บทที่ 118 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
องค์ชายรองอ่านจดหมายจบก็โยนทิ้งไปข้าง ๆ ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา “ฉินเฟิงผู้นี้ไม่ได้เห็นข้าอยู่ในสายตาโดยแท้ ดูเหมือนที่ตีเขาไปคราที่แล้วจะตีไม่ตรงจุดเลยสินะ”
“ฉินเอ๋อร์ เจ้าไปที่หอเซียนเมามายสักเที่ยว ไม่ว่าเจ้าสารเลวฉินเฟิงต้องการทำอันใด แค่ปล่อยให้เขากลับไปโดยไม่มีผลงาน!”
สตรีบรรเลงกู่ฉินต้องการจะจัดการกับฉินเฟิงมานานแล้ว ครั้นได้ยินเช่นนี้ก็รีบโค้งคำนับ “องค์ชายรองโปรดวางใจเพคะ บ่าวจะทำให้ฉินเฟิงได้รู้จักกับคำว่าเจ็บปวด”
ยามเย็น ภานในหอเซียนเมามายแน่นขนัด พ่อค้าชื่อดังและลูกหลานขุนนางแห่งเมืองหลวงนั่งอยู่ในฝูงชน เสียงพูดคุยหารือดังขึ้นไม่หยุด
“ฉินเฟิงคิดจะทำอะไรอีก? ปกติแล้วไม่เคยไปมาหาสู่กัน เหตุใดอยู่ดี ๆ เขาถึงเลี้ยงข้าวเรา?”
“ฮึ่ม! ระหว่างทางไปพระราชวังวันนั้น ฉินเฟิงอับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าส่งคนมาเชิญข้า ช่างหน้าด้านจริง ๆ”
“พวกเจ้าดูสิ หลินฉวีฉีผู้นั้นเป็นบัณฑิตขงจื๊อที่มีกิตติศัพท์สูงส่งจากเจียงหนาน เหตุใดเขาถึงไปไหนมาไหนกับเจ้าอันธพาลฉินเฟิงนั่นเสียได้?”
“จะสนใจมากมายไปไย? อย่างไรพวกเราก็มิใช่คนออกเงิน ฉะนั้นมาสนุกกันเถอะ ไม่ว่าแผนของฉินเฟิงจะเป็นเช่นไร ทุกคนไม่ให้ความร่วมมือก็สิ้นเรื่อง”
“กล่าวได้ถูกต้อง!”
ในเวลานี้เองนายน้อยตระกูลฉินก็ก้าวเท้าเข้ามาพร้อมด้วยชูเฟิงและเสี่ยวเซียงเซียง
ทันใดนั้น ทุกสายตาล้วนเพ่งความสนใจไปที่ร่างของเขา แม้ว่าสายตาส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามก็ตาม
เจียงเฉิงฮั่นประมุขตระกูลเจียงมีสีหน้าย่ำแย่ เมื่อเห็นว่าพ่อค้าอ้อยไม่โผล่มาเป็นเวลานานจึงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทาง หลังจากส่งคนไปช่วยจึงพบว่าที่แท้ไอ้บิดามารดาไม่สั่งสอนฉินเฟิงชิงซื้ออ้อยตัดหน้าเขา ตอนนี้อ้อยทั้งหกหมื่นชั่งถูกส่งไปยังหลังเรือนของตระกูลฉิน ทั้งยัง… เริ่มคั้นน้ำอ้อยแล้วด้วย
แม้ว่าเจียงเฉิงฮั่นจะไปเผชิญหน้ากับฉินเฟิงในเวลานี้ก็ไม่มีความหมาย
เมื่อไม่มีวัตถุดิบ กิจการน้ำตาลของตระกูลเจียงก็จะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้และต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
เพื่อระบายความอัปยศนี้ให้สาแก่ใจ เจียงเฉิงฮั่นอยากจะจ้างนักฆ่ามาลอบสังหารฉินเฟิงกลางดึกใจจะขาด ปรากฎว่าบ่ายวันนี้เขากลับได้รับคำเชิญจากฉินเฟิง เจียงเฉิงฮั่นพบเห็นคนไร้ยางอายมามากมายทว่าไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเท่านี้มาก่อน
เจียงเฉิงฮั่นไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เขายืนขึ้นตะโกนด่า “คนแซ่ฉิน! เจ้าจะเอาอย่างไรกับอ้อยหกหมื่นชั่ง?”
ไปถามแม่เจ้าสิ!
ฉินเฟิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เมินเฉยไม่สนใจ เอาแต่สาวเท้าเดินไปที่เวทีตรงกลาง
เจียงเฉิงฮั่นไม่คาดคิดว่าฉินเฟิงจะเพิกเฉยตน สีหน้าเขาเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว อับอายจนพาลโกรธ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กิจการน้ำตาลแห่งเมืองหลวง ที่ใดมีเจ้าที่นั้นไม่มีข้า สำหรับงานเลี้ยงสุนัขในวันนี้ ตระกูลเจียงของข้าจะไม่เข้าร่วม!”
ทันทีที่มีแตงให้กิน ลูกหลานขุนนางที่อยู่รอบ ๆ พลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตามฉินเฟิงเอาแต่เดินขึ้นไปบนเวทีและแย้มยิ้มให้เจียงเฉิงฮั่น ทุกอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “ประมุขตระกูลเจียง? ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่เล่า?”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้เจียงเฉิงฮั่นพลันตกตะลึง
ก่อนที่เขาจะทันโต้ตอบ ฉินเฟิงก็เริ่มลงมีดซ้ำ ยิ้มกริ่มว่า “มาโดยมิได้รับเชิญ? ตระกูลเจียงไม่มีน้ำตาลอ้อยและรู้ว่าไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทว่ายังหน้าหนามางานเลี้ยงนี้ หรือวาดหวังว่าจะใช้โอกาสนี้พึ่งพิงตระกูลฉิน? ฮ่าฮ่าฮ่า มิใช่ว่านั่นเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่ประมุขตระกูลเจียงมีท่าทีที่ถูกต้อง ข้าจะมอบงานให้เจ้าในฐานะพ่อค้ารายย่อยย่อมไม่มีปัญหา”
ทันทีที่นายน้อยฉินเอ่ยออกมาเช่นนี้ รอบตัวพลันโกลาหล
“อะไรนะ? เจียงเฉิงฮั่นมาเพื่อเกาะฉินเฟิงจริง ๆ หรือ? เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?”
“พวกเจ้าคงจะไม่รู้ว่าพ่อค้าน้ำตาลอ้อยของตระกูลเจียงถูกฉินเฟิงแย่งไปแล้ว สินค้าที่เหลืออยู่ของตระกูลเจียงสามารถจำหน่ายได้เพียงพอสำหรับไม่กี่วันเท่านั้น พวกเขาจึงมาขอเจรจาสงบศึกโดยไม่มีทางเลือก” บ่าวไพร่ที่ฉินเสี่ยวฝูให่แฝงตัวในฝูงชนเล่าเรื่องเหลวไหลเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ
ลูกหลานขุนนางที่อยู่ที่นั่นไหนเลยจะรู้ต้นสายปลายเหตุ ทุกคนล้วนถูกการยุยงดังกล่าวทำให้ตกตะลึง
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตระกูลเจียงจะยอมแพ้ ในเมืองหลวงแห่งนี้ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าตระกูลเจียงได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายรอง? หรือว่า… นี่เป็นเจตนาขององค์ชายรอง?”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง? แม้แต่องค์ชายรองก็ยังต้องหลีกเลี่ยงคมดาบ? ฉินเฟิงเป็นสามัญชนตัวเล็ก ๆ ร้ายกาจถึงเพียงนั้นเชียว?”
“ไร้สาระ! องค์ชายรองจะกลัวฉินเฟิงได้อย่างไร? เกรงว่าเจียงเฉิงฮั่นจะเป็นผู้ตัดสินใจโดยพลการ กังวลว่าหากกิจการน้ำตาลได้รับความเสียหายจะถูกองค์ชายรองตำหนิจึงมาหาฉินเฟิงเพื่อเจรจาสงบศึก”
เมื่อฟังเสียงกระซิบกระซาบรอบตัว สีหน้าของเจียงเฉิงฮั่นก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นขาว ตอนนี้ถึงตระหนักได้ว่าฉินเฟิงวางกับดักไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ
ฉินเฟิงตั้งใจที่จะยุติความบาดหมางกับตระกูลเจียงเสียที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการล่อตระกูลเจียงมาเชือด
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ เจียงเฉิงฮั่นย่อมไม่อาจโต้แย้ง แม้แต่องค์ชายรองก็ต้องอับอายพร้อมกัน ดังนั้นองค์ชายรองไม่มีวันละเว้นตระกูลเจียงเป็นแน่
เจียงเฉิงฮั่นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแต่ก็ทำอันใดมิได้
ในตอนนี้เองฉินเสี่ยวฝูก็เข้ามากระซิบเสียงเบา “ท่านประมุขตระกูลเจียง นายน้อยบ้านข้ารู้ว่าองค์ชายรองเด็ดขาดมาโดยตลอด ดังนั้นจึงอยากจะมอบคำแนะนำแก่ประมุขตระกูลจียงเป็นพิเศษ หากตระกูลเจียงเต็มใจ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปก็รับผิดชอบการจำหน่าย ซื้อน้ำตาลอ้อยจากตระกูลฉิน ส่วนการซื้อขายเกร็ดน้ำตาลและน้ำตาลทรายขาว หากตระกูลเจียงสนใจก็สามารถยื่นขอสิทธิ์การจำหน่ายจากนายน้อยบ้านข้าได้ขอรับ”
เจียงเฉิงฮั่นตัวสั่นด้วยความโกรธ “บ้านเจ้าเถอะ!”
ฉินเสี่ยวฝูยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า แสร้งทำเป็นนอบน้อม แต่แท้จริงแล้วกำลังกดดันทีละน้อย ๆ “ประมุขตระกูลเจียงด่าได้ดีขอรับ ผู้น้อยสมควรถูกด่า ทว่าหากประมุขตระกูลเจียงกลับไปมือเปล่า ท่านจะอธิบายกับองค์ชายรองอย่างไรขอรับ?”
เจียงเฉิงฮั่นพูดไม่ออก หากไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม องค์ชายรองก็จะจัดการกับเขา
ทว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้าเกินไป หากเขาจะยอมจำนนต่อเจ้าสารเลวฉินเฟิง
ขณะที่เจียงเฉิงฮั่นกำลังลังเล ฉินเสี่ยวฝูก็รีบทำตามคำสั่งฉินเฟิง ใช้โอกาสนี้ตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน “นายน้อยบ้านข้าบอกว่าสิ่งที่องค์ชายรองใส่ใจคือผลกำไร แทนที่จะต่อสู้กันเองในอนาคต ไม่สู้มาหาเงินร่วมกัน แม้ว่าตระกูลเจียงจะเป็นเพียงผู้จำหน่ายน้ำตาลอ้อย แต่ก็ยังคงมีผลกำไร และตราบใดที่ตระกูลเจียงเต็มใจที่จะร่วมมือก็จะมีส่วนแบ่งในสิทธิ์ในการจำหน่ายเกร็ดน้ำตาลด้วยส่วนหนึ่งขอรับ”
“แม้ว่ากิจการของท่านจะเล็กลงเนื่องจากร้านค้าน้ำตาลอยู่ภายใต้การควบคุมของนายน้อยบ้านข้า แต่มีเพียงพ่อค้าที่มีสิทธิจัดจำหน่ายเท่านั้นที่สามารถขายผลิตภัณฑ์น้ำตาลได้ ดังนั้นปริมาณการขายย่อมขยายตัวอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน ผลกำไรจึงไม่ลดลงแต่เพิ่มขึ้น”
“สำหรับเรื่องนี้ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตจำนงของประมุขตระกูลเจียง นอกจากนี้…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ฉินเสี่ยวฝูก็เปลี่ยนเรื่อง แม้ว่าจะก้มศีรษะและทำท่าทางเหมือนบ่าวรับใช้ แต่น้ำเสียงกลับดุร้ายขึ้นมา “นายน้อยของข้ายังได้มอบอีกหนึ่งคำแนะนำแสนประเสริฐให้แก่ประมุขตระกูลเจียงด้วย”
เจียงเฉิงฮั่นเลิกคิ้ว “คำแนะนำประเสริฐอะไร?”
ฉินเสี่ยวฝูหัวเราะเบา ๆ ประสานมือคำนับ “ข้าไว้หน้าแล้ว ท่านอย่าได้หน้าไม่อายเลย”
สีหน้าของเจียงเฉิงฮั่นเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที คิดจะระเบิดโทสะ แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม เขาทำได้เพียงกลืนความอัปยศและสะบัดแขนเสื้อจากไป
เมื่อมองดูแผ่นหลังอันโกรธเกรี้ยวของเจียงเฉิงฮั่นแล้ว ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ
คิดจะสู้กับข้า? ท่านคู่ควรหรือ?
ตราบใดที่วัตถุดิบอย่างน้ำตาลอ้อยยังรัดคออยู่ จะร่วมมือหรือจะถอนตัวออกจากกิจการน้ำตาล ข้าวาดหนทางให้เจ้าอย่างชัดเจนแล้ว เลือกเองก็แล้วกัน!
ส่วนองค์ชายรองที่อยู่เบื้องหลัง อย่างไรเสียข้าก็ตั้งใจว่าจะไม่มีทางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องชิงบัลลังก์อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องกิจการ… เรามาสู้กันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันเป็นอย่างไร?
MANGA DISCUSSION