ปกรณัมของเหล่านักเรียน ม.ปลาย ผู้ปฏิวัติโลก - ตอนที่ 18: ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต
- Home
- ปกรณัมของเหล่านักเรียน ม.ปลาย ผู้ปฏิวัติโลก
- ตอนที่ 18: ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต
———— ก่อนหน้านี้เล็กน้อย, บนเครื่องบินขนส่งทางทหารที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าอินโดนีเซีย
ภายในตัวเครื่องบินขนาดใหญ่พอจะขนทหารได้หลักสิบคน ตรงบริเวณท้ายเครื่องซึ่งเป็นจุดที่สามารถเปิดประตูใต้ท้องสำหรับเติมเสบียงและโดดร่มฉุกเฉินหรือเพื่อยุทธวิธีใดๆ
บริเวณนั้นมีชายคนนึงนั่งเงียบโดยไม่แม้แต่จะรัดเข็มขัดแม้ตัวเครื่องจะสั่นไปมาก็ตาม
ชายคนนั้นสวมหน้ากากหัวกะโหลกครึ่งใบหน้าทั้งยังประดับด้วยเข็มฉีดยาจำนวนนึงดูน่าฉงนและหวาดหวั่น
สายตาของเขาเย็นเยือกประหนึ่งเหมันต์ ทว่าก็แฝงไว้ด้วยความอ้างว้างว่างเปล่า
“ ยอดเยี่ยมมาก สคัล(Skull) สมกับที่ฉันคาดหวังไว้ไม่มีผิด ”
เสียงของเด็กหนุ่มอายุราว ม.ปลาย ดังขึ้นพร้อมกับภาพโฮโลแกรมที่ฉายขึ้นตรงหน้า ทำให้เด็กหนุ่ม… สคัลหรือรู้จักกันในอีกชื่อก็คือ “ดอคสคัล(Doc Skull)” ดีดตัวขึ้นยืนตรงราวกับทหารศึก แต่เด็กหนุ่มในภาพก็ใช้มือปรามบอกให้ทำตัวตามสบาย
“ ไม่หรอก… ครับ… ” สคัลตอบกลับด้วยเสียงอันแหบแห้ง คำชมของเด็กหนุ่ม… ราชาแห่งรัสเซียไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีใจเป็นพิเศษ เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปมันใกล้เคียงคำว่าเป็นหน้าที่มากกว่าทำเพื่อหวังรางวัล
สำหรับภารกิจที่สคัลได้รับนั้น ความจริงแล้วไม่ใช่การยึดครองออสเตรเลียอย่างที่กลุ่มอื่นๆรวมถึงอัลเฟรดเข้าใจ หากแต่ว่าแท้จริงแล้ว คือการเปิดทาง ทำลายข้าศึกให้หมดสิ้นแล้วปล่อยให้พรรคพวกอีกคนทำหน้าที่ที่เหลือในการโค่นศัตรูที่เหลือน้อยนิด รวมถึงจัดการราชันย์ของอีกฝ่ายแล้วยึดครองแผ่นดินนั้นเสีย
สิ่งที่เขาทำลงไปก่อนหน้าเป็นเพียงตัวล่อและเพื่อผลพลอยได้อย่างการทำให้การยึดครองออสเตรเลียง่ายขึ้นเพียงเท่านั้น เพราะเป้าหมายจริงๆที่เขาเข้าร่วมในศึกนี้ก็คือ…
“ ยังไงก็ตาม ต่อให้เป็นนายก็อย่าประมาทแองกริคราวน์เชียว ”
“ … ”
เด็กหนุ่มในภาพพูดออกมาแบบนั้นด้วยน้เสียงที่จริงจังมากขึ้นทั้งที่ก่อนหน้าก็จริงจังอยู่แล้ว แต่สคัลก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ
“ ให้ตายสิ… ใครจะไปคิดกันล่ะ ว่าเจ้าคนที่น่ารำคาญที่สุดในโลกอย่างหมอนั่น จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นมาในโลกฝั่งนี้แล้วกลายเป็นผู้เล่นไปอีกคน ”
เด็กหนุ่มพูดแบบนั้นออกมา ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความกังวลที่มีต่อนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกอย่างแองกริคราวน์ ดูเหมือนไม่ว่าใครต่างก็ประเมินความสามารถของแองกริคราวน์ไว้สูงลิบ แต่นั่นก็ไม่แปลกอะไรเพราะมีหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็นมาแล้วมากมายจากผลงานที่เขาทำไว้ตลอดหลายปี
และใช่… นี่คือเป้าหมายจริงๆของสคัล
คือการกำจัดแองกริคราวน์ออกไปจากเกมชิงสิทธิ์ในการปกครองโลกนี้ให้เร็วที่สุด ดูเหมือนไม่ว่ากับใคร แองกริคราวน์ก็คือตัวหมากพลิกเกมที่ไม่อยากให้อยู่ในมือของศัตรู
เขาเป็นบุคลากรล้ำค่าที่มีผลต่อสงครามในความคิดของทุกคนมากขนาดนั้น… แต่หากไม่สามารถเป็นพวกกันได้ หากฆ่าทิ้งไปซะยังไงก็คงดีกว่า
“ น่ารำคาญเป็นบ้า ” เด็กหนุ่มพูดย้ำแบบนั้นอย่างหงุดหงิด แต่สคัลก็ไม่ได้ตอบกลับ ท่าทางเขายังคงนิ่งสงบต่อคำสั่งที่ได้รับมา
“ …เอาเป็นว่าจัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะ ” เด็กหนุ่มพูดตัดบทแบบนั้นก่อนจะปิดภาพโฮโลแกรมของตัวเองราวรีบร้อน ดูเหมือนอีกฟากจะมีธุระประปรังให้จัดการเยอะไม่ต่างกัน
“ กำลังเข้าเขตเป้าหมายแล้วค่ะ! ตรวจพบตำแหน่งของแองกริคราวน์จากเครื่องตรวจสอบลักษณะเฉพาะด้วยดาวเทียม จะเตรียมการโดดฉุกเฉินในทันที ”
เสียงประกาศนั่นดังขึ้นพร้อมสัญญาณเตือนและแสงสีแดงวิ่งวุ่นไปทั่วบริเวณในตัวเครื่องบิน ดูเหมือนระหว่างที่คุยกัน เครื่องบินจะผ่านน่านฟ้าของมาเลเซียเข้ามาแล้ว แต่สาเหตุที่ไม่ถูกการโมตีจากกองกำลังป้องกันตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่น่าขบคิดอยู่
และพร้อมกันนั้นประตูท้องเครื่องก็ค่อยๆเปิดออก อากาศถูกพัดออกไปเพราะความกดอากาศที่ต่างกันด้วยความสูงกว่าพื้นโลกมากถึงสามหมื่นฟุต เป็นความสูงที่ไม่เหมาะจะโดดลงไป แถมเจ้าตัวอย่างสคัลยังไม่มีทีท่าว่าจะสวมร่วมชูชีพอีกต่างหาก
กระนั้นเท้าของเขากลับย่างเข้าสู่ปลายขอบขุมนรกอย่างไร้ความเกรงกลัวใดๆ และพริบตาที่สัญญาณให้กระโดดดังขึ้น เขาก็ปล่อยตัวลงจากปลายขอบเหวดิ่งพสุธาลงไปในพริบตา
ความเร็วราวฉีกกระชากร่างให้เป็นชิ้นๆควรจะส่งผลต่อสคัลที่ดิ่งลงด้วยความเร็วประหนึ่งอุกกาบาต ทว่าทั่วร่างของเขากลับมีบางสิ่งที่ดูโปร่งใสคลุมร่างเอาไว้จนไม่ได้รับผลกระทบใดๆแม้แต่แรงเสียดสี
ความสามารถแหกกฎฟิสิกส์นั้นพาเขาลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย ทว่าก็ทำให้พื้นดินแตกระแหงไปทั่วปานจุดที่อุกกาบาตตกดังที่ได้เปรียบเปรย
จนกระทั่งเบื้องหน้าของเขา… มีเป้าหมายที่ต้องกำจัดอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่เบื้องหน้าอย่างแองกริคราวน์
…อย่าโกรธแค้นกันเลยนะ
“ แองกริ… คราวน์… ”
❖❖❖❖❖
ความแข็งแกร่งระดับนี้มัน…
ไม่ผิดแน่ เจ้าคนที่สวมหน้ากากหัวกะโหลก คือแวมไพร์สายเลือดแท้แบบเดียวกับอัลเฟรดและตัวเรา!
ชินคิดแบบนั้นในขณะที่พยายามใช้มือขวากดแผลที่ต้นแขนซ้าย ไม่สิ… แทนที่จะเรียกว่าแผล นะจะเรียกว่ากดปากแผลที่ซึ่งเคยมีสิ่งสำคัญไว้ด้วยความเจ็บปวดต่างหาก
นั่นเพราะแขนซ้ายของเขาที่มีอยู่จนถึงเมื่อครู่ ได้ถูกตัดขาดตั้งแต่ส่วนต้นแขนจนหล่นลงพื้น กระนั้นชินก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดแต่อย่างใด
“ มาสเตอร์! ”
ทางโอลิเวียต่างหากที่ส่งเสียงนั้นมาก่อนเจ้าตัว เธอรีบขยับเข้ามาใกล้แล้วใช้พลัง ปาฏิหาริย์ ของเผ่านางฟ้าในตัวช่วยปิดปากแผลในเวลาไม่ถึง 1 วินาที
ในทางกลับกัน เกวนที่อยู่ข้างๆเองกลับยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ใช่ความหวาดกลัวในแง่ที่ตัวเองกลัวตาย หากแต่เป็นความกลัวจากการที่คิดว่าจะต้องเสียชินไป แต่แน่นอนว่าคนที่รู้เรื่องนั้นมีแค่เกวนคนเดียว
เพราะเบื้องหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ไม่ว่าใครต่างก็คิดเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้ที่เผชิญหน้ากับมันย่อมต้องมีความรู้สึกต่อมันเพียงอย่างเดียว
…นั่นคือความหวาดกลัวต่อความตาย ราวคมเคียวยมทูตคล้องคออยู่ตั้งแต่พริบตาที่ได้เห็นเค้าของหน้ากากหัวกะโหลก
แบบนี้ถือว่าแย่ทีเดียว… ศัตรูมีความสามารถปริศนาที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
บางทีอาจจะเป็นอะไรที่คล้ายกับพลังของหู่ก็ได้ แต่พลานุภาพนั้นเทียบเคียงกันไม่ได้เลยซักนิด ทางนี้แข็งแกร่งกว่ามาก
ชินคิดแบบนั้นในขณะที่มองไปยังอีกฝ่าย ดูเหมือนอีกฝ่ายก็มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยเช่นกันที่เห็นโอลิเวียใช้พลังของนางฟ้าได้แบบนั้น
แต่ในอีกแง่นึงนั่นถือว่าอันตรายทีเดียว เพราะถ้าชินเป็นศัตรูแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายมีผู้ที่สามารถรักษาคนอื่นได้แบบนั้นขึ้นมาล่ะก็…
“ หนี! ”
ชินตะโกนแบบนั้นอย่างร้อนใจก่อนจะโยนวัตถุระเบิดใส่กลางพื้นระหว่างตนกับสคัลจนเกิดควันโขมงขึ้นอีกครั้ง ทว่าพริบตาที่สคัลใช้พลังแหวกอากาศออกพร้อมกับมีเป้าหมายจะตัดร่างของพวกชินเป็นชิ้นๆ พวกชินก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
กลับกัน… ระเบิดเมื่อกี้เองก็ไม่ได้หวังผล มีจุดประสงค์อื่นรึยังไงกัน? สคัลคิด
โดยไม่ได้เอะใจว่ามือข้างที่ขาดสะบั้นไปแล้วของชินนั้นถูกระเบิดจนไม่เหลือเศษซาก นั่นต่างหากที่เป็นเป้าหมายของชินในการกำจัดหลักฐานเพราะกลัวว่าสคัลจะใช้มันสืบตัวตนของชิน เพราะด้วยเทคโนโลยีที่สามารถตามหาชินได้ในทันทีแบบนี้ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าจะสามารถใช้ DNA ในการตามร่องรอยได้เหมือนกัน
“ มันไปไหนแล้ว ”
สคัลพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง คำพูดนั้นส่งไปยังห้องนักบินบนเครื่องบินขนส่งทางทหารที่ลอยอยู่เหนือหัว นั่นเป็นห้องขนาดใหญ่ซึ่งเพียงแต่ใช้ควบคุมการบิน หากยังรวมถึงใช้เป็นที่วางกลยุทธ์ในสงคราม แต่แน่นอนว่าสำหรับตอนนี้นั้น การใช้เป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างภาคพื้นกับศูนย์ใหญ่หรือดาวเทียมเท่านั้นก็เพียงพอ
“ อีกฝ่ายยังอยู่ในระยะ 100 เมตรบริเวณนั้นค่ะสคัล ” เสียงโอเปอร์เรเตอร์สาวตอบกลับมาแบบนั้น แต่รอบตัวไม่ยักกะมีร่องรอยใดๆให้ตาม
สคัลนั้นมั่นใจในทันทีว่าอีกฝ่ายอาจมีไนท์ที่สามารถลบร่องรอยตัวเองและพรรคพวกได้ ไม่ก็เป็นพลังคำสาปของเผ่าปีศาจ แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ยังยากแก่การตามตัวให้ได้อยู่ดีหากอีกฝ่ายต้องการจะหนีจากเขาจริงๆ
ปัง!
แต่นั่นก็ถือเป็นความโชคดีของสคัล?
เสียงปืนดังลั่นมาจากทิศสามนาฬิกาพร้อมกระสุนที่ควงสว่านเข้ามาที่ข้างศีรษะหวังปลิดชีวิตเขา ทว่ามันกลับกระทบกับบางสิ่งที่มีลักษณะใสราวกับแก้วซึ่งคลุมร่างของเขาอยู่จนดีดตกลงพื้น
ใช่… นี่คือความโชคดีของสคัล เพราะดูเหมือนแองกริคราวน์ไม่ได้มีความตั้งใจจะหนีจริงๆ เขารู้สึกโชคดีจริงๆที่มันกลายเป็นแบบนี้
ราวกับเพื่อตอกย้ำสิ่งนั้น… บนหลังคาของบ้านที่สูงที่สุดในละแวก มีเงาของคนสองคนยืนอยู่อย่างองอาจใต้แสงจันทร์ราวไร้ความยำเกรงต่อยมทูตเบื้องล่าง
ชินและโอลิเวีย ทั้งสองยืนอยู่บนนั้น… และแม้ชินจะเสียแขนซ้ายไปข้างนึง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้ายใดๆต่อสภาพนั้นของตัวเอง
เจ้าหมอนี่เป็นตัวอันตรายจริงๆ…
มีพลังการทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ รวดเร็วและทรงพลัง แถมการป้องกันยังไร้ช่องว่าง ถึงขนาดดูด้วยตาก็รู้
ใจจริงก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องสู้กับคนอันตรายแบบนี้ เพราะว่ากันตามตรง… ที่เราเข้าร่วมศึกชิงสิทธิ์ปกครองโลกอะไรนี่ก็มีอยู่เหตุผลเดียวคือ เพราะเป็นความสัมพันธ์เชิงร่วมมือระหว่างอัลเฟรดที่มีเป้าหมายเดียวกัน
กับอีกอย่างก็คือ… อาจจะโชคดีได้เจอกับเป้าหมายที่เป็นหนึ่งในราชา เพราะคนๆนั้นอาจเป็นคนที่ฆ่าพ่อกับแม่เราก็ได้
เพราะงั้น… นี่เป็นศึกที่เราจะหนีไม่ได้
เพราะเจ้าหมอนี่ ก็อาจมีข้อมูลสำคัญอยู่ด้วยเหมือนกัน
เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำก็ยังคงเหมือนเดิม คือจัดการศัตรูให้หมอบและรีดเร้นข้อมูลออกมาเท่าที่เป็นไปได้
“ จะลุยสินะคะมาสเตอร์ ” โอลิเวียถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกกระนั้นกลับแฝงความเป็นห่วงมากกว่าปกติ ดูเหมือนเธอเองก็กังวลไม่น้อยว่าชินจะได้รับแผลมากไปกว่าตอนนี้
“ อา… ”
ชินตอบกลับสั้นๆแบบนั้น โอลิเวียก็ตอบกลับ “ค่ะ” เบาๆราวกับไม่อาจขัดคำสั่งได้ แม้จะอยากพาชินหนีไปให้ไกลก็ตามที
อนึ่ง เกวนนั้นถูกชินสั่งให้ถอยออกจากแนวรบให้เร็วที่สุด เพราะศึกนี้อยู่นอกเหนือภารกิจปกติของเธอ ศึกนี้ไม่ใช่ศึกย่อยของการชิงดินแดนด้วยซ้ำ ไม่สิ… แม้แต่ศึกย่อมๆกับหู่ก่อนหน้านี้เองก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นแบบนั้นเช่นกัน
ท้ายสุดแล้ว… ไม่ว่าเวทีจะเปลี่ยนไปเช่นไร สุดท้ายศึกแห่งการล่าล้างแค้นก็ยังตามหลอกหลอนชินไม่เปลี่ยน แม้จะเป็นในรูปแบบอื่นก็ตามที
“ ถ้าไม่จำเป็นฉันไม่อยากใช้พลังนั่นเท่าไหร่เพราะงั้นคงต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปก่อน ”
ชินพูดแบบนั้นพลางสัมผัสแขนซ้ายตัวเองทั้งที่ถือปืนอยู่ โอลิเวียได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าให้เพราะเข้าใจสิ่งที่ชินจะสื่อในทันที
แม้จะใช้มันไม่บ่อยครั้ง แต่ชินก็ไม่อยากใช้นักเพราะมันอาจทำให้ความลับของเขารั่วไหล
แต่หากจะว่าไปแล้ว… เดิมทีความเป็นไปได้ที่ความลับสุดยอดของชินจะแตกก็แทบไม่มีอยู่แล้ว
…เพราะคนที่จะรู้จุดเชื่อมโยงระหว่างพลังนั่นกับความลับสุดยอดของชินนั้น ก็มีแต่คนในซึ่งในตอนนี้จากไปแทบไม่เหลือแล้วเท่านั้น
“ ทราบแล้วค่ะ งั้นดิฉันจะร่วมสู้ในแนวหน้าด้วยนะคะ ” โอลิเวียกล่าวแบบนั้นก็เริ่มกางมือทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ พริบตานั้นวงเวทย์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรจำนวน 5 อันสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเหนือศีรษะ และอีกสองอันสีเหลืองทองด้านบนศีรษะ
ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตาจนแม้แต่สคัลที่ยืนดูท่าทีมาตลอดอยู่เบื้องหลังยังต้องผงะไปชั่วครู่ ภายใต้หน้ากากของเขาเองก็มีเหงื่อไหลออกมาเช่นกัน
“ โกลเด้นด็อกใช้เวทย์มนได้ตามข่าวลือ แถมดูเหมือนจะใช้ปาฏิหาริย์ได้ด้วย ”
“ …ร้ายกาจจริงๆค่ะ ”
สคัลพูดกับโอเปอร์เรเตอร์สาวอีกครั้งเพื่อยืนยันข้อมูลในข่าวลือ
ดูเหมือนไม่เพียงแค่ตัวแองกริคราวน์เท่านั้นที่มีชื่อเสียง แต่โกลเด้นด็อกที่มีพลังสุดฉงนเองก็มีชื่อเสียงไม่น้อยหน้า
“ ย้า!!! ” โอลิเวียตะโกนอย่างดุดันผิดกับบุคลิกตามปกติของเธอเป็นอย่างมาก แต่นั่นคือเครื่องพิสูจน์ว่าเธอกำลังเอาจริง
พริบตานั้นสายน้ำแรงสูงก็พวยพุ่งออกมาจากวงเวทย์สีน้ำเงินทั้งห้า พุ่งเข้าใส่สคัลที่ยืนอยู่บนถนนเบื้องล่างราวกับเลเซอร์ สคัลใช้ไหวพริบและพลังกายภาพที่เหนือชั้นหลบทั้งหมดได้อย่างหวุดหวิด
สายน้ำนั่นตัดทุกสิ่งที่มันวิ่งผ่านไม่แม้แต่บ้านหรือกำแพงจนถล่มลงอย่างน่าหวาดหวั่น สคัลรู้สึกคิดถูกที่ไม่ประมาทใช้พลังของตัวเองรับในครั้งแรก และดูเหมือนเขาจะใช้จังหวะเพียงเสี้ยววินาทีนั้นสร้างบางอย่างที่ใสคล้ายกับแผ่นแก้วขึ้นกลางอากาศเบี่ยงวิถีของสายน้ำเพื่อทดสอบอานุภาพของมัน
สคัลที่เห็นว่าพลังของตัวเองสามารถป้องกันเวทย์ของโอลิเวียได้จึงเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ
โอลิเวียยิงสายน้ำครั้งที่สองออกไปอีกครั้ง ทว่าหนนี้สคัลกลับยืนนิ่งด้วยความมั่นใจ
แต่นั่น… คือการฆ่าตัวตาย
“ !!!!! ”
พริบตาที่สายน้ำทั้งหมดวิ่งตัดผ่านร่างของสคัล มันก็สร้างบาดแผลเป็นแนวยาวให้กับเขาจนโลหิตสาดกระเซ็น หากว่าสคัลเป็นมนุษย์ธรรมดา บางทีก็คงจะกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนเวทย์ของโอลิเวียจะรุนแรงถึงขนาดตัดผ่านสิ่งที่เขาใช้พลังคลุมไว้ได้
สคัลรีบตั้งสติก่อนจะถีบพื้นหลบไปด้านข้างเพื่อตั้งหลัก ทว่าก็ต้องเบิกตาโพลงให้อีกครั้งเพราะชินกลับรออยู่ที่ตำแหน่งนั้นอยู่ก่อนแล้วอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ราวกับวาร์ปมาอยู่ตรงนั้น
ไม่เพียงแค่รออยู่ แต่ยังง้างหมัดเตรียมไว้แล้วอีกต่างหาก
“ อั๊ก!!!!! ”
หมัดของชินอัดเข้าใส่กลางลำตัวของสคัลอย่างแรง และพริบตาที่หมัดของชินสัมผัสกับบางสิ่งที่คลุมร่างของสคัลเอาไว้ มันก็แตกออกจากจุกที่หมัดกระทบราวกับแก้วแตกระแหง ร่างของสคัลลอยไปไกลก่อนจะยืนยั้งพื้นไว้ได้
“ อั่ก!!! ”
สคัลไม่เคยรับหมัดที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน เขาถึงกับกระอักเลือดออกมาทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากทั้งชินและโอลิเวีย
แค่ประมาทเพียงครั้งเดียวก็เล่นเอาถึงกับเกือบตายเลยเรอะ… สคัลคิดแบบนั้นก่อนจะพินิจพิเคราะห์สถานการณ์
จะว่าไปผู้หญิงคนนั้นมีพลังในการลบร่องรอยนี่… บางทีการโจมตีแรกคงจะสร้างภาพลวงตาให้เราคิดว่าพลังของเราป้องกันเวทย์นั่นได้ เพื่อให้เราคิดว่าพลังของเราเหนือกว่า แล้วจัดการใช้จุดอ่อนนั้นซ้อนแผนบดขยี้เราแทน แถมยังเล็งจังหวะต่อเนื่องด้วยการให้แองกริคราวน์ลบร่องรอยเข้ามาจัดการ
สถานการณ์ในตอนนี้เทคนิคและพลังของพวกชินเหนือกว่า เพราะแม้อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าพลังของเขาคืออะไร แต่หากลบร่องรอยไปเสียสคัลก็ไม่มีทางโจมตีโดนพวกชินได้เลย กลับกัน จะมีแต่พวกชินนั่นแหล่ะที่เล่นงานสคัลได้ฝ่ายเดียว
พลังอะไรกันเนี่ย ทั้งเวทย์มนที่ทรงพลังเกินกว่าไนท์จะต้านไหว กับพลังในการลบไนท์ของคนอื่นตามข่าวลือ… แถมยังความสามารถในการประสานงานนั่นอีก
ทั้งที่ตอนแรกเราได้เปรียบแท้ๆ แต่แค่พริบตาเดียวก็กลับถูกไล่ต้อนโดยไม่รู้ตัวเสียได้
…สัตว์ประหลาดชัดๆ
สคัลคิดแบบนั้นก่อนจะค่อยกลับมายืนตรง มองพวกชินด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ แฝงไว้ด้วยความเคารพยำเกรงและหวาดหวั่น
…ก่อนจะหยิบหลอดบางอย่างออกมาจากใต้ชายเสื้อ มันคล้ายกับกระติกน้ำขนาดเล็กบรรจุของเหลวที่ไม่อาจมองเห็น
“ สมเป็นนักล่าค่าหัวที่เขาล่ำลือกัน พวกนายมันสัตว์ประหลาด ” สคัลพูดแบบนั้นก่อนจะค่อยๆเปิดฝาของกระติกน้ำ เตรียมดื่มอย่างไม่แยแสสายตาผู้ใด
เขาดื่มมันเข้าไปหลายอีกจนหมด ก่อนจะโยนมันทิ้งลงข้างเท้าของตัวเอง
“ แต่ว่าฉันเองก็… ” และพริบตาที่ของเหลวสีแดงกระเซ็นออกจากตัวกระติก ก็แทบจะทำให้ชินกับโอลิเวียตัวแข็งทื่อ
“ เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน!!! ”
วูม!!!
เสียงตะโกนราวคลุ้มคลั่งของสคัลทำให้บรรยากาศรอบตัวสั่นไหว พัดพาเอาสิ่งรอบตัวปลิวว่อนขนาดที่กำแพงไม้ยังหลุดกระเด็น พร้อมกันนั้นยังส่องแสงสีแดงฉานจากทั้งร่างดูสยดสยอง เขี้ยวที่เผยออกมาแสดงถึงความกระหายเลือดราวสัตว์ป่า
และที่สำคัญ… บาดแผลที่เขาได้รับมาจากเวทย์มนโอลิเวียนั้น ถูกฟื้นฟูในพริบตาไปแล้ว
“ โอ้ววววววว!!!!! ”
สคัลตะโกนลั่นปานสัตว์คำราม พริบตานั้นลมกรรโชกก็พัดจากตัวเขาออกไปรอบตัวจนแม้แต่พวกชินยังยืนไม่ติด ทั้งชินและโอลิเวียจึงรีบกระโดดามหลังคาหลบจากจุดศูนย์กลางของเรื่องอย่างสคัลไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพลังของเขาเริ่มหนาแน่นจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สิ่งนั้นคล้ายกับแผ่นแก้ว พวกมันปรากฏขึ้นไปทั่วบริเวณรอบตัวของสคัลทั้งเล็กเท่ากระเบื้องปูพื้นจนถึงสูงใหญ่พอๆกับตึกหลายชั้น
มันจะไม่แปลกอะไรหากมันปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง ทว่าพริบตาที่แผ่นแก้วปรากฏขึ้นระหว่างเสาไฟฟ้า เสาไฟฟ้าก็ถูกแยกเป็นสองส่วนเพราะถูกผลักออกจากภายใน นั่นคือความลับของพลังในการตัดของไนท์ของสคัล แถมความแข็งของมันคงจะสูงพอๆกับเพชรอีกทั้งหากไม่สังเกตดีๆก็จะไม่รู้ถึงความหนา จึงไม่แปลกที่จะป้องกันการโจมตีแบบต่างๆได้อย่างแนบเนียน
ความคลุ้มคลั่งทำให้ชินรู้ถึงพลังนั้น ทว่า… แม้พลังของไนท์ศัตรูจะเปิดเผยแล้ว แต่สำหรับชินแล้วมันไม่คุ้มเสียเลย เพราะสคัลได้ทำสิ่งที่น่าหวาดหวั่นสำหรับเผ่าพันธุ์ตัวเอง สำหรับผีดูดเลือดไปแล้ว
เจ้าหมอนั่น… ดื่มเลือดไปแล้วงั้นเหรอ?
ชินที่เหงื่อตกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีได้คำตอบจากความเปลี่ยนกะทันหันของสคัลในทันที ที่เขาว่ากันว่าผีย่อมเห็นผีท่าจะเป็นเรื่องจริง
การดูดเลือด… สำหรับแวมไพร์แล้วมันก็คล้ายกับการดูดซับจิตของเผ่าพันธุ์อื่น แม้โดยปกติจะมีการดูดซับจากธรรมชาติอยู่แล้ว แต่หากดูดเลือดของสิ่งมีชีวิตเข้าไปอีก นั่นจะยิ่งเป็นการเร่งการดูดซับของจิตให้มากขึ้น และแน่นอนว่าพลังทางกายภาพและไนท์ก็จะยิ่งทวีคูณมากยิ่งขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
พอชินมาคิดดู พลังการดูดเลือดนั้น หลักการก็คล้ายกับการใช้ตราอัศวินหรือตราราชันย์ดูดซับจิตอยู่พอควร คิดแบบนั้นก็พอจะเข้าใจเหตุผลขึ้นมา ว่าทำไมผู้มีสิทธิชิงบัลลังก์คนอื่นจึงอยากกำจัดแวมไพร์ให้หมดไปจากโลกใบนี้เสีย
เหตุผลนั่นยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อมองภาพตรงหน้า… ภาพของชุมชนที่ถูกทำลายย่อยยับกลายเป็นเศษซากราวกับเหตุการณ์หลังเกิดภัยพิบัติโดยมีสคัล ผีดูดเลือดที่เพิ่งได้รับเลือดเข้าไปเป็นศูนย์กลางของมหันตภัยนั้น
ร่างของสคัลยังคงถูกย้อมด้วยออร่าสีแดงฉาน อยู่ห่างจากชินกับโอลิเวียหลายร้อยเมตร แม้จะอยู่ไกลขนาดนั้นแต่ชินกับโอลิเวียก็ยังอยู่ในเขตที่บ้านช่องถล่มพังทลาย คิดแบบนั้นก็ทำเอาหวั่นใจ แต่ก็รู้สึกโล่งใจได้เปราะนึงเพราะดูเหมือนการใช้คำสาปลบร่องรอยของโอลิเวียจะยังได้ผลอยู่
…ความจริงมันควรจะง่ายดายเช่นนั้น
พริบตาเดียวเท่านั้น จู่ๆกำแพงใสที่สร้างจากเพชร… สร้างจากไนท์ของสคัลก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบบริเวณเขตต่อสู้ ไม่สิ มากกว่านั้น กำแพงดังกล่าวสร้างขึ้นรอบตัวของสคัลเป็นรัศมีถึงหนึ่งกิโลเมตรพร้อมกับปิดฝาด้านบน ชินกับโอลิเวียราวกับกลายเป็นหมูในอวนไปแล้ว ทั้งสองไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง
ไม่สิ… ไม่ใช่แค่นั้น
“ อา… โอ้ววววววว!!!!!! ”
สคัลส่งเสียงคำรามออกมา พริบตานั้นแผ่นแก้วก็ถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากในลักษณะคล้ายกับหลอดตัน เป็นจำนวนมากมายรอบตัวเขา ก่อนที่พวกมันจะพุ่งไปรอบตัวเขาราวกับเม่นปล่อยหนาม แต่ในแง่ของจำนวนและความต่อเนื่องนั้นมากกว่าโขจนเทียบไม่ติด ซ้ำความเร็วยังพอๆกับกระสุนปืนอีก
นอกจากสร้างขึ้นตรงไหนก็ได้ ยังทำให้มันเคลื่อนที่ได้อีกเหรอ!?
ชินคิดแบบนั้นพลางเหงื่อตกอีกครั้ง สถานการณ์พลิกกลับไปกลับมาได้เสมอกับศัตรูที่ไม่ขึ้นกับกฎฟิสิกส์ ชินรู้อยู่แล้วแต่ก็อดเจ็บใจไม่ได้ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปอย่างใจคิดได้ตลอดรอดฝั่ง แถมเศษซากอาคารที่ใช้เป็นที่กำบังก็อ่อนแอเสียเหลือเกิน อีกไม่นานพวกแท่งแก้วเหล่านั้นคงทะลุผ่านมาได้แน่
หากกับเขาคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่ว่า… โอลิเวียนั้นไม่ได้!
“ มาสเตอร์!!! ”
ชินใช้จังหวะพริบตาที่จุดกำบังกำลังจะถล่ม ใช้มือข้างที่เหลือล็อคตัวโอลิเวียไว้แล้วใช้แผ่นหลังของตัวเองป้องกันการโจมตี ใช้ไนท์เพื่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อให้ถึงขีดสุด
พริบตาที่โอลิเวียตระหนักได้ว่าตัวเองถูกชินช่วยก็ถึงกับรีบสะบัดออกเพราะตั้งใจจะใช้ตัวเองเป็นโล่แทน กระนั้นชินก็กลับสวมกอดแน่นขึ้นไปอีก
และไม่รู้โชคดีหรืออย่างไร… แต่การโมตีก็ขาดช่วงไปหลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนพลังของอีกฝ่ายจะหมดแล้ว แต่สำหรับแวมไพร์ที่ได้รับเลือดไปแล้ว ยังไงก็เวลาอีกไม่นานในการดูดซิบจิตอยู่ดี
“ มาสเตอร์ ”
“ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ”
ชินพูดราวหมดแรง ไม่รับคำขอโทษใดๆจากโอลิเวียเพราะก็รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่สิ… ทันทีที่พูดจบชินก็ทิ้งร่างของตัวเองลงจนนั่งก้นติดกับพื้น เผยให้เห็นแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยบาดแผลน่าสยดสยอง จนโอลิเวียถึงกับเสียงสั่นปานจะร่ำไห้ ดูเหมือนแม้จะใช้ไนท์ของตัวเองเพิ่มพลังไปแล้วแต่ก็ให้ผลเพียงแค่ทำให้แท่งแก้วพวกนั้นไม่ทะลุผ่านร่างไปโดนโอลิเวียเท่านั้น
ไม่สิ… สำหรับชิน นี่ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว
จากระยะไกล เสียงฝีเท้าของสคัลเริ่มย่ำไปมารอบๆเพื่อตามหาทั้งสองคน ดูเหมือนเขาคงคิดว่าการโจมตีเมื่อกี้คงทำให้ชินกับโอลิเวียบาดเจ็บสาหัสซึ่งก็ได้ผลจริงๆ ชินแทบจะลุกไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำจากทั้งความอ่อนล้าจากการสูญเสียแขนซ้าย ทั้งจากการรับการโจมตีเมื่อครู่อีก
แข็งแกร่งจริงๆ…
แม้จะไม่เคยสู้กันจริงๆจังๆกับศัตรูที่เป็นแวมไพร์สายเลือดแท้ด้วยกันมาก่อน แต่ชินต้องยอมรับว่าผีดูดเลือดนั้นเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไร้ข้อกังขาเมื่อได้เห็นภาพและสัมผัสประสบการณ์นี้กับตัว
“ ทางหนีถูกปิดไปแล้ว สถานการณ์แบบนี้ควรจะถอนตัวแท้ๆ ” ชินพูดแบบนั้นพลางปลดหน้ากากของตัวเองออกเพื่อรับลมและออกซิเจน
เช่นเดียวกับโอลิเวีย เธอถอดหน้ากากของตัวเอง สยายผมสีเงินออกกว้างราวผืนผ้าสะบัดไกว
กับเจ้านายที่พูดแบบนั้นออกมา แม้จะพูดเล่นๆราวกับยอมแพ้ก็ตาม แต่โอลิเวียก็รู้สึกรับผิดชอบอยู่ดี เธอเริ่มมองตรงเข้าไปในตาของชินอย่างจริงจัง
กระนั้น… กลับแฝงไว้ด้วยการสั่นรัวเล็กๆ
“ มาสเตอร์คะ… ”
“ ไม่เอา ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ชินกลับเข้าใจการกระทำของโอลิเวียในทันที… กระนั้นเขาก็ปฏิเสธทันทีเช่นกัน โอลิเวียยิ่งขยับเข้ามาใกล้ราวสุนัขแสนซน เธอไม่ยอมฟังคำพูดเชิงปฏิเสธของชินซักนิด
แต่ทางชินเองก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้แข็งขืนเช่นกัน และกว่าจะรู้ตัวโอลิเวียก็นั่งคร่อมชินที่นั่งพิงซากปรักหักพักไปแล้ว ด้วยระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ แม้แต่ลมหายใจหรือใบหน้าแดงก่ำของอีกฝ่ายต่างก็เผยให้เห็นชัดแม้จะอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายก็ตาม
“ ไม่เหลือทางเลือกอีกแล้วนะคะ… การจะโค่นอีกฝ่ายได้ก็มีแต่ต้องใช้วิธีเดียวกันเท่านั้น ” โอลิเวียว่าแบบนั้นพลางใช้นิ้วชี้กวัดไกวแผ่นอกของชินอย่างยั่วยวนจงใจ ชินได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะโอลิเวียเริ่มปลดกระดุมอย่างจงใจให้เห็นเนินอกของตัวเอง
“ ไม่ได้… แบบนั้นเธอจะเจ็บนะ… ”
ชินยังคงปฏิเสธ แต่น้ำเสียงนั้นไร้ความน่าเชื่อถือสิ้นดี ซ้ำดวงตายังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง คมเขี้ยวเองก็เริ่มเผยออกมา แต่ชินก็พยายามกัดฟันกำมือแน่นอดทนไว้สุดชีวิต
สิ่งนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สิ่งกระตุ้นของแวมไพร์นั้นแท้จริงแล้วไม่ได้มาจากความหิวโหยหรือความโกรธกริ้วเพียงอย่างเดียว คำนิยามของมันใกล้เคียงคำว่า “กิเลสอันรุนแรงมากกว่า”
…และแน่นอนว่ามันรวมถึง “อารมณ์ทางเพศ” ด้วยเช่นกัน โอลิเวียที่รู้ข้อนี้ดีจึงไม่มีทางเลือกอื่นเพื่อทำแบบนี้ เพราะรู้กันอยู่ว่าชินไม่อยากทำให้โอลิเวียเจ็บปวดไม่ว่าจะในแง่ใดก็ตาม
ตรงจุดนั้น… ชินไม่ได้ตระหนักเลยว่าจะทั้งเรื่องความแค้น การเอาตัวรอดหรืออะไรก็ตาม มันไม่ได้สำคัญไปกว่าโอลิเวียเลยซักนิด
“ อย่าดื้อดึงไม่เข้าท่าเลยค่ะ แล้วอีกอย่าง… ” โอลิเวียว่าแบบนั้นก่อนจะค่อยๆถอดเสื้อคลุมและดึงเสื้อที่ถูกสวมทับออก
“ คิดจะปฏิเสธ… หญิงสาวที่ยอมถวายกายให้คุณขนาดนี้งั้นเหรอคะ ” เธอขยับเสื้อเผยให้เห็นต้นคอขาวงามระหง รวมกับกลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวราวฟีโรโมนดึงดูด จะทั้งผิวนวลผุดผ่อง หรือความงามที่สังเกตได้ง่ายๆตรงหน้า หน้าอกที่กำลังแนบชิดอย่างจงใจ สิ่งเหล่านั้นไม่อาจทำให้ชายใดคงสติของตัวเองได้แน่ ไม่แม้แต่ชิน
“ !!! ”
“ อึก! ”
ราวกับฟางเส้นสุดท้ายขาดผึงลง ชินใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายพลิกตัวกดโอลิเวียลงกับพื้นก่อนจะฝังเขี้ยวตัวเองลงไปกับต้นคอของโอลิเวียพร้อมกับเสพติดสัมผัสจากทั้งผิวพรรณเนียนงามและรสชาติของโลหิต
นั่นทำเอาสติของชินโชดแล่นเคลิบเคลิ้มไปไกล ไม่เว้นแม้แต่เด็กสาวที่นอนสยายผมราวภาพวาดเองก็ยังทำหน้าเคลิบเคลิ้มตามไปด้วย
“ มาส… เตอร์… ”
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant