บทที่ 136 การอนุมานในที่เกิดเหตุ
ท่านหมอหลี่ว์สรุปได้เพียงว่าผู้ตายพลาดกินอาการที่เป็นพิษเข้าไป ส่วนเรื่องพิษปลาปักเป้า เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อเห็นฉินเฟิงชี้ให้เห็นสาเหตุการตายอย่างง่ายดาย ท่านหมอหลี่ว์ก็ประหลาดใจ และเขาไม่อายที่จะถามว่า “นายน้อยฉินก็เคยเรียนรู้การแพทย์ด้วยหรือ?”
ฉินเฟิงไหนเลยจะเคยเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ คณะที่เรียนในมหาวิทยาลัยของเขาห่างไกลจากเรื่องหยูกยาคนละโยชน์ สาเหตุที่เขารู้เรื่องพวกนี้ก็เพราะฉินเฟิงมีความรู้ที่หลากหลาย จากดูภาพยนตร์และรายการในโทรทัศน์ทุกประเภท
ชายหนุ่มเรียนรู้เกี่ยวกับพิษปลาปักเป้าจากรายการทำอาหาร ความรู้เรื่องการทดสอบพิษด้วยเข็มเงินนั้นเป็นผลงานจากละครทีวีจีนโบราณของละครยอดนิยมอย่าง ‘เปาบุ้นจิ้น’ และ ‘ตี๋เหรินเจี๋ย นักสืบคู่บัลลังก์’
เมื่อเผชิญกับคำถามของท่านหมอหลี่ว์ ฉินเฟิงก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม และไม่ได้อธิบาย เขาหันไปเอ่ยกับจี้อ๋องด้วยรอยยิ้มกว้าง “ขอบังอาจถามท่านอ๋องผู้เฒ่า พิษปลาปักเป้านี้ราคาเท่าไหร่หรือขอรับ?”
จี้อ๋องขมวดคิ้ว รีบหลบสายตาของฉินเฟิง และเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าหนู เจ้าถามข้าทำไม? คงไม่ใช่ว่าสงสัยข้ากระมัง?”
ทุกคนต่างก็มึนงงเช่นเดียวกันว่า เหตุใดฉินเฟิงจึงหันหัวหอกไปที่จี้อ๋อง
ฉีหยางจวิ้นจู่ตวาดขึ้นทันที “ฉินเฟิง เจ้ามันไม่รู้จักชั่วดี ท่านอ๋องผู้เฒ่ามักจะเข้าข้างเจ้าอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้เจ้าหลุดพ้นความผิด เจ้าถึงกับใส่ร้ายท่านอ๋องผู้เฒ่า ช่างไร้ยางอายนัก!”
เมื่อเห็นว่าจี้อ๋องโกรธแล้ว ฉินเฟิงก็รีบวิ่งขึ้นไปลูบหน้าอกของท่านอ๋องผู้เฒ่า เพื่อช่วยให้เขาสงบลง และอธิบายด้วยท่าทีประจบประแจง “ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่คิดว่าพิษปลาปักเป้านี้ฆ่าคนได้ไร้ร่องรอย พบเห็นได้ยากจริง ๆ เกรงว่าจะมีราคาสูงอย่างยิ่งยวด ท่านอ๋องรอบรู้ และอาจทรงทราบอะไรบางอย่าง”
ที่แท้เป็นเช่นนี้ สีหน้าของจี้อ๋องดีขึ้นเล็กน้อย “ที่เจ้าเรียกว่าปลาปักเป้าน่าจะเป็นปลาปอด ข้าเคยลงไปทางเจียงหนานเมื่อไม่กี่ปีก่อน และได้พบเห็นปลาชนิดนี้ บางคนเรียกมันว่า ‘จีเป้า’ บางคนก็เรียกว่า ‘ไกวอวี้’ เป็นอาหารอันโอชะของท้องถิ่น มีคำกล่าวท้องถิ่นว่า การได้กินปลาตัวนี้คุ้มค่าพอที่จะตาย”
ไม่ผิดจากที่ฉินเฟิงคาดไว้ จี้อ๋องรู้เรื่องปลาปักเป้า เขารีบยกนิ้วให้ และพยายามประจบสอพลอเต็มที่ “สมกับเป็นท่านอ๋อง ช่างรอบรู้มีประสบการณ์ หลานชายมีไม่ถึงหนึ่งในหมื่นประสบการณ์ของท่านจริง ๆ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของจี้อ๋อง เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าตัวแสบ รู้จักแต่หลอกข้าด้วยกระสุนเคลือบน้ำตาล พิษปลาปักเป้านี้ไม่ได้ผลิตง่ายอย่างที่เจ้าพูด หากใช้ตับปลาปักเป้าตากแห้งและบดเป็นผง พิษก็จะคุณภาพแย่มาก วิธีปรุงนี้ข้าก็รู้ไม่มากนัก ทว่ามีวิธีซื้อ ราคาถูกสุดอยู่ที่ห้าสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งเฉียน”
ฉินเฟิงคิดในใจว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าถ่อมตัวเกินไปแล้วจริง ๆ ดังคำกล่าวที่ว่าตระกูลของราชวงศ์นั้นโหดเหี้ยมมาตั้งแต่โบราณ พิษปลาปักเป้าเป็นสิ่งที่ใช้สังหารคนเพื่อความมั่งคั่ง เกรงว่าราชวงศ์คงจะคุ้นเคยกับพิษนี้เป็นอย่างดีสิไม่ว่า
ในเวลานี้ ฉีหยางจวิ้นจู่เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของฉินเฟิงแล้ว นางเอียงศีรษะ แล้วเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ยาพิษปลาปักเป้านี้มีราคาแพงมาก ห้าสิบตำลึงเงินต่อหนึ่งเฉียน หากมันถูกใช้เพื่อวางยาพิษสามัญชนคนหนึ่งจะไม่ฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อยหรือ? แม้ว่าเจ้าสารเลวฉินเฟิงจะน่าชิงชัง แต่เขาไม่จำเป็นที่จะต้องลำบากเพื่อหาเรื่องคนธรรมดาสามัญกระมัง”
“อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันเปิดหอสุราอย่างยิ่งใหญ่ เว้นเสียแต่หัวของเขาจะถูกประตูหนีบ จึงจะทำเรื่องทุบตีชื่อเสียงของตัวเองเช่นนี้ได้”
แม้ว่าฉีหยางจวิ้นจู่จะไม่ชอบฉินเฟิง แต่นางก็สามารถแยกแยะระหว่างขาวและดำได้อย่างชัดเจน นางหาได้อาศัยโอกาสนี้ล้างแค้นเป็นการส่วนตัว
แม้แต่ฉีหยางจวิ้นจู่ยังพูดเช่นนี้ ความสงสัยต่อฉินเฟิงพลันกระจ่างชัด เหล่าปัญญาชนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ฉินเฟิงก่อนหน้า ต่างก็หน้าแดงหูแดงด้วยความละอายใจ
ปัญญาชนที่ด่านายน้อยฉินอย่างดุเดือดมากที่สุดเมื่อครู่โค้งคำนับทันที พลันกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ “ในเมื่อคนผู้นี้เสียชีวิตด้วยพิษที่เรียกว่ายาพิษปลาปักเป้า จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายน้อยฉินแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ข้าน้อยหุนหันพลันแล่นเกินไป ขอนายน้อยฉินใจกว้างให้อภัยข้าน้อยด้วย”
เมื่อมีคนเป็นผู้นำ คนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นพวกเขาจึงทยอยคำนับขออภัย
ฉินเฟิงจิตใจคับแคบอยู่บ้างจริง ๆ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะเลาะกับคนหนุ่มโง่ ๆ เหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่พบผู้บงการหลังม่านที่แท้จริงด้วย
ฉินเสี่ยวฝูมีตาแหลมคม รู้ว่าก่อนหน้านี้ฉินเฟิงจงใจไม่อธิบาย เพื่อจับผู้บงการทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลัง เขาจึงตะโกนเสียงดังตรงจุดนั้นทันที “บัดซบ! ใครบังอาจใส่ร้ายนายน้อยบ้านข้า! เพื่อทำลายชื่อเสียงหอสุราธารหยก ถึงกับไม่ลังเลที่จะใช้ยาพิษปลาปักเป้านี้ฆ่าคนบริสุทธิ์ หากหาตัวออกมาได้ ไม่สังหารคงไม่อาจระบายความแค้นให้ชาวประชา”
ที่เกิดเหตุพลันมีเสียงดังอึกทึกขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มบัณฑิตที่เกือบจะกล่าวโทษฉินเฟิงด้วยความเข้าใจผิด พวกเขาโกรธยิ่งกว่าเดิม ทั้งหมดขอให้ฉีเชิ่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด และนำตัวฆาตกรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ความตื่นตระหนกในดวงตาของฉีเชิ่งผุดวาบ และหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ฉินเฟิงยังคงสังเกตเห็น
ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ แม้ว่าฉีเชิ่งจะไม่ได้ลงมือทำเรื่องนี้ด้วยตนเอง แต่เขาจะต้องรู้เห็นเรื่องนี้มาก่อน ผู้ร้ายที่แท้จริงจะต้องอยู่ในหมู่ฉีเชิ่งและคนอื่น ๆ ที่มากับเขาแน่
เกรงว่าคนเหล่านี้คงไม่เคยคิดฝันว่า ฉินเฟิงที่เป็นเพียงนายน้อยเจ้าสำราญผู้ไม่เคยออกจากเมืองหลวงจะรู้เรื่องยาพิษปลาปักเป้า
ในเมื่ออีกฝ่ายยื่นมีดให้เอง ฉินเฟิงย่อมไม่เกรงใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เขาสาวเท้าเดินไปหาแม่นางคนนั้น และถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ท่านป้า ข้าสงสัยว่าบุรุษบ้านเจ้า เคยมีปัญหากับใครหรือไม่?”
เมื่อนางรู้ว่าสามีถูกคนชั่วฆ่าตาย นางก็ร้องไห้หนักขึ้น พลางสะอึกสะอื้นพูด “เรียน… เรียนนายน้อย บุรุษบ้านข้าใจดีต่อผู้อื่นมาโดยตลอด ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นเลยเจ้าค่ะ”
ฉินเฟิงส่งเสียงเบา ๆ ว่า “โอ้” ก่อนจะหันกลับมากวาดตามองไปที่ฉีเชิ่งและคนอื่น ๆ และจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ลากยาวว่า “เช่นนั้น คนชั่วนั่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เพียงเพื่อยัดเยียดความผิด ใส่ร้ายชื่อเสียงนายน้อยอย่างข้าหรือ?”
ทันทีที่เอ่ยออกมา ลานนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นทันที นอกจากจะโกรธและขุ่นเคืองแล้ว แขกในที่เกิดเหตุยังตกใจมากกว่าเดิมอีกด้วย
“ไม่ต้องพูดถึงว่านายน้อยฉินเป็นบุตรชายของเสนาบดีกรมกลาโหม เขายังเป็นบุคคลสำคัญแห่งเมืองหลวงเพราะมีเข็มขัดทองคำด้วย ใครกันบังอาจใส่ร้ายเขาเช่นนี้?”
“หรือเป็นเพราะฮ่องเต้โปรดปรานฉินเฟิงมากเกินไป เลยทำให้คนอื่นริษยา?”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ติดเงินต้องชดใช้เงิน ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต คนชั่วที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องได้รับการลงโทษจากสวรรค์!”
เมื่อเห็นฉีเชิ่ง เกาซง และคนอื่น ๆ ใบหน้าซีดเผือด ไม่ปริปากสักคำ ฉินเฟิงก็ไม่รีบร้อน เขาแค่มองไปที่ศพอีกครั้งโดยนึกถึงความรู้ทางนิติเวชผิวเผินที่เรียนรู้มาจากในละครทีวี รวมกับการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการปลูกฝังในมหาวิทยาลัยเป็นเวลาหลายปี และค่อย ๆ วิเคราะห์ออกมา “ประการแรก พิษปลาปักเป้านั้นแพงเกินไป ผู้ที่วางยาพิษจะต้องเป็นคนมีเงิน เมื่อเป็นเช่นนี้ขอบเขตที่ใช้หาตัวผู้สังหารก็จะลดลงมากกว่าครึ่ง”
“นอกจากนี้ หากอีกฝ่ายตั้งใจจะใส่ร้ายข้าก็ต้องเป็นศัตรูของข้า หลังจากคิดดูแล้ว ข้าก็ตระหนักว่าผู้ที่ข้าเป็นศัตรูด้วยคือบรรดาบุตรหลานขุนนางแห่งเมืองหลวง…”
“เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดหอสุรา ด้วยความรักของทุกคน กิจการของข้าจึงได้รับการตอบรับดีเยี่ยม ทุกคนล้วนนั่งโต๊ะเดียวกัน เหตุใดคนผู้นี้จึงถูกวางยาในขณะที่เพื่อนร่วมโต๊ะไม่เป็นอะไร? สันนิษฐานว่ามีเพียงคนผู้นี้เท่านั้นที่สัมผัสพิษปลาปักเป้า”
“แสดงว่ายาพิษปลาปักเป้าฉาบอยู่บนตะเกียบหรือถ้วยสุราเท่านั้น ตราบใดที่รู้ว่าใครแตะต้องตะเกียบหรือถ้วยสุราของคน ๆ นี้ ก็จะสามารถสืบหาผู้กระทำผิดได้”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของฉีเชิ่งและคนอื่น ๆ พลันดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด…
MANGA DISCUSSION