บทที่ 167 การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ตระกูลฉินและตระกูลเซี่ย
ทันทีที่องค์หญิงใหญ่เปิดเผยไพ่ไม้ตายของนาง ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ว่าองค์หญิงใหญ่วางแผนมาเป็นเวลานาน เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้
แทนที่จะบอกว่าเป็นการแต่งงาน ไม่สู้เรียกว่าเป็นการแต่งงานทางการเมืองจะเหมาะสมกว่า
บิดาของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ คือหนิงกั๋วกงหรือเซี่ยปี้!
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หนึ่งในสามกง แต่ก็ยังคงดำรงตำแหน่งบรรดาศักดิ์กง
บรรดาศักดิ์ในต้าเหลียงมีห้าบรรดาศักดิ์ได้แก่ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน
เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาศักดิ์กงของตระกูลเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แล้ว บรรดาศักดิ์โหวของตระกูลหนิงหู่นั้นต่ำกว่าหนึ่งระดับ
ยิ่งไปกว่านั้น ในแคว้นต้าเหลียงทั้งหมด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับบรรดาศักดิ์กง
เมื่อตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยแต่งงานกันก็จะกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แม้ว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงกับตระกูลฉินจะเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่หากถึงเวลานั้นย่อมต้องห้ามปราม เนื่องจากตอนนี้มีตระกูลฉินทุ่มเทรับใช้แคว้นจึงไร้ภัยคุกคามต่อฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง พระองค์จึงสามารถใช้งานตระกูลฉินได้อย่างวางใจ และมั่นใจ
แต่ถ้าหากฉินเฟิงกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แต่งงานกัน ถึงตอนนั้นหากมีใครมากระซิบฟ้องข้างพระกรรณของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง ถ้อยคำเหล่านั้นก็จะไม่ใช่การกล่าวหาที่ไร้หลักฐานอีกต่อไป
เพื่อปกป้องตระกูลฉิน การแต่งงานครั้งนี้จะตอบรับไม่ได้เด็ดขาด!
ทว่าในขณะที่ฉินเฟิงกำลังจะปฏิเสธ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ชิงตัดสินก่อนก้าวหนึ่ง “องค์หญิงใหญ่กล่าวได้สมเหตุสมผล ไม่ใช่ความลับที่ฉินเฟิงกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์มีใจตรงกัน ในเมื่อบ่าวสาวมีใจ เจิ้นจะถือโอกาสแสดงน้ำใจ ช่วยประทานงานมงคลครั้งนี้ให้!”
ทันทีที่ตรัสออกมา ขุนนางกรมกลาโหมต่างพากันดีใจยกใหญ่
ขุนนางกรมคลังเองก็แอบรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน เจ้าสารเลวฉินเทียนหู่เจ้าเล่ห์นั่นระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำมาโดยตลอด พวกเขากรมคลังไม่เคยสบโอกาสที่จะกล่าวร้ายฉินเทียนหู่ได้เลย
บัดนี้ การแต่งงานเชื่อมสัมพัน์ระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว ดูภายนอกเหมือนจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตระกูลฉินอย่างมาก แต่ในความเป็นจริง การแต่งงานครั้งนี้กลับเป็นการดึงดูดไฟเข้าหาตัวเสียมากกว่า
จากนี้ไปหากตระกูลฉินมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาสามารถสร้างความยุ่งยากครั้งใหญ่ให้อีกฝ่ายได้!
งานวิวาห์ครั้งนี้เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับทุกคนเสียจริง?!
ฉินเฟิงไม่คำนึงถึงข้อหาขัดรับสั่งฮ่องเต้ เขาต้องการคัดค้านการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ให้ถึงที่สุด แต่แล้วฉินเทียนหู่กลับคุกเข่าลง และกล่าวขอบคุณเสียอย่างนั้น “ความเมตตาของฝ่าบาทช่างยิ่งใหญ่ ตระกูลฉินขอบพระทัยฝ่าบาท!”
อะไรนะ?!
ฉินเฟิงตั้งตัวไม่ทัน ตาเฒ่าฉินต่อต้านการก่อตั้งพรรคพวกมาโดยตลอด ทำไมยามนี้เขาถึงแตกต่างไปจากปกติได้?
ท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงก็ไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ได้เลย
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเพิกเฉยต่อสายตาต่อต้านและทำอะไรไม่ถูกของฉินเฟิง บนพระพักตร์แสดงออกว่าทรงปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะตรัสเสียงกดัง “พิธีชำระอาภรณ์ในวันนี้ ไม่เพียงมีผลตอบรับที่ดีเท่านั้น แต่เจิ้นยังได้มอบพระราชทานสมรสแก่ตระกูลฉินและตระกูลเซี่ย กล่าวได้ว่า เป็นการเติมบุปผาบนผ้าดิ้นแพร*[1] แม้ว่าตามกฎเก่ายังมีด่านการปรับตัวตั้งรับที่ต้องประลองอีกหนึ่งด่าน แต่ความสามารถของฉินเฟิงนั้นเป็นที่ประจักษ์ ด่านการประลองที่ว่าจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป เจิ้นขอประกาศว่า ผู้เข้าประลองแม่ทัพที่ชนะในครั้งนี้คือ สวีโม่กับหนิงหู่!”
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงรู้ดีว่า แม้หนิงหู่จะแพ้ แต่ฉินเฟิงก็คงจะหาวิธีเข้าทางประตูหลัง และช่วยให้หนิงหู่ได้ตำแหน่งแม่ทัพอยู่ดี
แทนที่จะอ้อมไปมา ไม่สู้ถือโอกาสแสดงน้ำใจ เป็นการให้รางวัลฉินเฟิงกลาย ๆ ไปเสียดีกว่า
สวีโม่กับหนิงหู่ตื้นเต้นยินดีมาก พวกเขาพากันคุกเข่าลงเพื่อขอบพระทัยในความเมตตา
หย่งอันโหวที่ขมวดคิ้วมาเป็นเวลานานในที่สุดก็ยิ้มออก เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก การให้หนิงหู่ติดตามฉินเฟิง เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดที่เขาทำในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ในวันที่พวกเขาผูกสัมพันธ์กันก็ได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นนี้แล้ว พริบตาสายตาที่ใช้มองบิดากับบุตรชายตระกูลฉินก็พลันร้อนแรงขึ้นมาก
สองแก้มของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แดงก่ำ จากคุณหนูที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เรื่องความหัวรุนแรงแห่งเมืองหลวง ในเวลานี้กลับกระมิดกระเมี้ยนเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เป็นเพียงดรุณี นางย่อมรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องระหว่างชายหญิง ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้ นางคงมิวุ่นวายเพราะฉินเฟิงไม่หยุดหย่อน
ตอนนี้นางกำลังจะแต่งงานกับชายที่เคยแค้นเคืองที่สุด แต่ภายในใจเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กลับไม่ได้รู้สึกเกลียดชังขนาดนั้น
แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่มีทักษะศิลปะการต่อสู้ใด ๆ แต่เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์กลับประทับใจในความสามารถทางการทหารของเขา
มีคนอยู่เพียงสองคนที่ค่อนข้างไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้
ฉีหยางจวิ้นจู่เบือนหน้าด้วยความรังเกียจ “เจ้าฉินเฟิงสมควรตาย ท้ายที่สุดเขาก็ได้เปรียบอีกแล้ว! อวิ๋นเอ๋อร์งดงามถึงเพียงนี้ ทั้งยังเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ มีภูมิหลังตระกูลที่โดดเด่น ทำไมถึง… ฮึ!”
ฉินเฟิงเองก็ค่อนข้างหดหู่เช่นกัน ฉินเทียนหู่จ้องมองเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับจะเตือนเขาว่า ถ้ากล้าขัดรับสั่งของฮ่องเต้ล่ะก็ได้เจอดีแน่
เนื่องจากด่านที่สามถูกยกเลิก พิธีชำระอาภรณ์จึงถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว
แต่ทุกคนในสนามก็ไม่รีบร้อนจากไป ประการแรกพวกเขายังคงหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางทหาร และประการที่สอง พวกเขายังต้องการไปแสดงความยินดีกับตระกูลฉินและตระกูลเซี่ย
ในที่สุดฉินเฟิงก็สบโอกาสเข้าใกล้ฉินเทียนหู่ได้ เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ตาเฒ่าฉิน เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? แค่ก ๆๆ ท่านพ่อ วางมือลงก่อน ข้าพลั้งปากไปหน่อย!”
ฉินเทียนหู่แค่นเสียงเย็นชา วางมือที่ใหญ่ราวกับอุ้งเท้าเสือลง เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่รู้อะไรเลย! มีอุปสรรคมากมายในสงครามในเป่ยตี๋ แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กองกำลังต่าง ๆ กำลังพยายามโค่นล้มตระกูลฉินของเรา เพื่อให้ตระกูลฉินเราเป็นผู้นำในสงครามครั้งนี้ ฝ่าบาทจึงทำตามความปรารถนาขององค์หญิงใหญ่ และอนุมัติงานแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ย จากนี้ไปด้วยการคุ้มครองของหนิงกั๋วกง ตำแหน่งผู้นำของตระกูลฉินในสงครามครั้งนี้จะไม่สั่นคลอนอีก”
“พ่อเข้าใจเจตนาที่เจ้าจะถอนตัวจากเรื่องในราชสำนัก แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายในขอบเขต อย่าถลำลึกเกินไปและอย่าผละออกจากมันมากนัก หากเจ้าถลำลึกเกินไปจะทำให้ฝ่าบาทหวั่นพระทัย แต่หากเจ้าไม่สนใจและผละห่าง ตระกูลฉินที่ไร้กำลังจะอ่อนแอและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้”
“เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จะได้เป็นฮูหยินน้อย ภรรยาที่ถูกต้องของตระกูลฉิน เรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้วและไม่มีที่ว่างให้บ่ายเบี่ยง”
เมื่อพูดมาถึงขั้นนี้ ฉินเฟิงก็ทำได้เพียงอดทน แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจในทุกวิถีทางก็ตาม
แค่นึกถึงพฤติกรรมร้ายกาจของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ รวมถึงแส้เส้นเล็กที่ดุร้ายหาใดเปรียบนั่น ฉินเฟิงก็สั่นเทาไปทั่งร่างแล้ว
ภายภาคหน้าหากเกิดการทะเลาะวิวาทขัดแย้งกัน เขาจะไม่ถูกทุบตีจนตายคาที่หรอกหรือ?
ข่าวภายในสถานที่จัดพิธีค่อย ๆ แพร่ออกไป
นายกองที่เป็นผู้คุมโต๊ะทรายมีสายตาเร่าร้อนอย่างยิ่ง เขากล่าวชม “การตอบโต้กลยุทธ์ระหว่างนายน้อยฉินกับท่านโหวน้อยช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก! นายน้อยฉินมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! มีข่าวลือจากชาวบ้านร้านตลาดว่า นายน้อยฉินคือเทพเหวินชวีซิง*[2] กลับชาติมาเกิด แต่ข้าว่าเขาคืออู่ชวีซิง*[3] ชัด ๆ!”
หลิ่วหงเหยียนแทบจะเงยศีรษะขึ้นมองท้องฟ้า สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ไม่รู้ใครบอกว่า ฉินเฟิงบ้านข้าเก่งแต่ปาก รู้แค่วางแผนการรบบนกระดาษเท่านั้น!”
ใบหน้าของเกาอวี้หลานแดงก่ำ แต่นางไม่สามารถโต้เถียงได้เลย
ตอนนี้เองหลินฉวีฉีบนกำแพงเมืองก็ตะโกนบอกหลิ่วหงเหยียน “คุณหนูรอง ฉินเฟิงสร้างผลงานยิ่งใหญ่ พระพัตร์ฮ่องเต้ปลื้มปีติมากจึงมอบสมรสพระราชทานให้กับตระกูลฉินและตระกูลเซี่ยขอรับ”
ทันทีที่ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิ่วหงเหยียนก็เฝื่อนลง แต่เพียงพริบตาเดียว ใบหน้างดงามก็เปี่ยมรอยยิ้มอีกครั้ง แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่สดใสเท่าคราแรก “อ้อ! เป็นเรื่องมงคลจริง ๆ”
เมื่อหลิ่วหงเหยียนหันมองเสิ่นชิงฉือ และเห็นว่าดวงตาของเสิ่นชิงฉือก็แปลกไปเช่นกัน
ในขณะที่สตรีสองนางกำลังอยู่ในห้วงความคิด จิ่งเชียนอิ่งก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ฉินเฟิงเป็นบุตรชายคนเดียว และเป็นบุตรชายของเสนาบดีกรมกลาโหม อีกทั้งยังได้รับรางวัลเข็มขัดทองคำ เขาได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่ง ตำแหน่งฮูหยินน้อย ภรรยาที่ถูกต้องนั้นย่อมเกิดขึ้นเร็วเป็นธรรมดา หากไม่ใช่บุตรีของตระกูลที่มีชื่อเสียง นางก็ไม่คู่ควรกับเจ้าเด็กเสเพลนั่นอยู่แล้ว”
‘แต่ด้วยนิสัยของเจ้าเด็กตัวเหม็น ยากนักที่จะบอกได้ว่า เขาสามารถแยกความแตกต่างระหว่างภรรยาที่ถูกต้องกับภรรยาที่ไม่ถูกต้องได้…’ หลิ่วหงเหยียนกล่าวเสริมในใจเงียบ ๆ
เสี่ยวเซียงเซียงที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความสุข เพราะอย่างไร หลังจากมีการแต่งตั้งภรรยาที่ถูกต้อง นางก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับนายน้อยอีกต่อไป
เสี่ยวเซียงเซียงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อคิดว่านางเข้าใกล้ห้องอนุภรรยาไปอีกหนึ่งก้าวแล้ว
ขณะเดียวกันนี้ ทหารสวมชุดเกราะหนักกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยฝีเท้าที่หนักหน่วง และเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อมองดูขบวนทัพที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด เสิ่นชิงฉือก็อดจะขมวดคิ้วไม่ได้ “ทหารองครักษ์จากหน่วยลาดตระเวนหรือ? ประหลาดนัก พวกเขามาทำอะไรที่นี่?”
ดวงตาของจิ่งเชียนอิ่งหรี่ลงเล็กน้อย ผุดแววเย็นเยียบ พลันนางตะโกนขึ้น “แย่แล้ว! พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง รีบไปเร็วเข้า!”
[1] เติมบุปผาบนผ้าดิ้นแพร : หมายถึง ทำสิ่งที่เดิมดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นอีก
[2] เหวินชวีซิง : เทพประจำดาวอู่ชวีซิงซึ่งเป็นดาวปัญญาชน เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวเป่ยโต้ว หรือกลุ่มดาวปักเต้า
[3] อู่ชวีซิง : เทพประจำดาวอู่ชวีซิงซึ่งเป็นดาวนักรบ เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวเป่ยโต้วหรือกลุ่มดาวปักเต้า
MANGA DISCUSSION