หลังออกวิ่งจากซอกตึกในจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด มาจนถึงโรงงานร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเขตรอบเมืองของตัวเมืองหลวงชินก็สังเกตรอบตัวอีกครั้ง พอแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาเขาก็รีบเข้าไปด้านในทันที
เศษเหล็กและข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายอยู่ภายในโรงงาน เครื่องจักรผลิตกระดาษที่ตกยุคไปแล้วเกลื่อนกลาดไปทั่ว ชินเดินผ่านเครื่องจักรเหล่านั้นเหมือนทุกที ไปจนถึงห้องด้านในสุด
เมื่อเปิดเข้าไปด้านในก็พบกับห้องแยกสองห้อง ชินเดินเข้าไปห้องด้านซ้ายที่เป็นห้องทำงานเอกสารนั่งโต๊ะเก่า
และที่ตรงพื้นด้านในสุดหลังโต๊ะทำงาน มีแผ่นเหล็กกองอยู่
“ ‘ลอยขึ้น’ ”
สิ้นสุดคำสั่งของชิน กองเหล็กที่กองอยู่ตรงหน้าก็ลอยขึ้นสูงเหนือกว่าความสูงของชินอย่างน่าอัศจรรย์ อันเกิดจากระบบต้านแรงโน้มถ่วงของอุปกรณ์ที่อยู่ด้านล่างจนปรากฏสิ่งที่อยู่ใต้เศษเหล็ก
นั่นคือประตูลับ
ชินใช้นิ้วเคาะสองที มีหน้าจอเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบอกคำสั่งให้ใส่ลายนิ้วมือและสแกนม่านตา
ชินยื่นหน้าเข้าไปสแกนอย่างคุ้นเคย แล้วประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นพื้นของชั้นใต้ดินด้านล่าง ชินกระโดดลงไปในนั้นอย่างไม่รีรอ พร้อมกับประตูลับข้างบนที่ปิดลง
สภาพภายในของชั้นใต้ดินเป็นดินทั้งหมด แน่นอนว่าไม่นับอุปกรณ์ใหญ่เทอะทะอย่างอุปกรณ์สร้างการต้านแรงโน้มถ่วงตรงประตูทางเข้าลับ
ชินเดินไปจนสุดก็พบทางแยกสองทาง เขาสร้างเผื่อไว้เป็นตัวล่อในกรณีที่ถูกโจมตี แม้ตั้งแต่ทำ ‘เรื่องแบบนี้’ มาจะยังไม่เคยมีใครรู้ตำแหน่งฐานลับนี้ก็ตาม
ชินเลือกเดินไปทางขวาก็พบกับประตูเหล็ก ซึ่งความจริงแล้วหากไปทางซ้ายก็มีประตูเหล็กเหมือนกัน ต่างแค่มันไม่มีระบบตรวจสอบบุคคลสามารถเปิดเข้าไปได้ทันที
…แต่หากเปิดเข้าไป ระเบิดแสวงเครื่องก็จะทำงาน แล้วทำลายห้องนั้นและทางเดินทั้งหมดจนไม่เหลือซาก
ด้านหน้าประตูทางขวาที่ถูกต้องมีการสแกนลายนิ้วมือกับม่านตาอีกครั้ง แต่หนนี้จำเป็นต้องได้รับการยืนยันจาก ‘คู่หู’ ของชินด้วย
แม้จะมองไม่เห็นแต่ภายในห้องนั้นมีคนอยู่ เธอคงกำลังยืนยันให้ชิน ไม่นานนักประตูนิรภัยก็เปิดออก ชินรีบเข้าไปในนั้นทันทีก่อนที่ประตูจะปิดลง
ภายในห้องนี้แตกต่างจากภายนอก เพราะมันเป็นห้องที่ผนังสร้างจากเหล็กหนาถึง 50 ซม. ตรงกลางของห้องคือโต๊ะเหล็กไว้วางของจิปาถะรวมถึงวางแผนการ ส่วนผนังด้านหน้าสุดนั้นมีแผนที่ของเมืองหลวง (กรุงเทพฯ) แห่งนี้ พร้อมกับภาพของคนหลาย ๆ คนปักหมุดไว้เต็มไปหมดถูกฉายเป็นโฮโลแกรมสองมิติติดผนัง
ผนังด้านซ้ายเป็นที่สำหรับใช้แขวนอาวุธทั้งปืนกลออโต้ ปืนพก ระเบิดมือ ระเบิดแสง และอุปกรณ์สวมใส่อย่างหน้ากากของชินเองที่เป็นรูปตัวตลกกำลังโกรธ มีเสื้อคลุมสีดำสนิท เสื้อยืดสีดำลายแดง และกางเกงผ้ายืดสีน้ำเงินถูกแขวนไว้ข้าง ๆ
บางจุดมีเพียงที่แขวน นั่นเป็นเพราะมีคนหยิบไปใส่แล้ว
ส่วนที่ติดผนังด้านขวาคือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เฉพาะในห้องนี้ ด้านข้างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้สำหรับการทหารถึง 2 เครื่อง
และสำหรับเครื่องซ้ายนั้นมีคนกำลังใช้งานอยู่ เมื่อชินเข้ามาในห้อง เธอก็รีบหันมาทางเขาทันที
“ยินดีต้อนรับค่ะมาสเตอร์”
เสียงใสราวกระดิ่งแก้วของเด็กสาวที่คุ้นเคยดังขึ้น น้ำเสียงนั้นราบเรียบทว่าแฝงไว้ด้วยความนุ่มละมุนและอ่อนหวาน
เธอสวมหน้ากากรูปสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์กำลังแลบลิ้นแบบเต็มใบหน้าจนไม่เห็นแม้แต่เส้นผม สวมเสื้อลายพรางสีน้ำเงินทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำสนิทแบบมีฮู้ด สวมกระโปรงสีน้ำเงินสลับขาวพร้อมถุงเท้ายาวเลยเข่าสีดำสนิทและรองเท้าบู๊ท มันคือเครื่องแบบประจำตัวของเธอคนนี้
“มาเร็วเหมือนเคยนะโกลเด้นด็อก” ชินเลื่อนเก้าอี้คอมอีกตัวออกมาแล้ววางกระเป๋าลงที่พื้น เขานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเธอคนนั้น
อนึ่ง ชินกับเธอคนนี้จำเป็นต้องใช้โค้ดเนมเรียกอีกฝ่ายหลังเข้าสู่ช่วงก่อนจะออกทำงานเพื่อปกปิดตัวตน
สำหรับเธอคนนี้คือ ‘โกลเด้นด็อก’ และสำหรับชินคือ ‘มาสเตอร์’
“ข้ารับใช้มารอเจ้านายก่อนมันเป็นเรื่องปกติค่ะ”
เจ้าตัวพูดแบบนั้นยิ่งเสริมความแตกต่างของชนชั้นระหว่างเธอกับชินเข้าไปใหญ่ นั่นเป้นสิ่งที่ชินไม่ชอบเท่าไรนัก
แต่… ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นในแง่ของโค้ดเนมหรือสถานะทางสังคม
สำหรับเธอคนนี้แล้วเราก็คงเป็นมาสเตอร์ของเธอจริงๆนั่นล่ะ… บางทีน่ะนะ
ชินได้แต่ยอมรับว่านั่นเป็นเรื่องปกติของโกลเด้นด็อก
“พยายามก็ดีอยู่ แต่อย่าฝืนล่ะเข้าใจไหม”
“ดิฉันไม่เคยฝืนหรอกนะคะ แต่ก็ขอบคุณมากค่ะที่เป็นห่วง… มาสเตอร์ของฉัน”
ชินยิ้มแห้งออกมาเพราะคำพูดของโกลเด้นด็อก ใบหน้าหลังหน้ากากของเธอคงกำลังยิ้มด้วยความดีใจเหมือนทุกทีด้วยเหตุผลที่ว่าเธอได้ทำหน้าที่ของตนลุล่วง
และที่สำคัญ… เธอดีใจสุด ๆ ที่ถูกชินเป็นห่วง
“แล้วได้อะไรบ้างไหม?” พอชินเอ่ยถามโกลเด้นด็อกก็พยักหน้าให้เบา ๆ ทีนึง แล้วเริ่มพิมพ์บางอย่างในคอมเป็นการออกคำสั่ง
พริบตานั้น ข้อมูลจำนวนนึงซึ่งส่วนใหญ่มาจากสำนักข่าวตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็ถูกแสดงบนจอโฮโลแกรมด้านหน้า ชินเองก็หันไปมองจอด้วยเหมือนกัน
“อย่างที่ทราบก่อนหน้านี้… ถึงคดีวางระเบิดที่ตึกนิวเอจซิตี้จะไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะเป็นช่วงที่ห้างสรรพสินค้าปิดทำการ แต่มีรายงานว่าธนาคารในเครือของโอเรี้ยนท์แคชถูกปล้นไปกว่า 5.2 ล้านเครดิตค่ะ”
โกลเด้นด็อกทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานซืนให้ชินฟังเขาก็พยักหน้ารับ ชินลุกขึ้นเดินไปจนถึงด้านหน้าของจอโฮโลแกรม เปลี่ยนการแสดงผลกลับเป็นแผนที่มุมสูงพร้อมรูปถ่ายของคนหลายคนปักหมุดไว้เช่นเดิม
ชินกอดอกครุ่นคิดซักพัก แต่สุดท้ายแววตาที่สนใจเรื่องข่าวระเบิดปล้นธนาคารก็เลือนหายไป
“เธอคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โกลเด้นด็อก” ชินหันกลับไปถามโกลเด้นด็อก ซึ่งเธอได้มองชินอยู่ก่อนแล้ว
“ดิฉันคิดว่าความเป็นไปได้ที่กลุ่มคนร้ายจะเกี่ยวข้องกับ ‘เป้าหมาย’ ของเรานั้นต่ำมากค่ะ… เป็นไปได้ว่านี่เป็นแค่การปล้นธนาคารจากฝีมือของโจรทั่วไป”
“นั่นสินะ”
ชินไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่โกลเด้นด็อกบอกออกมา เพราะเขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันถึงได้หมดความสนใจไปแต่ทีแรก
เป้าหมายของชิน… คือการล้างแค้น
ล้างแค้นผู้ที่ช่วงชิงชีวิตที่ควรจะเป็นของเขาไปจนหมดสิ้นเมื่อ 12 ปีก่อน
มันผู้ฆ่าล้างสิ้นทั้งพ่อและแม่ของเขา ทำลายบ้านที่ให้กลับไป รวมถึงช่วงชิงวิถีชีวิตของชินด้วยเปลวเพลิงและคมดาบ ภาพเหล่านั้นฝังรากลึกจนไม่อาจลบทิ้งได้ นั่นคือเหตุผลที่ชินใช้เวลาหลังจากนั้นในการตามล่าหาคนที่ทำแบบนั้นมาตลอด
ทว่าสิ่งเดียวที่ชินจำได้จากหนนั้นมีเพียงสองสิ่งเท่านั้น คือหน้ากากของฆาตกรที่ฟันร่างของพ่อกับแม่ต่อหน้าต่อตาของเขาสวม นั่นคือ ตัวตลกยิ้ม นั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ชินสวมหน้ากากตัวตลกแบบเดียวกันเผื่อว่าจะดึงดูดมันเข้ามาได้
และอีกอย่างนึงคือรอยสักรูปมงกุฎที่ส่องแสงสีแดงตรงหลังมือขวา เป็นมือข้างเดียวกับที่มันกุมดาบอาบด้วยเลือดของพ่อแม่ชินเอาไว้ แม้จะจำไม่ได้นักว่ารายละเอียดยิบย่อยของรอยสักเป็นเช่นไร แต่มันเป็นรูปมงกุฎอย่างแน่นอน
ด้วยเบาะแสสองอย่างนั้น ชินและโกลเด้นด็อกที่รู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องได้เริ่มวางแผนล้างแค้นเป็นแรมปี ใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการเตรียมตัวทั้งอุปกรณ์และฝึกปรนฝีมือในหลาย ๆ แง่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการฝึกใช้ ‘พลัง’ ของแต่ละคนจนชำนาญ
และเมื่อการเตรียมการเสร็จสิ้น ชินและโกลเด้นด็อกก็เริ่มออกล่า
แต่ก็อย่างที่ทราบ… ด้วยเบาะแสเพียงแค่สองอย่างนั้นไม่อาจตามกลิ่นไปจนถึงตัวผู้บงการได้ ชินกับโกลเด้นด็อกจึงได้แต่หว่านแหไล่ล่าอาชญากรตามเมืองต่าง ๆ แม้แต่นอกเมืองหลวงหรือนอกเขตอื่น (ต่างประเทศ) เผื่อว่าซักวันนึงจะสามารถจับลูกกระจ๊อกที่เกี่ยวข้องแล้วจะสามารถโยงใยไปหาเป้าหมาย
ทว่า ณ ตอนนี้… เวลาก็ผ่านไปกว่า 2 ปีแล้วที่ทำการไล่ล่า แต่หาได้มีเบาะแสใดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลเป้าหมายไม่
…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีเลยซักคนที่รู้เรื่องหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับตัวตลกยิ้มหรือรอยสักรูปมงกุฎส่องแสงสีแดงนั้น
“พวกโจรนี่คงไม่เกี่ยวหรอกมั้ง” ชินถอนหายใจตัดพ้อหลังครุ่นคิดอยู่นานสองนาน โกลเด้นด็อกเห็นแล้วก็คอตกเล็กน้อยราวกับรับรู้ความเศร้าใจของชิน
“แต่ถึงโอกาสจะน้อยนิด… ถ้าเกิดไอ้พวกนี้มันดันมีเบาะแสขึ้นมา ฉันคงเสียใจไปจนวันตายแน่”
ชินพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ซึ่งโกลเด้นด็อกเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี
อดีตอันเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งจนไม่อาจก้าวไปยังอนาคต การปล่อยวางใช่ว่าจะไม่ใช่ตัวเลือก แต่หากไม่ใช่คนที่ประสบกับตัวคงยากจะเข้าใจและทำแบบนั้นได้จริง
ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ชินทำได้ก็มีแต่ขวนขวายหาเป้าหมายในการล้างแค้น แม้จะริบหรี่เท่าไร มันก็เป็นเหตุผลเดียวที่จะสามารถทำให้ก้าวต่อไปได้อย่างแท้จริง
โกลเด้นด็อกเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่ในใจก็แอบเจ็บปวดอยู่เช่นกัน… ที่ตัวเองไม่สามารถผลักดันชินให้หลุดจากความแค้นนี้ได้
“ทราบแล้วค่ะ”
ที่ทำได้ก็มีแต่ต้องคอยอยู่ข้างกายชินเท่านั้น
โกลเด้นด็อกลุกขึ้นรับคำสั่ง เดินอ้อมโต๊ะไปหยิบเสื้อยืดสีดำลายแดงซึ่งเป็นชุดประจำตัวของชินออกจากที่แขวน วางมันลงกับโต๊ะ แล้วก็เดินเข้าไปจนแทบจะชิดกับชิน
“จะทำอะไร?” ชินขมวดคิ้วสงสัยหลังเห็นโกลเด้นด็อกเอื้อมมือทั้งสองไปจับกระดุมเม็ดบนสุดของชิน
“ก็ช่วยเปลี่ยนชุดไงคะ” โกลเด้นด็อกส่งน้ำเสียงแปลกใจพลางเอียงคอสงสัย น้ำเสียงและท่าทางของเธอเหมือนกับจะถามว่า ‘แปลกเหรอคะ?’
และสำหรับชิน คำตอบคือใช่
“ไม่ต้อง ยัยเพี้ยน” ชินสับกบาลโกลเด้นด็อกด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
แต่พอเห็นโกลเด้นด็อกยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองแล้วก็อดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ทุกที
ถ้าไม่ใช่ในเวลาแบบนี้ล่ะก็นะ…
ชินคิดเช่นนั้นด้วยความรู้สึกหลายอย่างจนเผลอถอนหายใจออกมาเสียยาวเหยียด
อีกด้านหนึ่ง โกลเด้นด็อกก็ได้แต่คอตกด้วยความเหงาหงอยราวกับเป็นสุนัขที่เจ้านายไม่ยอมเล่นด้วยเพราะงานยุ่ง
❖❖❖❖❖
————ราว 2 ชั่วโมงถัดมา , เวลา 21.00 น. โดยประมาณ
บนยอดตึกกลางเมืองซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวชื่อดัง มีคนสองคนยืนอยู่บนนั้น แน่นอนว่าคือชินและโกลเด็นด็อกในชุดประจำตัวพร้อมหน้ากาก
ในเวลาปกติที่แห่งนี้มักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่นอกเวลาทำการช่างดูเงียบเหงาเสียเหลือเกิน
ว่าไปแล้ว นั่นเลยเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้ชินเลือกที่แห่งนี้เป็นจุดสังเกตการณ์ เพราะนอกจากเป็นการยากที่จะถูกสังเกตจากภายนอกแล้ว ยังอยู่ห่างจากเซฟเฮาส์หมายเลข 3 เพียง 500 เมตรเองด้วย
“โอเปอร์เรชั่นซิสเต็มทำงาน… แอคเซสไอดี ‘มาสเตอร์’ ”
พอชินออกคำสั่งด้วยเสียง หน้ากากที่สวมอยู่ก็เริ่มแสดงจอภาพเข้ามา อันประกอบด้วยข้อมูลของตัวผู้ใช้อย่างชิน รายชื่อพร้อมจำนวนอาวุธติดตัวในตอนนี้และอื่น ๆ อีกมากมาย
พูดให้ง่ายเข้า มันคือระบบสนับสนุนที่ช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้น ซึ่งทำได้แม้แต่การช่วยเล็งหรือคำนวณวิถีกระสุนของผู้ใช้และศัตรู ไม่เพียงเท่านั้น อุปกรณ์ที่ติดตั้งทั่วทั้งตัวอย่างแนบเนียนของทั้งคู่เองก็มีระบบป้องกันยอดเยี่ยม เป็นบาเรียล่องหนราวกับเวทมนตร์ของเผ่านางฟ้า ซึ่งสามารถกันกระสุนปืนกลได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบเปลี่ยนเสียงของหน้ากาก หากรวมเข้ากับระบบบาเรียก็จะยิ่งช่วยไม่ให้เหลือหลักฐานจำพวกเหงื่อและลายนิ้วมือทิ้งไว้ เรียกได้ว่าเป็นการปิดบังตัวตนอย่างสมบูรณ์แบบ
อนึ่ง ระบบนี้ชินและโกลเด็นด็อกขโมยมาจากอาชญากรกลุ่มนึงซึ่งขโมยมาจากฐานทัพทหารของประเทศเขตที่ 1 หรือ ‘สหรัฐอมาริโก’
ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว โฮโลวอชรูปร่างปลากระเบนที่ชินกำลังสวมเองก็เป็นอุปกรณ์ทางการทหารเช่นกัน
‘เทคโนโลยี’ นี่สุดยอดจริงๆแฮะ… นี่แหละมั้งสาเหตุที่มนุษย์ทัดเทียมกับเผ่าพันธุ์อื่นที่มีพลังพิเศษได้ในช่วงสงครามเมื่อพันปีก่อน
ชินเริ่มชั่วโมงประวัติศาสตร์ด้วยความชื่นชมปัญญาของเหล่ามนุษย์
เขาเคาะโฮโลวอชรูปร่างกระเบนสีแดงลายดำของตัวเอง แสดงภาพแผนที่มุมสูงของเมืองหลวง ภาพตรงกลางคือนิวเอจซิตี้ทาวเวอร์
“โอเปอร์เรชั่นซิสเต็มทำงาน… แอคเซสไอดี โกลเด้นด็อก”
ทางฝั่งโกลเด้นด็อกเองก็เปิดระบบของตัวเองเรียบร้อย ซึ่งระบบสนับสนุนของทั้งคู่แตกต่างกันในบางจุด เพราะ ‘พลัง’ ของพวกเขาไม่เหมือนกัน
“พนันกันไหมโกลเด้นด็อก… ว่าตึกต่อไปที่พวกโจรนั่นไปจะเป็นที่ไหน” ชินทำสีหน้าเบื่อหน่าย น้ำเสียงไม่ได้สนุกอย่างที่พูด
แต่หน้าที่ที่จะทำให้เจ้านายสนุกนั้นเป็นของข้ารับใช้
“ดิฉันเดาว่าไฮเอนด์ซิตี้ค่ะ… ถ้าแพ้ ดิฉันจะยอมทำตามที่สั่งทุกอย่างเลยค่ะ แม้แต่เรื่องลามกก็ด้วย” ถึงจะทำให้สนุกเกินไปหน่อยก็ตาม เพราะโกลเด้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนเหมือนไม่ได้ล้อเล่น
ใบหน้าเบื้องหลังเป็นเช่นไรทำเอาชินอดสงสัยไม่ได้เลยทีเดียว แต่ในส่วนของคำตอบ ทำให้เขาต้องกุมขมับ
“ที่นั่นไม่มีธนาคารซักหน่อย” ชินพยายามตอบกลับอย่างเรียบเฉย เพราะนี่เป็นเวลาจริงจัง
“งั้นหรอกเหรอคะ” โกลเด้นด็อกตอบกลับอย่างขี้เล่นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามเจ้านาย แต่เชื่อได้เลยว่าที่บอกว่าจะทำตามที่บอกทุกอย่าง เธอคนนี้ไม่ได้ล้อเล่นแน่
จงใจแพ้สินะยัยคนนี้
ชินถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะเลื่อนแผนที่โฮโลแกรม
“คงจะเป็นยูเนี่ยนทาวเวอร์” ชินเลื่อนแผนที่ไปยังที่ตั้งของตึกดังกล่าว ระยะทางห่างไปราว 1.3 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้
“เพราะที่นั่นมีธนาคารตั้งอยู่เยอะล่ะสินะคะ… บางทีเขาอาจจะเล็งที่นี่ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่คงอยากทดสอบวิธีการปล้นของตัวเองว่าได้ผลไหมก่อน เลยก่อเหตุที่ตึกอื่นไปเมื่อวันก่อนล่ะมั้งคะ แถมยังเบี่ยงเบนความสนใจจากตำรวจได้ด้วย”
โกลเด้นด็อกตอบกลับด้วยเนื้อหาละเอียดยิบพร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย น้ำเสียงดูจริงจังต่างจากที่แกล้งชินเล่นเมื่อครู่จนชินรู้สึกอยากแซว
รู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง ยัยคนขี้แกล้ง
แต่ชินก็ทำแค่ยิ้มแห้งก่อนจะกลับมาคิดอย่างจริงจัง
ถ้าการคาดการณ์ว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นแค่โจรหางแถวถูกต้อง พวกมันไม่ได้มีเป้าหมายที่ ‘โอเรี้ยนท์แคช’ แต่เป็น ‘ธนาคาร’ เพราะงั้น การที่มันจะปล้นธนาคารที่ไหนก็ได้ ก็ไม่แปลก
ในกรณีนั้น ยูเนี่ยนทาวเวอร์เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะใช้ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดและล๊อคนิรภัยแบบเดียวกับที่นิวเอจซิตี้
จำนวนยามน้อยกว่า ตัวเลือกในการปล้นเยอะกว่า แถมแค่ทำแบบเดิมก็ได้เงินเยอะที่สุด
เสี่ยงน้อยกำไรมากแบบนี้ ตัวเลือกดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“แต่มาสเตอร์คะ… ดิฉันเกรงว่าอาจจะมี ‘ตัวก่อกวน’ มาด้วย”
โกลเด้นด็อกเตือนให้เห็นอีกประเด็นนึงที่น่าสนใจ
เห็นด้วย… ชินพยักหน้าตอบเบา ๆ ก่อนถอนหายใจ
คนที่คาดการณ์แบบนี้ได้ไม่ได้มีมีแค่เราแน่นอน
บางที ‘RC-Force’ ก็คงเข้ามาจับเจ้าพวกโจรนี้เหมือนกัน
แต่เรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก
“ล้วงข้อมูลให้ได้ก่อนตำรวจเหมือนทุกทีก็พอแล้ว” น้ำเสียงชินใจเย็นตามปกติ ไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะเป็นปัญหา แล้วหันไปทิศตรงข้ามเพื่อมุ่งหน้าไปยังยูเนี่ยนทาวเวอร์
“นั่นสินะคะ”
โกลเด้นด็อกรับคำสั่งก่อนจะเดินตามหลังชินมาติด ๆ
ในตอนนั้น ชินก็เหลือบมองลงไปด้านหลังชั่วครู่ เท้าของเขาหยุดลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นแสงสว่างด้านล่างของชีวิตกลางคืน ตรงข้ามกับด้านบนที่ตนอยู่ช่างแสนมืดมิด หวนนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นที่ได้ไปเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานกับเพื่อน ๆ อีกครั้ง
จนชวนให้สงสัยว่าแบบใดกันแน่คือตัวเขา
แม้แต่เหรียญยังมีสองด้าน… โลกใบนี้เองก็มีสองฟากฝั่ง
สำหรับเรา… คงจะมีเพียง ‘โลกยามราตรี’ นี้เท่านั้นที่เป็นตัวของตัวเองได้
เป็นตัวเราที่แสดง ‘ความแค้น’ ออกมาได้อย่างซื่อตรง โดยไม่จำเป็นต้องปิดบัง
พอความหาคำตอบ ความรุ้สึกพร้อมภาพในอดีตก็หวนคืนมาราวกับจะย้ำเตือน
ภาพของเปลวเพลิง ดาบและเลือด ใบหน้าสวมหน้ากากของผู้สังหารพ่อและแม่ ดวงตาทั้งสองของชินเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ชินเผลอยกมือขวาขึ้นกดที่ดวงตาผ่านหน้ากากโดยไม่รู้ตัว
ยังไม่ใช่ตอนนี้… ยังไม่ถึงเวลาอาละวาด…
ชินบอกกับตัวเองแบบนั้นดวงตาจึงค่อยกลับเป็นสีดำ
“มาสเตอร์?” โกลเด้นด็อกเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเอามาก ๆ ทำชินเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
“โทษที… ไม่มีอะไรหรอก”
ชินขอโทษก่อนจะเริ่มเดินต่อ
แล้วกระโดดลงจากตึกสูงกว่า 100 เมตรไปยังตึกข้างเคียงด้วยกำลังขาเหนือมนุษย์ของตัวเองไร้เครื่องทุ่นแรงใดๆ โกลเด้นด็อกเองก็กระโดดตามมาติด ๆ
ความสุขราวกับภาพลวงตาในยามกลางวัน
ความเป็นจริงอันแสนโสมมในห้วงราตรี
ตัวเราที่อยู่ตรงเส้นแบ่งของโลกทั้งสองใบ
ทำได้แค่ยอมรับมันเท่านั้นเหรอ?
คำถามแบบนั้นผุดขึ้นมาในหัวของชินเป็นรอบที่เท่าไรไม่ทราบ… ราวกับเขากำลังคาดหวังบางสิ่งอยู่
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION