บทที่ 147 ด่านแรก ทลายกระบวนทัพ (1)
กองทหารชั้นยอดที่อยู่เบื้องหลังเฉิงจางระเบิดเสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าเด็กฉินเฟิงดีแต่ปากจริง ๆ พอเจอสนามรบก็เผยธาตุแท้ บิดาของเขาไม่ใช่เสนาบดีกรมกลาโหมหรอกรึ? ไยเขาไม่เลือกสนับสนุนทหารชั้นยอดจากกรมกลาโหม แต่กลับไปเลือกทหารหน่วยลาดตระเวน ช่างน่าขบขันนัก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทหารหน่วยลาดตระเวนหรือ? หน่วยลาดตระเวนที่รู้จักแต่วิ่งไล่จับหัวขโมย มีความกล้าที่จะลงสนามรบจริงด้วยหรือ? ทุกคนต้องออมมือหน่อยนะ อย่าทุบตีเด็กพวกนี้จนร้องไห้งอแงเล่า”
“เจ้าเด็กฉินเฟิงจะทำลายกระบวนทัพของเราภายในเวลาหนึ่งถ้วยชามิใช่หรือ? ฮึ ๆ ถ้าคนไร้ความสามารถเหล่านี้ทนอยู่ได้ถึงหนึ่งถ้วยชา โดยที่กระบวนทัพไม่แตกพ่ายไปเสียก่อน ข้าจะโขกหัวคำนับยอมรับผิดเลย”
เมื่อฟังคำเยาะเย้ยจากอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าสวีโม่จะโกรธ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
ท้ายที่สุดแล้ว ทหารที่มีตำแหน่งสูงกว่าก็มักจะดูถูกกองกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างหน่วยลาดตระเวนอยู่เสมอ
ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังรักษาความปลอดภัย แม้แต่สิ่งที่เรียกว่ากองกำลังต้องห้ามก็มักจะถูกเยาะเย้ย โดยกองกำลังชายแดนที่แข็งแกร่งจากการสู้รบ
ทันใดนั้น เสียงของฉินเทียนหู่ก็ดังขึ้น “ตั้งกระบวนทัพ!”
หลังจากออกคำสั่งแล้ว เฉิงจางก็เลือกกลยุทธ์ที่เรียบง่ายและหยาบที่สุดอย่างไม่ลังเล นั่นคือการรุดไปข้างหน้า ใช้ประโยชน์จากความกล้าหาญและข้อได้เปรียบในการฝึกฝนของกองทัพที่มีประสบการณ์กดดันกองทัพของสวีโม่
“ประจัญบาน!”
เฉิงจางถือมีดเจาะเกราะที่ไม่ได้ลับคมพุ่งทะยานไปข้างหน้า เข้าหากระบวนทัพของสวีโม่ เบื้องหลังตามมาด้วยนายทหารชั้นยอดสามร้อยนาย ราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ
เมื่อรู้สึกได้ถึงรัศมีของกองทัพมากประสบการณ์ ทหารหน่วยลาดตระเวนทั้งหมดก็กลืนน้ำลาย ฝ่ามือของพวกเขาเริ่มมีเหงื่อออก ที่แย่กว่านั้นคือมีบางคนเอ่ยตะกุกตะกัก และคร่ำครวญ “นี่… นี่คือกองทัพที่มีประสบการณ์อย่างนั้นหรือ! นี่มันแตกต่างเกินไปแล้ว”
สวีโม่สูดหายใจเข้าลึก แล้วตวาดลั่น “ตั้งกระบวนทัพ ป้องกันศัตรู!”
แม้ว่าทหารหน่วยลาดตระเวนจะหวาดกลัวเล็กน้อย แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนอันโหดร้ายของสวีโม่ตลอดทั้งคืน ทุกคนก็สามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตำแหน่งของพวกเขาเข้าที่เข้าทางได้ในระยะเวลาอันสั้น
เนื่องจากการประลองในรอบแรกห้ามใช้โล่ ทหารแถวแรกจึงสามารถพึ่งพาได้เพียงเกราะหนักบนร่างกาย และหอกในมือสำหรับต้านทานแรงกระแทก
ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!…
กองทัพของเฉิงจางปะทะกับแนวหน้า ชุดเกราะปะทะกันส่งเสียงดังสนั่น
เนื่องจากกังวลเกินไป นายทหารแถวหน้าของสวีโม่จึงลืมกระแทกหอกสวนไป คู่ต่อสู้จึงโจมตีเข้าประจัญหน้าโดยตรง หอกยาวที่เตรียมไว้จึงหมดประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างเจ็บแสบของทหารฝ่ายเฉิงจาง ทหารแถวหน้าก็แตกออกแทบจะในทันที
ตามกฎแล้ว การล้มลงพื้นเท่ากับตายในสนามรบ
พริบตาที่ปะทะกัน นายทหารยี่สิบคนแถวแรกถูกกำจัดออกไปอย่างง่ายดาย
กองทัพของสวีโม่ตกอยู่ในความสับสน โดยเฉพาะทหารแนวหน้า เดิมอยากจะหลบหนีออกจากกระบวนทัพตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกทหารที่อยู่ด้านหลังรั้งไว้จนไม่สามารถขยับได้ พวกเขาทำได้เพียงรอความตายอย่างสิ้นหวังเท่านั้น
สวีโม่ที่อยู่ตรงกลางกระบวนทัพเองก็ตกตะลึงเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าความต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายจะมากขนาดนี้ มีนายทหารจำนวนมากถูกกำจัดออกไปจากการปะทะเพียงแค่ครั้งเดียว
พริบตาต่อมา สวีโม่ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้น เนื่องจากการตั้งกระบวนทัพเกราะหนักนั้นเข้มแข็งเป็นอย่างมาก แม้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้จะได้รับการกดดัน แต่รูปแบบกระบวนทัพก็ยังไม่ถึงกับกระจัดกระจายโดยสิ้นเชิง
สวีโม่ไม่มีเวลาให้ลังเล ชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง “กลัวอะไร! ยอดทหารบ้าบออันใด โจมตีเต็มกำลัง มันก็แค่พวกอ่อนแอ ไม่เห็นจะมีอะไร!”
ทันทีที่สิ้นประโยค เหล่าหทารที่ตื่นตระหนกก็มองหน้ากันด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
“กระบวน…กระบวนทัพยังไม่แตกพ่ายจริง ๆ หรือ?!”
“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ พวกเราต้านทานการบุกโจมตีของกองทัพที่มีประสบการณ์ได้”
ดวงตาของสวีโม่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น “บุกตีกลับไป!”
ทหารแถวหน้ารวบรวมความกล้า เริ่มโจมตีกลับโดยอาศัยเกราะที่ทั้งหนาและหนักของพวกเขา
ทหารที่อยู่ข้างหลัง เห็นว่าในมือมีหอกยาวอยู่จึงยืดตัวออกไปตามช่องว่างระหว่างทหารแถวหน้า โดยไม่สนใจว่าจะแทงออกไปโดนเป้าหมายหรือไม่ พวกเขาแค่หลับตาแทงออกไปอย่างบ้าคลั่ง
แม้ว่าหอกยาวจะมีหัวทื่อ แต่ช่วยไม่ได้ที่ทหารฝ่ายเฉิงจางสวมชุดเกราะเบา เมื่อโดนเข้าที่ท้องหรือหน้าอกก็ยังสร้างความเจ็บปวดจนหน้าตาเหยเกได้อยู่ดี
หลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏว่าแนวหน้าของทหารฝ่ายเฉิงจางไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป ถ้าไม่ล้มลงโดยตรงก็ทนความเจ็บปวดไม่ได้จนลงไปนอนกองที่พื้น
เมื่อกองทัพของสวีโม่รักษากระบวนทัพได้อย่างมั่นคง ข้อดีของเกราะหนักก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน นอกจากนี้ สมาชิกทุกคนในกองทัพของสวีโม่ยังติดตั้งหอกยาวด้วย ข้อดีของอาวุธยาว ไม่เพียงแต่มีการป้องกันที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังช่วยเรื่องการโจมตีระยะไกลได้ดีอีก แลดูคล้ายเม่นที่มีขนแหลมคม สามารถโจมตีกองทัพของเฉิงจางจนต้องถอยห่างออกไปมากกว่าสิบจั้ง จนมีผู้ที่โยนชุดเกราะทิ้งไปนับไม่ถ้วน
เมื่อเห็นว่าตราชั่งแห่งชัยชนะกำลังเอียงมาหาตนเอง ความกลัวในใจของเหล่าทหารก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าตราบใดที่พวกเขาทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดก็สามารถต่อสู้กับกองทัพที่มีประสบการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากไม่มีการวางแผนอย่างรัดกุม กองทัพมากประสบการณ์ก็ระส่ำระสายได้เหมือนกัน!
เมื่อจิตใจสงบลง ความร่วมมือของเหล่าทหารก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
แถวหน้าอาศัยเกราะหนาเพื่อต้านทาน ส่วนแถวหลังก็แทงหอกออกไปอย่างดุเดือด พวกเขาบุกโจมตีกองทัพของเฉิงจางจนแตกพ่าย ทหารของเฉิงจางกระจัดกระจายไปทั่วสนาม แต่กองทัพของสวีโม่รักษากระบวนทัพ และอยู่เกาะกลุ่มกันเสมอ
สีหน้าตื่นเต้นของหลี่ซวี่ในตอนแรกเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ และในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น “พวกสวะ! เป็นถึงกองทหารรักษาพระราชวัง กลับถูกหน่วยลาดตระเวนทำลายย่อยยับ!”
ฉินเทียนหู่เองก็แอบประหลาดใจเช่นกัน ในฐานะแม่ทัพที่อยู่ในสนามรบมาก่อน ฉินเทียนหู่รู้ถึงความสำคัญของกระบวนทัพดี ทุกครั้งที่ฉินเทียนหู่นำกองทัพออกจากเมืองเพื่อโจมตีเป๋ยตี๋ ล้วนเป็นเพราะแนวหน้าถูกรบกวน เป็นเหตุให้ทหารม้าเป่ยตี๋ฉวยโอกาสจากสถานการณ์เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ตลอด ทุกครั้งที่ฉินเทียนหู่เกือบจะคว้าชัยมาได้ สุดท้ายก็มักจะกลายเป็นคว้าน้ำเหลว
สวีโม่ผู้นี้รู้วิธีควบคุมกระบวนทัพให้สามัคคีไม่แตกพ่าย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเอาชนะเฉิงจางได้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
ชนะหรือแพ้เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงแย้มพระโอษฐ์แผ่วเบา พลางเอ่ยชื่นชม “ไม่เลว ในบรรดาผู้เข้าคัดเลือกแม่ทัพเหล่านี้ ในที่สุดก็มีคนรู้ถึงความสำคัญของศาสตร์แห่งสงคราม”
ขณะที่พูด ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็เหลือบมองถ้วยชาตรงหน้า พบว่ายังมีไอร้อนลอยขึ้นมาเล็กน้อย เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา กองทัพของเฉิงจางก็พังทลายลงได้จริง ๆ
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเงยพระพักตร์ขึ้น ทอดพระเนตรไปทางฉินเฟิงที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่บนกำแพงเมืองเพื่อให้กำลังใจ พระองค์แย้มพระสรวลอย่างรู้ทัน “เจิ้นก็อยากจะรู้นักว่า แท้จริงแล้วเด็กคนนี้โชคดีหรือเขามีพรสวรรค์ในการเป็นผู้นำทัพจริง ๆ กันแน่”
เสียงของฉินเทียนหู่ดังขึ้น “กองทัพของสวีโม่ชนะ!”
เสียงโห่ร้องยินดีของกองทัพสวีโม่ดังสนั่นด้วยความตื่นเต้น เพราะพวกเขาเอาชนะกองทัพที่เป็นตัวเต็งได้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยกล้าคิดฝันมาก่อน
สวีโม่รีบวิ่งรุดหน้าไปที่กำแพงติดขอบสนามด้วยความยินดี “พี่ฉิน เป็นอย่างที่เจ้าพูด ยึดกระบวนทัพให้หนาแน่นทำให้เราชนะได้จริง ๆ!”
เมื่อเห็นสวีโม่ที่หน้าแดง ตื่นเต้นดีใจจนตาเหลือก ฉินเฟิงก็คว้าถั่วลิสงจำนวนหนึ่งมอบให้ชายหนุ่มเป็นรางวัล ในเวลาเดียวกัน เขาก็เตือนว่า “อย่ามีความสุขเร็วเกินไปนัก ถ้าเป็นเกราะเบาปะทะเกราะเบา พวกเราแพ้แน่! เกราะหนักนี้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อเพิ่มความมั่นใจของเหล่าทหาร ให้พวกเขาเข้าใจว่ากองทัพของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ไร้เทียมทาน ขอเพียงมีความมั่นใจ และเชื่อฟังคำสั่งก็จะชนะการประลองได้”
สวีโม่ในยามนี้มั่นใจในคำพูดของฉินเฟิง ดวงตาของคนหนุ่มร้อนแรงเป็นอย่างมาก “ตราบใดที่เรารักษาแถวหน้าของกระบวนทัพให้มั่นคง เราก็สามารถคว้าชัยได้!”
ฉินเฟิงเอ่ยเรียกสติสวีโม่ “เมื่อครู่นี้ทหารหลายนายก็ถูกศรของคู่ต่อสู้จนล้มลง อีกฝ่ายจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะเป็นแน่ อย่าประมาทไปเชียว”
MANGA DISCUSSION