บทที่ 135 นี่ไม่ใช่อาการของอาหารเป็นพิษ
ตามคำสั่งของฉีเชิ่งกลุ่มมือปราบรีบเข้าไปในห้องโถงหอสุราธารหยก สถานการณ์เริ่มร้ายแรงถึงขีดสุด แต่ฉินเฟิงก็ยังคงทำเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง เขาเอนกายพิงโต๊ะ เดี๋ยวก็เกาก้น เดี๋ยวก็แคะจมูก ราวกับว่าไม่สามารถควบคุมตนเองให้อยู่นิ่ง ๆ ได้
เขาไม่ได้แก้ตัว ไม่ได้ต่อต้าน หรือวิ่งหนี แค่ยืนอยู่ตรงจุดเดิมด้วยสีหน้าซื่อบื้อและตลกขบขัน
ปฏิกิริยาของฉินเฟิงที่สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านใด ๆ จะทำให้แขกที่อยู่รอบ ๆ คิดอย่างไร ก็ไม่อาจเข้าใจได้
ฉินเฟิงผู้นี้ยังมีอะไรให้พึ่งพิงอยู่อีกหรือ?
ตอนนี้เอง ฉินเสี่ยวฝูก็เข้ามายืนบังเบื้องหน้าฉินเฟิง เขาตวาดใส่มือปราบที่กำลังแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ “บังอาจ! นายน้อยของข้ามีเข็มขัดทองคำ มีเพียงศาลต้าหลี่เท่านั้นที่มีสิทธิ์ เจ้ากล้าแอบอ้างสิทธิ์อย่างนั้นรึ?!”
ฉินเสี่ยวฝูที่มักจะประจบประแจงราวกับสุนัขรับใช้ ในช่วงเวลาสำคัญกลับปกป้องเจ้านายอย่างภักดีโดยไม่ลังเล สิ่งนี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกซาบซึ้ง และปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
เด็กดี กลับบ้านไปข้าจะให้เจ้าเลื่อนตำแหน่ง และขึ้นเงินเดือนให้ด้วย!
ฉีเชิ่งเหลือบมองฉินเสี่ยวฝูด้วยสายตาดูถูก “ทาสต่ำต้อยเช่นเจ้ามาจากที่ใดกัน? เจ้ามีสิทธิ์พูดอย่างนั้นหรือ? รีบไสหัวหลีกไปเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกจับกุมและถูกลงโทษทันที!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของฉีเชิ่ง ฉินเสี่ยวฝูก็หน้าซีด และหวาดกลัวมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงบุญคุณความแค้นระหว่างนายน้อยกับเจ้ากรมเมือง หากเขาถูกจับได้จะต้องถูกถลกผิวหนังอย่างแน่นอน
ฉินเสี่ยวฝูรู้สึกว้าวุ่นใจ แต่แทนที่จะถอย เขากลับยอมทุ่มสุดตัว พลางตะโกนปฏิเสธเสียงดัง “ฮ่องเต้พระราชทานเข็มขัดทองคำให้นายน้อยของข้า แต่ใต้เท้าฉีกลับไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง หรือว่าใต้เท้าไม่แม้แต่จะเห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา? อย่าว่าแต่คดีฆาตกรรมนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายน้อยของข้าเลย ต่อให้เขาจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ยังไม่ใช่หน้าที่ของท่านที่จะลงโทษเขา”
ขณะที่พูด ฉินเสี่ยวฝูก็แยกเขี้ยวยิงฟันใส่มือปราบที่อยู่ตรงหน้า “ผู้ใดกล้าลงมือ? ข้าจะสู้ตายกับมัน!”
ปกติแล้วฉีเชิ่งย่อมไม่เห็นบ่าวไพร่คนหนึ่งอยู่ในสายตา ในขณะที่เขากำลังจะสั่งกำจัดนายบ่าวคู่นี้ จู่ ๆ จี้อ๋องก็ขัดบรรยากาศอันตึงเครียดด้วยเสียงทุ้มลึก
“มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในเมืองหลวง ใต้เท้าฉีมีอำนาจเข้าแทรกแซง ทว่าการทำโทษฉินเฟิงโดยไม่คำนึงถึงเข็มขัดทองคำ เกรงว่าจะไม่ใช่เพียงแค่การก้าวล่วงอำนาจ แต่เป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง!”
น้ำเสียงของจี้อ๋องจริงจังเป็นอย่างยิ่ง สถานที่ที่แต่เดิมมีเสียงอึกทึกวุ่นวายพลันเงียบกริบในพริบตา
แม้ว่าฉีเชิ่งจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่มีความกล้าจะเป็นปฏิปักษ์กับจี้อ๋อง เจ้ากรมเมืองรีบก้มศีรษะคำนับ “ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว ต่อให้จะมอบหนึ่งร้อยความกล้า ข้าน้อยก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่นเบื้องสูง เพียงแต่ในฐานะเจ้ากรมเมือง คดีฆาตกรรมนี้ข้าน้อยไม่อาจไม่สอบถามได้”
จี้อ๋องย่อมเข้าใจเจตนาของฉีเชิ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ใดในเมืองหลวงจะไม่รู้บ้างว่า ฉีเชิ่งเป็นลูกศิษย์ของมหาเสนาเกา?
จี้อ๋องแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา แล้วไม่สนใจฉีเชิ่งอีกต่อไป เขาหันกลับมาพูดกับฉินเฟิงด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ฉีเชิ่งในฐานะเจ้ากรมเมืองย่อมมีเหตุผลที่จะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินเฟิงเจ้าเลิกคิดต่อต้านเสีย! หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าจริง ๆ ข้าก็จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด”
ฉินเฟิงที่ปฏิเสธจะให้ความร่วมมือเมื่อครู่ เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลีงมือทันที เขารีบตรงไปที่ข้างกายจี้อ๋อง และร้องทุกข์พลางน้ำหูน้ำตาไหล ราวกับว่าเป็นบ่าวที่เจ้านายไม่ให้ความเป็นธรรม “นี่เป็นเรื่องใส่ร้ายกันชัด ๆ ท่านอ๋องโปรดให้ความเป็นธรรม! วันนี้เป็นวันสำคัญของการเปิดหอสุราธารหยก ดังนั้นวัตถุดิบทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบสดใหม่ที่ซื้อมาจากตลาดเช้า ไม่ว่าหลานจะโง่ขนาดไหน หลานจะย้อมแมวขาย และทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองในวันเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ?”
จุดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้จี้อ๋องรู้สึกแปลกใจเช่นกัน ฉินเฟิงเจ้าเด็กตัวเหม็นที่ฉลาดและซุกซนเหมือนลิงมาโดยตลอด จะทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไร?
จี้อ๋องถามต่อทันที “พูดโดยไม่มีหลักฐานจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้อย่างไร?”
ฉินเฟิงมีกลยุทธ์อยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับแสดงอาการตื่นตระหนก “ทักษะทางการแพทย์ของท่านหมอหลี่ว์มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมานานแล้ว ในเมื่อท่านหมอหลี่ว์กล่าวว่าคนผู้นี้ป่วยเนื่องจากกินของผิดปกติเข้าไป เช่นนั้นย่อมจริงแท้แน่นอน”
ทันทีที่เขาพูดออกมา ดวงตาของฉีเชิ่งก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย เขาจึงรีบตะคอกเสียงต่ำ “พูดเช่นนี้ เจ้ายอมรับสารภาพแล้วรึ?”
เมื่อเห็นท่าทางอดรนทนไม่ไหวของฉีเชิ่ง ฉินเฟิงก็เย้ยหยันอยู่ในใจ วิธีการใส่ร้ายคนที่ต่ำช้าแบบนี้ ไร้สาระเกินไปแล้วจริง ๆ
ฉินเฟิงเมินเฉยต่อฉีเชิ่ง และแสร้งพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย “เพียงแต่ข้าน้อยคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ข้าน้อยไม่มีความแค้นใด ๆ ต่อคนผู้นี้ ดังนั้นข้าจะวางยาพิษเขาไปทำไม? หากไม่ใช่การวางยาพิษ และต่อให้เป็นความผิดพลาดจากการกินอาหารเน่าเสีย อย่างมากก็คงทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนเท่านั้น อาหารที่สามารถพรากชีวิตคนได้ ข้าน้อยนึกออกเพียงสองสิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือเห็ดพิษ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝูงชนก็เริ่มกระสับกระส่าย เพราะอาหารวันนี้มีเห็ดอยู่ด้วย!
โดยเฉพาะแขกที่กินเห็ด ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าหวาดผวา พากันตะโกนใส่ฉินเฟิง “ฉินเฟิง เห็ดที่ใช้ในหอสุราของเจ้ามาจากที่ไหน? คงไม่ใช่ว่าเจ้าหาซื้อเห็ดพิษราคาถูก และไม่ทราบที่มาหรอกกระมัง?”
เมื่อเผชิญกับคำถามนี้ ฉินเฟิงก็เอ่ยด้วยสีหน้าอย่างคนบริสุทธิ์ “อย่าแต่ว่าเห็ดเหล่านี้ไม่มีพิษเลย ต่อให้เป็นเห็ดที่มีพิษร้ายแรงที่สุด ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันนับจากเวลาที่กินเข้าไปจนถึงเวลาที่พิษแพร่กระจาย มีอย่างที่ไหนกินแล้วตายประเดี๋ยวนั้นเลย? หากเจ้าไม่เชื่อก็สามารถขอให้ท่านหมอหลี่ว์ยืนยันได้”
ท่านหมอหลี่ว์พยักหน้า “คำพูดนี้เป็นความจริง ใครก็ตามที่เผลอกินเห็ดพิษเข้าไป จะมีอาการประสาทหลอน และต้องทนทุกข์ทรมานหลายวันก่อนจะเสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าถูกพิษจากเห็ดหรืออาหารเป็นพิษทั่วไป ตาแก่อย่างข้าก็มั่นใจว่าสามารถตรวจพบมันได้ ทว่าคน ๆ นี้ถูกพิษจากการพลาดกินอาหารผิด ส่วนท้ายที่สุดแล้วเขากินอะไรเข้าไปกันแน่นั้น ตาแก่อย่างข้ายากที่จะรู้ได้…”
เมื่อตระหนักว่าเห็ดในหอสุราไม่มีปัญหา ทุกคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฉินเฟิงยังคงพูดกับตัวเองต่อไป “นอกจากเห็ดพิษแล้ว ยังมีอาหารประเภทหนึ่งที่สามารถช่วงชิงชีวิตคนได้ นั่นก็คือปลาที่มีชื่อว่า ‘ปลาปักเป้า’ ตับของปลาชนิดนี้มีพิษสูง หากรับประทานโดยไม่ตั้งใจ จะสามารถพรากชีวิตคนได้ในระยะเวลาอันสั้น”
ทุกคนในที่นั้นดูสับสน พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องปลาปักเป้าชนิดนี้มาก่อน
เนื่องจากความยากลำบากในการขนส่งและการเก็บรักษา นอกจากท้องที่ที่มีปลาปักเป้าแล้ว ในภูมิภาคอื่นอย่าว่าแต่รับประทานปลาชนิดนี้เลย เพราะแม้แต่ชื่อก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
ฉีหยางจวิ้นจู่ไม่คิดว่าฉินเฟิงจะมีความรู้มากขนาดนี้ หลังจากรู้สึกแปลกใจก็ถามขึ้นเล่น ๆ ว่า “มีปลาปักเป้าอยู่ในหอสุราของเจ้าหรือไม่?”
ฉินเฟิงอธิบายตามความเป็นจริง “ปลาปักเป้ามีอยู่หลายแห่งในต้าเหลียง แต่พวกมันอยู่ห่างจากเมืองหลวงหลายพันลี้จึงไม่มีทางขนส่งมาที่นี่ได้ นอกจากนี้ ปลาปักเป้ายังมีพิษ หากถูกบังคับให้ขนส่งมายังเมืองหลวงย่อมถูกทางการสอบสวนและปรับเงิน ทั้งยังอาจถูกตราหน้าว่าเป็นคนฆาตรกรที่ฆ่าคนเพื่อเงินได้”
“ดังนั้นวิธีเดียวที่จะทำได้คือ ตากตับของปลาปักเป้าให้แห้งและบดเป็นผง จากนั้นจึงค่อยนำส่งเข้าเมืองหลวง ใช้ฆ่าคนเพื่อความมั่งคั่ง! หากคนผู้นี้ถูกพิษจากการพลาดกินอาหารผิดจริงและเสียชีวิตในชั่วระยะเวลาอันสั้น ก็คงจะต้องถูกพิษปลาปักเป้าเป็นแน่ ข้าน้อยหารู้จักคนผู้นี้ไม่ จะเปลืองเวลาไปวางยาพิษเขาทำไมกัน?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ บรรดาแขกที่โกรธแค้นก็สงบลง อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะของฉินเฟิงก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อวางยาพิษแก่สามัญชนธรรมดา ๆ สักคน
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ฉินเฟิงก้าวไปด้านข้างศพ ชายหนุ่มนั่งยอง ๆ แล้วประเมินอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “มีร่องรอยของน้ำลายอยู่ที่มุมปาก และใบหน้าศพเป็นสีม่วง นี่เป็นสัญญาณของการถูกวางยาพิษจริง ๆ ส่วนสาเหตุที่ข้าน้อยคิดว่าผู้ตายถูกวางยาพิษด้วยพิษปลาปักเป้า เพราะพิษทั่วไปหลายชนิดสามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีการเฉพาะ อย่างไรก็ตาม พิษปลาปักเป้าสามารถปลอมแปลงได้ว่าเกิดจากอาการอาหารเป็นพิษ และไม่อาจตรวจพบโดยเข็มเงินและวิธีอื่น ๆ ได้”
“ดังนั้นท่านหมอหลี่ว์ตรวจไม่พบย่อมเป็นเรื่องปกติ”
MANGA DISCUSSION