ท่ามกลางความมืดมืด มีเพียงไฟจากข้างทางสลัวแลจะดับได้ทุกเมื่อ
เป็นบริเวณนี้แตกต่างกับอาคารกีฬาเก่าก่อนหน้านี้มากเพราะเป็นเขตชุมชนเก่า แต่จุดที่เหมือนกันคือความสงบเงียบจากการไร้ผู้คนจึงทำให้สะดวกต่อไล่ล่า
กลุ่มเงาสามคนวิ่งผ่านบ้านร้างหลังเล็ก แล้วรีบเข้าไปหลบหลังกำแพงในตัวบ้านหลังนั้น
กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยผู้นำสวมหน้ากากเสือโคร่งนามว่าหู่ พร้อมกับเด็กชายและเด็กสาวที่สวมหน้ากากแสดงเพศตัวเอง
“คลาดสายตาไปแล้ว” หู่กัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจหลังพยายามรับสัมผัสรอบ ๆ
แต่วี่แววหรือหลักฐานหลงเหลือจากที่วิ่งตามมากลับสิ้นสุดลงที่ตรงนี้
แองกริคราวน์ที่เป็นเป้าหมาย หญิงสาวสวมหน้ากากโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ และหญิงสาวสวมหน้ากากกระต่ายต่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่เห็นต้องฝืนเลยนี่พี่ใหญ่” เด็กหนุ่มตัวเล็กขยับเข้าไปหาหู่ พร้อมกับเด็กสาวที่พยักหน้ารับอยู่ข้าง ๆ
ด้วยส่วนสูงที่ห่างกันหลายสิบเซนติเมตร ทั้งสองคงเหมือนกับกำลังคุยกับพี่ชายของตัวเองด้วยความเป็นห่วง
เช่นไรก็ตาม… คำพูดของเด็กหนุ่มและท่าทางของเด็กสาวที่จับชายเสื้อของหู่ด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้ทำให้เขาลดละความพยายาม หู่ไม่ตอบกลับใด ๆทั้งสิ้นนอกจากยืนขึ้นและพยายามตามรอยต่อ
ในขณะเดียวกัน…
“ดูท่าจะไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ เลยนะ” ชินส่งเสียงเหนื่อยหน่าย ขณะที่โอลิเวียพยักหน้ารับ
“ค่ะ… ดูเหมือนครั้งที่แล้วจะทำเขาเสียหน้ามากทีเดียว”
“อืม… ดูท่าจะอย่างงั้นนะ”
เกวนตอบรับเห็นด้วยเบา ๆ
แต่ลึก ๆ ชินก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ว่าแค่ศักดิ์ศรีทำให้ผลักดันหู่มาถึงตรงจุดนี้เลยงั้นเหรอ?
ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่บนหลังคาของบ้านห่างออกไปจากหู่ราว 3 หลังเท่านั้น
แต่อีกฝ่ายกลับไม่สามารถตามรอยของทั้งสามคนได้ สาเหตุมาจากโอลิเวียได้ทำการใช้พลัง ‘คำสาป’ สร้างภาพลวงตาขึ้นก่อนหน้านี้เพื่อลบร่อยรอยหลักฐาน รวมถึงลบการมองเห็นจากพวกหู่ไปจากพวกตัวเองตอนนี้ด้วย
เดิมทีแล้ว พลังคำสาปนั้นเป็นเอกสิทธิ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจหรือผู้ที่มีสายเลือดปีศาจเท่านั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือไดอาที่เป็นลูกครึ่งแต่ก็สามารถใช้คำสาปได้
เฉกเช่นเดียวกับไนท์ แม้จะไม่ได้เป็นผู้มีสายเลือดแวมไพร์แท้แต่ก็สามารถครอบครองมันได้หากมีรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือบรรพบุรุษเป็นแวมไพร์
แต่ว่า… ถึงแบบนั้นก็แปลกอยู่ดี
เกวนมองแผ่นหลังของหญิงสาวเผ่าเอลฟ์ตรงหน้า
ความสามารถในการฟังเสียงก่อนหน้านี้คือ ‘เซนส์’ ซึ่งเป็นพลังของเผ่ามนุษย์สัตว์อย่างแน่นอน
คิดในกรณีปกติ… โอลิเวียอาจมีพ่อแม่คนใดคนนึงเป็นลูกครึ่ง พอมีลูกจึงทำให้มีสายเลือดของสามเผ่าพันธุ์ กรณีแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มี
กระนั้น พลังของแต่ละเผ่าจะมีโอกาสปรากฏน้อยลงตามอัตราส่วนของสายเลือดที่มี และความแข็งแกร่งจากพลังของแต่ละเผ่าพันธ์
ดังนั้น กรณีที่มีพลังประจำเผ่าปรากฏออกมาทั้งหมดอย่างโอลิเวียจึงผิดแปลกมาก เพราะพลังเองก็ใช่ว่าจะเป็นระดับต่ำ
ไม่สิ… หากจะเกวนประเมิน แม้แต่เธอยังรู้เลยว่าพลังแต่ละอย่างของโอลิเวียนั้นเทียบเท่ากับสายเลือดแท้ด้วยซ้ำ
นั่นคือสิ่งที่เกวนสงสัย แต่ก็ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้เพราะอีกฝ่ายคงไม่มีทางบอก
“เอายังไงต่อดีคะมาสเตอร์?” โอลิเวียเอ่ยถามชิน เขากำลังมองลงไปยังหู่เพื่อดูท่าที
แต่แน่นอนว่าไม่ได้คิดหนี… ชินตั้งใจจะสร้างความอับอายให้กับหู่อีกรอบตามแผน
“เตรียมการแยกทั้งสามคนออกจากกันด้วยภาพลวงตาไว้”
ชินสั่งการพร้อมมองดูรอบ ๆ เพื่อตรวจสอบพื้นที่ก่อนบุกโจมตี
แน่นอนว่าคงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกำลังเสริมหรือกับดัก แต่การไม่ประมาทก็ไม่เสียหายอะไร
“บันนี่ เธอสู้ได้ไหม” ชินถามเกวนโดยไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง แต่เกวนก็เข้าใจได้เพราะชินกำลังสังเกตการณ์อยู่
“สู้ได้สิ”
เสียงตอบกลับอันสงบนิ่งเยือกเย็นมาจากเกวน… น้ำเสียงและท่าทางผิดกับเพื่อนสนิทสาวใจดีที่นั่งโต๊ะด้านข้างราวกับเป็นคนละคน
เธอเองก็คงผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันล่ะสินะ
ชินพยักหน้าให้เบา ๆ ก่อนกระโดดลงไป
“!!?”
ลงไปยังจุดที่พวกหู่และเด็กชายเด็กสาวยืนรวมกลุ่มกันอยู่โดยไร้ซึ่งความสะทกสะท้าน
พวกหู่ทั้งสามคนเปลี่ยนท่าทีจากระวังภัยเป็นพร้อมรบ แต่สายตาที่ชินมองมายังพวกตนรุนแรงเกินกว่าจะหันหน้าไปเผชิญหน้าด้วยจิตสังหารได้
เด็กชายและเด็กสาวได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ รู้สึกราวกับว่าหากแข็งขืนหัวก็จะหลุดจากบ่า
พวกเขารู้สึกขนลุกหนาวเฉียบเย็นเมื่อมองไปยังหน้ากากที่กำลังแสดงความโกรธกริ้วสมกับนามที่ถูกเรียกขาน
แองกริคราวน์
“…พี่ใหญ่”
ในตอนนั้นหู๋ก็เดินหน้าขึ้นมาบัง ขั้นกลางระหว่างเด็กสองคนกับชินไว้ แม้มือของหู่เองจะมีความสั่นกลัวอยู่บาง ๆ ก็ตาม
น่าชื่นชมจริง ๆ
ชินอดเสียมิได้ แต่แน่นอนว่าไม่ได้พูดออกมา
“ดูเหมือนธุระของนายจะไม่ใช่การยึดครองเขตนี้สินะ” ชินกลับไปใช้น้ำเสียงเยือกเย็น เครื่องเปลี่ยนเสียงหลังหน้ากากยิ่งเปลี่ยนให้มันดูน่าขนลุกไปใหญ่
หู่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย ถึงแบบนั้นก็ประจันหน้ามองอย่างห้าวหาญ
“ใช่… ธุระของฉันก็คือนายนั่นแหล่ะ”
คำพูดและการวางตัวราวผู้ดีหายไป ตรงหน้าของชินคือชายหนุ่มประเภทเดียวกับเขาทุกกระเบียดนิ้ว
หู่พูดจบก็ตั้งการ์ดราวกับปรารถนาจะสู้มันเสียตอนนี้ ดูเหมือนท้ายที่สุดชินก็ไม่สามารถหนีการต่อสู้จากเขาไปได้แม้จะไม่พึงปรารถนาก็ตาม
เพราะไม่เหมือนกับทหารที่ชินสังหารไปในสำนักงานเก่าก่อนหน้านี้… เหล่าทหารลงสู่สนามรบโดยเตรียมใจที่จะพ่ายแพ้ไว้แล้ว พวกเขาพร้อมที่จะปลิดชีพศัตรูรวมถึงเตรียมใจที่จะถูกสังหาร พวกเขาคือนักรบที่คู่ควรแก่การต่อสู้และสังหารในความคิดของชิน
ทว่าไม่เหมือนกับคนพวกนี้… ชินไม่รู้ว่าบุคคลตรงหน้านี้คู่ควรกับการตายหรือไม่
พูดให้ง่ายเข้า… ชินไม่รู้ว่าชายตรงหน้านี้เตรียมใจมาแค่ไหน คู่ควรกับการตายในสนามรบไหม?
เพราะสำหรับชินที่ถูกสอนมาว่า ‘ผู้ที่ตายในสนามรบต้องเป็นนักรบเท่านั้น’ จึงต้องสังหารเฉพาะคนที่ตัวเองยอมรับว่าเป็นนักรบ หรือหากศัตรูมีสถานะอื่นที่ไม่ใช่นักรบชินก็จะไม่สังหาร
มันอาจคล้ายกับความเห็นใจอันไร้ประโยชน์ในสนามรบ ทว่านั่นก็คือความงดงามในสนามรบซึ่งเป็นพื้นฐานทัศนคติที่ถูกสืบทอดมาของชินเช่นกัน นั่นเป็นดั่งความภาคภูมิที่ถูกสอนสั่งมาให้เป็นชินดังในตอนนี้
นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่โอลิเวียช่วยยั้งมือเขาไว้ไม่ให้สังหารหู่
เพราะในมุมมองของโอลิเวีย เธอไม่อาจทำให้ศักดิ์ศรีของชินต้องมามัวหมองเพราะตัวเองเป็นสาเหตุ
ส่วนในอีกแง่นึง… การฆ่าแต่ทหารก็เพื่อยั้งตัวเองไม่ให้พลั้งมือฆ่าผู้ที่อาจเป็นผู้บริสุทธิ์
อย่างเช่นหู่และเด็กหนุ่มเด็กสาวตรงหน้าชินนี้ก็เป็นอีกตัวอย่าง
“แม้จะต้องตายก็ตาม… งั้นเหรอ?”
“อึก!”
ชินจงใจพูดให้น้ำเสียงดูน่าขนลุกมากยิ่งขึ้นไปอีก บรรยากาศนักฆ่าที่ถูกปล่อยออกมายิ่งทำให้พวกหู่ตระหนักว่าฝีมือและประสบการณ์อยู่คนละชั้น
และชินก็หวังให้พวกเขารู้สึกแบบนั้น แล้วยอมแพ้หนีไปซะ
ทว่า… นั่นดูเหมือนจะไร้ผลกับหู่ที่ตั้งการ์ดทั้งที่ปลายมือสัมผัสได้ถึงความสั่นกลัว
เจ้าหมอนี่… ดูเหมือนจะมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากศักดิ์ศรีที่ต้องแลกด้วยชีวิตเลยสินะ
ไม่สิ… ไม่ใช่แค่หมอนี่ แต่ทุกคนที่เข้าร่วมศึกนี้เองก็คงจะมีเหตุผลเหมือนกันนั่นแหล่ะ
ชินรู้สึกเห็นใจขึ้นมาถนัด เพราะชินคงไม่อาจประเมินอีกฝ่ายที่เคยพ่ายแพ้ตนมาครั้งนึงสูงกว่าตัวเองได้
แต่อย่างน้อยความรู้สึกดูแคลนก็ไม่มีอยู่ในหัว ชินเปลี่ยนมาตั้งท่าเตรียมพร้อมจู่โจมทันที
“งั้นก็เข้ามา… ฉันจะรีดเร้นความกลัวของนายออกมาให้มากกว่าครั้งที่แล้วเอง” ชินหักนิ้วมือเดียวราวกับบดขยี้อากาศดัง กร๊อบ!
สติของทั้งสามคนถูกจุดราวระเบิดเพลิงตอบสนองท่าทางพร้อมรบของชิน
แต่พริบตาเดียวกับที่ชินหักนิ้วเสียงดัง ภาพที่พวกหู่มองเห็นก็เบลอ หักเหและบิดเบี้ยวไปมาส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ
พอรู้สึกตัว รอบตัวหู่ที่เคยมีทั้งเด็กหญิงและเด็กชายต่างก็หายไปหมด สาเหตุนั้นมาจากโอลิเวียที่ได้สัญญาณการหักนิ้วจากชินเมื่อครู่
เธอทำการใช้ภาพลวงตากับทั้งสามคนทำให้มองไม่เห็นตัวอีกฝ่าย โดยจะมองเห็นและสัมผัสได้เฉพาะศัตรูเท่านั้น
“ “!!!?” ”
จังหวะถัดมา โอลิเวียกับเกวนก็พุ่งเข้าไปชกและเตะใส่เด็กหนุ่มเด็กสาวสองคนจนกระเด็น แม้ทั้งสองจะตั้งการ์ดทันแต่ก็ยังปลิวไปไกล
เด็กสาวถูกรับหน้าที่โดยเกวน ส่วนตัวเด็กชายนั้นถูกรับหน้าที่โดยโอลิเวีย
รวมกับหู่ที่ชินเป็นคนจัดการเองแล้ว จึงกลายเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งดังที่ชินวางแผนไว้
“ทำกันได้นะครับ” หู่ได้แต่กัดฟันกรอด เมื่อเพิ่งตระหนักว่าเป็นเบี้ยล่างของชินมาตั้งแต่แรก
ถึงแบบนั้นเท้าเขาก็ยังหยัดยืน ไม่ยอมลดละที่จะโค่นชินแต่อย่างใด
แรงผลักดันของหู่นั้นรุนแรงและน่าชื่นชมจนชินเองยังอยากรู้
…แต่การหาคำตอบคงเป็นเรื่องหลังจากนั้น
❖❖❖❖❖
ขณะที่ฟากของชินกำลังจะเปิดศึก เกวนก็กำลังเผชิญหน้ากับเด็กหญิงที่มีส่วนสูงเพียงครึ่งเดียวของตัวเอง
แต่เกวนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบหรือรู้สึกสงสารแต่อย่างใด
“เอาล่ะนะ” ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ แต่อีกฝ่ายเองก็เตรียมใจมามากไม่แพ้กัน
เด็กหญิงตั้งท่าราวกับนักกังฟูพร้อมจู่โจมทุกเมื่อ
เกวนเห็นแบบนั้นก็ตั้งการ์ดกลับไป เธอยกมือสองข้างขึ้นในระดับศีรษะอันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า ‘มวยไทย’เธอประเมินแล้วว่ากับอีกฝ่ายที่ใช้ศิลปะการต่อสู้มือเปล่าที่ตัวเองยังไม่รู้จักวิธีรับมือดี จึงไม่ควรใช้อาวุธซึ่งอีกฝ่ายอาจนำไปใช้ประโยชน์ได้ หมัดต่อหมัดจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ทั้งสองขยับเท้าทีละเล็กทีละน้อยเพื่อหาช่องว่างของอีกฝ่าย เวลาของทั้งสองและทั้งโลกราวกับหยุดนิ่ง
และพริบตาที่หยดน้ำไหลจากปลายใบ้ไม้ลงสู่พื้นดิน คือจังหวะที่ทั้งคู่ถีบพื้นเข้าหากัน
“ย้า!!!”
เกวนออกหมัดใส่ปลายคางของเด็กสาวเต็มแรงอย่างไม่ลังเล
ทว่าฝ่ามือของเด็กสาวกลับปัดป้องออกไปแล้วสวนกลับมาด้วยฝ่ามือใส่สีข้างของเกวนจนเธอถึงกับเซเล็กน้อย เกวนต้องถีบพื้นหลบไปด้านข้าง
“มีแค่นี้เหรอคะ” เด็กหญิงยั่วยุ บวกกับตัวหน้ากากที่ยิ้มอย่างยียวนแล้วก็คงทำเพื่อปั่นหัวศัตรู
แต่เกวนที่เป็นผู้ใหญ่ก็คิดแค่ว่าจะไปโมโหกับเด็กตัวแค่นี้ทำไมตามประสาพี่สาวผู้ใจดี เด็กหญิงจึงรู้ว่าเกวนใช้วิธียั่วยุด้วยไม่ได้
และพริบตาถัดไป การสูดลมเข้าปอดและปล่อยออกมาเต็มกำลังของเกวนราวกับยักษายิ่งทำให้ความคิดของเด็กหญิงเปลี่ยนไป
เกวนถีบพื้นด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม พร้อมกับจู่โจมเด็กหญิงอย่างต่อเนื่องด้วยหมัดรัว เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เด็กสาวทำได้แต่ปัดป้องออกไปไม่สามารถโต้กลับได้
คน ๆ นี้มันอะไรกัน!?
ทั้งที่น่าจะเป็นมนุษย์เหมือนกันแท้ๆไม่ใช่เหรอ!?
เด็กหญิงกัดฟันกรอดหาช่องว่างถีบตัวเว้นระยะออกมา
แต่เกวนก็ไม่ปล่อยให้เธอหนี เธอถีบพื้นร่นระยะอย่างต่อเนื่องพร้อมกับจู่โจมต่อทันทีไม่ให้เด็กหญิงพักหายใจ
การโจมตีของเกวนเริ่มส่งผลต่อมวยอ่อน… หมัดของเกวนที่โจมตีโดนถาก ๆ ลดพละกำลังของเด็กหญิงได้มากกว่าที่ทั้งคู่คาดการณ์
การหลบหลีกของเด็กหญิงแข็งทื่อลงเรื่อย ๆ พละกำลังของเธอน่าจะหมดลงในอีกไม่ช้า เกวนจึงเริ่มเข้าสู่พิธีปิดฉาก
เกวนพุ่งหมัดขวาเข้าใส่ใบหน้าจนเด็กสาวต้องรีบยกมือการ์ด
แต่หมัดนั้นกลับหยุดก่อนที่จะกระทบใบหน้าของเด็กสาว
“อะไรกัน!?”
เด็กหญิงแปลกใจจนเสียจังหวะจากหมัดหลอกล่อของเกวน
พริบตานั้นเกวนก็ออกหมัดตรงของจริงใส่ลิ้นปี่ของเด็กหญิงจนถึงกับกระอัก ของเหลวอะไรต่อมิอะไรไหลผ่านใต้หน้ากากของเด็กหญิงอย่างไร้ความปราณี
“โทษทีนะ”
เกวนปิดฉากด้วยลูกเตะอัดใส่ท้องน้อยของเด็กหญิงเต็มแรงจนกระทั่งร่างของเด็กหญิงกระแทกกับกำแพงบ้านจนแน่นิ่งไป
ดูเหมือนเด็กหญิงจะหมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เกวนปรับลมหายใจหลังออกแรงอย่างหนักหน่วง หากว่ากันตามตรงแล้วเด็กคนนี้ก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าผู้ใหญ่หลายคนที่เธอเคยสู้เสียอีก แต่ดูเหมือนระดับของเกวนจะสูงกว่าสองหรือสามขั้น แถมยังโชคดีที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นมนุษย์ ความห่างชั้นเลยมากยิ่งขึ้นไปอีก
ขอโทษด้วยนะ
เกวนคิดในใจเป็นหนที่สองขณะมองเด็กหญิงซึ่งนั่งสลบหลังพึงกำแพง เกวนรู้สึกผิดไม่เบาที่ทำแบบนั้นลงไปแม้จะออมแรงแล้วก็ตาม
พอผ่านความรู้สึกแย่ ๆ มาได้ เธอก็หันมาสนใจพรรคพวกของตัวเอง
“แองกริคราวน์กับโกลเด้นด็อกจะเป็นยังไงบ้างนะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ”
เสียงตอบกลับจากการพูดคนเดียวทำเอาไหล่ของเกวนกระตุกสะดุ้งโหยง
โอลิเวียมาจากข้างหลังแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เธอคงเอาชนะเด็กผู้ชายอีกคนมาได้แล้วถึงมาอยู่ตรงนี้
เกวนหันหลังขวับกลับไปดูจึงค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ขณะที่โอลิเวียพินิจพิเคราะห์สภาพแวดล้อม โดยเฉพาะศัตรูอย่างเด็กสาวที่กำลังนอนสลบหลังพิงกำแพงอยู่
“ไม่ได้ฆ่าทิ้งหรอกเหรอคะ?”
“เอ๊ะ!?”
เกวนมีปฏิกิริยากับคำพูดของโอลิเวียในทันที แต่ไม่ได้ตอบคำถามเพราะมันก็เห็น ๆ กันอยู่
จุดประสงค์ของคำถามจึงเป็นอย่างอื่นมากกว่า สายตาของเกวนจดจ้องใบหน้าสวมหน้ากากของโอลิเวียอย่างไม่ลดละราวจะเฟ้นหาคำตอบแบบเดียวกัน
ทว่าน่าเสียดายที่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ เพื่อทำลายบรรยากาศเชิงข่มขู่เค้นคำตอบของโอลิเวีย เกวนก็มีแต่ต้องตอบคำถามนั้นก่อน
“จุดประสงค์ของศึกคือการยึดครองเขตค่ะ ไม่ใช่การเข่นฆ่า เพราะงั้นโดยหลักการแล้วก็ไม่เห็นต้องฆ่าอีกฝ่ายเลยนี่คะ”
“ใจอ่อนจริงนะคะ ถึงที่พูดมาจะไม่มีอะไรผิดก็เถอะ”
โอลิเวียตบอกปัดราวไม่สนใจ เธอเดินผ่านไหล่ของเกวนไปยังจุดที่เด็กหญิงถูกโค่น
มือขวาของโอลิเวียค่อย ๆ เอื้อมเข้าหาลำคอเล็ก ๆ ของเด็กหญิงมากขึ้นและมากขึ้นประหนึ่งปีศาจ
เกวนจ้องภาพนั้นด้วยสีหน้าตึงเครียดและรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของโอลิเวียเอามาก ๆ แม้โอลิเวียจะไม่ได้ผิดอะไรที่จะเอาชีวิตศัตรูก็ตาม
“หยุดก่อนค่ะ!”
เกวนตะโกนขัดทำให้โอลิเวียหยุดมือ
โอลิเวียค่อย ๆ ยืนขึ้นประจันหน้ากับเกวนราวข่มขู่ว่า ‘แล้วเธอจะทำอะไรดิฉันได้ล่ะคะ?’
แต่ฝ่ายที่ต้องแปลกใจกลับเป็นโอลิเวียแทน เพราะเกวนไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลยสักนิด เธอเปิดปากต่ออย่างไร้ความยำเกรงด้วยความเชื่อมั่นในบางสิ่ง
“ก็จริงอยู่หรอกค่ะที่ฉันใจอ่อน แต่ถ้าทำเรื่องบางอย่างที่ไม่ควรทำลงไปเดี๋ยวก็ได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปหรอก!”
“เป็นคำพูดที่น่าสนใจดีนะคะ ถ้างั้นกรอบของมันอยู่ที่ตรงไหนกันล่ะคะ ทั้งที่ถ้าเป็นทหารก็ฆ่าได้แท้ ๆ” โอลิเวียพูดคาดคั้นปานจะไล่ให้อีกฝ่ายจนมุมด้วยเหตุผล
…กระนั้น เกวนก็หาได้ยอมเหมือนกัน
“เรื่องนั้นฉันไม่ทราบค่ะ แต่ว่า… ถ้าถึงกับต้องฆ่าเด็กตัวแค่นี้ล่ะก็ ยังไงมันก็ไม่มีทางถูกต้องแน่ ๆ ค่ะ!”
เกวนตอบกลับชัดถ้อยชัดคำ เจตนานั้นส่งไปถึงโอลิเวีย
ว่าต่อให้ศัตรูเป็นเด็กที่จะฆ่าตัวเองเธอก็จะจัดการอีกฝ่ายโดยไม่ฆ่าอยู่ดี เป็นทัศนคติของเด็กสาวที่อ่อนโยนและเที่ยงธรรมเสียจริงในความคิดของโอลิเวีย
โอลิเวียเปลี่ยนมาเดินเข้าหาเกวนแทน ขาของเธอก้าวอย่างช้า ๆ เริ่มสร้างความกังวลให้เกวนได้เหมือนกัน
สำหรับเกวนที่มองโอลิเวียอย่างหวาด ๆ ก็ได้แต่คิด ว่าบางทีโอลิเวียอาจจะต้องการฆ่าเด็กคนนั้นทิ้งหลังจากสั่งสอนเรา เพราะแค่คำพูดของตัวเองจะไปมีผลกับคนที่ตั้งใจจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วได้ยังไง
ครั้นจะให้สู้กับพวกเดียวกันเกวนก็ทำไม่ได้ ซ้ำคน ๆ นั้นยังเป็นคนสำคัญของชินอีก เธอจึงได้แต่ยืนเฉย ๆ ให้โอลิเวียเข้ามาใกล้ราวสมยอม
แปะ!
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น กลับเป็นมือของโอลิเวียวางลงบนไหล่ของเกวนเสียได้
“ล้อเล่นค่ะ”
“เอ๋?”
โอลิเวียเปลี่ยนท่าทางจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้เกวนแทบจะล้มทั้งยืน กระนั้นความแปลกใจก็ยังลอดออกมาเป็นเสียงผ่านหน้ากาก
ปล่อยให้เกวนตกใจไปอยู่อย่างงั้น โอลิเวียก็ผละมือออกก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดบ้าง
“ขอโทษที่ว่ากล่าวไปแบบนั้นนะคะ ความจริงดิฉันเองก็แค่ทำให้อีกฝ่ายหมดสติเหมือนกันเพราะเป็นคำสั่งของมาสเตอร์ แน่นอนว่าดิฉันเองก็ไม่อยากทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นโดยไม่จำเป็นเช่นกัน… และในฐานะข้ารับใช้ ดิฉันจำเป็นต้องรู้นิสัยใจคอของเพื่อนสนิทของมาสเตอร์ค่ะ”
โอลิเวียอธิบายเสร็จสรรพเกวนก็แทบจะร้อง อ๋อ! ออกมาเพราะเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ ทำเอาเกวนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่ทางโอลิเวีย…
…ต้องตรวจสอบให้ละเอียด
โดยเฉพาะผู้หญิง ไม่สิ… โดยเฉพาะคุณนี่แหล่ะค่ะ
โอลิเวียคิดแต่จงใจไม่พูดออกมา รู้สึกว่าเกวนเป็นคนดีก็จริงแต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับสาเหตุที่เธอต้องเฝ้าระวัง
“เอาเถอะ ในกรณีนี้ก็ถือว่าคุณสอบผ่านล่ะนะคะ… เพราะงั้นช่วยเป็นเพื่อนของมาสเตอร์ต่อไปด้วยนะคะ”
“อะ ค่ะ! เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว”
เกวนตอบกลับด้วยรอยยิ้มใต้หน้ากาก
แต่ในใจนั้น…
คิดไปเองรึเปล่านะ
คุณโอลิเวียจงใจเน้นคำว่าเพื่อนจัง?
เกวนครุ่นคิดแล้วเอบรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยแต่เธอก็พยายามลืมเรื่องนั้น ขณะเดินตามโอลิเวียกลับไปยังจุดแรกที่ชินกับหู่น่าจะกำลังปะทะกันอยู่
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION