บทที่ 195 แสงสะท้อนทะเลสาบ
หากชายชาตรีต่อยฉินเฟิงหนึ่งหมัด เขาอาจจะไม่เป็นอันใด แต่เมื่อถูกมืออ่อนนุ่มไร้กระดูกของหลิ่วหงเหยียนหยิกหนึ่งที มันกลับเจ็บจี๊ดไปถึงทรวง ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิงฟันขาว คร่ำครวญไม่หยุด “เจ็บ ๆๆ”
เสิ่นชิงฉือจ้องมองฉินเฟิง และตะคอก “เจ้ายังรู้ว่ามันเจ็บหรือ?! เจ้าตัวแสบ เสียแรงที่พวกข้ากังวลมาตลอดทาง ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะวิ่งมาทะเลสาบแสงจันทร์ สันดานยากจะเปลี่ยนจริง ๆ! นี่เป็นสถานที่แบบไหน? เจ้าไม่ได้รู้อยู่แก่ใจหรอกรึ?”
เมื่อถูกเสิ่นชิงฉือตำหนิ ฉินเฟิงก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ “พี่หญิงใหญ่ ท่านปรักปรำข้าแล้ว ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุก แต่เพราะมีนัดหมาย! ท่านดูสิ”
ฉินเฟิงชี้ไปที่ฉีหยางจวิ้นจู่ซึ่งอยู่ไม่ไกล
คราแรกเสิ่นชิงฉือยังคงโกรธอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าฉีหยางจวิ้นจู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย สีหน้านางก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินรีบลดเสียงลง และเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ทำไมจวิ้นจู่ถึงอยู่ที่นี่?”
หลังจากยืนยันว่าฉินเฟิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวนางโลม การแสดงออกของเสิ่นชิงฉือกับหลิ่วหงเหยียนก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ทว่าจิ่งเชียนอิ่งไม่แสดงสีหน้าใด ๆ พลันนางก็พูดว่า “ในเมื่อไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน”
เมื่อเห็นจิ่งเชียนอิ่งกำลังจะจากไป ฉินเฟิงก็รีบวิ่งไปกอดแขนของนางอย่างเอาอกเอาใจ “มาถึงที่นี่แล้วไยไม่ร่วมสนุกด้วยหน่อยเล่า พี่หญิงสี่ ท่านอยู่คนเดียวในเรือนหลังทั้งวันต้องเบื่อมากเป็นแน่ ถือเสียว่าเป็นการผ่อนคลายเถอะนะขอรับ”
จิ่งเชียนอิ่งไม่ได้รีบร้อนดึงแขนออก นางจ้องมองฉินเฟิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเบื่อ! ข้าชอบอยู่คนเดียว และมีความสุขที่ได้อยู่เงียบ ๆ”
ไม่ต้องพูดถึงคนนอก ก่อนหน้านี้แม้แต่ฉินเฟิงยังรู้สึกว่าจิ่งเชียนอิ่งไม่สนใจเรื่องทางโลกจริง ๆ
แต่เพราะการพุดคุยที่มากขึ้น ฉินเฟิงจึงมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าจิ่งเชียนอิ่งกำลังใช้รูปลักษณ์เย็นชา ปกปิดหัวใจที่อบอุ่นเอาไว้
หากนางเย็นชาไม่สนโลกจริง ๆ นางจะสนใจ ‘เงิน’ ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
อีกทั้งก่อนหน้านี้จิ่งเชียนอิ่งยังท่องเที่ยวไปทั่วมาหลายปี ได้เห็นภูเขาลำธารงดงามนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้มาอาศัยอยู่ตามลำพังที่เรือนหลัง นางต้องรู้สึกงุ่นง่านใจอย่างแน่นอน เพียงแค่ไม่อยากพูดออกมาดัง ๆ ก็เท่านั้น
ฉินเฟิงกอดแขนของพี่หญิงสี่ แล้วลากนางไปข้างใน พลางยิ้มตาหยีเอาอกเอาใจ “พี่หญิงสี่ ท่านอย่าเพิ่งไปเลย หลังจากการแข่งขันจบลง ถ้าข้าชนะแล้วเจ้าหลินเฟยโม่นั่นคิดจะบิดพลิ้ว ท่านจะได้สามารถช่วยข้าจัดการเขาได้! ถ้าข้าแพ้และหลินเฟยโม่คิดจะบีบบังคับให้ข้าก้มหัวยอมรับความผิด ท่านก็ยังช่วยข้าปราบปรามเขาได้ พูดง่าย ๆ ก็คือปราบปรามเขาเพื่อข้า!”
แม้ว่าจิ่งเชียนอิ่งจะมีสีหน้าเย็นชา แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญที่ไร้ยางอายของน้องชาย
เรือลำนี้ไม่ใหญ่นักและฉินเฟิงก็ค่อนข้างเสียงดัง
หลินเฟยโม่ย่อมได้ยินคำพูดไร้ยางอายเหล่านี้ชัดเจน
น่าเดือดดาลนัก!
แต่กลับรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า
ในชีวิตนี้หลินเฟยโม่ไม่ได้รักทรัพย์สินเงินทอง หรือลำคลอง แม่น้ำ ภูเขา เขารักเพียงหญิงงามเท่านั้น
เมื่อตอนกลางวัน เขาได้เห็นหลิ่วหงเหยียนก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ใจโหยหานางอย่างยิ่ง
บัดนี้เมื่อได้เห็นเสิ่นชิงฉือและจิ่งเชียนอิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เหตุใดเจ้าอันธพาลฉินเฟิงถึงมีพี่สาวสามคนที่เหมือนเทพธิดาเช่นนี้? อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ๆ ต่อกันด้วย มันไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ!”
นอกจากความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังแล้ว หลินเฟยโม่ยังแอบตัดสินใจเงียบ ๆ ว่า แค่เพียงเขาจัดการเจ้าสารเลวฉินเฟิงได้ สาวงามทั้งสามก็จะมากองรวมกันบนเตียงของเขา!
หารู้ไม่ว่า สายตาชั่วร้ายของหลินเฟยโม่ถูกฉินเฟิงสังเกตเห็นนานแล้ว
นายน้อยเจ้าสำร้ายเหยียดสองนิ้วออกไปจิ้มตาอีกฝ่ายทันที และขู่อย่างเป็นจริงเป็นจัง “ถ้าเจ้ามองอีกข้าจะจิ้มตาเจ้าให้บอด! หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดู!”
หลินเฟยโม่โกรธจนกัดฟันแน่น น่าเสียดายที่กิริยาอันสุภาพของเขาไม่มีที่ว่างให้แสดงออกเมื่อพบกับอันธพาลอย่างฉินเฟิง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสะบัดแขนเสื้อ แล้วเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “นายน้อยอย่างข้าไม่สนใจลดตัวไปโต้เถียงกับอันธพาลเช่นเจ้า”
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างสว่างขึ้นบนเรือฝั่งตรงข้าม
ภายใต้การเตรียมการของนางรำและเด็กรับใช้ โคมไฟค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ
และผืนผ้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นใต้แสงของโคมไฟช้า ๆ
มันเขียนว่า ‘กุ้งกำลังเล่นน้ำล้อมรอบด้วยภูเขาและลำธาร’
เมื่อหัวข้อปรากฏขึ้นทั้วบริเวณที่แต่เดิมมีเสียงอึกทึกพลันเงียบลง
ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่รอดูความตื่นเต้นมองดูคำถาม และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พลันก็มีเสียงกระซิบกระซาบกันดังขึ้นไม่หยุดทั่วบริเวณโดยรอบ
“กุ้งกำลังเล่นน้ำล้อมรอบด้วยภูเขาและลำธาร? ปริศนาโคมไฟนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน ผู้ใดรู้บ้าง?”
“ข้าน้อยเข้าร่วมเทศกาลโคมไฟที่จัดขึ้นในเมืองหลวงทุกปี คุ้นเคยกับปริศนาโคมไฟที่โด่งดังนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยเห็นปริศนานี้มาก่อน สมกับเป็นนายน้อยหลิน เขาตั้งหัวข้อยากเช่นนี้ได้ทันทีที่เริ่มลงมือ”
“มีแต่หัวข้อ อีกทั้งยังไม่มีกฎเกณฑ์ ขอบเขตกว้างมากจนแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดาคำตอบได้ถูกต้อง”
เมื่อได้ยินความคิดเห็นจากรอบทิศ หลินเฟยโม่อดไม่ได้ที่จะกระหยิ่มใจ
การแข่งขันในคืนนี้เป็นผลมาจากการพูดคุยระหว่างเขากับฉีหยางจวิ้นจู่ ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
คำถามสามข้อที่เตรียมไว้คืนนี้ล้วนถูกคิดโดยผู้มีความสามารถและมีชื่อเสียงในเมืองหลวง แลกกับเงินจำนวนมาก
ได้ยินมาว่าบทกวี ‘ออกด่าน’ ของฉินเฟิงเป็นที่โด่งดังในเมืองหลวง ทว่า ความสามารถด้านวรรณกรรมและการทายปริศนาโคมไฟนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลินเฟยโม่เหลือบมองคุณหนูทั้งสามของตระกูลฉินอย่างลับ ๆ แล้วเลิกคิ้วให้ฉินเฟิง แสร้งทำเป็นมีน้ำใจ “ฉินเฟิง ข้าไม่อยากทำให้เจ้าอับอาย หากเจ้ายินดีที่จะแนะนำคุณหนูในจวนของเจ้าทั้งสามคนให้ข้า ข้าก็จะให้คำใบ้แก่เจ้า”
ฉินเฟิงเพิกเฉยต่อเขา หันมองเสิ่นชิงฉือ แล้วเอ่ยอย่างทะเล้น “พี่หญิงใหญ่ ท่านเป็นหญิงสาวมากพรสวรรค์แห่งเมืองหลวงเรา ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อนี้หรือไม่?”
เสิ่นชิงฉือลูบคางอย่างครุ่นคิด
นางเข้าร่วมเทศกาลชมโคมไฟในเมืองหลวงทุกครั้ง และมักจะได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันปริศนาโคมไฟเสมอ จึงช่ำชองในการทายปริศนาโคมไฟเป็นพิเศษ
แต่เมื่อดูหัวข้อที่หลินเฟยโม่ให้ คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินกลับลำบากใจอยู่บ้าง ท้ายที่สุดแล้วขอบเขตนั้นกว้างเกินไป หากไม่มีคำบ่งชี้ใด ๆ เลย คงต้องใช้หัวครุ่นคริดอย่างหนัก
หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เสิ่นชิงฉือก็ยังคงส่ายหัว “หากให้เวลานานกว่านี้ ข้าอาจจะสามารถหาคำใบ้บางอย่างได้ แต่หากต้องเดาทันที ข้าทำไม่ได้หรอก”
ทันทีที่นางพูดจบ หลิ่วหงเหยียนก็ถามอย่างไม่อดทน “นี่เป็นแค่การคัดเลือกสหายผ่านการใช้สติปัญญาเล็กน้อย เจ้าคงไม่ได้เดิมพันกับนายน้อยหลินกระมัง?”
ไม่มีใครรู้จักฉินเฟิงดีไปกว่าพี่หญิงรองแล้ว!
ฉินเฟิงยิ้มอย่างนึกสนุก ตบหน้าอกของตนเอง และรับประกัน “ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ? นี่ก็เป็นแค่การละเล่นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น”
เมื่อเห็นการแสดงออกของฉินเฟิง หัวใจของหลิ่วหงเหยียนก็เย็นวาบ นางถอนหายใจ “ข้าหรือจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแบบไหน? บอกมาว่าเจ้าเดิมพันไปเท่าไหร่!”
ฉินเฟิงไม่คิดว่าจะถูกหลิ่วหงเหยียนแฉออกมาโต้ง ๆ จึงรู้สึกกระอักกระอ่วน ทำได้เพียงชูสามนิ้วขึ้นมาอย่างไร้ยางอาย โดยไม่ยอมพูดให้ชัดเจน
หลิ่วหงเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “สามหมื่นตำลึงเงิน? เช่นนั้นยังดี แม้ว่าเจ้าจะแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ช่วงเวลานี้เอง ฉีหยางจวิ้นจู่เริ่มเร่งรัด “ฉินเฟิง เจ้ามั่นใจหรือไม่? หากเจ้าเดาไม่ออกก็รีบยอมรับความพ่ายแพ้ซะ อย่าทำให้ผู้อื่นเสียเวลา!”
หลินเฟยโม่ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้พูดประชด “ข้าแนะนำให้เจ้าหยุดดิ้นรนจะดีกว่า อันธพาลเช่นเจ้าจะเดาคำตอบของปริศนาในเวลาสั้น ๆ ได้อย่างไร? อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่บัณฑิตผู้โด่งดังในต้าเหลียงเกรงว่าก็คงไม่สามารถเดาคำตอบได้!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลินเฟยโม่ก็เหลือบมองหลินฉวีฉีที่อยู่ข้าง ๆ แล้วแค่นเสียงเย็น “หลินฉวีฉี เจ้าช่างปล่อยตนเองให้ตกต่ำเสียจริง ไยมาคบหากับคนเช่นนี้ได้!”
MANGA DISCUSSION