ทั้งกลุ่มใช้พลังกายราว 60% ในการวิ่งมาจนถึงเป้าหมาย
กับคนที่เป็นมนุษย์อย่างหมิงเซียนและเกวน นี่ถือว่ารวดเร็วแล้วหากใช้เกณฑ์มาตรฐาน แต่สำหรับคนอื่นนั้นยังเรียกไม่ได้ว่าออกกำลัง
เบื้องหน้าของทุกคนคืออาคารร้าง มีลักษณะเป็นโดมคล้ายอาคารแข่งกีฬาในร่มที่ถูกทิ้งร้าง เศษผนังภายนอกถูกกระเทาะตามอายุขัยแสดงให้เห็นความน่ากลัวตรงที่สามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ แม้แต่การใช้เป็นแหล่งมั่วสุมยังไม่คุ้มความเสี่ยง แถมตำแหน่งก็อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร
แต่สำหรับพวกชินที่ไม่อยากจะสร้างความลำบากให้กับคนในตัวเมือง รวมถึงเป็นจุดที่ไม่น่าจะมีใครเข้า อาคารนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก
ทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในตัวอาคารอย่างระมัดระวัง
แต่ชินนั้นรู้อยู่แล้ว… จากทั้งประสาทสัมผัสและอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนจากใต้หน้ากากว่าไม่มีใครอื่นนอกจากคนที่น่าจะเป็นมิวซึ่งรออยู่โถงกลาง
อัลเฟรดนำหน้าตามด้วยไดอาเหมือนเคย หนนี้เกวนขยับเข้ามาใกล้ชินมากขึ้นแม้จะมีโอลิเวียอยู่อีกฝั่งก็ตาม ทำเอาริวกับหมิงเซียนที่เดินตามหลังมาอดคิดไม่ได้ ว่าตรงนี้เองก็มีอีกสนามรบเกิดขึ้นเช่นกัน
“โอ๊ะ มากันแล้วสินะ!”
ห่างออกไปไม่ไกล เสียงใสกังวานดังขึ้นทักทายก่อนที่เท้าของพวกชินจะย่างเข้าไปถึงเสียอีก
เมื่อมั่นใจว่าเป็นพวกอัลเฟรด เธอจึงค่อย ๆ ปลดฮู้ดที่สวมอยู่ลง เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มราวเด็กอายุ 13 บวกกับส่วนสูงราว 150 ซม. ซึ่งถือว่าเตี้ยพอสมควร
ดวงตากลมโตสีฟ้า โทนเดียวกับสีผมทำทรงสั้นประบ่าอย่างน่ารักน่าชัง ทั้งหมดนั่นประกอบเป็นเด็กสาวที่ดูคล้ายเด็ก ม.ต้น เธอมีส่วนสูงน้อยยิ่งกว่าหมิงเซียนเสียอีก
ดูภายนอกสัมผัสได้ถึงความบอบบางขนาดนี้ ชินเองก็คิดว่าสมแล้วที่เกวนยังต้องเป็นห่วง แต่แม้จะเด็กสักเพียงใดก็เป็นคนที่อยู่ในโลกเบื้องหลัง
ไม่ว่าจะในแง่ไหน แต่เธอต้องมีฝีมือซ่อนอยู่แน่นอน
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะครับ มีใครลอบเข้ามาไหม?”
“สำหรับเรื่องนั้นก็มีข่าวดีกับข่าวร้ายล่ะนะคะ อยากฟังอันไหนก่อนเอ่ย”
คำพูดขี้เล่นสมเป็นเด็กออกมาจากปากของเธอ แต่ท่าทางนั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ชินคาดนัก
“เล่ามาเถอะเฟ้ย!” กลับกัน ริวนั้นรีบร้อนสุด ๆ ไม่สิ… ออกไปทางหงุดหงิดเสียมากกว่าทั้งที่ไม่จำเป็น
เพราะว่ากันตามตรง… ในประเทศอาณาเขตของตัวเองนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องที่จะถูกศัตรูพบตัวเลยซักนิด นั่นเพราะผู้ปกครองอาณาเขตสามารถตรวจจับศัตรูได้ตลอดเวลา
“นายเนี่ยไม่มีอารมณ์ขันเลยนะ เพราะเงี่ยถึงได้ไม่เนื้อหอม” มิวแลบลิ้นใส่ริว ชินเดาไม่ถูกแล้วว่าคน ๆ นี้เป็นผู้ใหญ่จริงหรือเปล่า
แต่ที่แน่… ริวที่คิ้วกระตุกตามคำยั่วยุทันทีนี่แหละเด็กของจริง
“วะ ว่าไงนะยัยเปี๊ยกนี่!”
“ “ว่าใครเปี๊ยกยะ!” ”
“อึ๊ย!”
เป็นฝ่ายดุเขา แต่กลายเป็นริวที่สะดุ้งเพราะถูกดุมาจากสองฝั่งทั้งหมิงเซียนและมิว
และน่าจะเป็นเพราะเกรงใจหมิงเซียน… ริวจึงไหล่ตกไม่พูดอะไรไปเลย
“อะแฮ่ม! ถ้างั้นก็… อย่างที่คาดล่ะนะ มีคนเข้ามาในเขตและคาดว่าเป็นศัตรู 7 คนล่ะ แต่ก็มีแค่ทางนี้นะ โชคดีที่ไม่มีศัตรูมาจากอีกฝั่งนึง”
ในระหว่างพูดมิวก็แหล่มองชินเป็นพัก ๆ สงสัยจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่คนดังอย่างแองกริคราวน์จะตกเป็นเป้าสายตา
ส่วนทางชิน เขาไม่ได้สนใจสายตาแบบนั้นเหมือนเคย เพราะคิดว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นคงจะคุ้มค่ากว่า
เช่นการทำความเข้าใจเรื่องที่เด็กสาวที่ชื่อมิวคนนี้พูด
ภูมิศาสตร์ของเขต 60 นั้นถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งมีทะเลจีนใต้ขั้น
ดังนั้นหากมีผู้ปกครองของฝั่งเราอยู่ฝั่งนึง และให้คนของเราอีกคนอยู่อีกฝั่งนึง ถ้าเกิดผู้ปกครองพลาดท่าก็จะไม่เสียดินแดนนั้นไปในทันที เพราะต้องทำการกำจัดศัตรูให้หมดไปจากอีกฝั่งหนึ่งด้วย
มองในแง่นี้แล้วประเทศเกาะจึงนับเป็นจุดยุทธศาสตร์ชั้นเยี่ยม
บางทีที่อัลเฟรดเล็งอินดรานีเซียที่เป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ไม่สิ… ไม่ใช่แค่นั้น
การที่ราชาอันดับที่ 1 ตั้งใจบุกยึดออสตราเลีย บางทีก็คงเพื่อย่นอาณาเขตของตัวเองในการเข้ายึดอินดรานีเซียได้ง่ายขึ้นด้วยเหมือนกันก็เป็นไปได้
เพราะไม่ว่ายังไง ถ้าหากยึดอินดรานีเซียที่มีหมู่เกาะจำนวนมากมายได้ การใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนั้นย่อมมีประสิทธิภาพสูงสุด
แต่ยังไงก็ตาม… ถ้าผู้ปกครองดินแดนคนนั้นเป็นคนอ่อนแอ ยังไงก็ต้องเสียดินแดนให้ศัตรูอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะยื้อยั้งในเขตตัวเองได้นานแค่ไหนจนกว่าอีกฝ่ายจะพบตัวเท่านั้น
“แล้วข่าวดีล่ะจ๊ะ?”
ระหว่างที่ชินคิดโน่นคิดนี่ไดอาก็เอ่ยถามต่อ ทางมิวที่เป็นฝ่ายถูกถามยิ้มแย้มออกมาแทบจะทันที
“ฮิฮี่! สงสัยคงจะหลับลึกกันสินะเลยไม่รู้ เพราะข่าวดีก็คือแผนลับของท่านราชาสำเร็จยังไงล่า! พวกเรายึดเขตที่ 673 ได้แล้ว!!!” มิวชูสองนิ้วในท่า Victory อย่างร่าเริงสมกับเนื้อหาที่ป่าวประกาศ
“ “โห!” ”
ทุกคนต่างส่งเสียงดีใจออกมากันใหญ่ ตอนนี้ใบหน้าของทุกคนคงกำลังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเตรียมฉลองชัย
จะมีข้อยกเว้นก็คงแค่ชินกับโอลิเวียที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วย
ประเทศ ‘บรัน’งั้นเหรอ… จะว่าไปก็เป็นเขตประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับมาลาเชียในฝั่งนี้
มีแผนในการยึดหลายประเทศในเวลาเดียวกันแบบนี้ แถมยังทำสำเร็จไปแล้วอย่างนึง คงต้องประเมินกำลังรบของกลุ่มนี้ใหม่แล้วสินะ
ชินชื่นชมไม่น้อย ตระหนักอีกครั้งว่าอัลเฟรดเป็นชายที่ประมาทไม่ได้ดังว่า
ในตอนนั้น มิวก็เดินย่องเข้ามาหาชิน เธอช้อนสายตามองด้วยส่วนสูงที่ต่างกันกว่า 2 ไม้บรรทัด
“คุณเองเหรอคะแองกริคราวน์?”
“อา”
ชินตอบกลับสั้น ๆ ท่าทางขี้สงสัยพลางยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากราวเด็กน้อยของมิวทำให้ชินเองก็ไม่กล้าวางท่าน่ากลัว
“จะว่าไงดี… ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยนะคะเนี่ย นึกว่าจะน่ากลัว แล้วก็เป็นตาลุงยิ่งกว่านี้ซะอีก” มิวเผยรอยยิ้มแต่สีหน้าท่าทางยังออกไปในทางเกรงใจ
ไม่สิ… กำลังกลัวอยู่ต่างหาก
แต่เพราะกลัว ก็เลยสร้างความพอใจให้กับคู่หูของแองกริคราวน์แทน
“น่าเสียดายนะคะที่ไม่ใช่ตาลุง… เพราะภายใต้หน้ากากนั่นเป็นหนุ่มหล่อชนิดที่คุณเห็นต้องใจละลายแน่นอน”
“เอ๊ะ! งะ งั้นเหรอ?”
มิวเผลอก้าวถอยหลังไปก้าวนึงด้วยรอยยิ้มแหย ๆ เจอโอลิเวียพูดโอ้อวดแถมยังยืดอกมั่นใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเองทำเอามิวไปไม่เป็นเหมือนกัน
“แหม… แต่ที่บอกว่าหล่อมันก็จริงแหละ” เกวนก็ใส่ไฟเพิ่มเข้าไปอีก การพูดไปด้วยเกาแก้มไปด้วยยิ่งมีเลศนัยชอบกลจนทำเอาโอลิเวียอารมณ์เปลี่ยนมาจ้องเกวนเข้า
“เธอก็อีกคนเหรอ”
คงมีแต่ทางชินที่ต้องกุมขมับ แต่ก็คงพูดไม่ได้ว่าไม่ชอบ
“อะแฮ่ม! การแนะนำตัวคงต้องเอาไว้ทีหลังนะครับ รายละเอียดตอนยึดเขตที่ 673 สำเร็จก็ด้วย… ตอนนี้ต้องโฟกัสกับการยึดอินดรานีเซียก่อน”
อัลเฟรดเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงจุดที่จะคลายความกังวล เขาหันความสนใจทุกคนกลับมายังศึกที่กำลังจะเกิด ท่าทางของทุกคนสับเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที
“คิดว่าอีกฝ่ายก็ไม่น่าเจอตัวเราหรอกครับ แต่ว่า———”
“เอ้อ ขอขัดตรงนี้หน่อยนะคะ”
มิวชูมือขึ้นสูงขัดจังหวะ แต่อัลเฟรดก็ไม่ได้ว่าอะไร
และเรื่องที่ถึงกับต้องขัดคอราชาของตัวเอง ก็เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ เสียด้วย
“ตอนยึดเขต 673 เมื่อวานเราเจอศึกสามทางอย่างที่คาด เราเอาชนะได้โดยการแอบตามกองกำลังของราชาที่ครองพื้นที่แถวยุโรปและเอาชนะพวกนั้นหลังจากที่สู้กับอีกพวกจนล้าน่ะค่ะ… พวกเขาสามารถตามหาผู้ปกครองดินแดนของเขต 673 ได้ในเวลาไม่นานด้วยอุปกรณ์บางอย่าง จริง ๆ ก็ว่าจะเอามาด้วยแหล่ะ แต่พอโค่นศัตรูได้เครื่องนั่นก็ระเบิดตัวเองทันทีเลย รอบคอบกันจริงๆ”
“อุปกรณ์ติดตาม?”
อัลเฟรดมีปฏิกิริยากับเรื่องที่มิวเล่าทันที ตอนนี้เขาใส่หน้ากากอยู่จึงไม่อาจบ่งบอกสีหน้าได้ แต่น้ำเสียงก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังร้อนใจ
มิวพยักหน้ารับตามทันที คนที่เจอมากับตัวย่อมแปลกใจกว่าใครอยู่แล้ว
“ใช่ค่ะ… ไม่รู้ว่าที่มาเป็นยังไง แต่เครื่องนั้นเหมือนจะสามารถใช้ตามหาตำแหน่งของผู้ปกครองดินแดนได้ในรัศมี 100 เมตร คิดว่าคงใช้เวลาพอสมควร แต่ถ้าเป็นแผนระยะยาวยังไงก็หาเจอแน่”
คำตอบของมิวทำชินขมวดคิ้วตามทุกคน เพราะถ้าเครื่องนั่นมีจริง สถานการณ์ของสงครามนี้ก็ต้องเปลี่ยนอีกครั้ง
100 เมตรกับการหาคนในประเทศเล็ก ๆ งั้นเหรอ? สำหรับกรณีแบบนี้คิดว่าไม่น่าจะนานในการหาตัว
แต่จะยังไงก็ตาม… ทุกวันนี้เทคโนโลยีมันพัฒนาได้รวดเร็วมาก
หากมีอุปกรณ์ที่สะดวกแบบนั้นอยู่จริง การพัฒนามันเพื่อเพิ่มระยะการค้นและความแม่นยำขึ้นก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ
เพื่อความปลอดภัย… คงต้องตั้งสมมติฐานไว้ว่าเจ้าเครื่องนั่นเป็นแค่รุ่นต้นแบบไว้ก่อน
ในความหมายก็คือ ต้องคิดเผื่อในกรณีที่อีกฝ่ายมีอุปกรณ์ค้นหาระยะกว้างกว่านี้ไว้ด้วยเพื่อความรอบคอบ
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น… แสดงว่าการที่พวกเรารวมตัวอยู่กับมิวที่น่าจะเป็นผู้ปกครองดินแดนนั้นไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
แถมที่เคยคิดว่าต้องจัดการมือที่สามหลังจัดการผู้ปกครองดินแดนได้
ถ้ามีเจ้าเครื่องนี้ก็จะอำนวยความสะดวกด้วย
แต่ในกรณีที่ศัตรูมีเครื่องนี้แทน… มันก็จะเป็นฝันร้ายเลยล่ะ
“…ทราบเงื่อนไขในการใช้ไหมครับ?” อัลเฟรดถามสิ่งที่ควรถามในทันที ซึ่งเป็นข้อสงสัยเดียวกับชิน
“ขอโทษด้วยค่ะ รู้แค่เท่าที่บอกไปนั่นแหล่ะ” มิวยักไหล่น้ำเสียงรู้สึกผิด เกวนเลยขยับเข้าไปใกล้แล้วก็ลูบศีรษะพลางบอกว่า ไม่เป็นไร ๆ
ชินได้แต่คิดว่าสมเป็นเธอดี
แต่ว่า… แบบนี้อาจจะแย่ก็ได้
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม… เรื่องที่มิวเล่ามานั้นมีจุดอันตรายยิ่งกว่าที่คาดในความคิดของชิน
“ชื่อมิวใช่ไหม?” ชินเอ่ยถาม เกวนเลยผละมือออกจากมิว
“อ่ะค่ะ! มะ มีอะไรเหรอคะ?”
มิวตอบกลับอย่างตะกุกตะกักนิดหน่อย ดูเหมือนเธอจะกลัวชินอยู่จริง ๆ
แต่ชินมีเรื่องที่ต้องสนใจมากกว่า
“ศัตรูที่ลอบเข้ามาในเขตของเธอน่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็ตั้งแต่เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน… !!!?”
เมื่อได้ยินคำตอบของมิว อัลเฟรด เกวน ไดอาและหมิงเซียนก็ตะลึงจนถึงกับดีดหลังตรง ไม่แม้แต่เจ้าตัวที่ตอบคำถามนั้นเอง
“แย่แล้ว… ลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย” มิวบ่นอุบพร้อมขมวดคิ้วแน่น เธอหยิบหน้ากากที่ห้อยไว้ที่เอวมาสวมอย่างรวดเร็ว
หน้ากากที่เธอสวมคือแมวน้ำด้วยภาพวาดจากลายมือเด็กดูน่ารักน่าชัง แต่ท่าทางที่เปลี่ยนเป็นระแวดระวังในพริบตานั้นกลับสะท้อนภาพลักษณ์คนละแบบออกมาจากตัวหน้ากาก
“เฮ้ย! ศัตรูเข้ามาก่อน 1 สัปดาห์แล้วมันยังไงเล่า!? อธิบายให้ฉันเข้าใจด้วยสิเฟ้ย!” มีเพียงริวเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่
อัลเฟรดเดินเข้ามาใกล้ริว เขายกนิ้วชี้ขึ้นขวางปากของหน้ากากตัวเองพร้อมทำเสียง ชู่! เพื่อให้ริวลดเสียง
“ศัตรูที่เข้ามาก่อน 1 สัปดาห์แต่ยังไม่ลงมืออะไรอย่างเป็นรูปธรรม ก็แสดงว่าเขากำลังเคลื่อนไหวลับ ๆ เพื่อทำบางอย่างอยู่ยังไงล่ะครับ…”
“ก็แล้วมันอะไรเล่า”
ริวลดเสียงตัวเองลงอย่างว่าง่าย เขาพูดกระซิบกับอัลเฟรดด้วยเสียงที่เบาลงกว่าปกติ
…แต่คำตอบของอัลเฟรดก็แทบจะทำเอาเขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกเลยทีเดียว
“ยกตัวอย่างเช่น… กำลังใช้เครื่องนั่นแกะรอยหาผู้ปกครองดินแดน… แกะรอยหามิวอยู่ยังไงล่ะครับ”
“!!!?”
ริวแทบจะหลุดตกใจ เขาคงกำลังอดกลั้นเสียงที่เกือบจะหลุดออกมา
ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่รู้เงื่อนไขในการแกะรอยของอีกฝ่าย พวกชินในตอนนี้จึงเสี่ยงอันตรายมากถึงมากที่สุด ยิ่งไม่ต้องนึกถึงการที่ศัตรูใช้เวลาไปกว่า 1 สัปดาห์แล้วในการควานหาตัวมิว สถานการณ์ปัจจุบันจึงเสี่ยงขึ้นมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง
…เรียกได้ว่า ต่อให้พวกนั้นรู้ตำแหน่งของมิวแล้วก็คงไม่มีอะไรแปลกเลยซักนิด
สัญญาณของสิ่งนั้นก็กำลังจะมา…
ชินสัมผัสท่าทางแปลก ๆ ของโอลิเวีย เธอยกมือขวาขึ้นป้องหูที่อยู่ใต้หน้ากาก เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือบางอย่างจากชิน
โอลิเวียสัมผัสบางอย่างได้เธอเลยต้องการขยายขอบเขตการค้นหา
ชินที่เข้าใจเรื่องนั้นขยับเข้าไป วางมือบนไหล่ของโอลิเวียเพื่อใช้ ‘ไนท์’ ของตัวเองขยายขอบเขตการค้นหาของเธอเหมือนทุกที
“มาสเตอร์คะ ในระยะ 500 เมตร มีกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเป็นแบบแผน คาดว่าเป็นศัตรูค่ะ มาจากทิศสิบนาฬิกา 4 คนและทางหกนาฬิกา 3 คน”
ชินได้ยินคำตอบจากโอลิเวียก็หันไปมองมิวเมื่อขอคำยืนยัน
แล้วพอมิวเปิดใช้ตราอัศวินตัวเองจนตราหลังมือส่องแสงสีแดง คำตอบที่ทุกคนไม่อยากคิดถูกก็เกิดขึ้น มิวพยักหน้าให้ทุกคนอย่างกังวล
“จากสองกลุ่ม มีผู้มีสัญลักษณ์กลุ่มละ 2 คน”
คำยืนยันดุจดั่งสายฟ้าฟาดผ่านศีรษะผ่านลงไปถึงปลายเท้าของทุกคน
สายตาภายใต้หน้ากากคมกริบปรับตัวพร้อมรับการโจมตีทุกเมื่อในทันที
“หนีได้ไหมครับคุณโกลเด้นด็อก” อัลเฟรดถามอย่างรีบร้อน
“สายไปแล้วค่ะ… ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว”
ตู้ม!!!
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นยืนยันคำพูด
สายตาทุกคนหันไปยังต้นเสียง ห่างออกไปตรงจุดที่หลังคาถล่มลงมาอย่างแรงทำให้เกิดฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว สายตาทุกคนจับจ้องไปยังกลุ่มเงาที่ซ่อนอยู่ใต้ฝุ่นนั้นห่างไปไม่ไกล
ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น
ตู้ม!!!
เสียงสิ่งก่อสร้างถล่มดังเป็นรอบที่สอง
มาจากประตูใหญ่จากอีกทิศตรงข้าม เผยตัวกลุ่มคนลอดเข้ามาผ่านฝุ่นคลุ้งมากถึง 4 คนด้วย ทั้งกลุ่มแต่งกายในลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นชุดเกราะเบาสีแดงเข้ม แตกต่างตรงหน้ากากที่สวมนั้นแตกต่างกันในแต่ละคน
หน้ากากจิงโจ้ หมีโคอาล่า สัตว์มีลักษณะคล้ายหนูอย่างพอสซัม ตามด้วยวอมแบท ทั้งหมดคือสัตว์ที่หาได้ไม่ยากในออสตราเลีย นั่นไม่ต่างจากการประกาศศักดาตัวเอง
เฉกเช่นเดียวกับอีกฟากนึงที่นำมาโดยเด็กสองคน สวมหน้ากากรูปเด็กสาวและเด็กชายยิ้มแป้น ทางเด็กผู้หญิงสวมกี่เพ้าสีแดง ส่วนเด็กชายสวมเสื้อถังจวง (เสื้อคอจีน) สีเขียว
และคนสุดท้ายที่ตามมาหลังสุด… คือคนที่ชินกับโอลิเวียแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก
“ไม่คิดว่าคุณจะอยู่ที่นี่ด้วย… บังเอิญจังเลยนะครับ”
ชายหนุ่มผู้เป็นหนึ่งในอัศวินกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน ผู้เคยประมือและพ่ายแพ้ให้กับชินเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ไอ้คุณ… แองกริคราวน์!!!”
ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากเสือโคร่ง… หู่ (เสือ) ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงตะโกนลั่นสะท้อนความเกลียดชังอย่างล้นเหลือที่มีต่อชิน
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION