บทที่ 50 คำหวานที่โคตรจะเสี่ยว
สตรีช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ยกแส้ขึ้นอีกครั้ง ฉินเฟิงก็ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ในเมื่อนางฟันธงว่าเขาเป็นพวกถ้ำมองไปแล้ว ต่อให้บอกความจริง เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็คงไม่เชื่ออยู่ดี
ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำได้เพียงใช้ไพ่ตาย เขากัดฟันพลางเอ่ย “คุณหนูเซี่ยโปรดไว้ชีวิต เห็นแก่ที่ข้ายังเป็นเด็กเถอะ อย่าติดใจเอาความข้าเลย”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เคยเห็นคนไร้ยางอายมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนไร้ยางอายอย่างฉินเฟิง เขาทำให้นางเผชิญหน้ากับหลากหลายอารมณ์ได้ในชั่วพริบตา
นายน้อยฉินไม่สนใจภาพลักษณ์มากนัก แต่ไหนแต่ไรเขาก็ละเมอเพ้อพกไปเรื่อยอยู่แล้ว ตราบใดที่สามารถเกลี้ยกล่อมแม่นางผู้นี้ได้ เขายอมทั้งหมด ขอเพียงมีโอกาสหลบหนี ก็ถือเป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวง!
ชายหนุ่มอดนึกถึงฉินเสี่ยวฝูขึ้นมาไม่ได้ เขาเลียนแบบคำเยินยอของบ่าวคู่ใจ พลางแสดงความสามารถในการประจบสอพลอออกมาเต็มที่ “คุณหนูเซี่ยใจกว้างดุจมหาสมุทร จะมาทะเลาะกับคนเช่นข้าได้อย่างไร ได้ยินมาว่าท่านเป็นสตรีที่ไม่เป็นรองบุรุษ ย่อมไม่มีทางใส่ร้ายคนบริสุทธิ์เป็นแน่”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กัดริมฝีปากบางของตนเบา ๆ แววตาฉายความซับซ้อน
เจ้าเลวนี่ เป็นอัจฉริยะที่เขียนบทกวีที่สมบูรณ์แบบอย่าง ‘ออกด่าน’ จริงหรือ? นี่มันคนหน้าด้านไร้ยางอายชัด ๆ!
“เจ้า… เจ้าหยุดพูด!”
“ว่ากันว่าพยัคฆ์ไม่มีบุตรสุนัข แต่ชื่อเสียงอันทรงเกียรติของเสนาบดีกรมกลาโหม กลับถูกเจ้าทำลายจนหมดสิ้น!”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำดุด่าของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ แทนที่จะรู้สึกละอาย แต่ฉินเฟิงกลับภูมิใจ! ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า ผู้เข้าใจสถานการณ์เป็นคนเฉลียวฉลาด นายน้อยฉินอยู่กับความเป็นจริงมาตลอด ในความคิดของเขา การขอความเมตตาไม่ใช่เรื่องน่าอาย ที่น่าอายคือการถูกทุบตีต่างหาก เกิดมีข่าวลือว่าเขาถูกสตรีนางหนึ่งทุบตีแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ต่อไปใครจะมานับหน้าถือตาเล่า?
นายน้อยตระกูลฉินใช้สมองขบคิด ไม่ละความพยายามที่จะประจบเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ อีกฝ่ายยกแส้ขึ้นสูง แต่ก็ยังไม่ได้ฟาดลงมา
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ จู่ ๆ เสียงคำรามหนึ่งก็ดังขึ้น
“ฉินเฟิง ไสหัวออกมาหาข้า!”
ฉินเฟิงและเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ต่างก็ตกตะลึง พากันมองหาต้นเสียงโดยไม่ได้นัดหมาย แม่เสือตัวน้อยผู้โกรธเกรี้ยวกำลังกวาดตามองไปรอบ ๆ
ฉินเฟิงจำผู้มาใหม่ได้ทันที นั่นมันหนิงหู่มิใช่หรือ!
ตามความทรงจำของฉินเฟิงคนก่อน หนิงหู่ผู้นี้ชื่นชอบเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ อีกฝ่ายเคยประกาศว่า ใครก็ตามกล้าคิดถึงเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ถือเป็นศัตรูกับเขา ว่ากันว่าเพื่อเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ หนิงหู่ถึงกับทุบตีบุตรหลานขุนนางไปแล้วหลายคน
ฉินเฟิงคาดไว้แล้วว่าหนิงหู่จะต้องมาหาเขาอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวขึ้นในที่แบบนี้
เมื่อเห็นว่านายน้อยฉินกำลังตกที่นั่งลำบาก หลี่รุ่ยกับเฉิงฟาย่อมไม่พลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ พวกเขารีบตามไปดูเหตุการณ์ พอเห็นว่าฉินเฟิงกำลังจ๋องอยู่ในศาลา ทั้งคู่ก็ระเบิดความยินดีออกมาอย่างอดไม่ได้
หลี่รุ่ยยกมือกอดอก พูดซ้ำเติมว่า “ทำให้หนิงหู่กับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ที่เป็นคนหัวรุนแรงขุ่นเคืองพร้อมกัน หึ ๆ ข้าอยากเห็นนักว่าฉินเฟิงจะตายอย่างไร!”
เฉิงฟาก็อารมณ์ดีเช่นกัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เจ้าหมอนี่เคยหลอกข้าไปแสนตำลึงเงิน ข้าจะถือว่าจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขาไปก็แล้วกัน ฮะฮ่าฮ่า!”
ฉินเฟิงกำลังจะคุกเข่าลง แต่เมื่อเหลือบไปเห็นหลี่รุ่ยกับเฉิงฟาตามหนิงหู่มา เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต จากนั้นก็เปลี่ยนมายืนตัวตรงทันที
แม้จะ ‘ไร้ยางอาย’ อย่างไรก็ควรมี ‘ขอบเขต’
การคุกเข่าลงเพื่อขอความเมตตาจากสตรีเป็นเรื่องปกติ แต่การคุกเข่าลงต่อหน้าธารกำนัลเป็นอะไรที่ต่างออกไป
สีหน้าประจบสอพลอของฉินเฟิงเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แววตาเขาเปลี่ยนไปราวกับพลิกหน้ากระดาษ เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ถึงกับผงะไปชั่วขณะหนึ่ง
หลังจากนั้น นายน้อยฉินก็เอ่ยคำสาบานด้วยทางทีเคร่งขรึม ภายใต้การจ้องมองของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์
“อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าฉินเฟิงเป็นคนเช่นไร เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?!”
ฮะ?! เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์มีสีหน้าสับสน ไม่เข้าใจว่านายน้อยเสเพลผู้นี้กำลังจะทำอะไร
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ทันจะตั้งสติได้ มือเรียวยาวของนางก็ถูกมือใหญ่ของฉินเฟิงกุมไว้จนมิด เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนราวกับไฟบนฝ่ามือของชายหนุ่ม แก้มของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ก็แดงขึ้นทันที นางกำลังจะด่า ทว่าฉินเฟิงก็แทรกขึ้นมาก่อน
เขามองเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์อย่างเสน่หา นึกถึงท่าทางของ ‘นักรัก’ ในภาพยนตร์ และพูดอย่างจริงจังว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าสาบาน! จะบนสวรรค์หรือในใต้หล้า ข้าก็รักเพียงเจ้าคนเดียว ไม่มีทางหลอกลวง เจ้ายกโทษให้ข้าเถิด”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์พลันชะงักค้าง นางมองฉินเฟิงด้วยสายตาตกตะลึง บุรุษผู้นี้คงเอาหัวไปโขกกำแพงมาเป็นแน่ มิเช่นนั้น เขาจะพูดเรื่องไร้สาระในเวลากลางวันแสก ๆ ได้อย่างไร
สังคมในเมืองหลวงจะว่าเล็กก็เล็ก จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ แม้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จะเคยได้ยินเรื่องอื้อฉาวของฉินเฟิงมาเป็นเวลานาน แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบอีกฝ่าย หาใช่คนคุ้นเคยกันมาก่อน แล้วจะไปรักกันเมื่อใดเล่า…
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ยั้งใจไม่ให้ฆ่านายน้อยเจ้าสำราญผู้นี้แทบไม่ไหวแล้ว เขาควรจะคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากนางสิ ไยมาแสดงกิริยาแปลกประหลาดเช่นนี้ได้?
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ใช่คนเดียวที่ตกตะลึง
หนิงหู่เองก็ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของตนเองแล้ว นายน้อยฉินก็เริ่มโจมตีอย่างเป็นธรรมชาติ ตีเหล็กตอนยังร้อน แล้วโหมไฟเพิ่มเข้าไปอีก!
ถ้อยคำหวานซึ้งอันใด ฉินเฟิงล้วนไม่รู้จัก ได้แต่หยิบเอาคำหวานเลี่ยน ที่เคยเห็นในอินเตอร์เน็ตมากมายมาใช้ประโยชน์
ดวงตาของคนไร้ยางอายพร่ามัว ดูเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “เจ้าเป็นสตรีสุภาพอ่อนโยน สูงส่งสง่างามดุจหยกอันล้ำค่า มีการศึกษาดี ทั้งเก่งทั้งงดงามเช่นนี้ แล้วข้าจะทำสิ่งที่ผิดต่อเจ้าได้อย่างไร”
“เจ้ารู้ความแตกต่างระหว่างเจ้ากับดวงดาราหรือไม่ ดวงดาราอยู่บนฟากฟ้า แต่เจ้าอยู่ในใจข้าอย่างไรเล่า”
“จากนี้ไป ข้าจะเรียกเจ้าว่าท่าน*[1] เพราะเจ้าอยู่บนใจของข้า”
“เจ้าหุบปากได้หรือไม่?”
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เผชิญกับคำถามอย่างกะทันหันของฉินเฟิง นางรู้สึกงุนงงว่างเปล่า พลันตอบกลับโดยไม่รู้ตัว “ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย…”
ฉินเฟิงหรี่ตาลง แล้วกล่าวว่า “แล้วทำไมเสียงของเจ้าถึงก้องอยู่ในหัวข้าเล่า?”
ในฐานะพนักงานฝ่ายขายยอดเยี่ยม การมีหนังหน้าหนาถือเป็นทักษะพื้นฐาน แม้เขาจะพูดคำหวานสุดเชยแสนเลี่ยนออกไป แต่ก็ยังตีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ได้
กลับกัน เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ตอนนี้ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่า ‘คำหวาน’ คืออะไร แต่คำพูดเช่นนี้ ต้องอยู่ด้วยกันสองต่อสองเท่านั้นจึงจะสามารถพูดได้ ใครเล่าจะเหมือนฉินเฟิงที่กล้าพูดเสียงดังไม่สนใจผู้อื่น?! แล้วอีกอย่าง… คำพูดเหล่านี้มันจะชัดเจนเกินไปแล้ว!
เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เรียกสติที่หล่นหายกลับมา รู้สึกอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แก้มของนางแทบลุกเป็นไฟ นึกอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปเสียตอนนี้ ลืมไปหมดสิ้นแล้ว ว่ามาหานายน้อยตระกูลฉินด้วยเหตุใด
หลี่รุ่ยกับเฉิงฟาตกตะลึง แม้พวกเขาจะเป็นนายน้อยเสเพล และมักจะใช้ถ้อยคำหยาบโลนเมื่ออยู่บนเรือสำราญหรือหอโคมเขียว แต่ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ทั้งคู่จะวางตนเป็น ‘สุภาพบุรุษ’ เสมอ ย่อมไม่มีความกล้าที่จะพูดคำเหล่านั้นออกมาได้ ในแง่ของความหน้าหนา หลี่รุ่ยและเฉิงฟายอมรับว่าพวกเขาด้อยกว่าเจ้าบ้าฉินเฟิงหลายเท่า
อีกฝ่ายกล้าพูดออกมาต่อหน้าหนิงหู่ได้อย่างไร!
ทั่วทั้งเมืองหลวง ใครไม่รู้ว่าหนิงหู่ชมชอบเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์บ้างเล่า?
เดิมทีหลี่รุ่ยกับเฉิงฟาวางแผนว่าจะสุมไฟแค้นอย่างดุเดือด เพื่อผลักฉินเฟิงไปที่จุดสูงสุดของพายุแรงอารมณ์ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด อีกฝ่ายกลับเล่นตัวเองก่อนเสียอย่างนั้น!
[1] ท่าน ในตัวอักษรภาษาจีน คือ 您 เป็นตัวอักษร 你 (คุณ,เจ้า) อยู่บนตัวอักษร 心ที่แปลว่าหัวใจ
MANGA DISCUSSION