บทที่ 51 ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ใบหน้าของหนิงหู่ซีดเซียว เขากำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน ความโกรธในดวงตาราวกับว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะได้ฉีกร่างของฉินเฟิงออกเป็นชิ้น ๆ
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร!”
เสียงคำรามของหนิงหู่ดังก้องไปทั่วทั้งจวนจี้อ๋อง เสียงคำรามของเขาไม่ต่างจากพยัคฆ์กลางหุบเขา แน่นอนว่า เป็นเช่นนี้เพราะแค้นเคืองเรื่องจับที่ชู้รักได้คาหนังคาเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับหนิงหู่ที่โกรธเกรี้ยวเสียจนแทบจะพุ่งเข้ามาฆ่า ฉินเฟิงซึ่งวางท่า ‘บ้าอำนาจ’ ก่อนหน้านี้ เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มรีบหลบไปด้านหลังเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ทันที นายน้อยฉินทำหน้าประหลาดใจ “เหตุใดถึงมีคนอื่นอยู่ที่นี่? ข้ารู้แล้ว ที่แท้พวกเจ้ากำลังแอบฟังพวกเราอยู่ใช่หรือไม่! ช่างหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”
ทันทีที่ได้ฟังประโยคดังกล่าว หนิงหู่เกือบจะอกแตกตายแล้ว
หากเรื่องหน้าไม่อายแล้ว ทั้งเมืองหลวงหามีผู้ใดเทียบฉินเฟิงได้ไม่!
หนิงหู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าคนแซ่ฉิน หากยังพอมีความสามารถก็จงมาสู้กับข้า จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง ผู้ใดชนะ ผู้นั้นได้อวิ๋นเอ๋อร์ไป!”
สู้จนตายกันไปข้างหรือ? ล้อเล่นรึเปล่า! เขากำลังจะกลายเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ชีวิตที่จะได้อยู่กินอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ได้มีสามภรรยาสี่อนุในวันข้างหน้าอยู่ไม่ไกลแล้ว ร่างกายนี้ควรค่าแก่ความมั่งคั่ง สุรา และนารีเท่านั้น! หาใช่การสู้จันตัวตายไม่!
ฉินเฟิงหลบอยู่ด้านหลังเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ หัวของเขาโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ผู้ใดชนะ ผู้นั้นได้อวิ๋นเอ๋อร์ไปอย่างนั้นหรือ?”
หนิงหู่มองไปยังมือทั้งสองข้างของนายน้อยฉินที่กำลังจับเอวของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ นางไม่ได้ปัดป้องเจ้านี่ด้วยซ้ำ เห็นอย่างนี้แล้ว ท่านโหวน้อยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแน่นหน้าอก เขาตวาดลั่น “ถูกต้อง! ผู้ใดชนะนางจะเป็นของผู้นั้น!”
เมื่อได้ยินดังนี้ ฉินเฟิงก็ส่ายหัวปฏิเสธอย่างหนักแน่น “ผู้ใดชนะนางก็เป็นของผู้นั้น เจ้าเห็นอวิ๋นเอ๋อร์เป็นสิ่งใดกัน? สินค้าหรือ? อวิ๋นเอ๋อร์เป็นคน นางมีชีวิต และข้าจะไม่ทำสิ่งที่ดูแคลนนางอย่างนั้นเป็นอันขาด”
หนิงหู่เป็นคนตรงไปตรงมา เขาชอบแก้ปัญหาด้วยวิธีที่เรียบง่ายและชัดเจน ซึ่งก็คือการใช้กำปั้น เมื่อได้ยินคำพูดของนายน้อยฉิน ท่านโหวน้อยก็ตระหนักว่า เขาพูดผิดไปเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถแก้ไขในสิ่งที่เอ่ยออกไปแล้วได้ ทำได้เพียงยืนระงบโทสะที่เพิ่มมาขึ้นจนปวดหัว
หลี่รุ่ยและเฉิงฟาที่อยู่ด้านข้างสบตากัน อดจะส่ายหัวไม่ได้ และเผยรอยยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
หลี่รุ่ยรีบเตือนเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้านี่ปากคอแหลมคมมาโดยตลอด เรื่องปากเรื่องลิ้นไม่มีบุตรหลานบ้านใดในเมืองหลวงเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ข้าว่าท่านอย่ามัวพูดจาไร้สาระกับเขาเลย เข้าไปทุบสักรอบก็เป็นอันสิ้นเรื่อง! จริงเท็จเป็นอย่างไร หมัดเดียวเดี๋ยวก็รู้!”
เฉิงฟาตีเหล็กตอนยังร้อนเช่นกัน “ใช่แล้ว หรือท่านโหวน้อยจะมองคุณหนูตระกูลเซี่ยถูกแย่งชิงไปโดยไม่แยแส? ท่านรู้หรือไม่ว่า ฉินเฟิงผู้นี้เคยเป็นลูกค้าประจำของเรือสำราญ? ในอนาคตเขาต้องทำให้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เสียใจอย่างแน่นอน”
เมื่อมีหลี่รุ่ยกับเฉิงฟาคอยสุมไฟอยู่ด้านข้าง เป็นไปไม่ได้ที่หนิงหู่จะไม่ ‘ระเบิด’
ท่านโหวน้อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน รีบวิ่งไปที่ศาลา ทว่าหลังจากก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดลง เพราะร่างกายที่สั่นเทาอย่างรุนแรงของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์
ในที่สุดเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ที่สับสนกับคำพูดเกี้ยวพาราสีเมื่อครู่ก็ได้สติ นางรู้สึกได้ถึงสัมผัสแปลก ๆ บริเวณเอวของตน เมื่อมองลงไปก็พบกับตัวต้นเหตุ มือฉวยโอกาสคู่นี้ ข้างหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกข้างหนึ่งอยู่ทางขวา
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เป็นกุลสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน หากเรื่องนี้เล่าลือออกไป ย่อมทำให้นางเสียหายรุนแรงกว่าข่าวลือเรื่องไฝที่เอวหลายเท่า! แม้แต่เอวก็ถูกบุรุษแตะต้องแล้ว ในอนาคตนางจะแต่งงานได้อย่างไร?
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ทั้งโกรธทั้งอับอาย นางยกแส้ขึ้นตีเขา น่าเสียดายที่ฉินเฟิงหลบอยู่ด้านหลังนางโดยตลอด เมื่อนางหันกาย ฉินเฟิงก็หันกายตาม จึงไม่สามารถโจมตีเขาได้
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กัดฟันแน่น นางหันหลังกลับไปหาชายหนุ่มกะทันหัน ฉินเฟิงไม่ทันระวัง เดิมทีเขาเกาะเอวคนงามหน้าโหดอยู่ ท่าทางของชายหนุ่มจึงอยู่ในลักษณะที่กำลังค้อมตัวไปด้านหน้า เมื่อเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์หันกลับมากะทันหัน หน้าของนายน้อยฉินจึงแทบจะแนบไปกับหน้าอกของนาง! ทำให้คุณหนูเซี่ยรู้สึกอัปยศอดสูอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าสารเลว เร็วเข้า… รีบปล่อยมือ ที่นี่มีคนอื่นอยู่นะ!” เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ตื่นตระหนกเสียจนพูดผิดพูดถูก
ในฐานะกุลสตรีที่ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษขนาดนี้มาก่อน นางรู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่มีค่อย ๆ เหือดหายไปจนหมด ไม่ว่าจะยกแส้ขึ้นกี่ครั้ง เมื่อตวัดมันลงมาก็เป็นได้แค่การสะบัดเบา ๆ เท่านั้น
“ปล่อยนะ หากมีคนเห็นเข้า ข้า…”
เดิมทีเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ต้องการข่มขู่ฉินเฟิง หากนางไม่สามารถแต่งงานได้ นางจะสู้กับนายน้อยเจ้าสำราญผู้นี้จนตายกันไปข้าง แต่พอสิ่งที่คิดส่งมาถึงริมฝีปาก คุณหนูเซี่ยก็เลือกที่จะกล่ำกลืนมันกลับลงไป
ฉินเฟิงจะกล้าปล่อยมือได้อย่างไร หากปล่อยมือ เขาก็ถูกถลกเนื้อเถือหนังน่ะสิ! ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดเอวของสตรีตรงหน้าให้แน่นที่สุด นางจะได้หันกลับมาตีเขาไม่ได้
หารู้ไม่ว่า ในสายตาของหนิงหู่ฉากสงครามย่อม ๆ นี้ ไม่ต่างจากการหยอกล้อเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว!
โกรธจัด! เขาโกรธจนเดือดดาลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
เนื่องจากบีบมือตนเองไว้แน่นเกินไป นิ้วมือของท่านโหวน้อยจึงมีเสียง ‘กร๊อบแกร๊บ’ ลั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้น เสียงคำรามของหนิงหู่ก็ดังก้องไปทั่วทั้งเรือนด้านข้าง “ฉินเฟิง เป็นเจ้ารนหาที่ตาย อย่าได้โทษข้าที่ใจดำอำมหิต!”
หนิงหู่ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพุ่งตรงไปที่ศาลา
เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธเกรี้ยวของหนิงหู่ หลี่รุ่ยก็ดีใจมาก “หึ ๆ เจ้าฉินเฟิงคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง รู้ทั้งรู้ว่าหนิงหู่ชอบเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ แต่ก็ยังกล้ายั่วยุเขาต่อหน้าต่อตา ดูสิ หนิงหู่จะไม่ตีไอ้หนูสกปรกนั่นให้ตายลงที่นี่ได้อย่างไร”
แม้ว่าเฉิงฟาจะตื่นเต้นมาก แต่เขากลับกังวลอยู่ในใจ “หนิงหู่จะกล้าฆ่าฉินเฟิงในที่สาธารณะจริง ๆ หรือ? อย่างไรเสีย เจ้านั่นก็เป็นบุตรชายของเสนาบดีกรมกลาโหมเชียวนะ”
หลี่รุ่ยแค่นเสียงและเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “เจ้าจะไปรู้อะไร? หนิงหู่เป็นเพียงชายหนุ่มมุทะลุ ตอนนี้ใจเขาเต็มไปด้วยโทสะ ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้า หากเขาฆ่าฉินเฟิงจริง ๆ แล้วอย่างไร? ชีวิตแลกชีวิต ต้องขอบคุณท่านโหวน้อยที่กล้าหาญเช่นนี้…”
หลี่รุ่ยจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘กล้าหาญ’ ให้หนักแน่นขึ้น เพื่อเยาะเย้ยหนิงหู่ที่โง่เขลา บ้าดีเดือด นั่นเรียกว่าความกล้าหาญที่ไหนเล่า!
ฉินเฟิงกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์อย่างเอาเป็นเอาตาย พอเขาเห็นหนิงหู่พุ่งขึ้นมา ก็กระโดดออกไปยืนอยู่บนม้านั่งในศาลา พลางกอดเสาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “นะ… นายน้อยหนิง ความหุนหันพลันแล่นเป็นปีศาจ เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน ข้าเป็นถึงบุตรชายของเสนาบดีกรมกลาโหม หากเกิดอะไรขึ้นกับข้า พ่อข้าไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่”
หนิงหู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแน่น “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ! เกิดเป็นคน กระทำการสิ่งใดล้วนต้องรับผิดชอบ ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน จากนั้นค่อยไปหาท่านผู้พิพากษาเพื่อมอบตัวด้วยตนเอง!”
ขณะที่พูดหนิงหู่ก็ทำท่าจะพุ่งเข้ามา แต่ก้าวออกไปได้เพียงหนึ่งก้าว ท่านโหวน้อยก็ได้ยินเสียงคมชัดดังขึ้นข้างหู
เพี๊ยะ!
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ฟาดแส้ลงตรงหน้าหนิงหู่อย่างเย็นชา “ออกไปให้พ้น ฉินเฟิงเป็นของข้า!”
ความกระดากอายในใจของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น นางอยากจะเคี้ยวเจ้านี่ทั้งเป็นใจจะขาด นางต้องฆ่าไอ้บ้ากามไร้ยางอายผู้นี้ด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะบรรเทาความโกรธในอกลงได้
ผู้พูดไม่มีเจตนาใด ๆ แต่ผู้ฟังตีความไปไกลโข
คำพูดของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ คือสิ่งที่ท่านโหวน้อยตีความแล้วเข้าใจต่างออกไป เขาคิดว่าเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กำลังปกป้องฉินเฟิง ดังนั้นจึงซักถามทันที “เขาสำคัญกับเจ้ามากหรือ?”
ไหนเลยเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จะมีใจคิดอธิบายให้มากความ ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่ฉินเฟิง
ท่าทีนิ่งเฉยเป็นเชิงยอมรับของสตรีที่ชมชอบมานาน ทำให้หนิงหู่ขุ่นเคืองขึ้นไปอีก เขาระเบิดโทสะ โดยไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์อีกต่อไป และรีบพุ่งเข้าใส่นายน้อยฉินอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าหนิงหู่กล้าแย่งนักโทษของตน เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เองก็โกรธมากเช่นกัน นางจึงลงมือเฆี่ยนตีเขาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ท่านโหวน้อยคว้าแส้ของหญิงสาวได้อย่างสบาย ๆ ดวงตาของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า…ตกตะลึง
MANGA DISCUSSION