บทที่ 130 ผู้สูงศักดิ์มาเยือน
จี้อ๋องค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องโถงท่ามกลางการจับจ้องของทุกคน ทันทีที่เขาปรากฏตัว หอสุราธารหยกพลันเดือดพล่าน นอกจากเสียงทักทายต่าง ๆ แล้วยังมีเสียงพูดคุยอย่างดุเดือดตามมา
“ถึงจะอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันและนามของจี้อ๋องก็คุ้นหู แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับเกียรติพบตัวจริง แม้ว่าท่านจะชราภาพแล้ว แต่ก็สมกับที่เป็นพระญาติของฮ่องเต้ ความน่าเกรงขามโดยกำเนิดช่างน่าเลื่อมใสนัก”
“หยุดพูดจาประจบสักที จี้อ๋องไม่ได้ยินเสียหน่อย”
“ถูกต้อง จี้อ๋องมาที่นี่เพื่อฉินเฟิง เกี่ยวอะไรกับปัญญาชนกระจอก ๆ อย่างเจ้ากัน? จะอวดเก่งหาอันใด!”
“พ่อค้ามีสถานะต่ำที่สุดในบรรดาสี่ชนชั้นอาชีพอันได้แก่ บัณฑิต เกษตรกร กรรมกร และพ่อค้าวาณิชย์ ตลอดประวัติศาสตร์ต้าเหลียงร้านค้าไหนเลยจะมีขุนนางมาแสดงความยินดีทันทีที่เปิดกิจการ? อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ด้วย นี่มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ”
ฉีเชิ่งลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินไปทีละสองสามก้าวเพื่อต้อนรับ เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพนอบน้อม “ข้าน้อยคือเจ้ากรมเมืองฉีเชิ่ง ขอถวายบังคมท่านอ๋องผู้เฒ่า ท่านอ๋องผู้เฒ่าโปรดยกโทษให้ความสะเพร่าที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับของข้าน้อยด้วย”
จี้อ๋องเหลือบมองฉีเชิ่งและตอบส่ง ๆ “ไม่เป็นไร วันนี้ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อแสดงความยินดีกับการเปิดหอสุราของฉินเฟิง ใต้เท้าฉีไปทำในสิ่งที่ต้องทำเถอะ”
กล่าวจบจี้อ๋องก็ไม่สนใจฉีเชิ่งอีก เขามองไปที่ห้องโถงหอสุราที่แน่นขนัดไปหมด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “มองไม่ออกจริง ๆ ว่านายน้อยฉินไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ทางทหาร แต่ยังเป็นมือดีในการทำกิจการอีกด้วย เปิดกิจการวันแรกก็มีโชคชัยเงินทองไหลมาเทมา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าภายในไม่กี่วันที่นี่จะต้องกลายเป็นหอสุราชั้นนำในเมืองหลวงแน่”
หลังจากได้รับการชื่นชมจากท่านอ๋องผู้เฒ่าต่อหน้าทุกคน ศีรษะของฉินเฟิงก็เกือบจะเชิดขึ้นเสมอท้องฟ้า
ในงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของจี้อ๋องครั้งก่อน ฉินเฟิงปีนไปเพื่อเกาะจี้อ๋องโฆษณาน้ำตาล เพียงแค่จี้อ๋องพูดตามมารยาทสองสามคำ เขาก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย ครานี้จี้อ๋องจึงมาเพื่อแสดงความยินดีกับฉินเฟิงในการเปิดร้าน ไม่มีใครสงสัยความสัมพันธ์เบื้องลึกของทั้งสองคนแต่อย่างใด
แขกทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนอิจฉาตาร้อน
ในขณะที่ฉินเฟิงกำลังตัวลอยก็ถูกเตะเข้าที่ก้น เมื่อหันกลับมาถึงพบว่าหลิ่วหงเหยียนกำลังจ้องเขม็ง นางกระซิบเบา “มัวยืนนิ่งอะไรอยู่ แม้แต่มารยาทก็ไม่มี รีบคำนับท่านอ๋องผู้เฒ่าเร็วเข้า!”
จากนั้นฉินเฟิงจึงได้สติกลับมา ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “ข้ายังคิดอยู่ว่า เมื่อเช้านี้เหตุใดถึงได้ยินเสียงนกสี่เชวี่ย*[1] ร้องที่หน้าประตู ที่แท้เป็นเมฆสีม่วงมงคล*[2] จากทิศตะวันออกที่พัดพาจี้อ๋องมาที่นี่ ท่านอ๋องเฒ่าผู้สูงศักดิ์เหยียบย่างมายังหอสุราแห่งนี้ ร้านเล็ก ๆ ของข้าย่อมเจริญรุ่งเรืองด้วยรัศมีของท่านอ๋องแล้ว”
ทุกคนในที่นั้นตะลึงงันไปชั่วขณะ ในใจรู้สึกดูถูก
รู้จักทำไม่สู้รู้จักพูด ฉินเฟิงผู้นี้เป็นขุนนางขี้ประจบแต่กำเนิดโดยแท้!
ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าของเขานั้นในประวัติศาสตร์ไม่มีใครเทียบได้ ความสามาร5ในการประจบประแจงนั่นหลายคนเทียบไม่ติด!
ไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนี้สามารถเกาะจี้อ๋องได้ ความไร้ยางอายของเขายากที่คนอื่นจะเลียนแบบ
จี้อ๋องรู้สึกปลาบปลื้มใจเพราะการประจบสอพลอประเคนสร้อยมุกกำไลหยกของฉินเฟิง เขาเอ่ยด้วยสีหน้าสดใส “ฮ่า ๆๆๆ ปากของเด็กน้อยอย่างเจ้านี่นะ สามารถทำให้คนตายมีชีวิตขึ้นมาได้โดยแท้”
ในตอนนี้เองบ่าวรับใช้หลายคนก็เดินมาพร้อมกับหิ้วแผ่นป้ายที่มีตัวอักษรสีทองสี่ตัวอย่าง ‘เงินทองไหลมา’
ก่อนที่จี้อ๋องจะเอ่ยปาก ฉินเฟิงก็วิ่งเข้าไปหา เขาตะโกนอย่างตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาที่คาดไม่ถึง “ท่านอ๋องผู้เฒ่ามาอย่างเดียวก็พอแล้วจะเอาแผ่นป้ายมาด้วยทำไมขอรับ ฉินเสี่ยวฝู เจ้าไปตายอยู่ที่ไหน? รีบมารับไปเร็วเข้า”
ฉินเฟิงเปล่งเสียงในลำคอราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน เขาสั่งให้ฉินเสี่ยวฝูและบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ถือแผ่นป้ายไปรอบ ๆ ห้องโถง หลังจากอวดเพียงพอแล้วก็แขวนมันไว้บนผนัง
หลี่รุ่ยเม้มริมฝีปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา ความริษยา และความเกลียดชัง
จี้อ๋องเมินเฉยต่อสายตาแปลก ๆ จากคนรอบตัว เขามองดูฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มกว้าง เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้แปลกนัก แต่ยิ่งมองเท่าไรเขาก็ยิ่งชอบอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น อ๋องเฒ่าประสานมือไพล่หลังแล้วพูดอย่างมีเลศนัย “มา ทำบัตรผ่านประตูให้ข้าที”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง เขาพูดอย่างเขินอาย “ท่านอ๋อง ท่านจงใจล้อเลียนหลานแล้ว นี่คือหอสุราของพวกเรา ทานอาหารในหอสุราของเราเองต้องจ่ายเงินที่ไหนกัน?”
หอสุราของเราเอง? จี้อ๋องตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง “เจ้าเด็กตัวเหม็น รู้จักพูดคำที่ข้าอยากได้ยินเสียด้วย แต่ข้าต้องซื้อบัตรอย่างไรก็ต้องซื้อ! ข้าจะเป็นผู้ละเมิดกฎได้อย่างไร?”
ฉินเฟิงหาทางลงให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว ดึงบัตรผ่านประตูสีทองออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นออกไปด้วยมือทั้งสองข้าง “ด้วยฐานะท่านอ๋อง ห้องส่วนตัวบนชั้นสองนี้ย่อมไม่เหมาะสม ห้องแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสาม หลานสงวนไว้สำหรับท่านอ๋องแล้วขอรับ”
จี้อ๋องไม่ปฏิเสธและหยิบบัตรระดับหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ เขาให้บ่าวรับใช้จ่ายเงินเล็กน้อยพอเป็นพิธี จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดสู่ห้องแขกสูงศักดิ์ชั้นสามไปพร้อมกับฉินเฟิง ที่ตอนนี้ตามประจบประแจงอย่างรู้งาน
เดิมทีฉินเฟิงวางแผนจะส่งจี้อ๋องถึงที่ห้องแขกสูงศักดิ์ แต่ทันทีที่เขาเดินขึ้นบันไดก็ได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้งจากนอกประตู
คราวนี้เสียงแหลมมาก เหมือนเสียงคนจากวังหลวงไม่มีผิด
“ขอแสดงความยินดีกับการเปิดหอสุราธารหยก องค์ชายเจ็ดได้ส่งบ่าวมามอบผ้ายแสดงความยินดี เชิญคุณชายฉินออกมาตอนรับด้วย!”
ห้องโถงหอสุราที่แต่เดิมก็วุ่นวายอยู่แล้ว เสียงดังขึ้นไม่หยุด
การมาถึงของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์และจี้อ๋องทำให้ทุกคนอิจฉาและริษยา แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่า ‘องค์ชายเจ็ด’ มอบของขวัญให้ฉินเฟิง สถานที่นั้นก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที
หารู้ไม่ว่า ฉินเฟิงประหลาดใจมากกว่าแขกที่มาใช้บริการเสียอีก เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำ “องค์ชายเจ็ด?! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ตามความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ฉินเฟิงย่อมรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ขององค์ชายเจ็ด แต่เนื่องจากองค์ชายเจ็ดประทับอยู่แต่ในวังหลวงเป็นเวลานาน ฉินเฟิงจึงไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับองค์ชายเจ็ดมาก่อน
ทว่าในเวลานี้ จู่ ๆ องค์ชายเจ็ดก็ส่งคนมามอบป้ายแสดงความยินดี ซึ่งเหนือความคาดหมายของฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง
หากองค์ชายรองรู้เรื่องนี้ เขาจะเข้าใจผิดว่าเขาเริ่มเข้าฝักฝ่ายแล้วหรือไม่?
ทันใดนั้นฉินเฟิงก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ขณะที่เขากำลังจะออกไปทักทาย เสียงแหลม ๆ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“องค์ชายรองแสดงความยินดีกับการเปิดหอสุราธารหยก และส่งบ่าวมามอบป้ายแสดงความยินดี!”
หอสุราธารหยกที่เดิมมีเสียงอึกทึกพลันตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนมองหน้ากันราวกับว่าพวกเขาอยู่ในความฝัน
ฉินเฟิงก็สับสนเช่นกัน นี่มันเกิดบ้าบออะไรกัน? เรื่ององค์ชายเจ็ดช่างมันเถอะ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่มิตรแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่ศัตรูของอีกฝ่าย
แต่กิจการหลายแห่งภายใต้ชื่อขององค์ชายรองถูกฉินเฟิงบีบจนอยู่ไม่ได้ในเวลานี้ เขาควรจะทรมานฉินเฟิงให้ตายสิ องค์ชายรองไม่ใช้โอกาสนี้สร้างปัญหาก็แล้วไป แต่ทำไมเขาถึงส่งของขวัญมาได้?
ในขณะที่ฉินเฟิงตกอยู่ในภาวะสับสน เสียงอันหวานหยดย้อยติดจะเจ้าเล่ห์ก็ดังขึ้นนอกประตู
“องค์หญิงใหญ่ทรงแสดงความยินดีในการเปิดหอสุราธารหยก ฉินเฟิง ทำไมยังไม่รีบไสหัวออกมาต้อนรับ!”
เสียงนั่น…
ฉินเฟิงไม่มีวันจำผิดพลาด นั่นคือฉีหยางจวิ้นจู่!
บัดซบหรือเป็นเพราะเสน่ห์ของเขาแรงเกินไปจนยึดครองโลกได้แล้ว?
ฉินเฟิงสงสัยในตนเองนัก
ใบหน้าของพี่หญิงรองหรือหลิ่วหงเหยียนแดงก่ำ พระญาติของราชวงศ์ต่างก็มาแสดงความยินดีทีละคน ช่างเป็นเกียรติอะไรเช่นนี้?
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กตัวเหม็นฉินเฟิงที่มีความคิดชั่วร้ายเต็มกระเพาะแอบไปแจ้งเบาะแสศาลต้าหลี่ จนขุนนางแห่งเมืองหลวงต้องหลีกเลี่ยงปัญหาและประหยัดค่าใช้จ่าย เกรงว่าขุนนางกรมกลาโหมทั้งคณะคงจะมาที่นี่ด้วยเช่นกัน…
แค่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั่งทั้งราชสำนักก็สามารถทำให้หอสุราระเบิดได้แล้ว!
MANGA DISCUSSION