเธอเองก็ยังกำแน่น
…ชินสังเกตเห็นเรื่องนั้น และเขาทนไม่ได้ที่จะเห็นโอลิเวียเศร้าแบบนั้น
“ขอเสียมารยาทหน่อยนะ”
“!!!?”
ชินถือวิสาสะเอื้อมมือไปกุมมือของโอลิเวียที่กำแน่นบนตักเธอ
ไหล่โอลิเวียกระตุกอย่างแรงไม่ทันตั้งตัว พอชินยกมือเธอขึ้นมากุมแน่น แก้มของเธอก็เริ่มฝาดสีแดง
“เป็นเรื่องปกติที่เธอจะโกรธนะโอลิเวีย… แต่ฉันไม่คิดว่าการโทษว่าเป็นความผิดของใครจะเป็นการแก้ปัญหาหรอก รวมถึงตัวเธอเองด้วย”
“คะ ค่ะ…” โอลิเวียทำปากพะงาบ สีหน้าเรียบเฉยของราชินีน้ำแข็งเปลี่ยนไปเป็นเขินอายอีกครั้ง
โอลิเวียแอบรู้สึกว่าแพ้เหมือนกันที่ความรู้สึกไม่ดีส่วนใหญ่ปลิวหายไปเพราะความประหม่า
ในขณะที่ชินไม่ยอมแค่นั้น
ชินอยากให้ความรู้สึกไม่ดีของเธอหายไปจนหมด เขาถึงมองเข้าที่ดวงตาเธออย่างจริงใจและจริงจัง
“เธอคงจะรู้สึกไม่ชอบใช่ไหม ที่ฉันกับชงหยวนอยู่ด้วยกัน”
โอลิเวียได้ยินแล้วดวงตากระตุกแรง ความกังวลส่วนที่เหลืออยู่เปลี่ยนสีหน้าเธอกลับไปหมองมัว
แต่จะให้เงียบแบบก่อนหน้าเธอก็ไม่อยากทำแบบนั้น
กับชินที่อยู่เบื้องหน้า… เธออยากตอบรับชิน เพื่อให้เขารับรู้ความรู้สึกของเธอ
“พูดตามตรง ดิฉันกลัวค่ะ… กลัวว่าคน ๆ นั้นจะสนับสนุนคุณได้ดีกว่าฉัน” โอลิเวียหลบตาน้ำเสียงสั่นระรัว แต่ก็พยายามหันกลับไปมองชิน
โอลิเวียดูหวั่นไหวมากกว่าที่เคยเห็น ชัดเจนว่าเธอไม่อยากแพ้ให้กับชงหยวนแค่ไหน
“แต่ว่า คิดแบบนั้นมันไม่ถูกค่ะ… การไปดึงใครลงมาแบบนั้นมันน่าสมเพช ถ้าอยากจะเอาชนะก็ต้องทำให้ตัวเองอยู่สูงกว่าไม่ใช่ไปโกรธ พอคิดแบบนั้นดิฉันก็…”
โอลิเวียหลบตาอีกรอบ ความรู้สึกสมเพชด้อยค่าตัวเองกลืนกินเธอ
การได้รับความใจดีจากชินในเวลาแบบนี้เกือบเป็นพิษร้าย โอลิเวียรู้สึกเหมือนได้รับในสิ่งที่เธอไม่คู่ควรจะได้
“กังวลเรื่องนั้นเองเหรอ”
แต่มันก็ทำให้ชินรับรู้ความรู้สึกโอลิเวีย
ในที่สุดชินก็เข้าใจแล้ว… ว่าสาเหตุของความเศร้าแทนที่จะโกรธ มันมีสาเหตุมาจากการเปรียบเทียบตรงนี้นี่เอง
คงจะกังวลมากเลยสินะโอลิเวีย
ชินขมวดคิ้วกัดฟัน รู้สึกหงุดหงิดกับความไร้ความรับผิดชอบของตัวเอง
ช่วงนี้ชินมีหลายเรื่องให้คิดทั้งเรื่องอดีตและอนาคตก็จริง แต่เขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันถึงขั้นทำให้มองข้ามความรู้สึกของคนสำคัญไปแบบนี้
พอคิดแบบนั้นเข้าชินก็รู้สึกผิดไปด้วย แต่ขืนทำแบบนั้นไปโอลิเวียที่เป็นห่วงเขาคงจะยิ่งรู้สึกผิดหนักกว่าเดิม
ด้วยเหตุนั้น… การจะคลายกังวลให้โอลิเวียก็มีเพียงทางเดียว
“โอลิเวีย” ชินเอ่ยเรียกด้วยความโหยหา
โอลิเวียหันกลับมามองชินทันที เธอยังคงรู้ใจชินแม้เป็นเวลาแบบนี้
หรือไม่เช่นนั้น… ก็คงเพราะเป็นเวลาแบบนี้
“ฉันเข้าใจนะ ที่เธอจะกังวล”
ความกลัวเป็นเรื่องเข้าใจได้ ความรู้สึกนั้นย่อมเกิดกับทุกคนที่เห็นคนอื่นอยู่ใกล้ชิดคนที่เรารักมากกว่าตน
แต่ว่า… มันมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า และโอลิเวียลืมเรื่องนั้นไป
“แต่ว่านะ เรื่องที่ว่าเหมาะจะอยู่ข้างฉันรึเปล่า หรือสนับสนุนฉันได้ดีกว่า… มันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ฉันอยากให้ใครมาอยู่ข้าง ๆ มากกว่าหรอก”
“…ชิน”
โอลิเวียเบิกตาโพลง มือชินเอื้อมไปลูบแก้มยิ่งทำเธอหลับตาพริ้ม
ชินเกือบไปไกลกว่านี้ ก่อนจะถอนตัวไม่ขึ้นชินเลยต้องผละมือออก แต่ความอบอุ่นผ่านดวงตาและมือที่กุมอีกฝ่ายยังส่งไปถึงโอลิเวีย
“ไม่ต้องกังวลหรอกนะ… เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็อยากให้เป็นเธอนะโอลิเวีย”
ชินขมวดคิ้วมองโอลิเวีย ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้รับสายตาจริงจังในทางที่ดีจากชิน
“เพราะฉันเชื่อ ว่าถ้าเป็นเธอ… ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้หรือต่อจากนี้ไป เธอจะต้องตามฉันไปทุกที่แน่นอน”
“…ค่ะ”
น้ำตาโอลิเวียไหลบ่าอาบแก้ม ชินเลยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ
ทั้งหมดที่เธอต้องการได้รับการยืนยัน ความรู้สึกหมองมัวหายไปจนสิ้นเหลือแต่เพียงความเบาสบาย
คำพูดของชินเกือบคล้ายจะเป็นคำสารภาพ หรือไม่อย่างนั้นมันก็ไม่อาจเป็นอื่นได้
แต่โอลิเวียเข้าใจมันทั้งหมดดี… เพียงได้รับคำยืนยันว่าชินรู้สึกยังไงกับเธอแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
เพราะบนโลกใบนี้ ไม่มีคำอื่นใดเชื่อได้มากกว่านายท่านของเธออีกแล้ว
ภาพโอลิเวียเผยยิ้มบางออกมาเป็นที่ต้องตาต้องใจชิน เขาเห็นแล้วทั้งตกประหม่าและดีใจ
แต่ที่มากที่สุด… ก็คงเป็นความสบายใจ
บรรยากาศแปรเปลี่ยนสอดคล้องกับอารมณ์ของทั้งสอง
เมื่อโอลิเวียซับน้ำตาจนเรียบร้อย ความอบอุ่นสบายใจก็กลับมาแก่ทั้งสองคน
ชินเห็นรอยยิ้มโอลิเวียเลยนึกสนุกขึ้นมา
“พูดไปก็อาจจะไม่ค่อยดีก็ได้… แต่ฉันแอบดีใจนะ ที่เธอหึงฉันน่ะ”
“…เดี๋ยวดิฉันก็โกรธจริง ๆ หรอกค่ะ”
โอลิเวียว่าแบบนั้น แต่กลับอมยิ้มออกมา
ใบหน้าตอนเศร้าไม่เหมาะกับเธอจริง ๆ นั่นแหละ
ชินเห็นแล้วยิ่งอมยิ้มบางตาม
“ขอโทษนะ จะให้ชดใช้ยังไงดีล่ะ”
ชินยิ้มหวานใส่โอลิเวียกลับไป เขาคิดจะหาจังหวะชดเชยให้อยู่แล้วแม้โอลิเวียจะไม่ยอมรับ
โอลิเวียได้ยินแล้วกลับนิ่งไป ทั้งจุดที่คิดว่าท้ายที่สุดชินก็ยังโทษว่าเป้นความผิดตัวเอง
แต่หลักสำคัญ… คือนิ่งไปเพราะได้ยินคำพูดทำนองว่า ‘จะทำอะไรกับชินก็ได้’ มากกว่า
ใบหน้าของเธอเลยกลับมาแดงก่ำอีกครั้ง แต่หนนี้ฝาดแดงไปถึงใบหู
แม้ใบหน้าจะเรียบเฉย แต่ใบหูยาว ๆ ของเธอกำลังสั่นพั่บ ๆ ด้วยความตื่นเต้น ดูขัดกันแต่น่ารักน่าชังอย่างแท้จริง
“ก็… ในฐานะที่ดิฉันเป็นดั่งสุนับรับใช้ของนายท่าน การมีคนมาคลอเคลียเจ้านายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ดิฉันจะโกรธใช่ไหมค่ะ”
โอลิเวียกอดอก พยักหน้าอืม ๆ เข้าใจบางอย่างไปคนเดียว
แต่หลังจากนั้นเธอก็หรี่ตามองชินอย่างกระหาย จุดนั้นต่างหากที่ทำชินหวาดเสียว
“เพราะงั้น… ดิฉันเลยต้องการลบกลิ่นของผู้หญิงคนนั้นไปจากชิน แล้วทำให้ชินมีแต่กลิ่นของดิฉันแทนค่ะ”
ด้วยวิธีไหนครับ?
ชินเกือบจะหลุดถามแบบนั้น หัวใจชินเต้นโครมครามแต่ก็ยังพยายามนิ่งสุดใจ
“…แบบนั้นอาจจะมากไปหน่อยนะ”
ชินไม่รู้ว่าโอลิเวียหมายไปถึงขั้นไหน แต่รู้สึกว่าแบบไหนก็เกินจะรับไหว
การถูกปฏิเสธโดยพลันทำโอลิเวียแก้มป่อง ชินรู้สึกเหมือนหูและหางของโอลิเวียในจินตนาการกำลังลูบตกราวหมาหงอย
“…งั้นแค่ลูบหัวก็ได้ค่ะ” โอลิเวียยังทำแก้มป่องเหมือนไม่พอใจ แต่ที่ลดความยากลงนั้นช่วยชินได้เยอะ
“ได้สิ”
ชินลุกจากเก้าอี้ไปยืนข้างหลังโอลิเวีย เลื่อนมือไปลูบบนศีรษะเธออย่างแผ่วเบา
ความอบอุ่นย้อมลงบนกระหม่อมของโอลิเวียทำเธอยิ้มพริ้ม
ชินเห็นแล้วทำใบหน้าตนร้อนผ่าวขึ้น รอยยิ้มของโอลิเวียทำเขาใจเต้นทั้งด้วยความหมายแฝงและความดีใจ
เพราะมันหมายความว่าเขาทำให้โอลิเวียกลับมายิ้มได้สำเร็จ
ท้ายที่สุด… หากเป็นความอบอุ่นจากชิน
ไม่ว่ารูปแบบไหนโอลิเวียก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น
❖❖❖❖❖
———— หลังเลิกเรียนวันต่อมา, ใจกลางเมืองหลวงเขต 66
หลังการประชุมเป็นอันสิ้นสุดไปตั้งแต่เมื่อวาน เหล่าตัวแทนทั้งหลายไม่มีธุระอะไรกับการจัดงานทัศนศึกษาอีกจนกว่าจะถึงวันก่อนเดินทาง หลายคนจึงกลับไปเที่ยวกับเพื่อนในตัวเมืองตามปกติ
ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนที่ยังคึกครื้นคงช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าจากการเสียสละของพวกเขาได้
และท่ามกลางนักเรียนที่กำลังเดินเล่นตามท้องถนน มีนักเรียนชายหญิงสองคนที่ถูกจับจ้องเป็นพิเศษ
ฝ่ายชายก็รูปหล่อ ส่วนฝ่ายหญิงก็ตัวบางน่ารัก การเดินเคียงคู่กันยิ่งสร้างเสียงกระซิบด้วยความตื่นเต้นตามประสาวัยรุ่น ตอนนี้ทั้งสองคงถูกมองเป็นคู่รักกันกระมัง
สำหรับฝ่ายชายนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเพราะเคยชินแล้ว
ส่วนสำหรับฝ่ายหญิงก็ใช่ว่าจะไม่เคยชิน แต่การถูกมองในแง่นั้นกับฝ่ายชายดูจะเป็นจุดที่ทำให้คิ้วเธอขมวดจนแทบชนกัน
ยิ่งฝ่ายชายเป็นลูกน้องตัวเองด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“คนพวกนี้นี่มันน่ารำคาญจริง ๆ”
นักเรียนหญิง… ชงหยวนสบถกัดฟัน
การถูกมองและคิดกันไปด้วยเหตุผลแปลก ๆ กับคนที่เธอไม่เคยคิดหมายปองทำให้เธอหงุดหงิดยิ่งกว่าอะไร
ส่วนฝั่งนักเรียนชาย… จินเห็นชงหยวนแยกเขี้ยวแล้วก็เหงื่อตก
ให้พูดตรง ๆ คือเขากลัวจะโดนหางเลขไปด้วย ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย
“คนพวกนั้นเขาก็คิดตามที่เห็นเท่านั้นแหละครับ เมิน ๆ พวกเขาไปก็ได้นี่นา” จินพยายามปราม ชงหยวนได้ยินแล้วถอนหายใจ
“เอาเถอะ… ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากจะใช้พลังกับคนพวกนี้ไปเปล่า ๆ ปลี้ ๆ หรอก”
ชงหยวนชักสีหน้า เปลี่ยนจากความโกรธเป็นรำคาญใจ
เธอพยายามกำจัดอารมณ์ส่วนเกินออกไป
ไม่อย่างนั้นธุระหลังจากนี้คงทำให้เธอดูแย่ในฐานะผู้นำ
ทั้งสองคนเดินลัดเลาะไปตามถนนย่านที่คนบางตาก็ใช่แต่น้อยคนก็ไม่เชิง
เดินไปจนถึงร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งที่อยู่ติดถนน
เมื่อเปิดเข้าไปในร้าน บรรยากาศความเงียบก็แผ่ออกมา แม้จะมีคนอยู่ครึ่งค่อนร้านแต่กลับไม่ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวเลยแม้แต่น้อย
ชงหยวนกับจินเดินไปยังโต๊ะที่ติดกับผนังกลางร้าน เป็นโต๊ะแบบที่มีเก้าอี้ยาวสองฝั่งนั่งเผชิญหน้ากัน
ทว่าโต๊ะนั้นกลับมีกลุ่มนักเรียนนั่งอยู่ก่อนจนเกือบเต็มแล้ว
เรื่องน่าแปลกใจกว่าคือสมาชิกภายในโต๊ะนั้น ไม่มีใครแสดงสีหน้าแปลกใจเลยสักคนเมื่อเห็นชงหยวนกับจินเดินมายืนข้าง ๆ ค้ำหัวโต๊ะ
ไม่ว่าจะเป็นชายร่างใหญ่กำยำผมเงินทำหน้าเคร่งขรึม นักเรียนสาวผมน้ำตาลทรงหางม้า หรือนักเรียนหญิงผมสีดำสั้นรวบผมที่ดูขี้อาย
อีกคนคือเด็กผู้หญิงผมดำสั้น เธอเว้นที่นั่งอีกฝั่งพร้อมสำหรับที่ของจินและชงหยวน
และเมื่อเด็กผู้หญิงผมดำสั้นคนนั้นโค้งให้ชงหยวน ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็โค้งให้ชงหยวนตาม
เพื่อทำความเคารพราชาของตนเอง
“หนีห่าว ทุกคน”
เห็นลูกน้อง… อัศวินนักษัตรของตนมากันเกือบพร้อมหน้า รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชงหยวน
ทั้งด้วยความชื้นใจ และดีใจแก่ความคืบหน้าของแผนการ
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION