บทที่ 72 จอมวายร้ายอันดับหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่า ‘จอมวายร้ายอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง’ อย่างฉินเฟิงไม่ได้เห็นพรรคพยัคฆ์มังกรอยู่ในสายตา
เมื่อคาแรกเตอร์ของเขาคือนายน้อยเจ้าสำราญชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่มีอากาารป่วยทางจิตกลาย ๆ ฉินเฟิงย่อมต้องเล่นบทนี้ไปจนถึงที่สุด
เขาไม่เพียงจะเปิดศึกพรรคพยัคฆ์มังกรเท่านั้น แต่ยังเดินกร่างไปตามถนนอย่างโอ้อวดอีกด้วย ในเมื่อต้องการก่อเรื่อง เช่นนั้นก็ทำให้ใหญ่โตขึ้นอีกสักหน่อยเป็นไง!
พรรคพยัคฆ์มังกรได้รับการสนับสนุนจากหอเซียนเมามาย เช่นนั้นจะต้องไม่ใช่พรรคเล็ก ๆ อย่างแน่นอน หากบุ่มบ่ามพาบ่าวรับใช้หลายสิบคนเข้าไป เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเสียเปรียบ
ฉินเฟิงสะบัดขวานมั่วซั่วพลางตะโกนเสียงดัง “เวลากลางวันแสก ๆ ท้องฟ้ากระจ่างใส พรรคพยัคฆ์มังกรกล้าที่จะทุบทำลายข้าวของและปล้นสะดม บ้านเมืองยังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่? วันนี้ข้าฉินเฟิงจะเป็นตัวแทนสวรรค์ ปกป้องความสงบสุขของเมืองหลวงด้วยกำลังอันน้อยนิดของข้า!”
“ทุกคนฟังให้ดี ใครก็ตามที่ยินดีไปกับข้าจะได้รับรางวัลหนึ่งตำลึงเงิน ใครก็ตามที่ยินดีจะต่อสู้เคียงข้างข้า จะได้รับรางวัลสิบตำลึงเงิน และสำหรับใครก็ตามที่ล้มคนจากพรรคพยัคฆ์มังกรได้จะได้รับรางวัลห้าสิบตำลึงเงิน!”
ด้วยเงินรางวัลอันหนักหน่วง แน่นอนว่าย่อมมีผู้กล้า อีกทั้งตราบใดที่ร่วมประโสมโรงย่อมได้รับหนึ่งตำลึงเงินด้วย แม้ว่าสำหรับชาวบ้านในเมืองหลวง หนึ่งตำลึงเงินจะไม่ถือว่ามากมาย แต่อย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่ ‘ได้เปล่า’ คำว่าของได้เปล่านั้นล่อลวงคนได้มากมายโดยแท้
ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาผู้ที่กินแตงอยู่รอบ ๆ มีหลายคนที่ไม่ชอบพรรคพยัคฆ์มังกร ถึงขนาดมีใจคิดจะผูกไมตรีกับตระกูลฉินเสีย
กลุ่มคนที่เดิมทีมีจำนวนสิบกว่า ๆ เติบโตขึ้นเป็นหลายร้อยคนในชั่วพริบตา และดูเหมือนว่าจะมีคนมามากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากทราบข่าว
ในเวลาเดียวกัน พรรคพยัคฆ์มังกรในห้องส่วนตัวของหอสุราที่อยู่ตรงกันข้าม จ้าวฉางฟู่กำลังแลกเปลี่ยนจอกกับชายหนุ่มในชุดฮั่นฝู โดยมีนางโลมชื่อดังแห่งเมืองหลวงอยู่ข้างกาย เพื่อจัดการกับฉินเฟิง ครานี้จ้าวฉางฟู่ทุ่มหมดหน้าตัก!
จ้าวฉางฟู่ยื่นกล่องไม้สีชาดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าให้กับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนายน้อยเกาที่ยื่นมือช่วยเหลือ โปรดรับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไว้ด้วย”
เกาซงแง้มตลับกล่องไม้สีชาดออก เมื่อเห็นปลาที่ทำจากทองคำตัวน้อย ๆ เรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อย มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เขาผลักกล่องไม้กลับไป “ความมีน้ำใจของนายท่านจ้าวข้ารับไว้แล้ว เงินนี้คืนให้หอคอยซุยเซียน วันข้างหน้าขอเพียงนายท่านจ้าวพูดถึงข้าดี ๆ สักสองสามประโยคต่อหน้าองค์ชายรอง ข้าก็ขอบพระคุณแล้ว”
จ้าวฉางฟู่ไม่คิดว่าเกาซงจะรู้ความเพียงนี้ แววตาจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม “นายน้อยเกาช่างเป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์จริง ๆ ผู้น้อยแซ่จ้าวขอคารวะ รบกวนนายน้อยเกาช่วยทักทายนายท่านมหาเสนาเกาแทนข้าด้วย”
นับตั้งแต่ฉินเฟิงมายังหอเซียนเมามาย จ้าวฉางฟู่ก็รู้สึกราวกับได้กินแมลงวัน เขาทั้งสะอิดสะเอียนและโมโหโทโส แต่ที่มากกว่านั้นคือ รู้สึกอับจนหนทาง
คราแรกจ้าวฉางฟู่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดอวดดีของฉินเฟิงที่ว่า จะโค่นหอเซียนเมามายภายในครึ่งเดือน เพราะนั่นนับเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดแล้ว
แต่หลังจากงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของจี้อ๋อง ความคิดของจ้าวฉางฟู่กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เจ้าฉินเฟิงเกือบจะตบหน้ากรมคลัง หย่งอันโหว รวมถึงขุนนางทั้งหลายต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว อีกทั้งยังส่งเสริมการทำสงครามเป่ยตี๋ได้สำเร็จอีกด้วย
จากสถานการณ์ตอนนี้ ความปรารถนาของฉินเฟิงที่จะโค่นหอเซียนเมามายจะต้องไม่ใช่แค่ลมปากอย่างแน่นอน!
หอเซียนเมามายแห่งนี้เป็นต้นไม้เงินต้นไม้ทองขององค์ชายรอง หากมีอะไรผิดพลาด ต่อให้จ้าวฉางฟู่มีร้อยหัวก็ไม่พอให้เสีย ด้วยความช่วยเหลือจากบุตรชายของมหาเสนาเกา ในที่สุดหัวใจที่แขวนอยู่ของจ้าวฉางฟู่ก็รู้สึกเหมือนค่อย ๆ ถูกวางลง
“คำขู่ของเจ้าฉินเฟิงที่จะโค่นหอเซียนเมามายเทียบเท่ากับการประกาศสงครามกับองค์ชายรอง เขาช่างไม่รู้ดีรู้ชั่ว ในเมื่อเราทุกคนทำงานให้กับองค์ชายรอง ย่อมเป็นศัตรูกับเขาไปโดยปริยายอยู่แล้ว”
“ทว่า… พฤติกรรมของฉินเฟิงนั้นไร้เหตุผลมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อีกทั้งยังมักจะทำอะไรต่างไปจากคนปกติ หากเขากล้ามาคิดบัญชีที่พรรคพยัคฆ์มังกรจริง ๆ ข้าสงสัยว่านายน้อยเกามีแผนสำรองไว้หรือไม่? “
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เกาซงที่ถือจอกสุราก็ส่งเสียงหึเบา ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “หากเขากล้ามา ก็ให้เดินเข้ามาแล้วหามออกไปก็แล้วกัน!”
ผู้อื่นกังวลเกี่ยวกับฉินเฟิง แต่เกาซงหาได้สนใจ!
บิดาของเกาซง เกาหมิงได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาเสนา แม้อำนาจของเขาจะไม่เทียบเท่าเสนาบดี แต่ก็เป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ที่ฮ่องเต้มอบให้ ทั้งยังมีบรรณาศักดิ์ชั้นกง ในแง่ของสถานะอาจกล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงท่านอ๋องเท่านั้นแล้ว
ขนาดจี้อ๋องเห็นบิดาของเกาซงยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความสุภาพ นับประสาอะไรกับคนบ้าตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง? ต่อให้เขาจะทุบตีฉินเฟิงจริง ๆ แล้วอย่างไร?
เป็นเรื่องจริงที่ฮ่องเต้ชื่นชอบฉินเฟิง แต่เจ้านั่นไม่มีตำแหน่งขุนนาง เขาไม่ต่างจากชาวบ้านรากหญ้า ฝ่าบาทจะไม่สนใจคำวิพากย์วิจารณ์ และลงโทษตระกูลเกาเพียงเพราะต้นหญ้าต้นเดียวเชียวหรือ?
และนอกเหนือจากภูมิหลังของตระกูลแล้ว เกาซงยังมีไพ่ไม้ตายซึ่งก็คือองค์ชายรองอีกด้วย!
ตระกูลเกาและองค์ชายรองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาโดยตลอด ตอนนี้ฉินเฟิงส่งเสริมการสงครามในเป่ยตี๋ ซึ่งนับว่าเป็นการล่วงเกินขุนนางครึ่งหนึ่งของราชสำนักในคราเดียวกัน
เมื่อถึงคราวต้องสู้กับองค์ชายรอง ตระกูลฉินย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟัน และกล้ำกลืนความอัปยศลงไป
เนื่องจากเกาซงสามารถก่อตั้งพรรคพยัคฆ์มังกรเพื่อช่วยองค์ชายรองทำงานสกปรกใต้พระบาทของโอรสสวรรค์ได้ เขาจึงไม่กลัวฉินเฟิงตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
“นายท่านจ้าวไม่ต้องกังวล! ก่อนหน้านี้ข้ากล่าวทักทายทางท่านผู้พิพากษาไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้มือปราบและเจ้าหน้าที่ทางการทุกคน ต่างก็ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องภายในพรรค
“ถ้าฉินเฟิงบุ่มบ่ามมาที่พรรคพยัคฆ์มังกร ข้าจะทุบตีเขาให้พิการเสีย ดูซิว่าในอนาคตเขายังจะกล้าบ้าบิ่นอีกหรือไม่!
“ถ้าหากเขาพาคนมาด้วย เราก็กล่าวหาว่าเขาก่อตั้งก๊กเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และก่อเหตุฆาตกรรมบนท้องถนน ใต้พระบาทของโอรสสวรรค์ แม้ว่าฉินเทียนหู่จะออกหน้าขอร้องแทนบุตรชาย แต่อย่างน้อยเขาคงจะถูกจำคุกราวหนึ่งเดือนเป็นแน่”
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ แววตาของจ้าวฉางฟู่พลันสว่างไสว ตราบใดที่ฉินเฟิงไม่มีโอกาสโจมตีหอเซียนเมามายในเดือนนี้ ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จ
ส่วนในอนาคตฉินเฟิงจะจัดการกับหอเซียนเมามายอย่างไรนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่เป็นเรื่องระหว่างฉินเฟิงกับองค์ชายรองแล้ว
จ้าวฉางฟู่ยืนขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึมและโค้งคำนับ “มีนายน้อยเกาคอยบัญชาการ แม้แต่ฉินเฟิงก็ย่อมไม่สามารถสร้างกระแสคลื่นอะไรได้”
“ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเขา ชื่อเสียงของแวดวงบุตรหลานขุนนางในเมืองหลวงถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง วันนี้หากนายน้อยเกาลงมือสั่งสอนเจ้าตัวหายนะ ก็เท่ากับได้ขจัดอันตรายให้แก่ผู้คนแล้ว ไว้ผู้น้อยแซ่จ้าวจะบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนายน้อยเกาแก่องค์ชายรองอย่างละเอียดแน่นอน”
ในแง่สถานะจ้าวฉางฟู่ไม่สามารถเทียบเคียงกับเกาซงได้ ทว่าอย่างไรเสีย จ้าวฉางฟู่ก็เป็นเจ้าของหอเซียนเมามาย เขาจะต้อง ‘รายงานการชำระบัญชี’ ให้แก่องค์ชายรองทุกเดือน ด้วยความสัมพันธ์นี้เขาสามารถเข้าถึงเบื้องสูงได้โดยตรง
ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าเกาซงจะเป็นบุตรชายของมหาเสนา แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพบกับองค์ชายรอง
ขณะที่ทั้งสองชมเชยกันอย่างย่ามใจ พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นล่าง
จ้าวฉางฟู่กับเกาซงอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กัน เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงต้องเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายนี้
ทั้งคู่คอยท่าอยู่ในห้องส่วนตัวเพื่อรอดูฉินเฟิงถูกสั่งสอนอย่างน่าสังเวช ทันทีที่ลุกขึ้นไปยังข้างหน้าต่างเพื่อมองออกไปตามเสียง รอยยิ้มได้ใจเมื่อครู่พลันแข็งค้างไปในพริบตา
ทั้งสองคาดการณ์ไว้แล้วว่าฉินเฟิงจะพาคนมา แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะพาคนมามากมายเพียงนี้ มันแน่นขนัดจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเสียด้วยซ้ำ!
กวาดตามองแวบหนึ่ง ก็พอกะประมาณได้ว่ามีคนนับร้อยในขบวน!
หัวของจ้าวฉางฟู่ชาวาบ เขาตกตะลึงจนพูดไม่ชัด “ไอ้… ไอ้เจ้าฉินเฟิงไปหาคนมากมายมาจากที่ใดกัน?!”
MANGA DISCUSSION