“เป็นอะไรไป ทำไมนิ่งไปแบบนั้นล่ะครับแองกริคราวน์?”
โจทย์เก่าของชิน… หู่ผู้สวมหน้ากากเสือโคร่งใช้น้ำเสียงไม่พอใจ แผ่ออร่าความเป็นศัตรูใส่ชินอย่างชัดเจนและรุนแรง
หู่สวมชุดเกราะแบบเดียวกับหนก่อน เขาเดินนำหน้าลูกน้องสองคนคือคู่เด็กชายหญิงที่สวมหน้ากากเด็กสาวเด็กชายยิ้มแป้นตามเพศตัวเอง
มายืนประจันหน้ากับชินโดยไร้อาการเกรงกลัวแม้จะพ่ายแพ้มาแล้วครั้งนึง
ท่าทางแบบนั้นคงต้องบอกว่าเกินความคาดหมายของชินอยู่พอสมควร
ไม่คิดเลยว่าศัตรูคนเดิมจะกล้ากลับมาเผชิญหน้าฉันอีกครั้ง นึกว่าจะเข็ดหลาบไปแล้วซะอีก
ไม่สิ ลืมคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง… หากอีกฝ่ายรอดกลับไปได้ก็คงหมายความถึงการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้มีสิทธิครองบัลลังก์ของราชาอันดับที่ 4 ด้วย
หากต้องการกลับมาแก้มือเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีไปก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร …แน่นอนว่าในกรณีที่ชนะเราล่ะก็นะ
ในอีกแง่นึง… หากครั้งนี้เราชนะแล้วยังปล่อยให้เจ้าหมอนี่มีชีวิตรอดกลับไปอีก คงถือเป็นการเหยียดหยามศัตรูมากมายมหาศาลอย่าแน่นอน
และนั่นแหล่ะคือสิ่งที่เราจะทำ
ชินตัดสินใจอย่างเลือดเย็น
เป็นเวลาเดียวกับที่โอลิเวีย อัลเฟรด เกวน มิว ริว หมิงเซียนและไดอาขยับเอาหลังชนกันระวังศัตรูที่อยู่โดยรอบ
แม้จะไม่นับชายผู้สวมหน้ากากเสือโคร่งผู้มีสมญานามว่า หู่(เสือ) ที่เป็นนักรบสุดแกร่งอันดับต้น ๆ ของศึกนี้ ก็ยังมีคนที่ควรระวังอีกหลายคนจากทางออสตราเลีย 4 คน
“เราจะแยกเป็นสองฝั่งนะครับ สู้ทั้งที่โดนล้อมแบบนี้เสียเปรียบแน่”
“…ฉันกับโอลิเวียจะจัดการทางฝั่งของเจ้าเสือนั่นเอง”
ชินเลือกแบบไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังจงใจพูดเสียงดังหวังให้เป้าหมายได้ยินอีก
กระนั้น ทางฝั่งอัลเฟรดเองก็ยังแสดงท่าทีตะลึงเมื่อชินพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ นั่นทำเอาฝ่ายออสตราเลียถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าศัตรูตัวฉกาจอย่างแองกริคราวน์ไม่ได้หมายหัวตัวเอง
เพราะสำหรับชิน เขารู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะมาจัดการตนอยู่แล้ว การยั่วโมโหให้อีกฝ่ายเสียความเยือกเย็นน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าในความคิดของชิน
…และดูเหมือนมันจะได้ผลยิ่งกว่าที่คาด หู่ได้ยินแล้วถึงกับตัวสั่นด้วยโกรธา เป็นท่าทางที่แม้แต่พรรคพวกอย่างเด็กสาวและเด็กชายยังไม่กล้าเข้าใกล้
“มันจะ… ดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะโว้ย!!!”
คำพูดสุภาพจนถึงเมื่อครู่จางหายไปจากหู่ เขายกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะแล้วสะบัดลงอย่างแรง
สายลมปริศนาพัดกรรโชกจากบนลงสู่พื้นในจุดที่กลุ่มของพวกชินยืนอยู่ ทั้งกลุ่มรีบกระจายตัวออกได้ทันก่อนที่บริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้ง
อัลเฟรด ไดอา หมิงเซียน ริวและมิวพุ่งเข้าหากลุ่มของออสเตรเลียในทันที ทั้งสองฝ่ายหยิบอาวุธประจำตัวออกมาประจันหน้ากันด้วยความรวดเร็วเหนือสายลมประหนึ่งจอมยุทธเชี่ยวศึก
ส่วนอีกด้านหนึ่ง โอลิเวียพุ่งเข้าใส่ทางฝั่งจีนที่สวมหน้ากากเด็กผู้ชายพร้อมกับประมือกันระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยหมัดและเท้า
หน้ากากเด็กผู้หญิงอีกคนโจมตีด้วยมีดสั้น แต่ปลายคมของมันก็มาไม่ถึงเพราะเกวนเข้ามาขวางไว้ด้วยอาวุธมีดสั้นคู่ประจำตัวของเธอพอดิบพอดี
ส่วนทางด้านมวยคู่เอกระหว่างชินกับหู่นั้น…
“ชิ! หายไปไหนแล้ว!”
หู่สบถเกรี้ยวกราด พยายามมองไปรอบ ๆ อย่างถี่ถ้วนเพื่อมองหาร่างของชิน… ร่างของแองกริคราวน์ที่แฝงตัวไปตามเงาของความมืดมิดในตัวอาคาร
“ช้าไป”
“อั๊ก!”
ชินเข้าประชิดตัวไร้เสียงไร้เงาจากข้างหลังราวกับผี จู่โจมด้วยหมัดอย่างแรงเข้าใส่ลำตัวของหู่จนร่างเขาถอยกรูดไปถึง 5 เมตร
แต่ดูเหมือนชุดเกราะของเขาจะหนามากกว่าที่ชินคิดนักแถมมีหลายชั้นอีก ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ง่ายดายเหมือนกับครั้งของเฮเดอร์ที่สามารถทำลายชุดเกราะได้ในครั้งเดียวแม้จะใช้ ‘ไนท์’ ของชินก็ตาม
แต่ถึงจะหู่จะมีเกราะเหลืออยู่อีกหลายชั้น เขาก็ยังได้รับความเสียหายจนกระอักเลือด โลหิตของเขาไหลออกมาจนปากถึงปลายคางนอกหน้ากาก
ชินเห็นว่าสร้างจังหวะให้พวกตัวเองได้แล้ว เขาก็รีบหันหลังกลับถีบพื้นพุ่งทะยานออกนอกตัวอาคารในพริบตา เพราะการแยกกันสู้สองกลุ่มจะมีประสิทธิภาพกว่า
ซึ่งราวกับเป็นจังหวะที่นัดแนะกันไว้ล่วงหน้า โอลิเวียกับเกวนก็กระโจนตามเขาไปด้วยในทันที
ทางหู่ก็ได้แต่กุมท้องตัวเอง ความรุนแรงของหมัดชินยังทิ้งไว้ไม่ลดลงเลย หน้ากากเด็กชายและเด็กสาวต่างรีบเข้ามาดูอาการด้วยความเป็นห่วง
“พี่ใหญ่!”
“ไม่… ไม่เป็นไร”
หู่ยืดหลังจนตรงเหยียดพลางปรามมือห้าม เขาไม่ยอมให้เด็กเป็นห่วง
หู่เริ่มสูดหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความตายในทุกพริบตาที่ย้ำเตือนกับตัวเองว่าศัตรูคือแองกริคราวน์
แต่ถึงแบบนั้นก็ต้องไป… จะให้ยอมแพ้ได้ยังไง
ตัวเรามีเรื่องที่ต้องทำ!
หู่ปลุกใจตัวเอง มือเอื้อมจับสร้อยคอหวนคิดถึงคน ๆ นึงอยู่ในหัวสร้างแรงผลักดัน
ทันทีที่พร้อม หู่รีบถีบพื้นมุ่งตามทางที่แองกริคราวน์หนีไปก่อนหน้า เช่นเดียวกับหน้ากากเด็กสาวเด็กชายที่ตามไปติด ๆ
เห็นได้ชัดว่าเป็นกับดักแต่กระนั้นก็ยังตามไปอย่างไม่ลังเล… น่าชื่นชมจริงจริ๊ง
อัลเฟรดเห็นท่าทีพวกหู่ทั้งสามคน ตระหนักชัดว่าทั้งหมดเป็นไปตามการคาดการณ์ของชิน อัลเฟรดพยักหน้าเบา ๆ ราวกับชื่นชม
ฝากด้วยนะครับคุณชิน… ที่เหลือก็
อัลเฟรดสบายใจได้เปราะนึง แผนการที่ให้แยกกลุ่มศัตรูออกเป็นสองสำเร็จด้วยดี นั่นก็เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบด้านจำนวนและเกิดสถานการณ์ที่ว่า ‘ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร’ ขึ้นมา
ในความหมายก็คือทั้งอัลเฟรดและชินต่างกลัวว่ากลุ่มของออสตราเลียและราชาอันดับ 4 จะร่วมมือกันเพื่อโค่นพวกเรา เพราะเป็นที่แน่ชัดว่าอย่างน้อยหากเป้าหมายไม่ใช่เพื่อกำจัดแองกริคราวน์ที่เป็นศัตรูอันดับ 1 ออกจากเกมก็ต้องเป็นการตามหาผู้ปกครองดินแดนมาลาเชียอย่างมิว
ซึ่งแน่นอนอีกว่ายังไม่มีใครรู้ว่าผู้ปกครองคือมิว
ดังนั้นหนทางชนะพวกเขาจึงเหลือเพียงอย่างเดียว นั่นคือการโค่นพวกชินและอัลเฟรดให้ได้หมดทุกคน
“เห้ย ๆ… ดูเหมือนเจ้า ‘วลาด’ จะมาร่วมศึกค่ำคืนนี้ด้วยแฮะ”
ชายผู้สวมหน้ากากจิงโจ้เหวี่ยงกระบอกเหล็กหนามในมือไปมาราวคันไม้คันมือ นั่นเกิดขึ้นระหว่างอัลเฟรดคิดแผนต่อไป
ศัตรูที่เหลืออีก 3 คนที่เป็นฝั่งออสตราเลียเหมือนกันเองก็ทำท่าทางเหมือนอยากจะสู้เต็มแก่ ท่าทางพวกเขารีบร้อนจนเป็นที่สังเกตของอัลเฟรด
หากคิดตามปกติ ออสตราเลียน่าจะเสียพื้นที่ให้กับราชาอันดับ 1 ไปภายในคืนนี้แน่นอน ไม่มีทางเป็นอื่น
ดังนั้น ที่เจ้าพวกนี้กล้าทิ้งเขต 62 ที่เราจะไปยึดแล้วมายึดเขต 60 ของเราก็เพื่อสร้างทางหนีให้ราชาตัวเองรึเปล่านะ?
ถ้าใช่ก็สมเหตุสมผลที่รีบร้อนกันล่ะนะ
อัลเฟรดคิด วิเคราะห์ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น เขาเอามือไพล่หลังให้สัญญาณกับพวกพ้องทุกคนที่เหลือ
“อย่าประมาทล่ะครับแกงก้า อีกฝ่ายเป็นถึงวลาด แถมจำนวนของอีกฝ่ายยังมีมากกว่าด้วย”
ในบรรดาคนที่รีบร้อนกลับมีคนนึงคุมตัวเองได้อยู่ นั่นคือชายผู้สวมหน้ากากหมีโคอาล่า
แต่เขาก็ดันทำท่าทางดันแว่นตาทั้งที่ก็สวมหน้ากากอยู่ อัลเฟรดชักไม่แน่ใจแล้วว่าชายคนนี้คุมสติตัวเองได้ไหม
เช่นไรก็ตาม แม้ชายที่สวมหน้ากากจิงโจ้… แกงก้าจะได้ยินแล้ว แม้จะเดาะลิ้นไม่พอใจแต่ก็เชื่อฟังคำพูดของพวกพ้องเป็นอย่างดี
ทั้งชายสวมหน้ากากพอสซัมผู้ใช้กระบองเหล็ก และชายสวมหน้ากากวอมแบทผู้ใช้ค้อนเหล็กขนาดพอกับส่วนสูงเองก็ทำตาม
ดูจากรูปร่างภายนอก พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ ที่ไม่ได้มีร่างใหญ่โตอันผ่านการต่อสู้มามากมายแต่อย่างใด
กลับกัน พวกเขาอาจเป็นคนที่มีชีวิตปกติใต้แสงตะวันแบบเดียวกับพวกอัลเฟรดก็ได้ด้วยซ้ำ
ดูเหมือนไม่ว่าจะก๊กเหล่าไหนก็ดูจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมดเลยแฮะ
สมแล้วกับที่เป็นเหล่าผู้ถูกเลือกโดยผู้มีคุณสมบัติของราชา
“ยอดเยี่ยมมากครับที่ไม่บุกเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า…”
อัลเฟรดยิ้มขมเชยชมศัตรูภายใต้หน้ากาก
“แต่ถึงแบบนั้น พวกเราเองก็ไม่ยอมให้พวกคุณเริ่มก่อน… หรอกนะ!”
“ห๊ะ!”
พออัลเฟรดว่าจบ ริวกับมิวก็พุ่งตัวแทรกผ่านด้านข้างของอัลเฟรดเข้าใส่ศัตรูทันที
หอกของริวฟาดใส่ชายสวมหน้ากากพอสซัมแต่เขาก็รับไว้ได้ แต่ก็ถึงกับกระเด็นไปไกลหลายเมตรด้วยพละกำลังที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มิวที่ไปพร้อมกันปามีดสั้นใส่ชายสวมหน้ากากวอมแบทจนต้องถอยกรูดไปอีกทาง… กำลังรบของอีกฝ่ายถูกแบ่งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดจากความต่างชั้นของประสบการณ์ในการสั่งการ
“มาเจอกันหน่อยไอ้หนูผี!” ริวภายใต้หน้ากากลิงเผือกประกาศกร้าวราวยั่วยุ และดูเหมือนมันจะได้ผลแทบจะทันที
“ปากดีนักนะโว้ย!!!”
ชายผู้สวมหน้ากากพอสซัมทุบกระบองเหล็กลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด เขายกกระบองเหล็กคู่กายขึ้นมาควงเหวี่ยงไปมาหลายต่อหลายรอบแล้วเดินดุ่มเข้าหาริว
ริวเห็นแบบนั้นยิ่งยิ้มพึงพอใจแล้วตั้งท่า เขาใช้ปลายหอกชี้ใส่ศัตรูเตรียมพุ่งแทง แต่อีกฝ่ายที่ไร้กระบวนท่าใด ๆ นั้นกลับประมาทไม่ได้เลยเพราะสร้างแรงลมจากการเหวี่ยงผิดแรงมนุษย์ทั่วไป หากเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า ต่อให้เป็นริวก็คงปลิวเอาได้ง่าย ๆ
“โอ้ววว!!!”
แล้วพอสซัมก็กระโดดขึ้นสูงทั้งที่ยังเหวี่ยงกระบอกเหล็กอยู่ พุ่งเข้าใส่ริวและทุบเขาด้วยกระบองเหล็กจากด้านบน ริวทำได้เพียงแค่ใช้ด้ามหอกเปลี่ยนวิถีการโจมตีออกไป
ความรุนแรงนั่นทำเอาริวถึงกับแขนขาชา
“ท่าทางจะงานยากกว่าที่คิดนะเนี่ย”
ริวแอบเหงื่อตกอยู่ใต้หน้ากาก หันมาคิดอย่างจริงจังถึงวิธีพิชิตศัตรู
และไม่เพียงแค่ริวเท่านั้น มิวกับวอมแบทเองก็เป็นไปอย่างสูสี แต่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะมิวยังไม่ได้ใช้พลังจริง ๆ ของตัวเองบวกกับยังไม่ยอมใช้ตราอัศวิน
ทางหมิงเซียนนั้นมีพลังในการต่อสู่ต่ำสุดจึงยืนอยู่แนวหลังทำหน้าที่ประเมินสถานการณ์
เหลือเพียงอัลเฟรดใต้หน้ากากผีดูดเลือดกับไดอาผู้อยู่ภายใต้หน้ากากกบสีเขียว เผชิญหน้ากับชายสองคนผู้สวมหน้ากากจิงโจ้และหมีโคอาล่าซึ่งน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มนี้
“ว่าแต่บังเอิญจังนะครับเนี่ย เล่นมาพร้อมกันกับพวกของฮ่องเต้แบบนี้ พวกผมเองก็ลำบากแย่สิ”
อัลเฟรดยักไหล่ด้วยท่าทีสบาย ๆ แม้ยืนประจันหน้าศัตรู นั่นทำให้หน้ากากจิงโจ้กับหน้ากากโคอาล่าไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
“จะคิดไงก็เอาเถอะนะ เพราะยังไงสิ่งที่พวกเราต้องทำก็ไม่เปลี่ยน เนอะโคล่า!”
“ก็ตามนั้นแหล่ะนะครับ”
ทั้งสองคนตั้งท่าเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้ามาเต็มที่
ไม่สิ… พุ่งเข้ามาแล้วต่างหาก ระยะทางเกือบสิบเมตรระหว่างแกงก้ากับอัลเฟรดถูกร่นลงในพริบตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาเงื้อกระบองเหล็กหนามขึ้นสูงแล้วฟาดกวาดทั้งอัลเฟรดและไดอาในพริบตา
อัลเฟรดกับไดอาถูกฟาดเข้าเต็ม ๆ
“ห๊ะ!?”
แต่ร่างของทั้งคู่ก็เริ่มบิดเบี้ยวราวหมอกน้ำค้างถูกพัด แถมที่พื้นซึ่งแกงก้ากำลังร่อนลงยังมีเหล็กแหลมสีแดงโลหิตพุ่งเข้าใส่ราวกับหอก
แต่แกงก้าก็ใช้ไหวพริบพลิกตัวหลบกลางอากาศลงพื้นจนได้
หอกนับสิบเล่มแทงทะลุขึ้นจากพื้นใส่เขาอีกรอบแต่แกงก้าก็ยังสามารถวิ่งหลบไปมาได้อีก จนถึงตอนที่แก้งก้าถีบพื้นกลับไปตำแหน่งเดิม การโจมตีก็หยุดลงพอดี
ท้ายสุดทั้งสองฝ่ายก็ต้องกลับไปตั้งหลัก
“โห… ต้องขอชมล่ะนะครับที่หลบการโจมตีประสานของพวกเราได้หมดเลยแบบนี้”
ร่างของอัลเฟรดปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่ห่างออกไปและตรงนั้นมีไดอาอยู่ด้วย
แกงก้ายืนหอบกับโคล่าที่แสดงท่าทีระแวดระวังต่างมองไปยังจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่
“เฮอะ! ทางนี้เองก็เหมือนกันล่ะวะ” แก้งก้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะยกกระบองเหล็กหนามขึ้นพาดบ่า
“อย่างที่ลือกันจริง ๆ นะครับ ‘วลาดจอมเสียบ’ ”
โคอาล่าทำท่าดันแว่นทั้งที่สวมหน้ากากอีกครั้ง เขาพินิจพิเคราะห์ดงหนามสีแดงฉานตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน รวมถึงมองระยะไกลเพื่อสังเกตบริเวณข้อมือของอัลเฟรดที่ถูกกรีดจนเลือดไหลออกมาก่อนจะพูดต่อ
“ไนท์ที่สามารถเปลี่ยนของเหลวให้เป็นของแข็งได้อย่างที่ต้องการสินะครับ ความแข็งก็ขึ้นกับวัตถุดิบต้นฉบับด้วย เพราะเหตุนั้นเลือดของเจ้าตัวที่มีความเข้ากันได้กับพลัง แถมถ้าเป็นคุณที่มีข่าวลือว่าเป็นแวมไพร์ เลือดของคุณคงเป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการใช้พลังเลยล่ะสิ”
“หวา… โดนจับได้ซะแล้ว เป็นคนดังนี่ลำบากจังนะครับเนี่ย”
อัลเฟรดเกาหลังศีรษะ ท่าทางเหยาะแหยะนั่นทำให้โคล่าส่งเสียง หึ! ออกมาอย่างพอใจ
แม้แต่ในโลกเบื้องหลัง พวกอัลเฟรดเองก็เป็นกลุ่มที่มีความสามารถอันดับต้น ๆ อย่างที่ชินคิด
แต่ชินเองก็คงไม่คาดคิดหรอกว่าอัลเฟรดนั้น ถูกกล่าวขวัญว่าแข็งแกร่งรองจากราชาท็อป 3 ในปัจจุบันอย่างราชาอันดับที่ 1 อันดับ 4 และอันดับ 5 เลยทีเดียว
ความเจ้าเล่ห์ มันสมองและความเจ้าแผนการของเจ้าตัวนั้นก็ส่วนนึง
…แต่แน่นอนว่าปัจจัยหลักนอกเหนือจากนั้นก็คือความแข็งแกร่งส่วนบุคคล
“แต่ว่าก็ว่าเถอะนะครับ… ไนท์ของทางคุณเองก็ดูเหมือนจะโกงเหมือนกันนะครับ เล่นสามารถเคลื่อนย้ายทุกอย่างที่อยู่ในระยะสายตาได้เนี่ย แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายพวกเรา ก็แสดงว่ามีเงื่อนไขในการใช้งานสินะครับเนี่ย”
น้ำเสียงของอัลเฟรดทุ้มต่ำลงจนน่าขนลุก หน้ากากผีดูดเลือดที่เขาสวมยิ่งแสดงความน่าเกรงขามทำให้ขาของทั้งแกงก้าและโคล่าหยุดกึกด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว
เรื่องที่อัลเฟรดอาจรู้พลังของตนนั้นยังไม่น่ากลัวเท่าความกดดันที่ชายคนนี้แสดงออกมาด้วยซ้ำ นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองคนคิด
“ทางผมเองก็ไม่อยากยืดเยื้อซะด้วย มาจบเรื่องกันเลยดีกว่า”
อัลเฟรดยิ้ม แล้วร่างของเขาก็อันตรธานหายไปราวกับหมอกจนแกงก้ากับโคล่าเบิกตาโพลง
พลังสร้างภาพลวงตาของผู้หญิงที่สวมหน้ากากกบงั้นเหรอ?
โคล่าเหงื่อตกขณะมองไปรอบ ๆ
แต่หาได้จำเป็นต้องกังวลไม่ เพราะแม้อีกฝ่ายจะโผล่มาโจมตีจากทางไหนตนก็จะทำการเคลื่อนย้ายตัวเองกับแก้งก้าไปให้ไกลจากจุดได้เปรียบของศัตรูในทันที———
“เอ๊ะ!?”
ทว่า… ในระหว่างที่โคล่าคิดแบบนั้น หอกโลหิตสีแดงฉานก็แทงทะลุอกเขาจากด้านหลัง
การโจมตีที่คาดไม่ถึงทำให้เขาได้สติ โคล่าจึงคิดถึงสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก นั่นคือการเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากจุดนี้
“อะ… ทะ ทำไม!?”
ทว่าความจริงที่ตระหนักได้กลับโหดร้ายยิ่งนัก… โคล่าไม่สามารถใช้พลังไนท์ที่เป็นไพ่ตายแสนภาคภูมิใจได้
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจภายใต้หน้ากากเริ่มแฝงความสิ้นหวัง โลหิตที่ไหลจากปากแผลจำนวนมากขึ้น
และอัลเฟรดก็ปรากฏตัวขึ้นจากทางด้านหลังของโคล่าในจังหวะนั้น
“อะ อ้าก!”
“เวสเตอร์!!!”
หอกอีกสองเล่มพุ่งจากพื้นเสียบทะลุร่างของโคล่าอีกคราจนเขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แม้แต่แกงก้ายังไม่อาจใจเย็นอยู่ได้จนเผลอเรียกชื่อจริงของพรรคพวกออกมา
แต่แกงก้าไม่อาจขยับตัวได้อีกแล้ว เพราะโคล่าตอนนี้กลายเป็นตัวประกันของอัลเฟรด
ภาพที่ชายสวมหน้ากากโคล่าถูกเสียบด้วยหอกสามเล่ม พร้อมกับมีผีดูดเลือดอยู่เบื้องหลังนั้น ราวกับเป็นสิ่งยืนยันฉายาของอัลเฟรด
วลาดจอมเสียบ
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION