ขณะที่ทางฝั่งของโอลิเวียกับเกวนเอาชนะศัตรูได้อย่างสวยงามไปแล้ว ทางด้านของชินกับหู่ก็กำลังตั้งท่าเตรียมจะเริ่มศึก
ทว่าแม้จะกล่าวไปแบบนั้น ทางชินกลับไม่ได้แสดงท่าทางออกภายนอกแต่อย่างใด
หากมองดูจากมุมมองบุคคลที่สาม ชินกำลังยืนอยู่เฉย ๆ ไม่แม้แต่จะตั้งการ์ดจนดูเหมือนจะยอมแพ้ไปแล้ว หรือไม่ก็คงโง่และไร้ประสบการณ์เอามาก ๆ
ทว่า… มีแต่นักรบยอดฝีมือด้วยกันเท่านั้นที่มองออก เพราะแรงกดดันที่ชินแผ่ออกมารอบตัวมันรุนแรงมาก ราวกับจะบอกว่าแม้จะไม่ตั้งท่าก็สามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ
ในทางกลับกันก็บ่งบอกอีกด้วย ว่าหากเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือก็จะถูกสวนกลับเอาได้ง่าย ๆ
หู่ไม่รีรอที่จะชักดาบยาวสองคมซึ่งสะพายไว้ที่เอวมาตลอดออกมาจากฝัก เขาจับดาบกระชับด้วยมือทั้งสองแน่นไม่ให้หลุดมือ ตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีชินโดยการหันคมดาบเข้าใส่
หากเทียบกับครั้งที่แล้วถือว่าเยือกเย็นกว่าเดิม แถมเทียบกับก่อนหน้าที่จะโจมตีเราก่อนหน้านี้เองก็ด้วย
ดูเหมือนชายคนนี้จะไม่ได้เย่อหยิ่งไปเสียหมด เพราะความเยือกเย็นที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็นับได้ว่ายอดเยี่ยม
แต่ถึงได้ขนาดนี้ก็ยัง…
“เปล่าประโยชน์”
ชินดูถูกศัตรูโดยไร้ความเกรงกลัว เขาพูดแบบนั้นเพื่อหวังให้ศัตรูสูญเสียความเยือกเย็นจากความโกรธเท่านั้น
แต่ว่า…
“ประมาทแบบนี้นี่ไม่ดีเลยนะครับ”
เสียงอันแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งออกมาจากปากของหู่
พริบตานั้นชินสัมผัสได้ถึงบางอย่างพุ่งมาจากด้านข้างทั้งสองทาง เขาถีบพื้นหลบไปด้านหลังอย่างฉิวเฉียด
รอยขาดตรงแขนเสื้อปรากฏขึ้น ดูเหมือนนี่จะเป็นไนท์ของหู่ซึ่งเป็นอันเดียวกับที่ใช้ปลิดชีพโอลิเวียหนก่อน
พลังของมันนั้นดูท่าจะร้ายกาจเพราะสามารถตัดผ่านบาเรียของชุดเกราะเข้ามาได้อย่างที่ชินคาด
แถมครั้งนี้… ความเฉียบคมและรุนแรงของมันก็ดูท่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
“เอาล่ะนะครับ!!!”
หู่ถีบพื้นเข้ามาพร้อมเงื้อดาบขึ้นสูงเหนือศีรษะเข้าหาชิน
ชินหยิบปืนพกออกมาเล็งกลางลำตัวของศัตรู
แต่พริบตาก่อนลั่นกระสุน ปืนก็ถูกแบ่งเป็นสามส่วนราวเต้าหู้ถูกหั่น
“ย้ากกก!!!”
ดาบของหู่ฟาดลงใส่ชิน แต่ชินยกมือขวาขึ้นคว้าจับมันไว้ได้ก่อนจะถึงตัว
ชินออกหมัดซ้ายใส่สีข้างขวาของหู่ในทันที ร่างของหู่ถอยกรูดกลับไปยังจุดเริ่ม แต่ตาเขาไม่ได้โฟกัสที่อาการบาดเจ็บ เพราะรู้ว่าหากคลาดสายตาไปจากชินแม้เสี้ยวพริบตาจะเป็นยังไง
เรียนรู้จากข้อผิดพลาดครั้งที่แล้วได้ดีทีเดียว
ชินเอ่ยชมหู่อยู่ในใจ ก่อนจะถีบพื้นเข้าหาเป็นฝ่ายบุกบ้าง
เขากำหมัดขวาแน่นและอัดตรงใส่กลางลำตัวของหู่สุดแรงเกิด
แต่หู่ลดดาบลงมาใช้ป้องกันไว้ได้ทัน แม้ดาบจะเกิดรอยร้าวก็ตามที
“อึก!”
ชินไม่สนใจท่าทางทรมานของอีกฝ่าย เขาดันหมัดออกแรงเพิ่มอีกจนกระทั่งร่างของหู่กระเด็นอัดผนังบ้านถึงขนาดทะลุเข้าไปในตัวบ้านอีกหลัง
เกิดควันคลุ้งขนาดใหญ่พอควร แต่ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นของหน้ากากที่มีระบบช่วยเหลือ ชินเดินเข้าไปทั้งอย่างงั้นราวกับรอจังหวะอยู่แล้ว
“บอกว่าอย่าประมาทยังไงล่ะครับ!” เสียงนั่นดังมาจากอีกฟากของควันคลุ้ง เขารอจังหวะที่ชินจะเข้ามาอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ อย่างน้อยหู่ก็คิดแบบนั้น
การโจมตีที่ไม่สามารถมองเห็นได้ของหู่พุ่งเข้าใส่ชินหวังบั่นเศียร ความรวดเร็วนั่นใช่ว่าจะยากแก่การหลบ แต่ชินกลับเลือกรับมันเอาไว้
ทว่า…หนนี้ความรุนแรงของมันเพิ่มขึ้น จะด้วยตัวแปรอะไรก็ตาม แต่มันสร้างบาดแผลแรกให้กับชินได้สำเร็จ
รอยแผลราวกับถูกมีดบาดเฉือนต้นแขนซ้ายด้านหน้าของชินที่ใช้ยกขึ้นกำบังจนเลือดหยดลงตรงพื้น
ตามมาด้วยการโจมตีระลอกสองมาจากทางซ้ายและขวาของชิน รอบนี้ชินไม่มีเหตุผลที่จะต้องโดนอีก เขาถีบพื้นหลบไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
นั่นเป็นจังหวะที่ฝุ่นควันถูกพัดออกไปรอบด้าน เผยให้เห็นหู่ที่ยืนยืดอกอยู่ในตัวบ้านค่อย ๆ เดินออกมาตามชินที่อยู่ด้านนอก
“ดูเหมือนฝ่ายที่ได้แผลก่อนจะเป็นคุณนะครับเนี่ย นี่ถ้ามีคนรู้ว่าผมสร้างแผลให้คุณได้ผมคงดังน่าดู”
เสียงหัวเราะในลำคอลอดออกมาจากหู่ คำพูดดูมั่นใจในชัยชนะของตนมาก เขาคงถึงกับคิดไปว่าสถานการณ์ได้กลับตาลปัตรจากหนก่อนแล้ว
ทว่าคำพูดต่อไปของชินก็กลับต้องทำให้เหตุการณ์กลับตาลปัตรอีกครั้ง
“เมื่อกี้ ถ้าโจมตีฉันใส่ด้านหลังก็อาจจะสร้างแผลฉันได้มากกว่านี้ ทำไมถึงไม่ทำกันนะ”
“อึก!”
หู่หวั่นไหวทันทีกับข้อสังเกตของชิน เขากลับมาตั้งท่าเตรียมพร้อมอีกครั้งเหมือนก่อนหน้านี้ ชินจึงรู้ว่าจี้ถูกจุด
“ไม่สิ… คงทำไม่ได้สินะ เพราะการโจมตีของนายทำได้แค่สร้าง ‘การตัด’ ในจุดที่ตัวเองมองเห็นเท่านั้น”
คำพูดต่อไปของชินยิ่งทำให้หู่ตัวแข็งทื่อ
ชินอาศัยจังหวะนั้นเหยียบพื้นพุ่งเข้าหาสุดแรง แต่ร่างที่หายไปกลับไปปรากฏอยู่ที่ทางฝั่งขวาของหู่เสียได้
นั่นเป็นการย่างก้าวที่ชินฝึกมาแรมปีอันเรียกว่า ‘ลวงล่อไร้ทิศ’
ชินง้างเท้าเตะใส่สีข้างหู่ ร่างของเขากระเด็นทะลุผนังห้องของบ้านหลายต่อหลายครั้งจนทะลุออกหน้าบ้าน ทำได้แค่นอนหงายท้องกระอักเลือด
สถานการณ์คล้ายคลึงกับหนก่อนจนน่าตลก แน่นอนว่าเป็นเชิงประชดประชันต่อหู่ที่คิดแบบนั้นแต่ขำไม่ออก
“อึก… ทะ ทำไม…” หู่เอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับใช้แรงเฮือกสุดท้าย
ไม่สิ… จากที่ชินเห็น นี่คงเป็นแรงเฮือกสุดท้ายจริง ๆ
ส่วนคำตอบของคำถามนั้น… มันเริ่มมาจากชที่ชินเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทั้งที่ทัศนวิสัยยังไม่สู้ดีเพื่อหลอกล่อให้อีกฝ่ายโจมตีออกมา ชินทำเพื่อตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายว่าคืออะไรและมีอานุภาพมากขนาดไหน
อย่างแรก ชินรู้แล้วว่าไนท์ของอีกฝ่ายคือการตัดไม่ใช่การสร้างสายลมขึ้นมาโจมตี
นั่นเพราะตอนที่หู่โจมตีใส่ชินท่ามกลางฝุ่นควัน ควันนั้นถูกอากาศแหวกออกจากจุดที่โจมตี ไม่ใช่จุดที่หู่อยู่ นั่นแสดงว่าการโจมตีเกิดขึ้นบริเวณที่เกิดการโจมตีทันที คล้ายการสร้างกรรไกรล่องหนขึ้นมาตัดตรงพิกัดนั้นไม่ใช่พุ่งมาจากจุดที่หู่อยู่อย่างที่เคยเข้าใจ
อย่างที่สอง คือการพิสูจน์ว่าการตัดนั้นสามารถทำได้ 100% หรือไม่ เพราะถ้าตัดได้ทุกสิ่งโดยไร้เงื่อนไข นี่จะเป็นพลังที่อันตรายมาก
แต่คำตอบก็ออกมาแล้วว่าไม่ใช่ อานุภาพของมันรุนแรงเอาเรื่องก็จริงแต่ก็เหมือนกับการใช้กรรไกรตัดเหล็ก พลังของมันยังไม่เพียงพอที่จะบั่นแขนของชินให้ขาดออกจากกันด้วยซ้ำ
นั่นคือข้อมูลและสรุปทั้งหมดที่ชินได้ แต่แน่นอนว่าชินไม่มีเหตุผลที่ต้องบอกหู่
เพราะตอนนี้อยู่ทางหน้าบ้านร้างพอดี ชินเลยเดินผ่านหู่ออกไปทางประตูหน้าราวหมดความสนใจ
แม้สติหู่ยังเลือนราง แต่ความสบอารมณ์ก็ยังแจ่มชัดและรุนแรง
“จะ จะไปไหน… ผมยัง สู้ต่อได้”
หู่ใช้มืออันสั่นเครือจับข้อเท้าของชินไว้อย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งกำลังกายน่าจะหมดไปแล้ว ๆ
การกระทำนั้นน่าชื่นชมแต่ก็น่ารำคาญในขณะเดียวกันสำหรับชิน
รวมถึง… สร้างความสงสัยให้กับชินถึงเหตุผลที่ชายคนนี้เสี่ยงเข้าสู้กับตนทั้งที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าจะแพ้
“ถ้าเอาชนะคุณไม่ได้… แล้วผม… จะเปลี่ยนโลกได้ยังไง…” เสียงของหู่สั่นเครือมากขึ้นแต่ช่างแหบแห้ง
“เฟย… ฉันน่ะ…” คำพูดสุดท้ายเบาลงจนเงียบไป
มือของเขาอ่อนแรงจนเหมือนเถาวัลย์เกาะกุมข้อเท้าชิน
ชินก้มตัวลงแยกมือของหู่ออกมาเบา ๆ ไม่ได้สลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใยประหนึ่งเคารพศัตรู
“อยากเปลี่ยนโลกเพื่อคนสำคัญเป็นเรื่องน่าชื่นชม จะเป็นกำลังใจให้ละกัน”
เพราะคำพูดที่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกนั้นของหู่ ทำเอาชินเองก็อดชื่นชมจิตวิญญาณของหู่ไม่ได้เช่นกัน
“แต่ถ้ามาขวางทางกันมันก็เป็นอีกเรื่องนึง เพราะงั้นก็ระวังไว้ด้วย”
คำเตือนสุดท้ายของชินสลักลึกลงในจิตวิญญาณของหู่ก่อนที่เขาจะหมดสติไป
ชินปรับลมหายใจใหม่ขณะเดินออกไปตรงทางเข้า
ดูเหมือนตรงจุดนั้นจะมีคนรออยู่แล้ว นั่นก็คือโกลเด้นด็อกและบันนี่ ทั้งสองคนเอาชนะอีกฝ่ายมาได้โดยไร้บาดแผลทำเอาชินโล่งอกไปมากทีเดียว
แต่กลับกัน…
“มาสเตอร์ แผลนั่น!” โอลิเวียใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการตรวจสอบร่างกายของชินเหมือนเคย
และพริบตาที่เห็นบาดแผลของชิน เธอก็รีบพุ่งเข้ามาหาทันที
“ละ โล่งอกไปที…” เกวนรีบเข้ามาดูอาการชินพร้อมกัน ทั้งสองคนต่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าแผลของชินไม่ได้ลึกขนาดนั้น
เป็นห่วงกันเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
ชินถอนหายใจเบา ๆ แต่ภายใต้หน้ากากเป็นรอยยิ้มดีใจ
บรรยากาศผ่อนคลายลงมากหลังตัวละครหลัก ๆ ของคืนนี้ถูกโค่นจนหมด ตอนนี้ในหัวของชินเริ่มคิดเรื่องเก็บงานแล้วด้วยซ้ำ
จะว่าไป เมื่อกี้เลือดเราหยดลงพื้นด้วยสินะ
ต้องรีบทำลายหลักฐานนั้นทิ้งด้วย————
วูม!!!
แต่ชั่วพริบตานั้นก็กลับเกิดเรื่องประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นขึ้น
ด้านหลังของชินที่ห่างไกลไปหลายโพ้นทะเล จู่ ๆ ก็มีเสาแสงสีน้ำเงินพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินสู่ท้องฟ้า แสงนั่นน่าเกรงขามประหนึ่งการตัดสินจากค้อนยุติธรรมจากพระผู้เป็นเจ้า
เพราะงั้นจึงเดาได้ไม่ยากเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะต้องมีสาเหตุมาจากการที่โลกได้ตัดสินอะไรบางอย่างแน่นอน
ทิศนั้นมัน… ออสตราเลียงั้นเหรอ?
“บันนี่… เกิดอะไรขึ้น” ชินถามเกวนที่น่าจะรู้คำตอบด้วยน้ำเสียงกังวลเล็ก ๆ
“เอ๊ะ!? อะไรเหรอ?”
แต่เกวนกลับเอียงคอใส่ชิน เช่นเดียวกับโอลิเวีย เธอมองชินค้างไปเพราะไม่รู้ว่าชินพูดถึงอะไร
จังหวะนั้น อัลเฟรดก็ติดต่อมาหาชินทันทีราวรู้ใจ
‘คุณแองกริคราวน์ครับ!’
“…เกิดอะไรขึ้น?”
‘ออสตราเลียถูกราชาอันดับ 1 ยึดไปแล้วครับผม’
น้ำเสียงอัลเฟรดดูกังวล แต่เพียงเท่านั้นก็ปะติดปะต่อข้อมูลเองได้
เพราะทิศทางที่เสาแสงสีน้ำเงินเกิดขึ้นคือทิศที่ประเทศออสตราเลียตั้งอยู่ เสาแสงจึงน่าจะเป็นเครื่องหมายบ่งชี้ว่าดินแดนได้ถูกยึดครองแล้ว
ไม่สิ… ที่สำคัญมากกว่าคือสถานการณ์ในการรบ
ไหนบอกว่าราชาอันดับ 1 เพิ่งส่งคนมาบุกคืนนี้ไม่ใช่เหรอ?
จากที่เราลองสู้ดูในตอนนี้ ก็เห็นกันชัด ๆ อยู่ว่าการยึดครองดินแดนนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ
แต่ทางนั้นกลับทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้เนี่ยนะ
ชินใช้สามัญสำนึกคิดก็เข้าใจความกังวลของอัลเฟรด
ด้วยข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิดก็ยิ่งทำให้กังวล เพราะจากที่อัลเฟรดวางแผน หากราชาอันดับ 1 ได้พื้นที่ออสตราเลียไป เขาก็จะสามารถทำการบุกยึดอินดรานีเซียซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกับพวกอัลเฟรดได้ง่ายขึ้น
หรือกล่าวให้ง่ายเข้า… การที่ราชาอันดับ 1 ได้รับชัยชนะตอนนี้ อาจทำให้เขากลายเป็นคู่ต่อสู้รายใหม่ของพวกอัลเฟรดนั่นเอง
และความแข็งแกร่งที่สามารถเอาชนะราชาอันดับ 7 ได้ในเวลาอันสั้นนี้ คงไม่ดีแน่หากรับมือโดยไม่หาข้อมูลล่วงหน้า
‘คุณแองกริคราวน์ ยังไงถ้าชนะพวกหู่ได้แล้วก็รีบกลับมารวมตัว————’
ตู้ม!!!
แต่สถานการณ์ไม่ยอมให้พักให้ผ่อน
จู่ ๆ ก็มีบางอย่างหล่นลงมาจากฟากฟ้าด้วยความเร็วที่ชินไม่ทันสังเกต เกิดควันคละคลุ้งพร้อมพื้นถนนแตกระแหงไปทั่วในจุดที่ห่างออกไปจากพวกชินราว 100 เมตร
และทันทีที่ควันลอยหายไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกชินคือมนุษย์ผู้สวมหน้ากากหัวกะโหลกครึ่งใบหน้า มีกระเปาะเข็มฉีดยาฝังอยู่ทั่วกะโหลกดูน่าหวาดผวา รวมกับรังสีการฆ่าฟันที่คน ๆ นี้แผ่ออกมายิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนที่ได้เห็น
เกวนที่เข้มแข็งถึงขนาดไม่กลัวความกดดันจากโอลิเวียยังตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าราวกับจะล้มคะมำได้ทุกเมื่อ
“กะ โกหกน่า… หมอนี่มัน อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของราชาอันดับ 1 นี่นา! ทำไม…”
คำตอบอันน่าหวาดหวั่นออกมาจากปากของเกวน ทำชินและโอลิเวียตั้งการ์ดระแวดระวังต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เพราะจากที่อัลเฟรดเล่ามา รัสเซียเรียกได้ว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดสมอันดับ 1
ซ้ำร้าย… ที่อยู่ตรงหน้าก็คือขุนพลเอกของอันดับ 1 ดังที่กล่าวอีก
“แองกริ… คราวน์…”
เสียงอันแหบแห้งออกมาจากใต้หน้ากาก
ชายสวมหน้ากากหัวกะโหลกยกมือขวาขึ้นช้า ๆ ราวกับจะคว้าพวกชินมาไว้ในกำมือ
พวกชินรีบถอยกันไปคนละสามก้าวด้วยสัญชาติญาณ โดยหารู้ไม่ว่ามันทำให้พวกตนรอดชีวิตหวุดหวิด
…แม้ว่าแขนซ้ายของชินจะขาดสะบั้นลงก็ตาม
แขนของเขาที่รับได้แม้แต่การโจมตีสุดร้ายกาจของหู่มาแล้วกลับขาดทิ้งพื้นอย่างไร้ค่าไร้ความหมายทำเอาทั้งสามคนตัวแข็งทื่อ หากหลบช้ากว่านี้ที่ขาดน่าจะเป็นหัวของชินแทน
แต่ความเจ็บปวดไม่มากเท่ากับความสงสัยที่กรีดแทงหัวใจของชิน
ทำไมอีกฝ่ายถึงใช้ไนท์ได้ทรงพลังขนาดนี้กัน? คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย
เจ้าหมอนี่… เป็นแวมไพร์สายเลือดแท้เหมือนกับเรา!
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION