————ณ งานเต้นรำ
หลังจากที่ชินกับซูซานเข้าไปเต้นเปิดฟลอร์ พวกเขาก็สร้างบรรยากาศจนดึงเหล่านักเรียนเข้ามาร่วมเต้นรำได้เป็นจำนวนมาก ทำให้กลางห้องบอลรูมขณะนี้มีนักเรียนกำลังเต้นรำอยู่ถึง 20 คู่เลยทีเดียว
แน่นอนว่าต้องขอบคุณคู่ของชินกับซูซานที่เป็นคนต้นเรื่อง งานเต้นรำถึงได้ครึกครื้นตามจุดประสงค์ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยากสำหรับทั้งคู่ที่จะผละออกมาจากกลางวงด้วยเช่นกัน
ทั้งเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศก็ใช่ รวมถึงถ้าออกมาจากฟลอร์ จำนวนผู้คนก็จะลดลงตามอิทธิพลที่หายไป ทั้งสองเลยต้องอยู่บนฟลอร์ไปอีกสักพัก
แม้สำหรับซูซาน… สำหรับชงหยวนแล้วจะมีอีกเหตุผลนึงที่ต้องอยู่ข้างชินก็ตาม
และด้วยอีกเหตุผลนึง ชงหยวนเลยจำต้องจ้องสีหน้าของชินตาไม่กะพริบ แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในอ้อมประคองของเขาอยู่แล้วก็ตาม
“รู้สึกเกร็งบ้างรึเปล่าคะชิน?”
“ไม่เลย”
ชินตอบกลับแทบจะทันที รู้สึกสงสัยด้วยซ้ำไปว่าทำไมชงหยวนถึงคิดแบบนั้น
ตอนนี้เขากำลังเต้นรำในท่าพื้นฐานกับชงหยวนไปเรื่อย ๆ แต่ชินรู้ตัวว่าท่าทางและการวางตัวของเขาไม่ได้ถดถอยเลยจากช่วงแรก
อย่างเดียวที่ชินคิดออก คือการที่ทั้งเขาและชงหยวนเต้นอยู่ตรงนี้มาเกิน 20 นาทีแล้วนั่นแหละ แต่นั่นน่าจะใกล้เคียงคำว่าเหนื่อยมากกว่าเกร็ง
“เหนื่อยแล้วเหรอ?” ชินเลยถามย้อนไปอย่างนั้น เดาว่าชงหยวนอาจอยากหาทางลงโดยที่ตัวเองไม่ต้องเปิดปากให้เสียศักดิ์ศรี
แต่ที่ได้รับกลับมา ดันเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่มีทางค่ะ …โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ นะคะ”
ชงหยวนพูดเป็นนัยให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แถมด้วยแววตาที่หรี่ลงแล้วแย้มยิ้มราวกับสาวน้อยออดอ้อน ชินไม่อาจประเมินเป็นอื่นได้เลยนอกจากคิดว่าเขากำลังโดนจีบ
คิดอะไรอยู่กันเนี่ย… กำลังหยั่งเชิงฉันอยู่เหรอ?
แต่ถ้าคิดถึงเรื่องที่เธอกำลังดำเนินการตาม ‘แผน’ การทำให้ตัวเราหวั่นไหวมากที่สุดเพื่อที่จะเผยไต๋มันก็คงเป็นเรื่องปกตินั่นแหละ
ชินพยายามคิดไปในทางนั้น …แม้ว่าตลอดการเต้นรำนี้ เขาจะโดนหยอดมาแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ แถมยังด้วยท่าทางที่พอจะมองออกว่า ‘มีส่วนจริง’ อยู่อีก ชินเลยชักไม่แน่ใจ
…เพราะถ้ามันมีส่วนจริงดังที่คิด ชินก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบและแสดงออกให้ชัดเจน
“คงคิดว่าฉันกำลังหยั่งเชิงอยู่สินะคะ”
แต่ชงหยวนดันมองเข้ามาในตาชินและถามเขาอย่างนั้นเสียก่อน แววตาเธอเองก็ดูจะอารมณ์เสียขึ้นมาอีกด้วย
นี่ฉันเผลอแสดงออกทางสีหน้าเหรอ?
ชินแอบสงสัยอย่างนั้นทั้งที่มั่นใจว่าเขาเก็บสีหน้าเนียน เป็นอีกครั้งที่ต้องขนลุกกับสัญชาตญาณของผู้หญิง และต้องมาเตรียมใจว่าจะโดนโกรธแบบไหนอีก
“!!!?”
แต่ไม่ใช่… สิ่งที่ชงหยวนทำไม่ใช่การระเบิดอารมณ์ เธอกลับเลือกขยับเข้ามาหาชินแม้จะรู้ว่าผิดจังหวะเต้น
ความใกล้ชิดมากถึงขนาดที่เห็นได้ว่าเป็นการกอด หากไม่นับเรื่องที่ต้องจับมือกันอยู่ (แต่แค่นี้ชินก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นมาจากทิศที่โอลิเวียยืนอยู่แล้ว)
แต่ชงหยวนรู้ว่าชินหนีไปไหนไม่ได้เด็กสาวจึงยิ่งคิดซุกซน เธอพยายามแนบหน้าอกเข้าสัมผัสกายของชินราวกับอยากให้เขาได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นรัวของเธอ มิได้สงบเย็นชาดังที่ชินคิด
แม้อันที่จริง… ชินจะเห็นอยู่แล้วว่าแก้มของชงหยวนมันแดงระเรื่อขนาดไหน สีหน้าสงบนิ่งของเธอเองก็หายไปแล้วเหลือแต่เพียงความประหม่าจนออกนอกหน้า
คิดอะไรอยู่เนี่ยชงหยวน? นี่ถึงกับจะใช้ร่างกายเข้าแลกเพื่อให้ฉันเสียศูนย์เลยเหรอ!?
ไม่สิ… เป็นไปไม่ได้!
ชงหยวนไม่ใช่คนที่จะทำแบบนี้… ต่อให้เธอชอบเราก็ตาม!
มือของชินพยายามดึงชงหยวน ผละออกจากเขาให้กลับมาอยู่ในระยะและท่าเต้นตามปกติ
“พอก่อนเถอะ… นี่เธอกำลังฝืนเกินตัวอยู่นะ”
“อะไรกัน นั่นคือข้ออ้างเพราะทนเขินไม่ไหวเหรอคะ? ชินนี่ยังน่ารักอยู่เสมอเลยนะเนี่ย ฮุฮุ” ชงหยวนหัวเราะในลำคออย่างเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มขี้เล่นนี้เองก็ไม่ได้ดูฝืน
ถึงแบบนั้น… ชินก็รู้สึกว่ามันแตกต่างจากชงหยวนที่เขารู้จักมากเกินไปอยู่ดี ความห่วงใยที่ยังมีต่อเธอเลยทำให้ชินไม่อาจปล่อยเรื่องนี้หลุดลอยไป
“เลิกล้อเล่นได้แล้ว แบบนี้มันไม่ดีกับเธอเองนะ”
ชินมองตาชงหยวนตรง ๆ ด้วยความเป็นห่วง
เขารู้ว่าชงหยวนทั้งเคร่งมารยาทและรักศักดิ์ศรี ต่อให้เป็นครั้งที่ทะเลาะกับโอลิเวีย เธอก็ไม่เคยใช้ร่างกายเข้ามาก้อร่อก้อติกเลยสักครั้ง ชินจึงได้รู้ว่านี่มันผิดวิสัย
แม้ยังไม่รู้ว่าชงหยวนมีความเป็นศัตรูมากขนาดไหน แต่ชินไม่อาจเอาเรื่องนั้นมาอยู่เหนือความปรารถนาดีต่อคนรู้จักได้ ชินรู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นถึงยอมให้ชงหยวนเป็นทุกข์ต่อหน้าเขาไม่ได้
แต่… เพราะใช้ข้อมูลในอดีตนั่นแหละ ชินถึงได้ประเมินผิดไป
“คิดว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่เหรอคะ?”
แววตาคมกริบของชงหยวนเลยมองกลับมาที่เขาด้วยความหงุดหงิด เป็นสิ่งที่ชินไม่คิดว่าจะได้รับจากเธอ
นั่นเพราะเขา… ประเมินความรู้สึกของชงหยวนผิดไป
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่อยากเสียใจทีหลัง” ชงหยวนมองเข้าไปในตาชินซ้ำอีกรอบ ทำชินรู้สึกเหมือนถูกซ้ำแผลที่เดิมสองหน
และสำหรับชงหยวน… ความซื่อตรงที่แสดงออกมันก็เป็นการย้ำเตือนตัวเอง
ว่าให้ทำในสิ่งที่อยากทำ เสมือนว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอีก
ใช่สิ… คุณไม่ได้รักฉันเท่าที่ฉันรักคุณนี่
คุณถึงได้ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกดีใจแค่ไหนที่ได้กลับมาในช่วงเวลานี้อีก
ชงหยวนคิดแล้วก็เจ็บใจ ความใกล้ชิดนี้ที่เธอพยายามแนบใส่ชินนี้ไม่ได้ทำให้เขาตระหนักถึงความรู้สึกของเธอเลย
แต่ในอีกทางนึง… เธอก็รู้ว่ามันเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่จริงใจเอง
ถึงจะบอกว่าช่วยไม่ได้ และต้องปิดบังใจจริงเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในฐานะผู้นำของทุกคน
แต่ว่าเรา… เราก็โกหกตัวเองจริง ๆ นั่นแหละ
ชงหยวนมองชินไม่วางตาเสมือนรู้ใจตน และในนั้นก็สะท้อนสีหน้าสาวน้อยของตัวเธอเองราวกับกระจก
ฉันโกหกที่คิดว่าจะฆ่าคุณได้… ฉันโกหกที่คิดว่ามันโอเคที่จะเป็นศัตรูกับคุณ…
แต่ว่า… จริง ๆ แล้ว…
ฉันทำไม่ได้!
“!!!?”
ชงหยวนขยับเข้ามาใกล้ชินอีกขึ้น เอาใบหน้าซุกตรงแผ่นอกชินอย่างแนบเนียนราวกับตัวเองเต้นผิดพลาด
แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งนั้น… แม้แต่การวางใจแบบนี้เองก็ด้วย
คิดว่าฉันอยู่ในโลกที่ไม่มีคุณมากี่ปีกัน?
คิดว่าฉันเฝ้าฝันว่าจะได้พบกันมานานแค่ไหนกัน?
จากที่ได้แต่จินตนาการว่าจะได้เจอคุณเพียงในฝันหรือโลกหลังความตาย
การได้มาเจอคุณแบบนี้… มันจะไม่ทำให้ฉันดีใจได้ยังไงกัน!?
ความทรมานที่กักเก็บมานานเริ่มมาถึงปากบ่อที่สามารถกักเก็บได้ ชงหยวนรู้สึกได้ว่าตนน้ำตารื้นถึงได้ไม่อยากให้ชินเห็น
แต่กว่าจะเก็บกลืนมันกลับไปได้ เศษน้ำตาก็ซึมเข้าไปในชุดชินเสียแล้ว
แม้น้ำตานี้จะไปไม่ถึงกายหรือใจชินก็ไม่เป็นไร… แม้ว่าใจจริงนี้ชินจะยังไม่เข้าใจก็ช่าง
แต่หลังจากที่ยืนหยัดเพื่อความรู้สึกตัวเองและซื่อตรงกับมัน เธอก็ตัดสินใจแล้วที่จะใช้สิ่งนี้เป็นเข็มทิศไม่ใช่ความแค้นที่ฝังรากลึกมาสิบปี
แม้ว่าผลลัพธ์… จะยังต้องเป็นศัตรูกับชายที่เธอหลงรักหมดหัวใจก็ตาม
วูม!!!
“!!!!?”
แสงสีเพลิงสดเข้ามาทางหน้าต่างโรงแรม ทำเอาชงหยวนรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน แสงนั้นรุนแรงเอาการจนฉาบย้อมทั้งห้อง ราวกับภายในเมืองเกิดทะเลเพลิง
แต่… ชงหยวนรู้ว่าไม่ใช่อย่างนั้น
เสาแสงนั่น… ทุกคนชนะแล้วสินะ
ชงหยวนรู้ด้วยการมองหางตา เป็นเหตุผลเดียวกับที่ไม่มีใครในห้องที่ตกใจกับแสงนี้ เพราะคนที่จะมองเห็นได้ก็มีแต่คนผู้ครองตราราชันย์หรืออัศวินเท่านั้น
ชงหยวนถึงไม่ได้หันไปมองตรง ๆ และเลือกที่จะมองชินตลอดเวลา เผื่อว่าเขาจะมองตามแสงนั้นด้วยความประหลาดใจที่ตัวเองพ่ายแพ้
แต่ไม่… ชินไม่ได้มองออกไปตามแสงนั้นเลยแม้แต่น้อย
คุณมองไม่เห็นมันจริง ๆ เหรอ?
หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่มองกันแน่?
แต่… เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก
เพราะฉันได้วิธีพิสูจน์เรื่องนั้นมาแล้ว
ชงหยวนเลิกใช้สัญชาตญาณ เธอวางแผนคว้าชัยก็เพื่อช่วงเวลานี้
อันที่จริง… เธอรอที่จะรู้ความจริงนี้ไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ
“ฉันต้องไปแล้วค่ะ ชิน”
ชงหยวนมองตาชินอีกครั้ง ทว่าด้วยแววตาละห้อยน่าดูเหมือนไม่อยากจาก
ทางชินยังสับสนกับท่าทีของชงหยวนจนนิ่งไปอยู่ แต่… ถ้าคู่ของเขาว่าแบบนั้น ชินก็ต้องทำตาม
“อา…”
ชินผละออกมาจากชงหยวน และโค้งให้กันตามธรรมเนียม
แต่… ในตอนที่เดินออกมาจากวง ชงหยวนกลับยังเลือกที่จะเดินตามชินมาไม่ได้แยกจากในทันที
แค่รักษาน้ำใจกัน หรือเพราะไม่อยากให้ชินถูกนินทาว่าโดนทิ้งกลางคันกันแน่?
หรือเพราะว่า… เธอแค่อยากอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ชินได้แต่สงสัยเรื่องนั้นจนออกมาจากฟลอร์
“ไว้เจอกันนะคะชิน …ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
ชงหยวนยิ้มอ่อนให้ ทิ้งท้ายราวกับไม่อยากให้ชินเข้าใจเป็นอื่น
ก่อนที่เธอจะเดินแยกตัว ออกจากห้องงานเลี้ยงไปทั้งอย่างนั้น
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้น ชงหยวนก็จ้ำอ้าวกลับไปที่ห้องและรีบล็อคกลอนประตูอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเธอไม่ได้สนใจเลยว่าจะเสียบุคลิกกุลสตรี
นั่นเพราะความจริงที่เธอเฝ้ารอ …หรืออีกนัยนึงคือความจริงที่เธอเฝ้าหวังกำลังอยู่ตรงนี้
ชงหยวนจึงรีบวิ่งไปหยิบโฮโลวอชตัวที่ใช้ติดต่อกับกลุ่มนักษัตรในกระเป๋าลับ เชื่อมต่อกับหูฟัง แล้วติดต่อไปหาหนิงอันในแนวหน้าทันที
“โหว ได้ยินแล้วตอบด้วย”
‘ค่ะ! ได้ยินค่ะท่านฮ่องเต้!’
หนิงอันตอบกลับมาอย่างกระตือรืนร้น ชงหยวนอ่านน้ำเสียงคนสนิทคนนี้ออกเลยว่าดีใจกับชัยชนะแค่ไหน
“ทุกคนปลอดภัยไหม?”
‘หู่เจ็บหนักเพราะฝืนเกินตัวอยู่ค่ะ แต่ไม่ได้เป็นอันตราย เพราะงั้นต้องให้เครดิตเขาล่ะนะคะ’
“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ”
ชงหยวนได้ยินก็เบาใจไปได้เปราะ ถ้าถ้าเสียใครไปเธอคงรู้สึกผิดแย่
…เพราะผลลัพธ์ของแผนการในตอนนี้ มันแทบจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเธออยู่แล้ว
“แล้วผลลัพธ์… เรื่องของชินเป็นยังไงบ้าง?”
ชงหยวนจึงขอเข้าเรื่องแบบไม่เสียเวลา มาจนถึงตอนนี้ เธอไม่คิดเก็บอาการอีกต่อไปแล้ว
โหวเองก็รู้ว่าเจ้านายตัวเองรีบร้อนที่จะรู้เช่นกัน
‘พวกเราใช้ตราของผู้ปกครองดินแดนตรวจสอบดูแล้วค่ะ… ผลลัพธ์คือชินยะ นัวรอยที่อยู่กับท่านไม่มีตราราชันย์หรืออัศวินเลยค่ะ’
“!!!?”
ดวงตาชงหยวนเบิกโพลงกับผลลัพธ์ ในอกเริ่มเกิดความรู้สึกแน่นเหมือนกับกำลังจะระเบิดออกจนต้องยกมือขึ้นกุมไว้
‘เราตรวจพบตราราชันย์ 3 คน ซึ่งเป็นของท่านฮ่องเต้ วลาด แล้วก็ราชาไม่ทราบฝ่ายอีกคน———’
“ขอโทษนะโหว ฉันขอวางสายก่อนได้ไหม”
ชงหยวนขอร้องเสียงสั่นจนโหวยังสังเกตได้ แล้วมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเจ้านายตัวเอง
‘รับทราบค่ะ …ดีใจด้วยนะคะ’
โหวตัดสายทิ้งเอง ด้วยรู้ว่าชงหยวนรอเวลานี้มานานแค่ไหน
กำแพงเขื่อนอันกักเก็บความรู้สึกของชงหยวน เลยพังทลายลงในชั่วพริบตานั้น
“ฮึก…. ฮืออออออออออออ!!!!!!”
น้ำตาที่เธอกักเก็บไว้ไหลรินเป็นสายราวกับถูกเทน้ำราด สะท้อนความทรมานที่เธอเก็บไว้มาหลายสิบปี
ชิน… ชิน… ชิน!!!
เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน! สามารถเคียงข้างกันได้!
เราไม่ต้องฆ่าฟันกันแล้ว!!!
ความหวังเข้าไปแทนที่โศกนาฏกรรมที่เธอเคยแบกไว้ในใจ
ภาพลวงตาที่เธอสร้างขึ้นเพื่อให้ยอมรับความจริงได้… ความเจ็บปวดที่ต้องบอกตัวเองให้โอเคกับการเป็นศัตรูกับดวงใจของเธอ… ความเศร้าโศกที่ต้องเตรียมใจจะเสียเขาไปอีกครั้ง…
บัดนี้… เธอไม่จำเป็นต้องแบกมันอีกแล้ว
“ชิน… ชิน… ชิน… ชิน… ชิน… ชิน…”
ชงหยวนรำพึงชื่อ ประหนึ่งตั้งใจจะสลักความรู้สึกตอนนี้ไม่ให้ลืมอีกเป็นหนที่สอง
ความรู้สึกที่ไม่อยากเป็นศัตรู ความซื่อตรงที่อยากจะได้อยู่ด้วยกัน
มือเธอเลื่อนขึ้นสัมผัสจี้หยกในมือ เปิดมันขึ้นด้วยเหตุผลเดียวกัน
“ชิน…”
ชงหยวนมองภาพของชินครั้งสมัยก่อนในจี้นั้น สะท้อนสิ่งที่เธอนำมาแทนหัวใจที่แตกสลายตลอดมา
แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว… ชงหยวนจุมพิตภาพนั้นดั่งคำอธิษฐานต่ออนาคต และตั้งปณิธานใหม่
เพื่อไม่ให้สูญเสีย ‘เขา’ ไปอีก
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นไม่นาน งานเลี้ยงเต้นรำก็จบลง
ต้องขอบคุณคณะกรรมการทุกคนที่ร่วมด้วยช่วยกัน กิจกรรมการทัศนศึกษาทั้งหมดถึงได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงด้วยความเรียบร้อย
ทุกคนดีใจจนถึงกับจะชวนเลี้ยงฉลองปิดงานกันตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะชินแนะนำว่าหากทำแบบนั้น เราอาจจะผ่อนปรนให้ตัวเองจนประมาทในจังหวะสุดท้ายก็ได้ ทุกคนเลยยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เลือกที่จะฉลองตอนที่กลับไปถึงบ้านเกิดดีกว่า
ด้วยเหตุนั้น ทุกคนจึงได้แยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
บ้างก็กลับห้องสลบเหมือด บ้างก็นั่งเล่นในโถง บ้างก็แอบโดดไปเที่ยวเล่นข้างนอก
…และชินก็เป็นประเภทหลัง
ตอนนี้เขากำลังสวมชุดลำลองสีดำล้อไปกับความมืดยามค่ำคืน ว่าไปแล้วก็ดูแนบเนียนกับเงาตึกหลังโรงแรมดี สมกับจุดประสงค์ที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรหรือไปไหน
แต่หากคิดเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่ควรอยู่ใกล้กับจุดที่คนรู้จักอาจมาเห็นได้
นอกเสียจากว่าชินมีเหตุผลที่อยู่ตรงนี้
แล้วไม่นานนักเหตุผลนั้นก็มาถึง
คนที่เดินเข้ามาร่วมในเงาตึก คือเอลฟ์สาวผมเงินยาวสลวย ผู้งามต้องแสงจันทร์สลัดเดรสสีดำที่สวมราวกับไม่อาจปิดบังความงามของเธอได้
ชินที่ยืนพิงผนังตึกข้างโรงแรม พอมองเห็นโอลิเวียก็กลับมายืนตรงทันที
แล้วสิ่งที่โอลิเวียทำเป็นอย่างแรกเมื่อเห็นหน้าชิน ก็คือการอมยิ้ม
“ยินดีด้วยที่แผนการประสบความสำเร็จนะคะ มาสเตอร์”
“อืม”
ชินตอบรับกลับไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ อย่างเดียวกัน คงโกหกหากบอกว่าไม่ดีใจเลยที่ผลลัพธ์ออกมาตรงตามแผนที่วางไว้ขนาดนี้
…จากที่อัลเฟรดพ่ายแพ้แบบคาดไม่ถึงในศึกชิงดินแดน จนเกวนต้องมาน้ำตาตกในขอโทษขอโพยพวกชิน
แต่ทุกคนกลับไม่ได้รู้เลย ว่าชินนั้นได้ ‘โยกย้าย’ ตราราชันย์ไปที่อื่นอยู่ก่อนแล้ว พวกชงหยวนเลยได้ข้อสรุปผิด ๆ ไปว่าชินไม่ใช่ราชา
และการที่ชงหยวนหมดความเคลือบแคลงใจนั้นแหละคือสิ่งที่ชินต้องการให้เกิด มากกว่าที่อยากให้อัลเฟรดชนะเสียอีก
เพราะงั้น… นี่จึงถือว่าเป็นชัยชนะของชินโดยสมบูรณ์
และทั้งหมดมันจะไม่เกิดขึ้นเลยหากเขาไม่มีโอลิเวียอยู่เคียงข้าง
ชินเลยรู้สึกสบายใจจนอดมองโอลิเวียไม่ได้
“ขอบใจเธอด้วยนะ โอลิเวีย”
“ไม่เลยค่ะ ดิฉันดีใจที่ได้ช่วยเหลือนะคะ”
โอลิเวียยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อคิดว่าตัวเองทำประโยชน์ได้ เธอเดินเข้ามาใกล้กับชินราวกับเป็นการยืนยันสถานะของตัวเอง
ถึงตอนนั้นชินก็เริ่มเดิน เพราะเป็นอันรู้กันว่ามีธุระหลักรออยู่ต่อจากนี้ โอลิเวียจึงเดินเคียงชินไปตามหลังตึกแบบติด ๆ
ถึงแบบนั้น… รสชาติของชัยชนะก็ยังหอมหวานเกินกว่าจะลืมไปเฉย ๆ
และคงเพราะโอลิเวียยังติดใจรสชาตินั้นอยู่ แถมระหว่างเดินก็ไม่มีอะไรทำด้วย เธอจึงได้นึกถึงหมากแรกที่ชินเริ่มเดินจนผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้
“จะว่าไป ชินคิดมาแต่แรกเลยเหรอคะว่าอัลเฟรดจะแพ้น่ะ?”
“ก็ไม่หรอก… ที่จริงอัลเฟรดก็พูดถูกอย่างนึง ว่าดูจากกำลังรบแล้วยังไงเขาก็ควรเป็นฝ่ายชนะ”
ชินคิดย้อนไปถึงตอนแรกที่อัลเฟรดเสนอแผนว่าจะมาช่วยยึดครองดินแดนให้ ตอนนั้นเอาจริง ๆ ชินก็รู้สึกว่าอัลเฟรดควรชนะ
แต่คำว่า ‘ควรชนะ’ มันไม่ได้แปลว่า ‘แพ้ไม่ได้’
“แต่ก็อย่างที่บอก… แผนของอัลเฟรดไม่สมบูรณ์ เพราะถ้าแพ้เราก็จะเสียทุกอย่าง”
ชินว่าอย่างนั้นโอลิเวียก็พยักหน้าตามงก ๆ เพราะเดิมทีเธอก็ไม่ได้เชื่ออัลเฟรดอยู่แล้ว
“เพราะงั้นก็เลยคิดซ้อนแผนตั้งแต่ตอนนั้นสินะคะ”
“ใช่แล้ว”
การที่แผนไม่สำเร็จแล้วตาย นั่นถือเป็นแผนที่ไร้ประสิทธิภาพ
เพราะงั้น… ฉันก็เลยซ้อนแผนอัลเฟรดอีกต่อเพื่อกลบช่องโหว่ที่เขามองว่าไม่จำเป็น
ด้วยการยืมมือคุณแม่———ยืมมืออาจารย์เข้ามารับบท ‘ราชาคนที่แปด’ แทนเรา
ที่ทำอย่างนั้นได้ ก็ต้องขอบคุณที่เธอมีไนท์แสนสะดวกสบายอย่าง ‘โอนย้าย’ ที่สามารถย้ายพลังบางอย่างจากคนนึงไปสู่อีกคนได้นี่แหละ
ด้วยพลังนั้น…. การเคลื่อนย้ายตราราชันย์ของเราไปอยู่ที่อาจารย์ แล้วให้ทำทีเป็นเคลื่อนไหวเพื่อดูศึกชิงบัลลังก์จากในความมืด ก็จะช่วยดึงความคิดจากพวกชงหยวนไปจากเราเอง
ถึงงั้นมันก็เป็นแผนสำรองที่ไม่ได้คิดว่าต้องใช้… แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ เสียได้
เพราะแรงปรารถนาของมนุษย์นี่แหละที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ จนฝ่ายอัลเฟรดพ่ายแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด หมอนั่นแพ้เพราะลืมคิดถึงเรื่องนี้
แต่สุดท้าย… คนที่ได้ทุกอย่างก็เป็นเราอยู่ดี
ชินคิดพอใจอยู่ในหัว แต่โอลิเวียมองหน้าชินคงรู้ว่าเขารู้สึกดีกับชัยชนะเหมือนกัน เธอถึงได้อมยิ้มตาม
“โชคดีไปนะคะที่แผนของอัลเฟรดล้มเหลว ไม่งั้นท่านชงหยวนคงตามรังควาญไม่เลิกแน่”
“ก็นั่นสินะ”
ชินพยักหน้าให้โอลิเวียที่เปิดขึ้นมาอีกหนึ่งประเด็น แถมเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ชินต้องคิดแผนสำรองที่ดีกว่าแผนหลักเสียด้วย
เราน่ะรู้จักชงหยวนดี… เพราะงั้นถึงได้รู้ ว่าถึงโดนขัดขวางไป เธอก็จะหาวิธีใหม่เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของตัวเองอยู่ดี
เราถึงรู้ดีที่สุด ว่าต่อให้อัลเฟรดจะเอาชนะศึกคืนนี้ได้ ชงหยวนก็รังแต่จะสงสัยเท่ากับหรือมากกว่าเดิม แล้วเธออาจจะเข้าหาเราด้วยวิธีการที่สุดโต่งมากกว่าเดิมด้วย
แบบนั้นน่ะ มีแต่จะเพิ่มปัญหาในระยะยาวเท่านั้น
เพราะงั้นวิธีการที่ดีที่สุด เลยเป็นการให้เธอได้พิสูจน์สมใจ
แล้วเราก็ชี้นำผลลัพธ์นั้นให้เข้าทางตัวเองก็พอ
ตั้งแต่เรื่องที่รู้ว่าชงหยวนอยากเข้าใกล้เรา เพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็นตัวจริงในตอนที่ยึดดินแดนสำเร็จ
เราก็เลยวางแผนกับโอลิเวียให้แกล้งแพ้ในการแข่งเลือกชุดเดรส เธอจะได้อยู่ในจุดที่สังเกตเราได้สมใจอยาก
แล้วโชคชะตาก็เข้าข้างเรา ด้วยการที่พวกชงหยวนเอาชนะในศึกชิงดินแดนได้ จนนำไปสู่การทำลายข้อสงสัยว่าเรามีตราราชันย์และเป็นศัตรูกับเธอ
หลุดพ้นข้อสงสัย ไม่โดนหมายหัวต่อ นอกจากนี้ก็ยังไม่เสียสถานภาพพันธมิตรทั้งกับอัลเฟรดแล้วก็ชงหยวนด้วย
ไม่สิ… สำหรับอัลเฟรด เขาติดหนี้เราหนึ่งครั้งด้วยเพราะถือว่าทำงานนี้พลาด ยิ่งเป็นประโยชน์กับทางเราเข้าไปอีก
ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว นั่นคงเป็นคำพังเพยที่เหมาะสมที่สุดแล้วกับสิ่งที่ชินได้รับจากการวางแผนซ้อนแผนของอัลเฟรดอีกต่อ
เขาทำแบบนี้ได้เพราะมีข้อมูลเชิงลึกของฝั่งชงหยวน และรู้จักเธอดีกว่าอัลเฟรด แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าที่มันได้ผลดีขนาดนี้เพราะชินนำทุกอย่างมาใช้ให้เป็นประโยชน์
ทั้งแยบยลและละเอียดลออ ช่างสมกับเป็นแผนที่คิดโดยบุรุษผู้ละเอียดอ่อน
เหมือนเมื่อก่อนเลยนะคะเนี่ย
ตัวคุณตอนที่เอาจริงน่ะ จะทั้งบู๊หรือบุ๋นก็ไม่มีใครเอาชนะได้เลย
ภาพในอดีตวันวานถูกย้อนคืนมาในหัวโอลิเวีย เธอยังจำได้ดีถึงภาพของเจ้าชายผู้สมบูรณ์แบบราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย
หากแต่ที่มาของพลังและปัญญาเหล่านี้ มันไม่ได้มาจากไหนเลยนอกจากความอุตสาหะและการฝึกปรือ เธอรู้เรื่องนั้นดีเพราะอยู่เคียงข้างเขามาตลอด
หากจะให้ชี้ชัด… สิ่งที่เธอหลงใหลในตัวชินมันก็คือความอุตสาหะตรงนั้น มากกว่าความสมบูรณ์แบบที่เขาได้มาเสียอีก
แล้วก็เพราะชอบ เธอถึงได้รู้สึกเอ็นดูและอดแกล้งไม่ได้
“ชินเหมือนตัวร้ายที่ทำให้ทุกคนเต้นอยู่บนฝ่ามือเลยนะคะเนี่ย”
“เอ๊ะ? ขนาดนั้นเลยเหรอ…”
ชินเลิกคิ้ว หลุดเหวอไปเมื่อคิดว่าตนทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
แต่พอเห็นว่าโอลิเวียยิ้มหยอกเขาก็รู้เลยว่าเธอกำลังล้อเล่น สีหน้าโอลิเวียตอนนี้ดูจะมันเขี้ยวเอาเรื่องเลยด้วยซ้ำ
…เห็นแบบนั้นชินก็ชักอยากเล่นด้วย
“หรือฉันจะผันตัวเป็นจอมมารดีไหมนะ อาจจะรุ่งก็ได้”
“ถ้าชินเป็นจอมมาร ดิฉันก็จะเป็นนางมารค่ะ”
“…งั้นอย่าดีกว่า”
โดนตอบกลับมาแบบไม่ลังเลทำเอาชินเสียศูนย์จนต้องหลบหน้า เขารู้เลยว่าแก้มตัวเองแดงก่ำ มากจนโอลิเวียที่เดินอยู่ข้าง ๆ พอใจยิ้มกรุ้มกริ่มกว่าที่เคย
รอยยิ้มของเธอทำให้ในใจเขาสว่างไสว พลอยคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาว่าโอลิเวียยอมทำเพื่อเขาขนาดไหน
จะว่าไป… นี่โอลิเวียยังโกรธอยู่ไหมนะ
เราให้เธอทำตามแผนเพื่อให้ชงหยวนใกล้ชิดเราตามที่ชงหยวนเธอต้องการ
แต่กับโอลิเวียที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน คงไม่มีทางโอเคอยู่แล้วล่ะสินะ
คิดแบบนั้น ชินเลยเหลือบมองโอลิเวียด้วยสีหน้ากังวล
แต่อนิจจาเธอดันมองทัน (เพราะมองชินอยู่ตลอด) เธอเลยเริ่มเอียงคอใส่เพราะจับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาได้
ชินที่รู้สึกเหมือนถูกจับได้เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดตรง ๆ
“โอลิเวีย… ฉันขอบคุณเธอแล้ว แต่ยังไม่ได้ขอโทษเลย”
“…เรื่องพวกนั้นมันจำเป็นนี่คะ”
โอลิเวียหลับตาตอบ การที่เธอรู้ทันทีว่าชินหมายถึงเรื่องอะไรยิ่งทำให้ชินเหงื่อตก เพราะนั่นหมายความว่าโอลิเวียยังไม่พอใจอยู่จริง ๆ
ทว่า… วิธีการแก้สถานการณ์มันไม่ได้ยากเลยสักนิด เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเธอต้องการอะไร
รวมถึงเรื่องที่ว่า ตัวเขาเองต้องการอะไร
‘ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าไม่อยากเสียใจทีหลัง’
คำที่ชงหยวนพูดยังคงติดค้างอยู่ในใจของชิน กลายเป็นดั่งกระจกสะท้อนถึงสิ่งที่ตนเองต้องการ
จะว่าไป บางที… ท่าทางที่รุกมากผิดปกติของชงหยวนคงมาจากความรู้สึกที่อยากซื่อตรงนี้ล่ะมั้งนะ
ถึงอีกฝ่ายอาจจะเป็นศัตรู… ถึงความใกล้ชิดอาจจะทำให้ตัดใจยากทีหลัง
แต่เพราะไม่อยากจะเสียช่วงเวลานี้ไป ก็เลยต้องดับเครื่องชนเพื่อรักษามันไว้ อย่างน้อยก็ในความทรงจำ
ถ้างั้น… แล้วเราล่ะ
“!?”
เท้าชินที่หยุดลงกะทันหันทำให้โอลิเวียเดินเลยนำไปหนึ่งก้าว เธอเลยต้องหันกลับมามองชินด้วยความสงสัย และเป็นห่วง
…แต่ฝ่ายที่เปิดปากขึ้นมาก่อนกลับเป็นชิน
“นี่ไม่ใช่การขอให้ยกโทษหรอกนะ แต่นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากทำเอง”
ชินมองตาโอลิเวียจริงจังด้วยระยะห่างเพียงหนึ่งก้าว การเปลี่ยนผันอารมณ์ของเขาทำให้โอลิเวียถึงกับไหล่กระตุก
แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง เมื่อชินยื่นมือมาทางเธอ
“เจ้าหญิงโอลิเวีย… ได้โปรดเต้นรำกับผมด้วยเถอะ”
ชินส่งแววตาสั่นระรัวเข้าใส่ กระแทกหัวใจของโอลิเวียจนอาจล้มทั้งยืน
เธออยากจะหันหน้าหนีใจจะขาด กลัวว่าแก้มแดง ๆ และควันออกหูจะดูน่าเกลียดสำหรับเขา แม้ว่าชินจะจ้องเธอไม่วางตาเลยก็ตาม
“จะดีเหรอคะ… เรามี… เรื่องสำคัญที่ต้องทำต่อนะคะ” โอลิเวียพยายามดึงชินกลับสู่ความเป็นจริง แม้ปากจะพะงาบเพราะอยู่ในฝันไปแล้ว
แน่นอนว่าชินไม่ลืมเรื่องงาน …แต่ที่เขาร้องขอ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าลำดับความสำคัญในหัวชินเปลี่ยนไป
“นั่นแหละยิ่งเป็นเหตุผลที่ฉันอยากทำ …ฉันไม่อยาก เสียใจทีหลังน่ะ”
ชินพูดไปก็พยายามรักษาจังหวะการหายใจ แต่ก็ดูเว้นช่วงผิดปกติเห็นได้ชัด เพราะพยายามสู้กับความประหม่าอันไม่คุ้นชิน
เขาซื่อตรงขนาดนั้นเพราะอยากใช้เวลาอันมีค่ากับเธอ… รู้แบบนั้นโอลิเวียจะยอมน้อยหน้าได้อย่างไร
“ยินดี… เป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ”
โอลิเวียโผเข้าไปในอ้อมอกชินก่อนที่จะจับมือเขาไว้ จังหวะที่เสียศูนย์ทำทั้งคู่อมยิ้มหัวเราะร่า
แต่อย่างไรก็ไม่ปล่อยให้เสียจุดประสงค์… โอลิเวียเลยจับมือชิน ในขณะที่ชินเองก็โอบเอวเธอเข้ามาอย่างใกล้ชิด
ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มขยับเท้าตามจังหวะการเต้น
“ถ้ารู้อย่างนี้ ดิฉันคงใส่ชุดที่สวยกว่านี้มาแล้วค่ะ” โอลิเวียหลบตาเอียงอาย รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชิน
แต่แน่นอนว่าชินไม่คิดอย่างนั้น
“เธอใส่ชุดไหนก็สวยอยู่แล้ว”
“…ปากหวานจังเลยนะคะ”
โดนดาเมจเข้าในระยะประชิดทำเอาโอลิเวียใจเต้นไม่เป็นสั่น
ยิ่งเห็นว่าแววตาของชินที่จ้องมองเธอเป็นประกายอยู่ตลอด มันก็ยิ่งเสริมกับคำที่เขาพูด
แต่ในทางกลับกัน… ชินเองก็มีจุดที่รู้สึกไม่ดีอยู่
“ฉันเองก็ขอโทษด้วยนะ… ที่ไม่ใช่ที่ที่มีไฟสวย ๆ หรือมีผ้าประดับงาม ๆ”
ท้องฟ้ามืดมิด ไร้ไฟประดับหรือผ้าม่านลวดลายวิจิตรเหมือนในโรงแรม มีแต่กลิ่นน้ำแอร์และไฟสลัว ๆ จากยอดตึกที่ส่องลงมาถึงมุมมืดอย่างนี้
นึกดูแล้ว ชินเองก็รู้สึกเสียเชิงบุรุษที่มอบได้แต่สภาพแวดล้อมแย่ ๆ ให้กับโอลิเวีย เพราะเธอควรจะได้มากกว่านี้
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” แต่แน่นอนว่าโอลิเวียไม่คิดอย่างนั้น
“จะเป็นที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ… ขอแค่อีกฝ่ายเป็นชินล่ะก็”
โอลิเวียส่งแรงกระแทกเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ ทำเอาชินใจเต้นรัวเหมือนกับจะหลุดออกมาจากอก
ยิ่งแววตาเธอเป็นประกาย สะท้อนเพียงภาพของชินในดวงตาราวกับมีแค่เขาในหัว มันก็ยิ่งเสริมกับคำที่เธอพูด
ความรู้สึกจากใจของเธอช่างซื่อตรงบริสุทธิ์ รอยยิ้มแย้มสดใสนี้ก็ชวนลุ่มหลง ทำเอารู้สึกเหมือนประตูของใจถูกบังคับให้เปิดออก
“ฉันเองก็ด้วย… ขอแค่เป็นโอลิเวีย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนฉันก็พอใจแล้ว”
“ชิน…”
โอลิเวียแทบไม่เชื่อหู คำพูดราวกับปอกลอกตัวเองนั้นผิดคาดเธอไปไกล
แต่น่าแปลกที่สติเธอไม่ได้เตลิดด้วยความเขินอายอย่างทุกที โอลิเวียจมดิ่งกับความหอมหวนนี้ไปกับชินโดยไม่ยี่หระกับความเป็นจริงที่พวกเขาอยู่
ซอกตึกอันคับแคบนี้ไม่เพียงพอที่จะกักขังความรู้สึกของทั้งสอง ชินและโอลิเวียต่างหมุนวนไปรอบอย่างสนุกสนานและอิ่มเอิบ
แม้ไร้ซึ่งเสียงดนตรีบรรเลง แต่เท้าของทั้งคู่ก็ขยับเข้าจังหวะตรงกันดังการเต้นของหัวใจ
สัมผัสความอบอุ่นที่ได้จากกันก็ชัดเจนปานเนื้อแนบ ราวกับความมืดมิดในตรอกเป็นของเทียม
ตรงข้ามสิ้นเชิงกับเวทีอันงดงามตระการตาที่ถูกช่วงชิงไปด้วยเล่ห์กลและแผนการ ไม่ว่าจะเป็นผ้าแต่งโถงชั้นเลิศ เสียงดนตรีอันเลอหู ไฟประดับงามงด และผู้ชมอันดูสูงศักดิ์ …เทียบกันแล้วที่แห่งนี้ช่างมืดมิด สกปรกและเงียบงัน
แต่ทั้งอย่างนั้น ชินและโอลิเวียกลับยิ้มแย้มกับช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน มองตาหวานให้กันยิ่งกว่าคู่ใดในงานนั้น ราวกับบุคคลตรงหน้านี่แลคือแสงสีเสียงประดับลานเต้นรำที่ดีที่สุดที่จะมีได้
ปานต้องการประกาศกร้าว… ว่าแม้นโลกนี้จะช่วงชิงโอกาสไปจากทั้งคู่มากแค่ไหน นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะพรากพวกเขาออกจากกัน
❖❖❖❖❖
MANGA DISCUSSION