“ขอโทษด้วยนะ พอดีฉันอยากจะคุยอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัวหน่อยน่ะ” ชินมองตรงไปยังเกวน ทำเธอไหล่กระตุกไม่รู้เป็นกี่รอบของวันแล้ว
“คะ คุยเหรอ…” เกวนเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด
เธอกำลังกลัว… แม้มีความรู้สึกผิดที่ต่อเนื่องมาจากเมื่อคืน แต่ที่กำลังรู้สึกตอนนี้คือความกลัวไม่ผิดแน่ สายตาสั่นระรัวของเกวนบ่งบอกอย่างนั้น
แต่ชินเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก หากไม่พูดตอนนี้อาจไม่มีโอกาสอื่นอีก เพราะจะให้ไปเจอกับพวกอัลเฟรดก่อนแล้วค่อยมาคุยกับเกวนทีหลัง ก็ไม่รู้ว่าจะมีลับลมคมในอะไรอีกรึเปล่า
ถ้าจะถาม ก็ต้องเป็นตอนนี้เท่านั้น
ชินตัดสินใจเด็ดขาด ขณะมองเกวนที่กำลังเหงื่อตกกังวล
“มะ หมายถึงเรื่องเมื่อคืนน่ะเหรอ? ตอนนั้นฉันพูดจริงนะ!!! ฉันไม่รู้มาก่อนเลยจริง ๆ ว่านาย———อื้อ!!!?”
เกวนรู้ทันทีว่าเป็นเรื่องอะไรแต่ก็ยังหลุดตะโกน ไม่รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกแบบไหน แต่ชินก็รีบพุ่งเข้าไปปิดปากเธอไว้ก่อน
เพราะถ้ามีคนมาได้ยิน เรื่องมันคงจะแย่เอาแน่ ๆ ไม่ว่าจะกับเกวนหรือตัวเขาเอง
“ชู่ว” ชินยกนิ้วชี้ขึ้นสัมผัสริมฝีปากตัวเอง เกวนก็พยักหน้าหงึก ๆ อย่างว่าง่ายด้วยแก้มที่กำลังแดงก่ำ
พอชินผละมือออกเกวนก็ถึงกับเซ ดูท่าเกวนคงกำลังเผชิญกับโรลเลอร์โคลสเตอร์ทางอารมณ์จนตั้งตัวไม่ติด ตอนนี้ก็ยังหายใจหอบอยู่เลย
เกวนยกมือขึ้นทาบอกปรับลมหายใจ พยายามรวบรวมสติกลับมา
“ขอโทษ… ที่โหวกเหวกนะ คือฉันกลัวมากไปหน่อยน่ะ”
“…ก็นั่นสินะ ไม่น่าแปลกหรอก”
ชิ้นยิ้มแห้ง ฟังจากจังหวะการหายใจที่ยังไม่กลับเป็นปกติของเกวนก็รู้
ถ้ามองในมุมกลับกัน… เกวนเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเพื่อนสนิทชายของเธอเป็นนักล่าค่าหัวมือหนึ่งในโลกมืด เป็นฆาตกรใจทรามที่สามารถก่ออาชญากรรมทุกอย่างได้เพื่อเงิน หากถูกขังอยู่กับคนแบบนั้นสองต่อสองใครเล่าจะไม่รู้สึกหวาดกลัวขวัญผวา
ชินคิดแล้วก็พอจะเข้าใจ แต่ในใจก็รู้สึกลำบากใจอยู่เหมือนกันหากเกวนยังกลัวเขาอยู่แบบนี้
ในทางกลับกัน… เกวนเห็นชินนิ่งไปจนน่าเป็นห่วง แต่พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปเธอก็เบิกตาโพลงขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน ฉันหมายถึงฉันกลัวว่านายจะไม่เชื่อคำพูดฉันต่างหาก ไม่ได้บอกว่ากลัวชินหรอกนะ” เกวนทำสีหน้าเป็นห่วงเดินเข้ามาใกล้ ถ้าเธอกลัวชินจริงคงไม่ทำแบบนี้แน่ อย่างน้อยชินก็หวังอย่างนั้น
“ชินสบายใจได้เลย ถึงจะรู้สึกตกใจจริง ๆ ก็เถอะ แต่ฉันไม่ได้กลัวนายหรอกนะ ก่อนหน้านี้มันออกจะ… ตกใจมากกว่าน่ะ”
เกวนยิ้มแห้งหัวเราะแหะ เธอม้วนผมตัวเองแก้เขิน
ถ้าดูจากปฏิกิริยาลุกลี้ลุกลนตอนแรก นั่นก็ดูเหมือนตกใจทำอะไรไม่ถูกมากกว่ากลัวจนถอยหนีจริงดังว่า
แต่… ไม่ว่าเกวนจะพูดอะไรออกมา ความรู้สึกคุกรุ่นในใจของชินก็สะกิดขึ้นมาจนความไว้วางใจไม่กลับมาเหมือนเดิมเสียที
พูดออกไปตรง ๆ เลยดีไหมนะ
ชินลังเล
…แต่พอนึกถึงสิ่งที่เคนเนธพูดก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าสุดท้ายก็คงไม่มีทางเลือก
ไม่งั้นการที่อุตส่าห์สร้างสถานการณ์ให้อยู่กันสองต่อสองก็ไม่มีความหมาย
“พูดตามตรง ฉันเองก็อยากจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดนะ ไม่สิ… ที่เลือกคุยกับเธอก็เพราะฉันอยากจะเชื่อคำพูดของเกวนนั่นแหละ” ชินเงยหน้าขึ้น มองเข้าไปในตาของเกวนตรง ๆ
และเกวนเองก็มองดวงตาของชินกลับมาตรง ๆ ด้วยประกายระยับ สายตาเธอไม่มีความล่อกแล่กลังเล มันสะท้อนออกมาแต่ความซื่อตรงยุติธรรมเหมือนอย่างที่เกวนมีให้เขามาตลอด
กลับกัน ทางชินเองนี่แหละที่ทนรับสายตาซื่อ ๆ นั่นไม่ไหวจนต้องเบี่ยงออกไปมองด้านข้าง
ทั้งเพราะรู้สึกผิด …และเชื่อสายตาซื่อ ๆ นั่นเหมือนกับที่ผ่านมาไม่ไหว
“ฉันอยากจะเชื่อคำพูดของเธอนะเกวน… แต่ทำยังไงความระแวงมันก็ไม่หมดไปซะที จะเรื่องที่บอกว่าเพิ่งรู้ตัวจริงของฉันเมื่อวาน หรือที่เมื่อกี้บอกว่าไม่ได้กลัวฉัน ในใจลึก ๆ ของฉันก็ไม่ยอมเชื่อเลย น่าหงุดหงิดจริง ๆ”
ชินได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย คิดว่าไม่ผิดที่รู้สึกสงสัยแต่ผิดที่จัดการกับความรู้สึกนี้ให้เด็ดขาดไม่ได้
แล้วทางเกวนจัดการกับมันยังไงกันนะ
ชินเกิดสงสัยขึ้นมาอย่างนั้น เขาเลื่อนสายตากลับไปมองเกวน
แล้วพบกับสายตาเป็นห่วงเป็นใยของเกวนกลับมา เธอไม่เคยเห็นชินแสดงสีหน้าลำบากใจขนาดนั้นมาก่อน
เห็นแบบนั้นชินยิ่งรู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกชื่นชมขึ้นมาจนอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
“เกวน… เธอไม่กลัวฉันบ้างเหรอ? เพื่อนสนิทชายที่เคยคิดว่ารู้จักดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นฆาตกรนักล่าค่าหัวเนี่ย เธอเชื่อด้วยเหรอว่าฉันยังเป็นคนเดิมกับที่เธอรู้จัก”
“เชื่อสิ”
เกวนตอบทันควันทำเอาชินเบิกตาโพลง นอกจากเกวนแล้วก็มีโอลิเวียนี่แหละที่ทำให้ชินตอบสนองแบบนี้ได้
ไม่สิ… คงเป็นเพราะเกวนตอบกลับมาโดยไร้ความลังเลเหมือนกับโอลิเวีย และเป็นเพราะเกวนมองชินด้วยสายตาคล้ายคลึงกับโอลิเวียนี่แหละ เขาถึงได้ลำบากใจอยู่นี่
นอกจากนั้น สายตาโอบอ้อมอารีย์ยังเหมือนกันอีก เกวนกำลังมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น
“ฉันเข้าใจนะ… นายคงใช้ชีวิตแบบหวาดระแวงมาตลอดเลยใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นมันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกที่ไม่สามารถเชื่อใจใครได้ง่าย ๆ น่ะ”
เกวนยิ้มให้ชิน ไม่ได้ถือโทษเรื่องถูกตัดความเชื่อใจที่มีให้ฝ่ายเดียวทิ้งไป
“แล้วเธอไม่เป็นแบบนั้นเหรอ?” ชินสงสัยใส่เกวนทำสีหน้าเธอครุ่นคิด แต่เธอไม่ได้มีทีท่าจริงจังเหมือนตอนที่ชินตอบคำถามเดียวกัน
“อืม… ของฉันคงเพราะบังเอิญได้เจอกับกลุ่มดี ๆ น่ะ แล้วก็ไม่ได้ต้องไปทำเรื่องที่ไม่อยากทำด้วย”
“งั้นเหรอ”
ท่าทางการตอบคำถามของเกวนเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย เธอคงไม่ได้เจอเรื่องหนักหนาเข้มข้นเท่ากับชิน
แต่จะให้เอาความทุกข์มาเปรียบเทียบกันมันก็เสียมารยาท ครั้นจะถามรายละเอียดก็ติดปัญหาที่ว่าชินยังเชื่อคำพูดของเกวนไม่ได้
คำพูดของเกวนไม่มีหลักฐานให้เชื่อได้ 100%
…แต่ปัญหาก็คือชินก็ยังอยากจะเชื่อ
เพราะลึก ๆ แล้ว ชินเองก็ไม่อยากจะถูก ‘ความเกลียดชัง’ ที่เกิดขึ้นในอดีตกลืนกินอนาคตไปจนหมดเหมือนกัน
“ฉันยังอยากเป็นเหมือนเดิมกับเธอนะเกวน” ชินตัดสินใจกลับมามองเกวนตรง ๆ อีกครั้ง สายตาแน่วแน่ทำเกวนแปลกใจ แต่แน่นอนว่าไม่ได้รังเกียจ
“…ขอบคุณนะ ฉันเองก็เหมือนกัน”
กลับกัน… เกวนเผยยิ้มออกมาในทันทีด้วยซ้ำ เธอดีใจมากในระดับที่ชินไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่ก็… ฉันเข้าใจนะ ว่าชินอยากได้หลักประกันที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากกว่าแค่คำพูดใช่ไหมล่ะ”
“ก็จริงนั่นแหละ แต่พูดตามตรง… ฉันก็ไม่อยากรบกวนอะไรเธอมากหรอก”
“ไม่รบกวนหรอกน่า งั้นขอฉันคิดหน่อยนะ”
นอกจากต้องการอย่างเดียวกันเธอยังพยายามใช้วิธีที่ชินสบายใจอีกต่างหาก ถ้าจะซื้อใจกันเธอคงพยายามมาก แต่ชินไม่อยากคิดแบบนั้นกับเกวนอีกแล้ว
ส่วนทางเกวนก็เริ่มกอดอกครุ่นคิดอย่างจริงจังถึงวิธีพิสูจน์คำพูดของตัวเอง แล้วก็ดีดนิ้วดัง เป๊าะ! ขึ้นมา
“จะว่าไป ชินก็อยู่ในโลกเบื้องหลังมานาน… พอจะมีเซรุ่มความจริงหรืออะไรทำนองนั้นไหมอ่ะ?”
“…ของแบบนั้นมีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ”
ชินทำหน้าเจื่อนเพราะนึกว่าจะมีความคิดดี ๆ กว่านี้
ยิ่งทำให้ชินคิดเข้าไปใหญ่ว่าคนป้ำ ๆ เป๋อ ๆ แบบนี้ไม่มีทางหลอกเขาได้
ถึงจะคิดว่าไม่ประมาทไว้เป็นการดีที่สุดก็เถอะ แต่ยังไงเรื่องแบบนี้มันก็พิสูจน์ได้ยากอยู่แล้ว ชินเริ่มรู้สึกอยากยอมแพ้
ไม่สิ… ชินไม่อยากทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้แล้วมากกว่า
“ช่างเถอะ ฉันตัดสินใจว่าจะเชื่อเธอก็แล้วกันนะ ไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก”
แทนที่จะคิดไปก่อนว่าเกวนพูดจริงหรือเท็จ วิธีการที่ดีกว่าคือการเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นความจริงแต่เคลื่อนไหวแบบเผื่อว่ามันอาจเป็นเท็จคงจะดีที่สุด พูดง่าย ๆ ก็คือปฏิบัติกับเธอเหมือนกับคนทั่วไป
ชินเองก็รู้สึกไม่ดีที่กลับไปเป็นอย่างเดิมกับเกวนไม่ได้ แต่จะใช้อารมณ์เหนือเหตุผลก็ไม่ถูก แถมถ้ายิ่งขออะไรเกวนมากไปแล้วมารู้ทีหลังว่าเธอพูดจริงก็จะยิ่งรู้สึกผิดเสียเปล่า ๆ
ทางสายกลางนี้จึงถือว่าดีที่สุดในสถานการณ์ที่พิสูจน์คำพูดของเกวนไม่ได้ แม้ความจริงแล้วมันคงจะดีกว่าถ้ากลับไปเชื่อใจเพื่อนสนิทตัวเองได้เหมือนเดิม
หน้าอกที่แน่นจุกขึ้นมาเป็นหลักฐานบ่งบอกว่าทางเลือกนี้เป็นสิ่งถูกต้อง แต่มิได้ตรงใจ
ท้ายที่สุดแล้ว… ฉันก็หนีจากวังวนของความเกลียดชังไม่พ้นจริง ๆ สินะ
ชินได้แต่ถอนหายใจ คำสาปนี้คงไม่มีวันออกไปจากตัวเขาในเร็ววันนี้ เป็นจุดที่น่าเสียดายเพราะมันทำให้คนที่เขาเชื่อใจได้ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ส่วนทางด้านของเกวน
สำหรับผู้ที่ต้องการความเชื่อใจจากคนอื่นแล้ว คิดตามปกติ คำพูดของชินแค่นั้นมันก็น่าจะเพียงพอ
…แต่เกวนกลับไม่ได้พอใจแค่นั้น เธอมองสีหน้าขม ๆ ของชินแล้วไม่อาจคลายความกังวลที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืนได้
กับความรู้สึกที่เธอมีต่อชิน เธอไม่มีทางพอใจแค่นั้นแน่
ดวงตาของเกวนคมกริบขึ้นมา ทำเอาชินรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนใครบางคน
“แต่คำพูดของนายดูเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘ยังไม่ได้เชื่อ’ แต่ ‘พยายามบอกตัวเองให้เชื่อ’ เลยนะ”
“เอ่อ… ว่าไปก็ใช่แหละ” ชินตอบไปตามตรง สรุปแล้วเขาก็ยังไม่ได้เชื่อใจเกวน
แล้วพอได้ยินอย่างนั้น เกวนก็ทำแก้มป่องใส่ชินทันที
“…แบบนั้นไม่เอาหรอก”
น้ำเสียงของเกวนเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ท่าทางนั้นไม่ใช่ฮันนี่แทรป (Honey Trap) ของผู้หญิงที่พยายามใช้ลูกไม้ล่อลวงผู้ชาย
หากตั้งใจจะโน้วน้าวให้ชินเชื่อใจ ท่าทีหงุดหงิดแบบนั้นเป็นของไม่ควรเลย
“เมื่อก่อนนายเชื่อฉันแบบไหนฉันก็อยากได้อย่างนั้นคืน”
เกวนท้าวสะเอวใส่ชินทำหน้าถมึงทึงจนเขาเหงื่อตก ความเอาแต่ใจนั่นเป็นอารมณ์ส่วนตัวล้วน ๆ
…ชินเริ่มนึกออกแล้วว่าเกวนในตอนนี้เหมือนกับโอลิเวียตอนที่กำลังงอนเขาอยู่ไม่มีผิด และนั่นทำเขาเหงื่อตกโดยอัตโนมัติเหมือนเป็นปฏิกิริยาฝังร่างกายไปแล้ว
“ทะ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ”
ชินรู้สึกแบบเดียวกับเคนเนธเมื่อเช้า รู้สึกว่าผู้หญิงใกล้ตัวเขานี่ใจดีก็จริงแต่ก็มีมุมที่น่ากลัวและเอาแต่ใจผิดคาดเหมือนกัน
ในระหว่างที่ชินกำลังสังเกตสังกา อยู่ ๆ เกวนก็เอื้อมมือลงไปใต้กระโปรงตัวเอง
“หันไปทางอื่นก่อนสิ”
“…อา”
เกวนทำหน้าข่มขู่แต่แก้มกลับแดงอาย ถึงแบบนั้นชินก็ทำตามแต่โดยดี
แล้วในตอนที่ชินสงสัยว่าเกวนคิดจะทำอะไรกันแน่ เกวนก็เอื้อมมือมาจากข้างหลังชิน แล้ววางโฮโลวอชรูปร่างปลากระเบนสีขาวใส่มือของชิน
“นี่มัน… อันที่ใช้ตอนกลางคืนเหรอ?”
ชินเบกตาโพลง โมเดลของโฮโลวอชนี้ไม่มีทางใช้งานในกรณีอื่นแน่ แถมมันยังเป็นคนละอันกับที่เกวนใช้ปกติอีก
คำตอบจึงไม่มีอื่น… นี่คือโฮโลวอชที่เกวนใช้เมื่อปฏิบัติการณ์เวลากลางคืน
“อื้ม นายจะซิงค์ข้อมูลกับมันก็ได้นะ จะได้รู้การเคลื่อนไหวของฉันก่อนหน้านี้แล้วก็ต่อจากนี้ด้วยไง”
เกวนยืนยันข้อสงสัย เธอตอบกลับมาแบบสบาย ๆ แต่สิ่งที่ให้มานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะให้กันง่าย ๆ เลย
โฮโลวอชรูปร่างปลากระเบน เป็นโฮโลวอชที่ใช้กันในทางทหารเหมือนกันกับของที่เราใช้ในตอนกลางคืน
มันเป็นอุปกรณ์แสนสะดวกที่ใช้เป็นศูนย์กลางรับ-ส่งข้อมูลขณะปฏิบัติการณ์ต่าง ๆ
พูดง่าย ๆ ว่าถ้ามีเจ้าเครื่องนี้ เราก็สามารถรู้ได้ว่าเกวนเคยไปไหนมาบ้างตอนกลางคืน
และหากซิงค์เครื่องของเราเข้ากับของเกวน เราก็สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเกวนได้ตลอดเวลา
การทำแบบนี้มันไม่ใช่แค่เปิดเผยไพ่ในมือจนหมดหน้าตักแล้ว
นี่มันเป็นการยอมสละความเป็นส่วนตัวของตัวเองให้เลย
ไม่สิ… สำหรับพวกที่ใช้ชีวิตแบบสองหน้าอย่างพวกเราแล้ว
นี่มันเป็นการเอาชีวิตของตัวเองไปยื่นใส่มือคนอื่นเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ด้วย”
ชินรู้สึกสับสน การมอบของสำคัญขนาดนี้ให้มันเกินคำว่า ‘เพราะฉันเป็นคนใจดี และยังอยากเป็นเพื่อนกับนาย’ ไปมาก
เกวนเข้ามาอยู่ในโลกมืดเช่นเขาย่อมต้องมีเป้าหมายของตัวเองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทำไมถึงยอมทำเรื่องที่อาจทำลายเป้าหมายของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่ชินไม่เข้าใจเลย
“ทำไม… เหรอ…” เกวนเองก็ถามย้ำกับตัวเองในใจ ทั้งที่มีคำตอบอยู่แล้ว
“ลองคิดเอาเองบ้างสิ ตาบ้า”
เกวนแลบลิ้นให้กับชินด้วยรอยยิ้มร่าเริง จะเมื่อไหร่หรือตอนไหนเธอก็ยังเป็นเพื่อนสนิทสาวตัวแสบของเขาอยู่ตลอด
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอใจดีและอ่อนโยนกับเขามาตลอด ชินก็คงไม่รู้สึกลำบากใจที่จะตัดสายสัมพันธ์นี้ทิ้งไป
แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องทำงั้นแล้วสินะ
ความคุกรุ่นในใจของเขาหายไปแล้ว ความคลางแคลงสงสัยในตัวเกวนเองก็ไม่เหลือแล้วจากที่เกวนมอบสิ่งที่เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างของพวกใช้ชีวิตยามค่ำคืนมาให้
รู้สึกน่าสมเพชอยู่เหมือนกันที่ต้องให้เกวนเสียสละขนาดนี้เพื่อให้ความรู้สึกพวกนี้หายไป
จะเป็นคนดีไปถึงไหนกันนะแม่คนนี้
…ที่ทำเพื่อเราขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสตอบแทนได้ก็รู้สึกว่าอยากตอบแทนจังแฮะ
“ขอบคุณนะเกวน ฉันจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย”
พอรู้สึกตัวชินก็อมยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มของชินดังเช่นปกติที่เกวนเห็นก็รู้และจำได้
“ของมันแน่อยู่แล้ว หุหุ”
เกวนหัวเราะอย่างผู้ดีและพอใจ สายตาที่ชินมองมายังเธอเป็นเหมือนกับตอนปกติแล้ว
และสำหรับเกวน นั่นแหละคือสิ่งสำคัญที่เธอไม่อาจยอมให้เสียไปได้ แม้ชินจะไม่รู้เรื่องนั้นก็ตาม
ในท้ายที่สุด… ถึงเขาจะสยบ ‘ความเกลียดชัง’ ด้วยตัวเองไม่ได้ แต่เกวนก็รับหน้าที่นั้นแทนให้เขาแล้ว
ดูเหมือนวาสนาของเขาจะยังดีที่มีคนไว้ใจได้อยู่ข้างกายถึงสี่คน
❖❖❖❖❖
หลังจากเสร็จธุระทั้งเรื่องหลักเรื่องรอง ชินกับเกวนก็ออกจากห้องเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปเรียนช่วงบ่าย
“ว่าแต่พอมานึกดู… เมื่อกี้เราอยู่กันสองต่อสองนี่มันก็ล่อแหลมใช้ได้เลยนะเนี่ย” เกวนว่าแล้วก็เกาแก้มประหม่า ชินคิดตามแล้วก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
“ขอโทษด้วยนะ จังหวะมันได้พอดีน่ะ”
“ไม่ให้อภัยหรอก ถ้ามีข่าวลือแปลก ๆ ขึ้นมา นายต้องรับผิดชอบฉันด้วยนะ”
เกวนแลบลิ้นขยิบตาให้ชิน ท่าทางทีเล่นทีจริงนั่นทำให้ชินอมยิ้มออกมาตาม
บรรยากาศรอบตัวเกวนกลับไปเป็นปกติแล้ว ระยะห่างของทั้งสองคนเองก็เช่นกัน
ไม่สิ… ตอนนี้พวกเขารู้ตัวจริงของกันและกันทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แถมยังสามารถยอมรับตัวตนทั้งสองฝั่งได้อีกด้วย
ดังนั้น ระยะห่างของทั้งคู่จึงน้อยลงเสียด้วยซ้ำ
ต้องขอบคุณเกวนที่ยอมมอบอุปกรณ์ที่ตัวเองใช้มาให้ เราถึงกลับไปเป็นเพื่อนที่ไว้ใจกันได้เหมือนเดิม
พอมาคิดดู เราเองก็น่าจะมอบอะไรให้บ้าง จะได้ไม่เป็นการเอาเปรียบฝ่ายเดียว
แต่เรื่องนั้นก็คงต้องคิดทีหลัง เพราะจะคิดแบบขอไปทีไม่ได้———
“!!!?”
“!!!?”
ระหว่างเดินกลับห้อง อยู่ ๆ โฮโลวอชก็สั่นขึ้นมาทำให้ชินกับเกวนต้องชะงักเท้า
ซึ่งถ้ามันเป็นโฮโลวอชตัวปกติก็คงจะไม่มีปัญหา
ปัญหาคือตัวที่กำลังสั่นอยู่นี่… คือโฮโลวอชทางทหาร และเป็นไปได้ยากมากที่ข้อความคนละแหล่งจะส่งมาหาพร้อมกัน
ที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ก็เพราะโฮโลวอชของเกวนเชื่อมกับของชินเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าข้อความที่ส่งเข้ามาน่าจะเป็นของเกวน แล้วชินก็ได้รับข้อความนั้นไปด้วย
เกวนหันไปมองหน้าชิน ชินเองก็พยักหน้ารับอย่างรู้ใจ
ทั้งสองคนพยายามหลบมุมอาคารตรงจุดที่ไม่มีสายตานักเรียนคนอื่นเพื่อเช็คข้อความที่ถูกส่งมา
เป็นข้อความจากอัลเฟรด เพื่อนัดประชุมแผนการลงศึกชิงบัลลังก์ครั้งแรกของชิน
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION