ตอนที่ 51 ความเข้าใจผิด
หลังจากชินและโอลิเวียรู้ตัวตนและตำแหน่งของตัวตลกจากแทรกกิ้งมาสเตอร์ ทั้งคู่ก็รีบกลับไปเปลี่ยนชุดที่เซฟเฮาส์แล้วกลับห้องของชินทันที
ความจริงที่พบนั้นน่าตกตะลึงไม่หาย ชินกับโอลิเวียนั่งเงียบกันเป็นชั่วโมง เอาแต่คิดว่าทำไมถึงเป็นเขา?
แต่แน่นอนว่าใช้เวลาเท่าไรคำตอบก็ต้องอยู่ที่เจ้าตัวคนนั้นมากกว่ามานั่งคิดเอาเอง ทั้งสองคนเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามแผนเดิม
นั่นคือเข้าหาตัวจริงของตัวตลกคนนั้นซึ่งหน้าด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง
แล้วโชคก็ช่างเข้าข้าง เพราะเขตประเทศที่ชั้น ม.5 ของพวกชินต้องไปทัศนศึกษาในอีกไม่ถึงสัปดาห์ข้างหน้าดันเป็นประเทศเดียวกับที่เจ้าตัวตลกมันใช้เป็นที่กบดาน อย่างน้อยก็สำหรับตัวตนในโลกกลางวันของมัน
ถึงความจริงที่ได้รู้จะทำให้รู้สึกเหมือนชะตาเล่นตลก แต่ชินก็ไม่อาจปล่อยให้โอกาสที่มีหลุดลอยไปได้
เขารอเวลานี้มานานกว่าสิบปี… เวลาที่จะได้ใช้เพลงดาบเค้นถามศัตรูด้วยเลือด
ทั้งสาเหตุของเรื่องราว เหตุผล และแรงจูงใจของพวกมัน
คำตอบทุกอย่างของชินกำลังรออยู่ที่ประเทศแห่งนั้น
ด้วยเหตุนั้น การเป็นกรรมการจัดงานทัศนศึกษาเลยกลายเป็นตัวช่วยให้ชินบรรลุเป้าหมายไปโดยปริยาย
เพราะแม้ตัวประเทศจะถูกกำหนดไว้แล้ว แต่สถานที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเห็นของตัวแทนแต่ละห้อง
หากชินสามารถใช้การเป็นตัวแทนเลือกสถานที่ให้เหมาะสม การเลี่ยงกลุ่มทัศนศึกษาออกไปจากจุดปะทะก็จะสร้างพยานที่อยู่ให้เขาได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ การทำให้เหล่านักเรียนคนอื่นรวมถึงเพื่อนร่วมชั้นอยู่ห่างจากเหตุฆาตกรรมที่เขากำลังจะก่อยังทำให้ชินสบายใจมากกว่าด้วย
บวกกับการใช้ตัวช่วยอีกเล็กน้อย ชินและโอลิเวียจะได้เปรียบเรื่องการหลบสายตาชงหยวนและจิน เพื่อไปปะทะกับเจ้าตัวตลกได้อย่างสะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีก
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ชินกำลังเตรียมเอกสารการประชุมสำหรับคณะกรรมการทัศนศึกษา โดยมีซูซานที่รับหน้าที่เดียวกันคอยช่วย
ตอนนี้เป็นเวลาหลังเลิกเรียน ในห้องจึงไม่เหลือใครนอกจากตัวแทนอย่างชินและซูซาน
ทั้งสองคนนั่งริมหน้าต่างโดยใช้โต๊ะร่วมกัน กำลังตรวจสอบเอกสารก่อนที่การประชุมกับห้องอื่นจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมง
ในตอนนั้นซูซานก็ถอนหายใจออกมา
“ฉันว่าเอกสารก็ดูเรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอคะ ไม่เห็นจะต้องตรวจดูอีกรอบเลยนี่”
ซูซานทำหน้ามุ่ยใส่ชินที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ชินเลื่อนตาขึ้นมาแวบนึง แต่ก็ไม่ได้หยุดมือที่กำลังทวนเอกสารอยู่
“คิดว่าทำให้เข้าใจง่ายกว่านี้ได้อยู่น่ะ” ชินทำน้ำเสียงเรียบเฉยสงบนิ่ง สมาธิในการจัดการงานของชินทำให้ซูซานอมยิ้มออกมา
“หืม… ยังละเอียดลออเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ” ซูซานนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน เธอเท้าคางมองชินอย่างนึกสนุก
“เธอเองก็ยังเบื่อง่ายไม่เปลี่ยนเลยนะ”
ชินได้ยินแล้วเผลอยิ้มแห้งออกมา
ท่าทีเบื่อง่ายของซูซาน ไม่สิ… ของชงหยวนยังเป็นสิ่งที่เขาจำได้และคุ้นชินจากเมื่อก่อน
ภาพลักษณ์ชงหยวนดูเป็นผู้หญิงที่ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นคู่หมั้นของชิน
แม้แต่การเข้ามาเรียนในครั้งนี้ เพื่อนร่วมชั้นหลายคนยังมองเธอเป็นตัวตนพิเศษอันยากจะเข้าใกล้ เพราะเธอเก่งรอบด้านทั้งกิริยา ความสามารถและความงดงาม จนดูเป็นตัวตนเหนือมนุษย์เกินไป
แต่การได้เห็นเด็กสาวผู้สมบูรณ์แบบคนนั้นบ่นโอดโอยเสียบ้าง เลยทำให้คิดได้ว่าเธอเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึงที่มีขีดจำกัด
ชินเองก็รู้สึกว่าโชคดีที่ได้เห็นมุมนั้นของเธอมาตั้งแต่เมื่อก่อน จะว่าเขาเอ็นดูชงหยวนก็ไม่ผิดนัก
แต่… ทันทีที่ตระหนักว่าอีกฝ่ายในตอนนี้อาจไม่ใช่ชงหยวนคนเดิมที่เคยรู้จัก ชินก็ริบรอยยิ้มตัวเองคืนกลับมาตีหน้านิ่งทันที
…นั่นเพราะไม่มีเหตุอะไรต้องยิ้มให้คนที่อาจเป็นศัตรู
แต่สายตาหญิงสาวนั้นไวกว่าความคิด
ซูซานทันสังเกตรอยยิ้มที่หายไป ความห่างเหินนั่นทำเธอรู้สึกกระอักกระอ่วนในอกชอบกล เธอเลยขมวดคิ้วมองชินครุ่นคิด
แล้วสักพักก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา
“นี่… ถ้าเป็นตอนนี้จะเรียกฉันว่าชงหยวนก็ได้นะคะ” นอกจากนี้ซูซาน… ชงหยวนยังยื่นข้อเสนอแปลก ๆ ให้อีก แต่ว่า…
“มีเหตุผลอะไรให้ต้องทำแบบนั้น”
มันทั้งน่าสงสัยและไร้เหตุผล หนนี้ชินไม่แม้จะเปรยตามองด้วยซ้ำ น้ำเสียงเย็นเยือกนั่นเสียดแทงใจของชงหยวนเป็นหนที่สอง
ชงหยวนเป็นเจ้าหญิงผู้เด็ดเดี่ยว เหตุการณ์ที่ทำให้เธอหวั่นไหวได้ทั้งชีวิตนี้นับนิ้วด้วยมือข้างเดียวยังเพียงพอ ราวกับไม่มีสิ่งใดทำให้เธอหวั่นไหวได้
แต่ใครจะนึก… แม้แต่ตัวชงหยวนเองก็ไม่คิด ว่าการถูกปฏิเสธตัวตนโดยชินจะทำให้หน้าอกเธอเจ็บปวดขนาดนี้
ไม่ได้… ห้ามแสดงอารมณ์นะชงหยวน
เธอรำพึงในใจประหนึ่งสั่งตัวเอง
เพราะจะให้แสดงความเจ็บปวดออกมาตรง ๆ ก็ใช่ที่ นั่นไม่ใช่วิธีการของหญิงสาวที่ชื่อชงหยวน
และถึงจะไม่ต้องทำแบบนั้น วิธีการถามอย่างเหมาะสมก็มีอยู่
ชงหยวนจึงเหยียดหลังตรง มองไปที่ชินด้วยแววตาจริงจังขึ้นอีก
“ขอถามได้ไหมคะว่าทำไม?”
ทำไมถึงไม่ยอมพูดกับฉัน
เธอปรับน้ำเสียงให้อ่อนนุ่มลง แต่คำพูดในใจสะท้อนออกมาเป็นความสั่นเครือทั้งเสียงและแววตา
“…ใกล้ได้เวลาประชุมแล้วนะ”
แต่ชินไม่มีความตั้งใจที่จะตอบคำถามนั้น ทุกสิ่งที่ชงหยวนเอ่ยขอถูกตอบกลับด้วยความเย็นชา
สำหรับชิน เขาไม่รู้เลยว่าชงหยวนต้องการอะไร การไม่ทำตามที่เธอต้องการจึงเป็นวิธีรับมือที่ปลอดภัยที่สุด
…ถึงมันจะเป็นการทำร้ายจิตใจหญิงสาวคนนึงอยู่ก็ตาม
“ไม่ไว้ใจกันขนาดนั้นเลยสินะคะเนี่ย” ชงหยวนตาตกยิ้มแห้ง ตระหนักเรื่องนั้นเหมือนกลั้นความรู้สึกไม่อยู่
“ทำไมเหรอคะ?”
ชงหยวนถามย้ำอีกรอบ แต่มีแค่ความเงียบเป็นคำตอบกลับ
ดวงตาเธอหรี่ลงอัตโนมัติเพราะน้ำตารื้นขึ้น แต่ความพยายามยังสัมฤทธิ์ผลอดกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาได้
…แต่ถึงจะทนไหว ในใจเธอก็ไม่ได้พร้อมรับความจริงเท่าไรนัก
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้นะ
ที่เป็นแบบนี้เพราะเราเข้าหาชินผิดวิธีเหรอ?
ไม่สิ… ไม่ใช่หรอก…
เป็นเพราะเราไม่ซื่อสัตย์กับชินเองต่างหาก
เพราะเราไม่ยอมบอกเรื่องทั้งหมด… ไม่ยอมบอกเรื่องที่แกล้งตาย ไม่ยอมบอกเรื่องศึกชิงบัลลังก์
แถมยังเข้าหาชินโดยมีผลประโยชน์แอบแฝงกับเขา
ทำกับชินขนาดนั้น เขาจะเชื่อคำพูดของเราได้ยังไง
การไม่จริงใจย่อมได้รับการตอบแทนแบบเดียวกัน สิ่งนั้นมัน ‘ยุติธรรม’ ที่สุดแล้ว
แต่การได้ตระหนักความจริงกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า เพราะ ‘สิ่งที่เธอเป็น’ มันทำให้ชงหยวนไม่สามารถจริงใจกับชินได้ ‘ในตอนนี้’
เธอไม่อยู่ในสถานะที่ขออะไรจากชินได้ จะถอนหายใจออกมาให้โล่งอกโล่งคอยังไม่กล้า
จะเล่นแง่เอาแต่ใจก็อาจส่งผลเสียมากกว่าเดิม เธอไม่อยากทำให้ชินรู้สึกไม่ดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว
และในเมื่อทำอะไรไม่ได้ การกลับไปทำงานตามที่ชินบอกคงเป็นทางเลือกเดียวที่เธอมี
“งั้น… นี่เอกสารค่ะ”
ชงหยวนยื่นกระดาษให้ชิน น้ำเสียงเธอดูทุ้มต่ำกว่าปกติ
ไม่ใช่เย็นเยือกแต่เป็นหดหู่
ไม่ใช่ร้อนรุ่มโกรธเคืองแต่เป็นระสับระส่ายกังวลใจ
เรื่องนั้นชงหยวนเองก็ไม่รู้ตัว แต่ฝ่ายที่รู้ตัวอย่างชินก็กลับไม่กล้าทำอะไรเพราะอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี แม้ว่ามันจะทำให้ชงหยวนเจ็บปวดก็ตาม
แต่จะทำอย่างไรได้… สถานการณ์แบบนี้ชินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคอยระมัดระวังการแสดงออกและการเผยข้อมูลของตน
กับคนที่ตายไปแล้วเป็น 10 ปี อยู่ดี ๆ ก็โผล่หน้ามาในฐานะใดก็ไม่อาจทราบได้ แถมกับสถานการณ์ที่กำลังรุมเร้าจากทุกทิศทาง จะให้ไว้ใจชงหยวนเหมือนกับเมื่อก่อนทั้งที่เธอเองก็มีเรื่องปิดบังมันทำไม่ได้
มานึกดูแล้วนี่ก็เหมือนกับครั้งของเกวนเลย
ไม่สิ… ตอนที่เรารู้ว่าเกวนเกี่ยวข้องกับโลกเบื้องหลัง เกวนเป็นฝ่ายยอมมอบข้อมูลทุกอย่างมาให้เราเพื่อแลกความไว้ใจ
ทำถึงขั้นนั้นเราถึงกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมได้
เราเองก็ใช่ว่าจะไม่อยากปรับความเข้าใจกับชงหยวนหรอกนะ
แต่ชงหยวนนั้นไม่เหมือนกับเกวน เธอไม่ยอมบอกอะไรเราเลย
ไม่ยอมบอกว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้น
ไม่ยอมบอกว่าตอนนี้วางแผนจะทำอะไร
ไม่แม้แต่มีความพยายามจะเข้ามาพูดคุยด้วยซ้ำ
ก็เข้าใจอยู่หรอกนะ… ว่าบางทีเธออาจอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอย่างนั้นไม่ได้
แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลยังไง การไม่ทำอะไรเลยก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรายอมเสี่ยงกับเธอไม่ได้เหมือนกัน
เพราะงั้นสถานการณ์ถึงต้องปล่อยเลยตามเลย
ชินคิดอย่างช่วยไม่ได้
…แต่ความคิดดังกล่าวตรงข้ามกับความรู้สึกสวนไปคนละทาง
จากการได้เห็นชงหยวนทำหน้าหมองขนาดนั้นเพราะความเย็นชาของตัวเอง ความรู้สึกผิดของชินไม่สามารถนิ่งเฉยได้เลย
จะปล่อยให้ชงหยวนเป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้อีก
ให้ตายสิ… ช่วยไม่ได้
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าปฏิกิริยาอันซบเซาเศร้าสร้อยของชงหยวนอาจเป็นแค่คำโป้ปดเสแสร้งและหลอกลวง
แต่ในฐานะสุภาพบุรุษ… ในฐานะมนุษย์คนนึง ชินไม่อาจปล่อยผ่านน้ำเสียงและใบหน้าอมทุกข์ของชงหยวนไว้ได้ไม่ว่ามันจะเป็นของจริงหรือของปลอม
จะว่าสมเป็นชินก็ใช่… เพราะอย่างไรเนื้อแท้ของเขาก็ไม่ใช่นักฆ่าอหังการ แต่เป็นองค์รัชทายาทผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์มาแต่อ้อนแต่ออก
ชินจึงเปลี่ยนท่าทีใหม่ เขาลดความแข็งกร้าวลง ปรับแววตาให้อ่อนนุ่มลงด้วย
“ชงหยวน” ชินวางปากกา มองตรงไปยังเธอที่เขาเรียก
น้ำเสียงของชินเปลี่ยนไปทำให้ชงหยวนเงยหน้ากลับไปมองเขา
อาจเพราะนั่น… เป็นน้ำเสียงอันอ่อนโยนที่ชงหยวนอยากได้รับจากชินก็เป็นได้
แววตาอันจริงใจที่ส่งมาหาเธอเองก็เช่นกัน
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากเย็นชากับเธอหรอกนะ… แต่ที่ผ่านมาเธอเจออะไรมาบ้าง ตอนนี้วางแผนจะทำอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ตัวฉันไม่รู้เรื่องนั้นเลยสักอย่าง” ชินมองเข้าไปในตาของชงหยวน
“เธอเองก็คงมีเหตุผลที่บอกเรื่องทั้งหมดไม่ได้… แต่เพราะแบบนั้นฉันเลยไว้ใจเธอไม่ได้ ฉันเอาตัวรอดมาได้ถึงวันนี้เพราะทำแบบนั้น” ชินหลบตาชงหยวนแวบนึง อารมณ์ไม่ชอบใจแต่ไม่มีทางเลือกเข้ามาในอก
ชินไม่ได้อยากเย็นชากับเธอ แต่มันไม่มีวิธีไหนปลอดภัยมากกว่านี้จึงต้องปิดบังข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ดังนั้นวิธีการรับมือจึงถูกต้องแล้ว แต่ที่ทำให้รู้สึกผิดคงเป็นวิธีการแสดงออกมากกว่า
ชินแอบคิดกับตัวเองเช่นนั้นก่อนหันกลับมามองชงหยวน และมอบสิ่งที่คิดว่าควรให้ตั้งแต่แรก
“ที่ฉันจะบอกก็คือ… ฉันเลือกแสดงออกแบบนี้เพราะมันเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่เพราะว่าฉันเกลียดเธอหรอกนะ อย่างน้อยก็อยากให้รู้เรื่องนี้ไว้”
ชินพูดแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกกังวลว่าอาจพูดมากเกินไป
เขาไม่รู้ว่านั่นเพียงพอไหมกับการทำให้ชงหยวนเข้าใจสิ่งที่เขารู้สึก แต่อย่างไรการแสดงเจตนาให้รู้ก็เป็นความจริงใจที่สุดแล้วสำหรับเขา
และสำหรับชงหยวน นั่นเป็นสิ่งที่เธอขอจากเขาได้มากที่สุดแล้ว
“…งั้นเองเหรอคะ”
หรือบางทีชงหยวนอาจได้รับมามากเกินไปก็ได้
ภายในอกที่เคยอัดแน่นขมุกขมัวกลับอัดแน่นด้วยความรู้สึกอื่นที่พองโตกว่า
รู้ตัวอีกทีชงหยวนก็หลบหน้าชินไปทางอื่น แก้มของเจ้าตัวฝาดสีแดงก่ำโดยไม่อาจควบคุมมันได้ หัวใจเองก็สั่นระรัวขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะอีก
ช่างเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจอะไรขนาดนี้
ชงหยวนคิดถึงชินในใจ เขาเล่นมอบความใจดีมาให้ในจังหวะที่ต้องการพอดิบพอดีแบบนี้ใครจะอดดีใจไหว
แต่แน่นอน… ไม่ใช่ทุกคนที่ชงหยวนจะประหม่าจากการทำแบบนี้
อย่างไรก็ดี… หากปล่อยให้อารมณ์ออกทางสีหน้าตอนนี้ก็แย่เหมือนกัน
ชงหยวนจึงรีบปรับอารมณ์ ใบหน้า รวมถึงหัวใจที่เต้นรัวให้กลับมาเป็นปกติ
แม้สำหรับคนทั่วไปจะเรียกว่าเนียน แต่หากใช้ตัวเองเป็นมาตรฐานชงหยวนถือว่าทำได้ช้าลงกว่าปกติ
ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้ว เพราะคนที่ทำให้เธอรู้สึกระส่ำระส่ายขนาดนี้ได้ จะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็มีอยู่คนเดียว
บรรยากาศดูผ่อนคลายลงมาก จนชินเองยังเผลอยิ้มออกมาอีกทีด้วยความสบายใจ
รอยยิ้มนั้นส่งตรงมาที่ชงหยวนหลังจากที่เธออารมณ์ดีขึ้น ทำเธอไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง
เป็นห่วงกันอยู่จริง ๆ สินะคะเนี่ย
ชงหยวนเห็นแบบนั้นเข้าร่างกายก็รู้สึกอ่อนยวบ
เหมือนกำแพงบางอย่างในหัวใจถูกทลายลง
“ที่จริงก่อนจะเจอกัน… ฉันเองก็แอบกลัวอยู่นะคะว่าชินจะเปลี่ยนไปรึเปล่า”
ชงหยวนพูดขึ้นอีกทำให้ชินเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างสนใจ
ช่วงนี้เรื่องในอดีตหวนกลับมาบ่อยจนชินเปรียบเทียบตัวเองหนักขึ้นทุกวัน
“แล้วเปลี่ยนไหมล่ะ?” ชินใคร่รู้คำตอบจากหนึ่งในคนที่เคยสนิทที่สุด
ในตอนนั้นชงหยวนก็ยกมือทั้งสองข้างท้าวคาง เธอมองชินด้วยแววตาเป็นประกาย
“ยังเป็นสุดหล่อใจดีเหมือนเดิมเลยล่ะ”
ชงหยวนยิ้มหวานใส่ชิน ภาพเธอในอดีตซ้อนทับเข้ามาเหมือนกับวันวานจนชินเบิกตาโพลง
ท้ายที่สุดความจริงใจก็ชนะเขาได้เสมอ ชินเกือบจะตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว
“…เธอนี่ชมคนอื่นบ่อยขึ้นนะ”
“อะไรกันคะ ฉันไม่เคยปากแข็งขนาดนั้นซะหน่อย”
ชงหยวนจำไม่ได้ว่าเคยเป็นแบบนั้น การทำแก้มป่องแง่งอนแต่พองามทำให้ชินถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจเหมือนกัน
พอเห็นชินแสดงออกตามปกติแล้ว ชงหยวนรู้สึกว่ายอมรับความจริงได้มากขึ้น
“แต่ก็ เข้าใจแล้ว… ฉันยอมรับตามที่ชินว่าค่ะ คงไม่ยุติธรรมกับคุณเท่าไหร่ถ้าต้องขอให้เชื่อใจฉันในตอนนี้”
ชงหยวนกลับไปใช้น้ำเสียงจริงจังขึ้นเสมอกับอารมณ์ที่ถูกเยียวยาแล้ว
อารมณ์เธอดีขึ้นกว่าก่อนที่จะคุยกันเสียอีก
“แต่ว่า…”
หรืออาจมากไปด้วยซ้ำ… ชงหยวนใช้นิ้วชี้ทั้งสองจิ้มเข้าด้วยกันอย่างน่ารักน่าชังมองมาทางชินอีกหน
“อย่างน้อย ๆ… ฉันขอความไว้ใจจากคุณสัก 50% ได้ไหมคะ” ชงหยวนทำสายตาออดอ้อนมาหา ความน่ารักน่าชังนั่นเกือบจะทำให้ชินลืมสถานการณ์ปัจจุบันไป
“ก็ได้”
แต่ชินก็เลือกตอบตกลง รู้สึกว่าถ้าขอแค่นั้นก็พอได้
กับคนที่เคยสนิทด้วย ชินก็ไม่ได้อยากเว้นระยะห่างถึงขั้นนั้นอยู่แล้ว
เขามองในจุดนั้นก็เข้าใจความรู้สึกของชงหยวน และไม่รังเกียจที่จะทำอย่างเดียวกัน
สายสัมพันธ์ที่ถูกทิ้งร้างราวกับรากไม้เหี่ยวเฉาเลยถูกรดน้ำจนเริ่มกลับมาชุ่มชื้นทั้งสองฝ่าย ความรู้สึกที่เคยมีจากเมื่อก่อนของทั้งชินและชงหยวนค่อย ๆ หวนกลับมาอย่างน่าประหลาด
เลยทำเอาชงหยวนสนใจเรื่องของชินขึ้นมาถนัด
และไม่ใช่จากแผนการแต่จากความรู้สึก
แถมหนนี้… ชงหยวนไม่คิดปิดกั้นความรู้สึกตัวเองด้วย
“จะว่าไปแล้ว… หลังจากเกิดเรื่องคุณเป็นยังไงบ้างเหรอคะ”
ชงหยวนยื่นหน้าเข้าหาชินอย่างสนใจ ชินสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเธอดูนุ่มละมุนลงกว่าปกติ
ไม่สิ… พูดให้ถูกคือน้ำเสียงของเธอเหมือนกับ ‘เมื่อก่อน’ มากกว่า รอยยิ้มเองก็สดใสด้วย
อาจเพราะแบบนั้นก็ได้ชินถึงได้ผ่อนคลายลงมาก แต่แน่นอนว่ายังไม่ถึงขั้นปล่อยปละละเลยเผยข้อมูลสำคัญ
“ตอบเท่าที่ตอบได้ก็ได้นะคะ”
ชงหยวนพูดขึ้นอย่างรู้ใจ
อีกครั้งที่ทำเอาชินแอบสงสัย ว่าทักษะการอ่านใจของผู้หญิงรอบตัวเขาสูงเกินไปรึเปล่า?
แต่ถ้าอีกฝ่ายยอมรับแบบนั้นได้ ความลำบากใจของชินก็น้อยลงด้วย
“ลำบากน่าดูเลยล่ะ”
“ฟุ… พูดอะไรกันคะ ของแบบนั้นมันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ชงหยวนหัวเราะกับคำตอบสั้น ๆ ของชิน
บางทีเธอคงคิดว่าเป็นมุกตลก ทั้งที่ก็รู้อยู่ว่าชินไม่ถนัดของแบบนั้น
…แต่พอชินมานึกดู การพูดเรื่องที่มันแน่นอนอยู่แล้วก็อาจถือเป็นตลกร้ายอย่างนึงเช่นกัน
“แต่เอาเป็นว่ามันลำบากนั่นแหละ… ต้องระเหเร่ร่อนไปหลาย ๆ ที่โดยไม่ให้คนอื่นสะกิดใจว่าเราเป็นใครน่ะ”
“อื้ม ๆ! แล้วยังไงต่อเหรอคะ?” ชงหยวนให้ความสนใจจนตาเธอเป็นประกาย ชินจำต้องรีบเล่าต่อ
“ก็ไปมาหลายที่อยู่หรอกนะ แต่สุดท้ายก็เนียนมาเป็นนักเรียนที่นี่ ลำบากเรื่องการสร้างตัวตนใหม่น่าดู… ก็สงบสุขดีจนเธอย้ายมานี่แหละ เพราะงั้นถ้าช่วยเก็บเป็นความลับก็จะดีมากเลย”
“แหม ฉันก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ” ชงหยวนได้ยินแล้วก็ยักไหล่ทันที
คำพูดกึ่งติดตลกกึ่งคาดหวังของชินทำเธอยิ้มแห้ง หางตาเธอตกลงตามอารมณ์เพราะถูกชินมองในแง่ร้าย
ดูท่าที่บอกว่าไม่อยากทำเธอคงจะพูดจริง
แต่ว่า… ไม่อยากทำไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำเนี่ยสิ
ชินแอบระแวงอย่างช่วยไม่ได้ แต่กลัวไปก่อนก็ปวดหัวเสียเปล่า
“แล้วเธอล่ะชงหยวน”
ชินเลยเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องของชงหยวน
“ว่าไปแล้ว… ตอนที่ได้ยินข่าวว่าเธอป่วยตายพวกเราก็เสียใจกันมากเลยนะ แต่มาถึงตอนนี้คงต้องพูดว่า ‘เชื่อสนิทใจ’ น่าจะถูกกว่า”
“…เรื่องนั้นต้องขออภัยด้วยค่ะ”
ชงหยวนโค้งหัวให้ชินเบา ๆ
การถูกหยิบประเด็นนั้นขึ้นมากระตุ้นความรู้สึกผิดของชงหยวนไม่เบา โดยเฉพาะหลังจากที่เธอเพิ่งได้ความเชื่อใจคืนมาจากชินครึ่งนึง
ชินเองเห็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้สัมผัสกิริยานี้มานาน
ต่อให้ชงหยวนเย่อหยิ่งแค่ไหนแต่ก็ไม่ลืมความเคารพต่อผู้อื่น เมื่อก่อนเธอเป็นผู้หญิงที่เยี่ยมยอดแบบนั้นจนไม่นึกว่าจะได้เห็นอีก
แต่ดูท่า ตอนนี้เธอก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่
เริ่มจะเหมือนเมื่อก่อนเข้าไปทุกทีแล้วนะ
ชินคิดสังเกต แต่ถ้าถามว่าดีใจหรือไม่ก็ต้องตอบว่าใช่
“ว่าแต่… ที่บอกว่าเสียใจเรื่องของฉันเนี่ย คุณพูดว่า ‘พวกเรา’ เหรอคะ?”
ชงหยวนพูดขึ้นอย่างสงสัยทำชินกลับมาจากห้วงความคิด เธอเหมือนนึกตามคำพูดของชินแล้วรู้สึกติดใจบางอย่าง
“ชินจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเสียใจกับการตายของฉันเหรอคะเนี่ย” ชงหยวนยิ้มเสแสร้ง คิ้วขมวดเข้าด้วยกันด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
“หึ… ที่จริงคงดีใจมากกว่าล่ะสิไม่ว่า”
ชงหยวนสบถในลำคอ ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะมีความปรารถนาดีกับตนเช่นเดียวกับที่เธอเป็น
แต่ช่างเป็นตลกร้ายสำหรับชิน เขาได้เห็นแล้วว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ชงหยวนไม่เปลี่ยนไปจากอดีตคือการแสดงออกว่าไม่ถูกกับโอลิเวียอย่างออกนอกหน้า
“เห้อ… เอาเถอะค่ะ เรื่องของผู้หญิงคนนั้นคิดแล้วก็รู้สึกรำคาญซะเปล่า ๆ”
ชงหยวนตัดบทเรื่องของโอลิเวีย เธอคงรู้ตัวว่าพูดเรื่องนั้นต่อหน้าชินไปก็เสียกิริยาตัวเองเสียโดยใช่เหตุ
…ถึงการที่โอลิเวียถูกว่าลับหลังจะทำให้ชินรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยก็เถอะ แต่ชินเองก็เห็นด้วยว่าการแสดงอารมณ์ออกมามันไม่ถูก
เพราะมันคงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ ในเมื่อทางโอลิเวียเองก็หงุดหงิดใส่ชงหยวนแบบไม่มีเหตุผล?อยู่บ่อยครั้งเช่นกัน
หากแสดงท่าทางเข้าข้างใครขึ้นมา ชินรู้สึกว่าผลกระทบที่ตามมาจะรุนแรงแบบหยุดยั้งไม่อยู่เลยทีเดียว
ทางชงหยวนเองก็ไม่อยากแสดงกิริยาไม่เหมาะไม่ควรต่อหน้าชินไปมากกว่านี้ เธอเลยคิดวกกลับมาที่คำถามของชิน
“จะว่าไปเมื่อกี้คำถามค้างอยู่ที่ว่า ‘หลังจากที่คุณตายไป ฉันเจอกับอะไรบ้าง’ สินะคะ”
ชินได้ยินแล้วพยักหน้าให้ความสนใจทันที
ชงหยวนเห็นแล้วยิ้มแย้มพึงพอใจทีเดียว ท่าทางหงุดหงิดของเธอหายไปแทบจะสิ้นเชิงหลังเห็นว่าเรื่องของตนได้รับความสนใจจากชิน
ชงหยวนตั้งใจถึงขั้นกระแอมเสียงก่อนจะเปิดปากเล่า
“ก็ถ้าจะให้พูดจริง ๆ… หลังจากนั้นฉันก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ ทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ” ชงหยวนจั่วหัวมาด้วยเรื่องที่ไม่ได้ยากเกินความคาดเดานัก
“ตัวฉันกลายเป็นคู่หมั้นของหนึ่งในผู้ที่ถูกจงเกลียดจงชังที่สุดในโลก หลังจากอาณาจักรคุณล่มสลาย อำนาจที่ฉันเคยมีก็กลายเป็นชนักติดหลังแทน แล้วฉันก็ถูกคนทั้งวงนอกและวงในรังเกียจไปด้วยเฉยเลยล่ะค่ะ” ชงหยวนถอนหายใจ เธอยักไหล่เหมือนไม่คิดมากแล้ว
…แต่แววตาคมกริบของเธอกลับแสดงออกมาให้เห็น
“ขอโทษด้วย”
“อ๊ะ! ฉันไม่ได้โกรธคุณสักหน่อยค่ะ” ชงหยวนดึงสติตัวเอง เธอส่ายมือพั่บ ๆ ปฏิเสธชินทันควัน
แต่อันที่จริงชินก็แค่ขอโทษไปตามมารยาท เพราะรู้อยู่ว่าสายตาคมกริบนั่นไม่ได้มองที่เขาหากแต่เป็นนอกหน้าต่าง
ชงหยวนมองออกไปไกลแสนไกล ราวกับสุดขอบฟ้าก็มิปาน
“แล้วอีกอย่าง… ดูท่าว่าชินจะเข้าใจผิดอยู่นะคะ”
ชงหยวนหันกลับมาเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะชินพูดราวกับว่าการหมั้นกับเขาเป็นสาเหตุให้ชงหยวนเจอเรื่องโหดร้ายนั่นแหละ
แต่นั่นมันไม่จริง… แววตาสดใสที่เธอมองมายังชินบอกแบบนั้น
“ฉันน่ะ… ไม่เคยเสียใจที่ได้หมั้นกับคุณเลยนะคะรู้รึเปล่า?”
ชงหยวนยิ้มหวานใส่ชินเป็นหนที่สองของวัน ดวงตาที่จ้องเข้ามาช่างร้อนแรงราวกับมีความปรารถนาบางอย่างแฝงอยู่
สีหน้านั่นทำชินเริ่มกลัวแล้วว่าเมืองร้อนอย่างสยามประเทศอาจมีหิมะตกในวันพรุ่งนี้ สายตานั่นทำให้ชินนึกถึงชงหยวนเมื่อครั้งที่ยังสนิทกันอยู่จริง ๆ
“คำพูดนั่นมาจาก 50% ของฝั่งไหนน่ะ?”
“คุณไม่ควรถามเรื่องนั้นกับเลดี้นะคะ”
ชงหยวนขยิบตาให้ชินอย่างขี้เล่น ท่าทางเธออยากจะทิ้งความสงสัยให้ชินเก็บเธอไว้ในใจเอามาก
ผู้หญิงนี่ปากไม่ตรงกับใจจริง ๆ
เดาใจไม่ได้เลยให้ตายสิ
ชินยิ้มแห้งเหงื่อตก แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าชงหยวนโกหก
…และเพราะมองในแง่บวกแบบนั้น ความเห็นใจชงหยวนเลยเริ่มเกิดขึ้นในใจเขา
แต่ว่า… พอพูดถึงเรื่องผลกระทบจากเรื่องวันนั้นก็น่าสงสารชงหยวนอยู่
ถึงเธอจะมาจากคนละประเทศและเป็นแค่คู่หมั้นกันในนาม แต่ในมุมมองของคนทั่วไปเธอเป็นคนรักของเจ้าชายที่ทั่วโลกหวาดกลัว
ส่วนเรื่องการโดนกดดันจากภายใน… เรื่องนี้คงเป็นเรื่องของการเมืองมากกว่า
หลังจากอาณาจักรเราล่มสลาย คนทั่วโลกที่กลัวแวมไพร์แต่ไม่กล้าพูดก็จะแสดงออกมากขึ้น
สถานะของชงหยวนที่เคยสูงส่งเพราะเราเลยพลิกกลับตามกระแสต่อต้านจากภายนอก
และอีกฝ่ายคงอาศัยจังหวะนั้นเป็นข้ออ้างในการทำลายชงหยวน
ชินรู้แบบนั้นแล้วยิ่งเหนื่อยใจกับความเน่าเฟะของกิเลสมนุษย์
ทำได้เพียงคิดว่า ‘โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม’ เอาเสียเลย
“ก็เพราะแบบนั้นแหละค่ะ… เพื่อลดคำครหานินทา และเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองใช้จุดนี้เป็นข้ออ้างในการทำลายขั้วอำนาจของท่านพ่อ ฉันเลยถูกทำเสมือนว่าตายเพื่อรักษาฐานอำนาจของท่านพ่อเอาไว้” ชงหยวนว่าแล้วก็ยักไหล่อีกรอบ
“แต่ถึงจะเสียศักดิ์ฐานันดรไป ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกตัดหางปล่อยวัดเสียทีเดียวหรอกนะคะ”
ชงหยวนเผยยิ้มอ่อนกับสิ่งที่เธอเหลือ
แต่จุดที่ไม่อาจยิ้มออกมาได้อย่างเต็มที่นั้นน่าเห็นใจอยู่ มือชงหยวนเองก็กำแน่น ชินเห็นแบบนั้นก็รู้ว่าชงหยวนไม่ได้ยอมรับเรื่องนั้นได้ดังปากว่า
“แต่… ฉันก็อดคิดไม่ได้ล่ะนะคะว่าโลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทั้งที่ฉันยอมให้ตัวเองเป็นเครื่องสังเวย ยอมเป็นคู่หมั้นให้กับประเทศที่ทุกคนหวาดกลัวเพื่อให้ทั้งขุนนางและประชาชนที่รักมีความสุข แต่คนพวกนั้นดันมาตอบแทนด้วยการฉวยโอกาสแทงกันข้างหลังเนี่ยนะ”
ชงหยวนมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ในแววตาเธอประสมทั้งความเศร้าและแค้นเคือง มือเธอยิ่งกำแน่นเข้าไปอีกเมื่อพูดถึงคนเหล่านั้น
และเมื่อความรู้สึกเกลียดชังมากเกินทนรับไหว เธอก็หันกลับมาหาแนวร่วม
“ชินเองก็คิดเหมือนกันรึเปล่าคะ?”
ชงหยวนหันมาเอ่ยถามชิน ผู้ที่น่าจะเข้าใจเธอมากที่สุด
ความโลภ ความโกรธแค้น ความชิงชัง ความกลัว…
มนุษย์มีความรู้สึกเหล่านั้น จึงจ้องทำลายผู้อื่นที่มีสถานะเหนือกว่าหรือแตกต่าง
ทั้งชินที่ถูกตัวตลกแย่งชิงทุกอย่างไปเพราะแวมไพร์เป็นที่หวาดกลัวจากความแข็งแกร่ง ประชากรโลกเองก็ไม่มีใครสนใจที่เผ่าของชินถูกทำลายด้วยเหตุผลเดียวกัน
หรือชงหยวนที่ถูกฝ่ายเดียวกันตัดขาเก้าอี้เพราะเห็นโอกาสที่จะแย่งชิงอำนาจเงินทองมาจากเธอ
ทั้งสองถูกเพื่อนร่วมโลกและเพื่อนร่วมชาติทำลายเพราะความรู้สึกด้านลบเหล่านั้น
ทั้งที่หากสถานการณ์กลับกัน คนพวกนั้นเองก็คงไม่อยากโดนทำอย่างเดียวกันแท้ ๆ แต่พออีกฝ่ายยืนอยู่คนละฝั่งกลับลงมือได้อย่างน่าไม่อาย
ทั้งที่ชินออกช่วยเหลือผู้คนตามที่ต่าง ๆ ทั้งนอกและในประเทศเพื่อสันติสุขอย่างลับ ๆ มาตลอด
ชงหยวนเองก็ยอมหมั้นหมายกับประเทศที่ตัวเองไม่รู้จักทั้งที่กลัวมาก แต่ที่ทำไปก็เพื่อให้คนในประเทศฉินมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงทำให้พวกข้าราชการมีอำนาจและได้รับจุดยืนบนเวทีโลกสูงขึ้น
ทั้งอย่างนั้น พวกคนที่ชินและชงหยวนเคยลงแรงช่วยไว้กลับ…
ชินกับชงหยวนไม่เคยคิดหวังผลตอบแทนจากการกระทำของตัวเอง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการถูกแย่งสิ่งสำคัญไปอย่างน่ารังเกียจแบบนี้
การเอาเปรียบเอาแต่ได้โดยไม่สนใจอีกฝ่ายนั่นแลคือที่มาของความรู้สึกที่ว่า ‘โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม’ สำหรับทั้งสองคน
แล้วคำตอบของชินจะเป็นอื่นใดได้อีก…
“…โลกนี้มันก็ไม่เคยยุติธรรมกับใครอยู่แล้ว”
ชินเห็นพ้องแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ
โลกนี้ใช่ว่าทำดีแล้วจะได้ดีเสมอไป
กลับกันคนชั่วทำเลวแล้วยังลอยนวลมีถมไป
เหมือนกับเราที่พยายามแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ผู้คน พยายามสร้างภาพลักษณ์แวมไพร์ให้เป็นตัวตนปกติเหมือนเผ่าพันธุ์อื่น
แต่พออาณาจักรเราถูกทำลาย… ถามว่ามีใครมาช่วยเรียกร้องความยุติธรรม สนับสนุนหรือแสดงความสงสารรึ? ก็ไม่มีสักคน
พอระบบของโลกมันเป็นอย่างนั้นมันก็ทำให้หมดกำลังใจอยู่เหมือนกัน
หมดกำลังใจ… ที่จะใช้ระบบปกติในการทวงคืนสิ่งที่ตัวเองเสียไป
จะศาลโลกหรือ URI เราพึ่งพาใครไม่ได้เลยสักอย่างเดียว
เพราะโลกมันไม่ยุติธรรมแบบนั้น
ในท้ายที่สุดเราถึงต้องลงมือเอง… อย่างช่วยไม่ได้
ชินขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ข้อสรุปไปนานแล้ว แต่การได้คิดถึงมันอีกครั้งก็ทำให้อารมณ์อ่อนไหวไม่เบา
ทางชงหยวนเห็นชินครุ่นคิดก็เริ่มหรี่ตามอง ความสั่นไหวในดวงตาของเธอทำให้ชินสงสัย
“!?”
ในจังหวะนั้น ชงหยวนยื่นมือเข้ามากุมมือของชินทำเขาไม่ทันตั้งตัว
ชงหยวนมองเข้ามา ดวงตาอันอบอุ่นอย่างน่าประหลาดทำให้ชินไม่สามารถชักมือหนีปฏิเสธได้
“แล้วชิน… ไม่คิดอยากจะทำอะไรกับโลกเส็งเคร็งพรรค์นี้บ้างเหรอคะ?”
ชงหยวนยิงคำถามตรงเข้ามาในใจของชิน
คำเชื้อเชิญนั่น ชินคลับคล้ายคลับคลาว่าช่วงนี้จะโดนถามบ่อยเสียเหลือเกิน
ถ้าเป็นครั้งของอัลเฟรดหรือสคัล ชินคงปฏิเสธกลับไปได้อย่างผ่าเผย
แต่หลังจากผ่านอะไรมาหลายอย่าง… ชินไม่คิดว่าการดูอยู่เฉย ๆ จะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องอีกแล้ว
ถึงแบบนั้น…
“ตอนนี้ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก”
“แสดงว่าตอนนี้มีเรื่องที่ต้องทำสินะคะ”
ชงหยวนพูดแทงใจดำทำชินเกือบจะหลุดตกใจ
เท่านั้นยังไม่พอ…
“ชิน”
ชงหยวนกุมมือชินแน่นขึ้นไปอีก แต่การเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุลทำให้ความกังวลของชินหายไป
แม้มีความเป็นไปได้ว่าชงหยวนอาจพยายามหลอกล่อเอาข้อมูลจากเขา
แต่จากที่ชินรู้… จากที่เคยรู้จักชงหยวน สีหน้าอันคุ้นเคยนี้ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น และชินเองก็หวังไม่ให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน
ชงหยวนยังเลื่อนมือไปแนบแก้มของชินในจังหวะนั้นด้วยความถวิลหาอีกด้วย
“ไม่ต้องห่วง… ไม่ว่าเรื่องอะไร… ถ้าทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว ฉันจะสนับสนุนคุณ———”
ตึง!
เสียงเลื่อนเปิดประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะ กลบคำพูดของชงหยวนแทบจะพอดิบพอดี
ชงหยวนตอนนี้กำลังยืนขึ้นและโน้มตัวเข้าหาชิน มือเธอยกขึ้นแนบแก้มของเขาท่ามกลางแสงอันอบอุ่นเสริมบรรยากาศอันร้อนรุ่มระหว่างชายหญิง
นั่นคือภาพที่นักเรียนผู้เปิดประตูเข้ามามองเห็น มองยังไงก็เป็นภาพชายหนุ่มหญิงสาวกำลังทำความสนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อนร่วมชั้น ไม่มีทางคิดเป็นอื่นไปได้
ถ้าเป็นนักเรียนห้องอื่นคงจะกลายเป็นข่าวลือ หรือถ้าเป็นกลุ่มเพื่อนสนิท ชินก็คงจะโดนล้อเลียนไปอีกสักพัก
แต่อนิจจา… คนที่เห็นกลับเป็นผู้ที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายที่สุด
“ถึงเวลาประชุมแล้วนะคะทั้งสองคน”
เธอคนนั้นกล่าวจากหน้าประตูโดยไม่ก้าวเข้ามาในห้อง เป็นเสียงของคนที่ชินคุ้นเคย
แต่น้ำเสียงเธอเย็นเยือกต่างจากปกติลิบลับจนเสียดแทงใจของชิน
“โอลิเวีย”
ชินเอ่ยชื่อของเธอไปโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำเสียงตัวเองแฝงไว้ด้วยความกังวล
ส่วนทางชงหยวน เธอชักมือตัวเองกลับมาตั้งแต่ก่อนที่โอลิเวียจะเตือนเรื่องเวลาประชุมแล้ว
แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นโอลิเวีย ชงหยวนก็กลับฉีกยิ้มพร้อมกับนั่งลงด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ
“ตายจริง ดูเหมือนเราจะคุยกันเพลินจนลืมเวลาเลยนะคะเนี่ย”
ชงหยวนมองไปยังโอลิเวียที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยน้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย่อง
แม้ชงหยวนจะนั่งอยู่… แต่สายตาแสดงจุดยืนอันเหนือกว่าถูกส่งไปยังโอลิเวีย ทำคิ้วของโอลิเวียกระตุกอย่างแรงจนสังเกตเห็นได้จากตรงที่ชินนั่งอยู่เลยทีเดียว
“เหรอคะ… ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขออภัยด้วยที่มาขัดจังหวะ”
โอลิเวียหันหลังกลับ เดินออกจากห้องไปทั้งแบบนั้นเพื่อไปยังห้องประชุม
…หรืออันที่จริง เธออาจแค่ต้องการออกไปจากที่นี่เสียมากกว่า
บรรยากาศแบบนี้เป็นที่คุ้นเคยสำหรับชินตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตก็จริง
แต่ด้วยความสัตย์… ตัวชินได้แต่กังวลในทุกครั้งที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น
❖❖❖❖❖
Chapters
Comments
- ตอนที่ 70 ชัยชนะย่อมเกิดแก่ผู้ที่เป็นตัวของตัวเองถึงที่สุด พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 69 มังกรหนุ่ม อย่างไรก็เป็นมังกร พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 68 แผนซ้อนแผน พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 67 ของอร่อยต้องเก็บไว้กินทีหลัง พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 66 ถ่านไฟเก่า พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 65 ชัยชนะที่โอ้อวดไม่ได้ ไม่เรียกว่าชัยชนะ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 64 สัญชาตญาณของผู้หญิง พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 63 บางครั้งเรื่องง่ายก็กลายเป็นเรื่องยาก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 62 ความเชื่อใจ สร้างจากความไร้ลับลม พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 61 สถานการณ์ที่ผิดปกติยิ่งขึ้น พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 60 ความระแวงคือความไม่รู้ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 59 สถานการณ์ที่เริ่มผิดปกติ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 58 เริ่มต้นทัศนศึกษา พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 57 ปณิธานของชงหยวน ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 56 ปณิธานของชงหยวน ตอนแรก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 55 การโหวดเลือก ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 54 การโหวตเลือก ตอนแรก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 53 ความรักเปรียบดั่งสงคราม ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 52 ความรักเปรียบดั่งสงคราม ตอนแรก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 51 ความเข้าใจผิด พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 31 ภาค 2 เป็นต้นไปเป็นแบบขายรายตอนนะครับ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 30 ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตอนจบ (จบ Prologue) พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 29 ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตอนต้น พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 28 Overlord พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 27 ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 26 แองกริคราวน์หลั่งเลือด พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 25 รังแกเด็ก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 24 วลาดจอมเสียบ ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 23 วลาดจอมเสียบ ตอนต้น พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 22 ข่าวร้ายกลายเป็นจริง ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 21 ข่าวร้ายกลายเป็นจริง ตอนต้น พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 20 สถานการณ์คู่ขนาน พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 19 ผู้ (ถูก) พิพากษา พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 18 ศึกแรก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 17 หลังเลิกเรียนที่ไม่เหมือนเดิม ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 16 หลังเลิกเรียนที่ไม่เหมือนเดิม ตอนต้น พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 15 ความสัมพันธ์ที่ไม่อยากให้เปลี่ยนแปร พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 14 ยามเช้าที่ไม่อยากให้แปรเปลี่ยน พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 13 ความเป็นจริงค่อย ๆ ถูกแง้มให้เห็น ตอนจบ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 12 ความเป็นจริงค่อย ๆ ถูกแง้มให้เห็น ตอนกลาง พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 11 ความเป็นจริงค่อย ๆ ถูกแง้มให้เห็น ตอนแรก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 10 เค้าลางก่อนพายุ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 9 ลมสงบหลังพายุ พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 8 ตกกระไดพลอยโจน พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 7 เขตที่ 855 พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 6 ฝันกลางวัน พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 5 ยามเช้าดังเช่นทุกวัน พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 4 ระเบิดกัมปนาท พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 3 เส้นแบ่งของโลก พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 2 ชีวิตประจำวันที่ควรจะเป็น พฤษภาคม 16, 2025
- ตอนที่ 1 ยามเช้าแสนธรรมดาดังเช่นทุกวัน พฤษภาคม 16, 2025
- ตตอนที่ 71 แผนซ้อนแผนซ้อนแผน มิถุนายน 4, 2025
MANGA DISCUSSION