“แล้วจะไปไหนดีล่ะทีนี้?”
เคนเนธถามในขณะเดินลงบันไดพร้อมกับชิน เกวน เพื่อนชายคนนึงและเพื่อนหญิงอีกสองคนตามหลังมาเป็นกลุ่ม
ซึ่งคนที่อยู่ในสภาพพร้อมเที่ยว คือทุกคนยกเว้นชิน
“ที่เขาปล่อยให้กลับเร็วก็เพราะอยากให้กลับบ้านไม่ใช่เหรอ?” ชินแนะนำ แต่ก็ไม่น่าได้ผลเพราะทุกคนเห็นต่างกับเขากันหมด
“คิดมากตลอดเลยนะชินเนี่ย!” เกวนตบไหล่ยิ้มแห้งให้
แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าชินแค่เป็นห่วง เขาเลยทำได้แค่ถอนหายใจปนยิ้มแบบสมยอม
แต่เอาเถอะ ถ้าจะไปก็เป็นเวลากลางวันนี่แหละปลอดภัยที่สุดแล้ว
ชินลงความเห็นแล้วตามกลุ่มไป ทุกคนเห็นก็สบายใจเพราะจะได้เป็นการเที่ยวแบบสนุกสนานไร้การบังคับ
นั่นเลยทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาทันตา
“งั้นไปเกมเซนเตอร์ที่ช็อปปิ้งมอลกันดีไหม?” เคนเนธเสนอ
“เอ้ย! แต่ฉันอยากไปร้องคาราโอเกะมากกว่านะ!”
แต่เพื่อนชายอีกคนกลับงัดข้อให้ไปอีกทาง เคนเนธได้ยินแล้วก็หันมองเพื่อนชายคนนี้ขวับเลย
“…ไม่เอา ฉันอยากไปเล่นเกม” เคนเนธทำหน้ามุ่ยใส่ ถ้าจะถามหาเด็กเอาแต่ใจในร่างของหนุ่ม ม.ปลาย ก็หาได้จากที่นี่เอง
“แต่รอบที่แล้วฉันเพิ่งไปเล่นเกมมานะ!”
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบเด็ก ยิ่งกับเด็กเอาแต่ใจด้วยยิ่งแล้วใหญ่
ส่วนถ้าว่ากันตามเหตุผล… เพื่อนชายคนนี้เพิ่งไปเกมเซนเตอร์เมื่อไม่กี่วันก่อนผิดกับเคนเนธที่ไม่ได้ไปนานสองสัปดาห์แล้ว เพราะเหตุนั้นทั้งสองจึงมีเหตุผลพอที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอของอีกฝ่าย
จังหวะนรกจริง ๆ
ชินเหนื่อยใจจนกุมขมับ เขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยไม่ว่าจะในบริบทใดก็ตาม
“ก็เล่นเกมมันสนุกกว่านี่นา!”
“คาราโอเกะก็สนุกเหมือนกันนั่นแหละ!”
เมื่อเหตุผลทั้งสองมีเท่ากัน ความไม่พอใจก็เริ่มเกิดขึ้นเพราะไม่รู้จะใช้หลักการอะไรในการตัดสิน
ทั้งสองเริ่มขึ้นเสียงกันจนเพื่อนผู้หญิงทั้งสองและเกวนเหงื่อตกกังวล
…และทำเอาชินไหล่กระตุกด้วย
“นี่”
“ “อึ๋ย!?” ”
พอได้ยินชินทำเสียงโทนต่ำ ทั้งเคนเนธและเพื่อนชายอีกคนก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัว
จะหันไปมองชินก็ทำได้แค่ค่อย ๆ ขยับหมุนศีรษะทีละนิดด้วยความกลัว เพราะเป็นที่รู้กันว่าจะหันไปเจอใบหน้ายักษ์มาร
“อย่าทะเลาะกันสิ ถ้าตัดสินไม่ได้ก็เป่ายิ้งฉุบเอา”
“คะ ครับผม”
“ขะ เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองไม่มีใครกล้าโต้เถียง เพราะถึงชินจะยิ้มออกมาบาง ๆ แต่น้ำเสียงนี่กดดันปานกำลังเอามีดจี้คออยู่ชัด ๆ
ด้วยเหตุนั้น สถานที่เที่ยวหลังเลิกเรียนเลยกำลังจะถูกตัดสินด้วยการเป่ายิ้งฉุบ
และผลลัพธ์ก็คือ เคนเนธเป็นฝ่ายชนะ
“เจ๋งเป้ง!!!”
“ทำไมก๊านนน!!!”
ทั้งสองคนตะโกนด้วยความรู้สึกต่างกันสุดขั้ว แต่อย่างน้อยเพื่อนร่วมชั้นชายที่แพ้จนน้ำตาตกในก็ยังโดนชินตบไหล่ปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะ ครั้งหน้าค่อยไปคาราโอเกะตามที่นายว่าก็ไม่สายไปหรอก”
“ชิน…”
ดวงตาของเขากลับกลายเป็นประกายทั้งที่เพิ่งแพ้การดวล อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าข้อเสนอของตัวเองไม่ได้สูญเปล่า
เกวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นแบบนั้นแล้วก็อมยิ้มหัวเราะพอใจจนชินยังแอบสงสัย
“อะไรเหรอ?”
“เปล่าหรอก คิดว่าสมเป็นนายดีน่ะ”
เกวนยิ้มให้ชินอย่างมีนัยยะพิเศษ แต่ชินก็รู้สึกดีแม้จะไม่เข้าใจความรู้สึกเธอไปเสียหมด เพราะอย่างน้อยรอยยิ้มนั่นคงเป็นความรู้สึกที่ดีแน่ล่ะ
เช่นเดียวกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่สบายใจเพราะจบเรื่องทะเลาะลงได้ ตอนนี้แผนการเลยเข้าที่แล้ว
“งั้นถ้าตัดสินใจได้แล้ว ก็ไปกันเต๊อะหมู่เฮา!”
ส่วนทางเคนเนธระริกระรี้ใหญ่ เพราะนอกจากชนะแล้วยังได้ไปที่ที่อยากไปด้วย เขาชูมือชูไม้เดินนำออกจากตัวอาคารไปอย่างร่าเริง
…จังหวะนั้นเป็นตอนที่มีเด็กสาวคนนึงเดินออกมาจากตัวอาคารพร้อมกับพวกชินพอดี แม้อยู่ห่างไปพอสมควร ก็ยังดึงดูดความสนใจทุกคนรวมถึงคนที่เดินอยู่ก่อนแล้วด้วย
“เฮ้ยๆ นั่นมันโอลิเวียไม่ใช่เหรอ?” เคนเนธส่งเสียงตื่นเต้นราวกับเห็นของหายาก
แต่ตามความหมายแล้ว เด็กสาวคนนี้ก็คือของหายากจริง ๆ นั่นแหละ
เธอเป็นเด็กนักเรียนสาวผู้มีเรือนผมสีเงินยาวสลวย ดวงตาสีเขียวใบไม้ราวกับผืนป่ากรีนวู๊ด ส่วนสูง 170 ซม. ใบหน้าสละสลวยราวกับออกมาจากภาพวาดของเทพธิดา หากเกวนเรียกว่าเป็นคนสวย เธอคนนี้ก็อยู่อีกระดับนึง แถมด้วยอาวุธของผู้หญิงอย่างหน้าอกหน้าใจที่เธอคนนี้มีก็ห่างชั้นกับทุกคนอย่างสิ้นเชิง หากรวมกับท่าทางการเดินอย่างมั่นคง แน่วแน่และสง่างามของเธอไปด้วยอีก นั่นยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับอยู่บนโลกคนละใบกับเธอ
ใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับไร้อารมณ์ของเธอ ว่ากันว่าต่อให้ถูกสารภาพรักก็ไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยซักนิดนั่นคือเสน่ห์อีกอย่างของเธอ จนได้ฉายาว่า ‘ราชินีน้ำแข็ง’ เลยทีเดียว
ทว่าจุดสังเกตที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือใบหูที่ยาวเป็นพิเศษของเธอ
ใช่ เธอคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์… เอลฟ์
ซึ่งหากนับเฉพาะในโรงเรียนนี้ มีคนที่เป็นเอลฟ์เพียงแค่ 5 คนเท่านั้น ส่วนเผ่ามนุษย์สัตว์เองก็มีราว ๆ 20 คนเห็นจะได้ เพราะการใช้ชีวิตร่วมกันหลากเผ่าพันธุ์ไม่ใช่เรื่องแปลกของยุคนี้
อนึ่ง เธอคนนี้… โอลิเวียเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาห้อง ม. 5/1 ซึ่งถัดไปจากห้องของชินนี้เอง
“ถึงจะเห็นมาหลายรอบแล้วก็เถอะ แต่ก็สวยสุดยอดไปเลยนะเนี่ย”
เคนเนธออกสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ไม่สิ… พูดให้ถูกคือนอกจากชินแล้ว ทุกคนไม่แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันต่างต้องมนตร์สะกดของเธอหมด
“นั่นสิ… เอามาตรฐานของมนุษย์มาเปรียบด้วยไม่ได้เลย”
เกวนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ใช้น้ำเสียงยอมแพ้แต่โดยดีและได้แต่ถอนหายใจกับความงดงามที่เกินขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์
ว่ากันว่าแม้แต่เอลฟ์ที่หน้าตาระดับล่างสุดยังงดงามกว่ามนุษย์ที่สวยที่สุดด้วยซ้ำ เกวนจึงได้แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะโอลิเวียคนนี้เธอสวยที่สุดในบรรดาเอลฟ์ที่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ
แต่ในที่นี้กลับมีเพียงคนเดียวที่รู้สึกไม่เหมือนคนอื่น นั่นคือชิน
เอาเถอะ… ความงดงามมันสำคัญก็จริงในการเลือกคนรัก
ถึงจะบอกว่าคบกันเพราะนิสัยก็เถอะนะ แต่ยังไงหน้าตามันก็สำคัญพอ ๆ กันอยู่ดี คนเราก็แบบนั้นแหละ พวกเคนเนธและคนส่วนใหญ่คงคิดแบบนั้นกัน
แต่ถึงอย่างงั้นตัวเราในตอนนี้น่ะ… ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพรรค์นี้หรอก
แทนที่จะรู้สึกอย่างนั้น ความรู้สึกหลายอย่างกลับปนเปอยู่ในอก
ทั้งอิจฉาผู้คนรอบตัวที่รู้สึกตื่นเต้น ทั้งเจ็บปวดที่ไม่อาจมีความรู้สึกรักได้อย่างแท้จริง และยังเกิดความรู้สึกผิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวอีก
“ไปกันเถอะ”
ชินส่งเสียงเรียกราวกับปลุกทุกคนให้ตื่นจากภวังค์… รวมถึงตัวของเขาเองด้วย ก่อนที่จะเดินออกนอกรั้วโรงเรียนไป
โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าโอลิเวียคนนั้นชำเลืองมองเขาจากด้านหลัง
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเหมือนกับตอนที่มาโรงเรียน ภายในตัวรถค่อนข้างโล่งเพราะไม่ใช่เวลาเดินทางของคนส่วนใหญ่ แต่หากสังเกตดูก็พบว่ามีนักเรียนโรงเรียนอื่นกลับในเวลานี้ด้วยเหมือนกัน
ลำบากกันไปหมดเลยแฮะ
ชินสบตากับเด็กนักเรียนหญิงสวมแว่นคนนึงที่น่าจะยังอยู่มัธยมต้น เห็นใครต่อใครโดนผลกระทบจึงอดคิดแบบนั้นไม่ได้
ทันทีที่รถไฟฟ้าถึงที่หมายและเทียบท่าสถานี เคนเนธและเพื่อนชายก็กระโดดโหยงราวกับเด็ก ๆ วิ่งนำกลุ่มขึ้นห้างไป สาว ๆ รวมถึงชินได้แต่ยิ้มแห้งวิ่งตามไปด้วย
สถานที่แรกที่ไปกันคือเกมเซนเตอร์โซนอาเคดเกม เป็นเกมตู้ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นในสมัยนี้ แม้นี่จะเป็นยุคของ AR หรือ VR แล้วก็ตาม แต่ความสนุกที่ยังคงเติมเต็มด้วยสัมผัสของมือจริงนั้นก็ยังมีคุณค่าอยู่
พวกของชินไม่ได้มาเป็นครั้งแรก ทั้งกลุ่มเข้าไปนั่งเล่นเกมต่อสู้ Tekk*n โดยที่มีสาว ๆ กลุ่มของเกวนมุงดูตามเคย
และผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม คือชินชนะรวด 10 ตาติด เคนเนธแสดงอาการเจ็บใจก่อนจะขอเปลี่ยนเกมที่เล่นไปเรื่อย จะทั้ง Rhythm , FPS หรือเกมชู๊ตบาสก็เล่นกันไปหมดทุกเกม
แต่ถึงอย่างงั้นชินก็ยังชนะรวดอยู่ดี เคนเนธและเพื่อนชายอีกคนได้แต่แสดงอาการเจ็บใจเหมือนเคย
ส่วนสาว ๆ ยกเว้นเกวนที่เห็นชินเล่นเกมเก่งซะขนาดนั้นก็ทำเอาเปลี่ยนมุมมองไปเลย เพราะคิดมาตลอดว่าชินเป็นหนอนหนังสือ ส่วนเกวนนั้นได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เพราะชินกับภาพนี้มานานแล้ว
ทั้งกลุ่มเล่นเช่นนั้นจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายโมง ก่อนจะย้ายที่ไปทานอาหารกลางวันพร้อมกันจนอิ่ม
ทุกคนเริ่มเดินเล่นตามห้างต่อตามประสาวัยรุ่นสมัยนี้ ทั้งร้านของเล่น ร้านเสื้อผ้า ไปจนถึงร้านขายของจิปาถะ ซึ่งช่วยผ่อนคลายได้แม้จะไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตาม
การผจญภัยเล็ก ๆ ดำเนินไปจนกระทั่งเพื่อนสาวคนนึงเริ่มเหนื่อย ทั้งกลุ่มเลยจบการเดินทางลงและไปพักที่คาเฟ่เล็กราวหนึ่งชั่วโมง
และกว่าจะรู้ตัว… ท้องฟ้านอกอาคารก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเสียแล้ว
❖❖❖❖❖
“ฮ่า! สนุกเป็นบ้า!” เคนเนธพ่นล้มหายใจด้วยความสะใจ ก่อนจะจิบน้ำในขวดไปด้วยเดินนำไปด้วย
“ก็นั่นสินะ”
เห็นเคนเนธสนุกก็ทำให้ชินยิ้มออกมาด้วยความผ่อนคลายเช่นกัน ชินแอบรู้สึกขอบคุณพวกเขาด้วยซ้ำไปที่พาออกมาเที่ยวเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ
“ไม่ต้องมานั่นสินะเลยเฟ้ย!” เคนเนธเข้ามากอดคอชินเหมือนอยากเอาคืนเรื่องที่เล่นเกมแพ้
ไม่สิ… คนที่แปลกใจไม่ได้มีแค่คนแพ้อย่างเคนเนธแน่
“นั่นสิ ไม่เห็นรู้เลยว่าชินจะเล่นเกมเก่งขนาดนั้น!”
“เรียนก็เก่ง สอบก็ได้ท็อปสายชั้นตลอด… นี่นายเป็นมนุษย์แน่ปะเนี่ย?” เพื่อนสาวสองคนทำสายตาชื่นชมเป็นประกายใส่ชิน หากเป็นผู้ชายปกติคงเขินจนตัวลอยไปแล้ว
“ก็มนุษย์น่ะสิ”
แต่ชินก็ยังตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางเช่นเคย บางทีเกวนก็แอบคิดเหมือนกันว่าการ์ดเขาจะแข็งไปถึงไหนกัน
“นายเนี่ยไม่โลภเลยนะ… หน้าตาก็หล่อ การเรียนก็โหดสลัดแท้ ๆ แต่ยังไม่มีแฟนกับเขาซะงั้น” ส่วนเคนเนธก็ได้แต่เสียดายแทนชินเพราะเจ้าตัวไม่ชอบโปรโมทตัวเอง
“นายเองก็ยังไม่มีเหมือนกันนี่พ่อรูปหล่อ”
“หนวกหูเฟ้ย!”
เคนเนธแขวะเล่น แต่ชินก็ยิ้มอ่อนสวนกลับในทันที ทั้งสองคนเป็นที่ขบขันของทุกคนตลอด
“แต่ว่านั่นไง ถ้าเป็นนายอาจจะเล็งโอลิเวียได้เลยนะ!”
“ไม่เห็นหน้าอกบะละฮึ่มนั่นรึไง? แถมยังสวยโคตร ๆ อีกด้วย นั่นคงเป็นความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคนเลยมั้งนั่น!”
หนนี้เป็นเพื่อนชายอีกคนที่ยังไม่หลุดประเด็นเรื่องผู้หญิง เคนเนธเองก็กลับมาร่วมด้วย แต่สำหรับนักเรียนชายกลัดมัน ประเด็นหลักที่ให้คุยมันก็มีอยู่แค่นี้
ทางชินที่ได้ยินแบบนั้นเผยสีหน้าเย็นชาออกมานิดหน่อย แต่ไม่ถึงขนาดที่มีคนสังเกต
“พวกผู้ชายก็เป็นซะแบบนี้แหละน้า”
“นั่นสิ เพราะแบบนี้ชินเขาเลยป็อปมากกว่านายน่ะเคนเนธ”
“อะไรกัน!?”
เพื่อนสาวสองคนช่วยถมไฟหนักขึ้น ทำให้ชินยิ้มแห้งออกมาอีก
“เนอะเกวน…”
หนึ่งในเพื่อนสาวกระซิบข้างหูเกวน ส่งผลให้หน้าแดงจนต้องหลบหน้าทุกคนไปอีก แต่แน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนสนใจชินอยู่เลยไม่มีใครสังเกต
ทั้งกลุ่มคุยเล่นแบบนั้นจนกระทั่งถึงทางเข้าหน้าห้างสรรพสินค้า เป็นเวลา 17.30 น. พอดี
“งั้นก็ ไว้เจอกันนะ”
ชินพูดพร้อมกับโบกมือลากลุ่มของพวกเคนเนธด้วยรอยยิ้ม เพราะชินเป็นคนเดียวที่อพาร์ทเมนต์ตั้งอยู่ทิศตรงข้าม
“โอ้ว! ไว้เจอกันนะ” เคนเนธตอบกลับด้วยรอยยิ้มร่าเริง พร้อมโบกมือให้เหมือนเคย
“อะ อื้ม… เจอกันพรุ่งนี้นะชิน”
ส่วนเกวนตอบกลับมาด้วยสีหน้าประหม่าหน่อย ๆ ก่อนที่พวกเขาจะเดินหันหลังจากไปในทิศทางตรงข้าม
เที่ยวเล่นซะจนหนำใจเลยแฮะ…
ชินมองแผ่นหลังของเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานของพวกเคนเนธ พลางเหลือบมองไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม สังเกตผู้คนที่เดินตามท้องถนน ก่อนจะเริ่มออกเดินบ้าง
ได้ไปเรียนตอนเช้า มีเพื่อนสนิทชายและเพื่อนสนิทสาวที่รู้ใจ
มีอาจารย์สุดแสบและเพื่อนร่วมชั้นที่ดีมีน้ำใจ
หลังเลิกเรียนก็หาเรื่องสนุก ๆ ทำจนเหนื่อย กลับไปบ้านและคอยเฝ้านึกอย่างสนุกสนานว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องดี ๆ แบบไหนรออยู่…
————แต่เรื่องแบบนั้นสำหรับฉัน มันเป็นแค่ ‘ฝันลม ๆ แล้ง ๆ’ เท่านั้น
สายตาของชินเปลี่ยนไปเป็นคมกริบ รอยยิ้มที่มีเมื่อครู่หายไปสิ้นยามเมื่อเขาเดินคนเดียว เท้าเริ่มย่ำด้วยความเร็วที่มากขึ้น
ไปยังจุดที่ถนนโล่ง อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตแล้วก็เลี้ยวหักศอกเข้าไปในมุมตึก ความเร็วของเขาลดลงราวกับโล่งใจที่ไร้ผู้คน
…กลับมายังมุมมืดที่แสงสว่างส่องไม่ถึง
ใน ‘โลกแห่งแสงสว่าง’ นี้ ไม่ใช่ตัวตนจริง ๆ ของฉัน
แม้แต่ความรู้สึกหรือสีหน้าจริง ๆ ยังไม่ใช่… แล้วจะให้เรียกมันว่าเป็น ‘ความจริง’ ได้ยังไง
ชินคิดประชดประชันตัวเอง เขาถอด ‘โฮโลวอช’ ที่ข้อมือซ้ายตัวเองซึ่งเป็นแบบยอดนิยมออกและปิดเครื่องลง ก่อนที่จะหยิบโฮโลวอชอีกแบบนึงซึ่งมีลักษณะคล้ายปลากระเบนสีดำลายแดงหุบครีบอยู่ ชินนำมันมาสวมข้อมือซ้ายแทนอันเก่า
ชินเคาะที่ตัวกระเบนมันก็กางครีบออกทันที เขาทำการติดต่อคน ๆ นึงด้วยการสื่อสารระยะไกล
ไม่นานนักก็ต่อสัญญาณได้ ภาพที่แสดงเป็นภาพที่มีตัวอักษร ‘Voice Only’ เป็นสัญลักษณ์เมื่อเริ่มการสื่อสารแบบไม่เปิดกล้อง
“นี่ฉันเอง” ชินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่างจากตอนปกติลิบลับ
ไม่สิ… ความจริงแล้วนี่อาจเป็นเสียงยามปกติของเขา
“ค่ะมาสเตอร์” เสียงใสราวกับกระดิ่งของเด็กสาวดังขึ้นตอบรับคำเรียกของชินทันที ราวกับเธอรอชินอยู่ตลอดยังไงอย่างงั้น
“วันนี้ไม่ต้องกลับบ้าน… ไปที่เซฟเฮาส์หมายเลข 3 หลังอาทิตย์ตกดิน”
“จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
เด็กสาวตอบรับคำสั่งของชินในทันทีอีกครั้ง ชินยิ้มอ่อนออกมาทั้งด้วยความรู้สึกผิดและดีใจ
ไม่เหมือนกับตอนปกติที่ปั้นยิ้ม… หากเป็นกับเด็กสาวคนนี้ชินจะแสดงรอยยิ้มออกมาจากใจ
อีกตั้ง 30 นาทีแท้ ๆ เคร่งครัดซะจริงนะ
แต่มันก็เป็นเพราะเราด้วยแหละ ว่ากันไม่ได้หรอก
ชินเลิกคิดเรื่องไม่จำเป็นก่อนจะหายใจเข้าปอดเพื่อตั้งสติอีกครั้ง
และในตอนที่กำลังเก็บโฮโลวอชแบบปกติเข้ากระเป๋า เขาก็เหลือบไปเห็นสมุดแบบฝึกหัดภาษาไทยที่ให้เคนเนธยืมไปเมื่อเช้า ภาพความสุขที่ได้รับมาตลอดทั้งวันก็แทรกเข้ามาราวกับหลอกหลอนให้เขาสับสนว่าสิ่งใดคือความจริง
แต่ชินก็ส่ายหน้าไปมาอย่างแรงเพื่อลบภาพนั้นออก
ไม่ได้… ตัวเราในตอนนี้ยังมีความสุขไม่ได้
ชินเตือนตัวเองเช่นนั้น เรียกภาพความทรงจำอันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดกลบภาพความสุขแทน นั่นก็เพื่อย้ำเตือนถึงเป้าหมายของตัวเอง
พริบตานั้น ดวงตาสีดำของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดของเลือดราวกับมันตอบสนองความรู้สึกแสนรุนแรงที่คุกรุ่นในอกของชิน เขาเปลี่ยนสายตาเป็นคมกริบอีกครั้งก่อนจะเริ่มออกวิ่งไปยังจุดหมาย
ในเมื่อภาพอดีตยังคงหลอกหลอนอยู่แบบนี้
การจะก้าวต่อไปได้ ก็มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้นแหละ
มีแต่ต้อง… สะสางเรื่องในอดีตให้มันจบไปซะ!
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION