บทที่ 128 ประหยัดอดออม
ทว่าทันทีที่สิ้นประโยค ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหมือนบ่าวรับใช้ก็วิ่งเข้ามาคารวะจ้าวฉางฟู่ “คารวะหลงจู๊จ้าว นายท่านจวนข้าให้มาแจ้งว่าห้องที่จองไว้คืนนี้ขอยกเลิก และขอให้หลงจู๊จ้าวคืนเงินมัดจำให้ด้วยขอรับ”
“หืม? อะไรนะ?” จู่ ๆ ใบหน้าของจ้าวฉางฟู่ก็ย่ำแย่ลง เขาเหลือบตามองบ่าวรับใช้แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายท่านหวังก็เปลี่ยนไปอุดหนุนฉินเฟิงรึ หึ กลับไปบอกนายท่านของเจ้าด้วยว่า เขาอยากจะกินอะไรก็กินไปเถอะ แต่เส้นสายน่ะอย่าไปหามั่วซั่ว ไม่อย่างนั้นเดือดร้อนขึ้นมา จะหาว่าข้าไม่เตือน”
บ่าวรับใช้อดไม่ได้ที่จะกินปูนร้อนท้อง รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “หลงจู๊จ้าวเข้าใจผิดแล้ว แม้ว่านายท่านจวนข้าจะไม่มีอะไรกินก็ไม่มีทางไปอุดหนุนฉินเฟิง”
จ้าวฉางฟู่ขมวดคิ้ว แม้ว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายจะทำให้ผ่อนคลายลงมาก แต่เขาก็ยังสงสัย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมจึงยกเลิกการจองอย่างกะทันหันเล่า? ข้าจำได้ว่าคืนนี้นายท่านหวังจะต้องเลี้ยงต้อนรับแขกท่านหนึ่งไม่ใช่หรือ”
บ่าวรับใช้ยกมือขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “งานเลี้ยงก็ยังคงต้องจัดขอรับ แต่เปลี่ยนเป็นจัดที่จวน ไม่รู้ว่าใครมันไปฟ้องร้องที่ศาลต้าหลี่ว่าขุนนางในเมืองหลวงใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีเงินไปทำสงครามแต่มีเงินเสพสุข ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเส้นทางการเงินที่ไม่ทราบแหล่งที่มาแน่ชัด ศาลต้าหลี่ไม่พอใจอย่างมากจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่กรมขุนนางสอบสวนเรื่องนี้โดยละเอียด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของบ่าวรับใช้เต็มไปด้วยความกลัว เขาพูดอย่างประหม่า “ในช่วงเวลาปั่นป่วนนี้ ใครจะกล้าออกมาใช้เงินเล่า หลงจู๊จ้าวโปรดเข้าใจด้วย เงินมัดจำถ้าคืนได้ก็คืน ถ้าคืนไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่เป็นไรขอรับ”
ใบหน้าของจ้าวฉางฟู่ย่ำแย่มาก ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ ใครมันวอนหาเรื่องเช่นนี้ ถึงกับไปฟ้องร้องที่ศาลต้าหลี่ อยากจะเป็นศัตรูกับขุนนางทั้งเมืองหลวงรึ?
แม้ว่าเขาจะไม่ยินดีแต่จ้าวฉางฟู่ก็ยังคงคืนเงินมัดจำไป อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นถึงลูกค้าประจำ เงยหน้าไม่พบก้มหน้าก็ได้เจอ ไม่ควรทำให้มองหน้ากันไม่ติด
ทันทีที่บ่าวรับใช้จวนสกุลหวังจากไป ก็มีบ่าวรับใช้อีกสองคนเดินทางเข้ามาพร้อมกัน ทั้งยังขอยกเลิกการจองโต๊ะเช่นเดียวกันอีก
เหตุผลที่ให้มาก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการ
จ้าวฉางฟู่ฟังเหตุผลจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
หอสุราของเขาอาศัยคนเหล่านี้เพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ตอนนี้คนเหล่านี้ยกเลิกการจองหมดแล้ว จะให้เขาเปิดกิจการต่อไปได้อย่างไร
ทว่า มันยังไม่จบ
หลังจากนั้นคนอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาพร้อมเหตุผลเดียวกันทุกประการอีก
เป็นเช่นนี้ตลอดทั้งวัน มีบ่าวรับใช้จากหลายสิบจวนมายกเลิกการจอง ด้วยเหตุผลสอดคล้องกันอย่างน่าประหลาด พวกเขาล้วนกังวลว่าจะถูกเจ้าหน้าที่กรมขุนนางสอบสวน!
หลังจากส่งคนเหล่านี้ออกไป ร่างกายของจ้าวฉางฟู่ก็อ่อนลง เขาทรุดตัวลงนั่งด้านหลังโต๊ะคิดเงิน และมึนงงอยู่เป็นเวลานาน
ในที่สุดก็หยิบถ้วยชาขึ้นมา พลันเขวี้ยงมันลงบนพื้น หลงจู๊จ้าวเดินอาด ๆ ออกไปหน้าประตูร้าน หันหน้าตะโกนด่าไปในทิศที่ตั้งของหอสุราธารหยก “ไอ้ฉินเฟิง! เจ้าคนหน้าด้าน! ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อหาเงิน! คนที่รายงานเรื่องนี้ต่อศาลต้าหลี่ ถ้าไม่ใช่เจ้าเป็นคนบ่งการก็คงเป็นผีสางวิญญาณร้ายเป็นแน่!”
ด่าไปด่ามา จ้าวฉางฟู่ก็ท้อแท้ใจ ทรุดตัวลงที่ธรณีประตู แววตาของเขาฉายความสิ้นหวังเด่นชัด
ตอนนี้ลูกค้าขาจรก็ถูกแย่งไป ลูกค้าประจำก็ไม่กล้ามา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานหอเซียนเมามายจะต้องรกร้างเป็นแน่
จ้าวฉางฟู่อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา นอกจากจะโกรธแล้ว เขายังแอบสาปแช่งตัวเองที่โชคไม่ดีด้วย ทำไมเขาจึงไปมีปัญหากับฉินเฟิงกอเอี๊ยะหนังสุนัข*[1] ผู้นั้นได้ ใครก็ตามที่ถูกเจ้านั่นตามติดล้วนต้องถูกถลกหนังออกทั้งสิ้น
“ฮัดชิ้ว…”
จู่ ๆ ฉินเฟิงก็จามเสียงดัง ชายหนุ่มลูบจมูกไปมา แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าให้รู้นะว่าใครแอบด่าข้าลับหลัง!”
สิ้นประโยค เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้าโสตประสาทของเขา
“ฮึ นายน้อยฉิน กิจการไปได้ดีเลยนี่!”
ฉินเฟิงหันกลับมาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย คนคุ้นเคยสองสามตนยืนอยู่หน้าโต๊ะคิดเงิน ผู้พูดก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเจ้ากรมเมืองฉีเซิ่ง ข้างกายเขายังมีเกาซงบุตรชายมหาเสนาเกา หลี่รุ่ยบุตรชายเสนาบดีกรมคลัง เฉิงฟาบุตรชายเลขาธิการกรมคลัง รวมไปถึงหนิงหู่ท่านโหวน้อยแห่งจวนหย่งอันโหวด้วย
คนกันเองทั้งนั้น!
ฉินเฟิงรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้า “ใต้เท้าฉี ลมพายุอันใดหอบท่านมาถึงที่นี่ได้เล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉีเชิ่งก็ไม่พอใจ เอ่ยเสียงต่ำด้วยใบหน้ามืดมน “นายน้อยฉิน ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าได้สร้างปัญหาดีกว่า บิดาของเจ้าเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมแล้วอย่างไร ฮ่องเต้พระราชทานเข็มขัดทองคำให้เจ้าแล้วอย่างไร? หากไม่มีตำแหน่งขุนนางก็เป็นได้แค่สามัญชนเท่านั้น ข้าเป็นถึงเจ้ากรมเมืองจะไม่สามารถจัดการเจ้าที่เป็นแค่สามัญชนได้อย่างนั้นรึ?”
ฉีเชิ่งยื่นมือออกมา วางคำร้องเรียนใบหนึ่งลงบนโต๊ะโดยตรง
ฉีเชิ่งแค่นเสียงต่ำ แววตาไม่ประสงค์ดี “เจ้ารบกวนความสงบของเมืองหลวง โทษนี้อาจเบาหรือหนักก็ได้ทั้งนั้น หากข้าพูดให้โทษหนัก เจ้าก็ต้องถูกลงโทษในความผิดฐานรวบรวมฝูงชนสร้างปัญหา”
ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ ช่างเป็นขุนนางปกครองที่ยุติธรรมและเข้มงวดจริง ๆ ถูกตั้งข้อหาในวันมงคลอย่างวันเปิดกิจการเช่นนี้ ไม่ต่างกับการส่งน้ำแข็งให้เป็นของขวัญในวันหิมะตกเลย อัปมงคลชะมัด!
ด่าก็ส่วนด่า แต่ฉินเฟิงก็รับข้อคำร้องเรียนมาแต่โดยดี และพูดด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าฉีจะว่าอย่างไร?”
ดวงตาของฉีเชิ่งเบิกกว้าง เอ่ยเสียงต่ำ “เจ้าหมายถึงอะไร!”
ฉินเฟิงกางมือออกด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “จะให้ข้าไปรับโทษโบยที่ศาลาว่าการกรมเมือง หรือจ่ายค่าปรับ? ท่านก็แค่พูดมา”
เมื่อเห็นท่าทางเอ้อระเหยลอยชายของฉินเฟิง ฉีเชิ่งก็ยิ่งรู้สึกโกรธ แต่โชคดีที่ฉีเชิ่งตอบสนองอย่างรวดเร็ว ฉินเฟิงมีเข็มขัดทองคำอยู่กับตัว เจ้ากรมเมืองย่อมไม่สามารถใช้อำนาจเกินขอบเขตในการลงโทษชายหนุ่มได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องจ่ายค่าปรับให้หนัก!
ฉีเชิ่งแค่นเสียงอย่างเย็นชาทันที “ท่านผู้ช่วย ขัดขวางความสงบของเมืองหลวง รวบรวมฝูงชนก่อปัญหา จะต้องถูกปรับเป็นเงินเท่าไหร่?”
ผู้ช่วยของฉีเชิ่งลูบเคราแพะของเขา ก้มศีรษะคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอบใต้เท้า ค่าปรับสูงสุดคือสามร้อยตำลึงเงินขอรับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉีเชิ่งก็หุบปากทันที สามร้อยตำลึงเงิน… สำหรับฉินเฟิงแล้ว ขนหน้าแข้งยังไม่ร่วงเลยด้วยซ้ำ ไม่เจ็บไม่แสบอะไรเลยสักนิด
ส่วนฉินเฟิงก็ยังอารมณ์ดี เอื้อมมือคว้าเงินตำลึงออกมาโยนลงบนโต๊ะ เสียงโลหะกระทบกันดังต่อเนื่อง “รับไปสิ ถ้าจ่ายเกินก็ถือว่านายน้อยอย่างข้าให้รางวัลท่านก็แล้วกัน”
ใบหน้าของฉีเชิ่งเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว นี่มันเงินจ่ายค่าปรับที่ไหน เป็นเงินไล่ขอทานชัด ๆ!
เมื่อเห็นว่าฉีเชิ่งกำลังประสบปัญหา เกาซงที่อยู่ข้าง ๆ จึงเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว “ฮ่า ๆๆๆ ใต้เท้าฉีทำงานหลวงเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นต่อไปก็คือธุระส่วนตัว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เกาซงก็จับจ้องไปที่ฉินเฟิง “ยังมีที่ว่างอยู่หรือไม่?”
ในเมื่อมาที่นี่เพื่อรับประทานอาหาร ฉินเฟิงย่อมยินดีต้อนรับ เขากวาดสายตามองไปยังห้องโถง ซึ่งที่นั่งเต็มหมดแล้ว ฉินเฟิงจึงทำท่าทางลำบากใจ “ทุกท่าน ไม่ใช่ข้าฉินเฟิงไม่ต้อนรับ พวกท่านก็เห็นแล้ว ข้าขายดีเกินไปจึงไม่มีที่นั่งเหลือ ถ้าอย่างไรทุกท่านก็รอสักหน่อยเถอะ”
หนิงหู่เป็นคนใจร้อน เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ระเบิดอารมณ์ทันที “ไร้เหตุผลนัก! ฉินเฟิง อย่าหน้าไม่อายเกินไป พวกข้ามีฐานะอย่างไร? หอสุราทั่วทั้งเมืองหลวง มีร้านไหนที่กล้าให้พวกข้านั่งรอบ้าง?”
หากต้องการทานอาหาร ฉินเฟิงยินดีต้อนรับ
หากมาสร้างปัญหา เขาก็จะไม่ลังเล
ชายหนุ่มเอ่ยพูด คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “โอ้ นี่ไม่ใช่ท่านโหวน้อยหรอกหรือ หลังบอกลากันที่งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของจี้อ๋องก็ไม่ได้เจอท่านอีกเลย เป็นอย่างไรบ้าง บิดาของท่านไม่กักบริเวณท่านแล้วหรือ?”
หนิงหู่ทั้งโกรธทั้งอาย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้เวรฉินเฟิงที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาในฐานะท่านโหวน้อยถูกทำลายจนสิ้นซาก และต้องกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง
แม้ว่าหนิงหู่จะมั่นใจว่าเขาสามารถบดขยี้ฉินเฟิงจนตายได้ด้วยมือเดียว แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรคนหน้าไม่อายผู้นี้ได้เลย
หลี่รุ่ยกับเฉิงฟามองหน้ากัน เฝ้าดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้าง
ในท้ายที่สุด เป็นเกาซ่งที่เข้ามาไกล่เกลี่ย “ฮ่า ๆ ก็แค่รอไม่ใช่รึ เช่นนั้น เราก็รอกันก่อนเถิด แต่นายน้อยฉินก็คงไม่ปล่อยให้พวกเรายืนรอกระมัง”
[1] กอเอี๊ยะหนังสุนัข : หมายถึง ยาราคาถูก รักษาโรคอะไรไม่ได้ อุปมาถึงมีดีแต่หลอกลวงคนอื่น
MANGA DISCUSSION