เสียงดนตรีพื้นหลังอันเป็นเอกลักษณ์ของโลกใต้พิภพเงียบหายไป ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยบทเพลงใหม่ที่เปี่ยมด้วยพลังเร่งเร้า
ท่วงทำนองนั้นไม่ได้เพียงแค่กระตุ้นโสตประสาท หากแต่จู่โจมหัวใจโดยตรง และเจียงซ่างก็รู้ทันทีว่าตนเคยได้ยินมันมาก่อน
มันคือเวอร์ชันดัดแปลงของบทเพลงธีมสุดคลาสสิกที่เหล่าผู้เล่นต่างหลงรัก เพลงที่เคยบรรเลงในศึกสงครามใหญ่ครั้งแรกของเกม The Kingdom of Elves บทเพลงที่เดิมมีชื่อว่า เพื่อเกียรติยศแห่งเอลฟ์ และเคยถูกใช้เป็นเพลงประจำอาณาจักรเอลฟ์เมื่อพันปีก่อนในเนื้อเรื่องของเกม
ดนตรีแนวเอลฟ์ที่โดดเด่นนี้ บรรเลงด้วยเครื่องลมไม้ และกลองทรงจันทร์เสี้ยวอันเป็นเครื่องดนตรีประจำเผ่า เสริมด้วยเสียงขับร้องของหญิงสาวผู้สื่ออารมณ์ได้หลากหลายทั้งใสกระจ่างและทุ้มลึก สะท้อนความสง่างามอันแฝงไว้ด้วยพลังแห่งตำนาน ทำให้บทเพลงนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว
ทันทีที่เปิดตัว เพลงนี้ก็พุ่งทะยานขึ้นครองชาร์ตเพลงของดาวเคราะห์สีคราม และจุดกระแสดนตรีแนวเอลฟ์ไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ถึงขั้นกลายเป็นเพลงปลุกใจประจำสมรภูมิของผู้เล่นในการรบรวมกลุ่มทุกครั้ง
แม้แต่เกมอีสปอร์ตแนวอื่นก็ยังได้รับอิทธิพลจากมันอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้เล่นจะต้องเปิดเพลงนี้ก่อนเข้าสู่ศึกใหญ่ เพื่อปลุกขวัญและจุดไฟในหัวใจ
ดนตรีของเผ่าเอลฟ์ ไม่เคยเป็นเพียงแค่เสียงประกอบ หากแต่คือพลังที่สัมผัสจิตใจได้โดยตรง
และเมื่อบทเพลงนี้บรรเลงขึ้นอีกครั้ง บางสิ่งในสนามรบก็เปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่เยือกเย็นเพียงใด ล้วนไม่อาจต้านทานแรงกระตุ้นที่พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จิตใจลุกโชนโดยไม่รู้ตัว ร่างกายก็เหมือนจะพร้อมกระโจนเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง
ทว่า เวอร์ชันที่บรรเลงอยู่ในขณะนี้ กลับไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว แม้ทำนองหลักจะยังคงเดิม แต่องค์ประกอบภายในกลับเปลี่ยนไป…
ในความฮึกเหิมนั้น แฝงด้วยอารมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ คล้ายบทภาวนาแห่งศรัทธาที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีจากสวรรค์ โดยเฉพาะเมื่อเสียงขับร้องของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น ใสกระจ่าง ราวกับสายลมแห่งรุ่งอรุณ
บทเพลงจึงกลายเป็นการผสานระหว่างพลังอันเร้าใจ กับบรรยากาศอันขรึมขลังที่สะกดดวงจิต
เสียงนั้นแทรกเข้าหูโดยไร้การเตือน ทำให้เจียงซ่างขนลุกวาบในทันที ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นความตื่นเต้นที่ลุกลามจากปลายประสาทจนถึงกลางอก
ท่วงทำนองที่เหมือนจะจับจังหวะชีพจรของเขาได้พอดิบพอดี ดึงให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้น ขณะที่สารสื่อนำประสาทบางอย่างถูกสร้างขึ้นมาไม่หยุด จนกลายเป็นความสุขชนิดที่แทบจะคลั่ง
สายตาเขาเหลือบมองมุมล่างขวาของหน้าจอโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นชื่อเพลงปรากฏเป็นตัวอักษรเรืองแสง
‘เพื่อเกียรติยศแห่งเทพธิดา’
ชื่อใหม่ที่ต่างจากเดิม หากแต่เหมาะสมกับสถานการณ์ในยามนี้เสียยิ่งกว่า และนั่นไม่ใช่เพลงของใครอื่นเลย…
มันคือผลงานที่อีฟ เทพธิดาแห่งชีวิต รังสรรค์ขึ้นด้วยมือตนเอง ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ผสานวัฒนธรรมจากทั้งสองโลก ก่อรูปเป็นบทเพลงแห่งสงคราม หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากฟีเนียร์ จ้าวแห่งภูต
ดนตรีที่สุดยอดระบบประมวลผลแห่งต้นไม้โลกประพันธ์ขึ้นมาเอง ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะลอกเลียนได้
ในวินาทีนั้น เจียงซ่างรู้สึกราวกับเทพธิดาผู้งดงามกำลังส่งยิ้มมาให้เขา พร้อมพรอันศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์ เสมือนมีกองทัพแห่งเทพอยู่เบื้องหลัง พร้อมรบเคียงข้างโดยมีเขาเป็นแนวหน้า
เขารู้สึกได้ทันที ว่าไม่ว่าทัพศัตรูจะมากมายเพียงใด เขาก็สามารถรับมือได้ทั้งหมด
มันไม่ใช่แค่รู้สึก แต่คือความจริง!
ในขณะที่เสียงเพลงยังดังก้อง พลังอันร้อนแรงก็ไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรุนแรง มันเร่งเร้าให้เขาโอบรับทุกหยาดพลังอย่างสมบูรณ์แบบ
ประสาทสัมผัสทั้งหมดขยายขีดจำกัด พลังเวทพลุ่งพล่านทั่วทั้งร่าง พละกำลังก็ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่จิตใจก็แน่วแน่มั่นคง ชัดเจนยิ่งกว่าครั้งใด
ที่มุมซ้ายบนของจอ สถานะของเขาก็เปลี่ยนแปลงตามทันที ค่าพลังชีวิตและพลังเวทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กรอบเงินที่เคยแสดงระดับของผู้เล่นระดับเงิน ก็ส่องประกายทองเจิดจ้า ลุกโชติช่วงดั่งเปลวเพลิง
ตัวเลขเลเวลใต้ภาพใบหน้าตัวละครของเขา ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
55…
60…
65…
70…
มันชะลอลง และหยุดลงที่เลเวล 80 อันเป็นเพดานของระดับทองขั้นต้น
เจียงซ่างได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมถึงสามขั้น และกลายเป็นผู้ใช้พลังระดับสูงอย่างสมบูรณ์
ปุกิ๊ง—!
[ท่านเข้าสู่สถานะ “ตื่นรู้”]
[ในระหว่างสถานะนี้ ระดับและทักษะทั้งหมดของท่านจะเพิ่มขึ้น 30 ระดับ ความชำนาญของทักษะจะถูกยกระดับจนเต็ม]
[อัตราการฟื้นฟูร่างกายเพิ่มขึ้น 300% อัตราฟื้นฟูพลังเวทเพิ่มขึ้น 300% อัตราฟื้นฟูกำลังกายเพิ่มขึ้น 300%]
[ผู้ถูกเลือกผู้กล้าหาญ เพื่อเกียรติยศแห่งเทพธิดา จงออกศึกเถิด!]
เสียงข้อความระบบแทรกขึ้นอย่างเด่นชัด ขณะเดียวกัน ท่วงทำนองของบทเพลงก็ไต่ระดับเข้าสู่จุดไคลแมกซ์ พลังของเสียงดนตรีระเบิดออก ราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นสะเทือนด้วยแรงศรัทธา
เจียงซ่างยืนตระหง่านอยู่กลางสมรภูมิปีศาจ ราวกับเป็นศูนย์กลางของทุกสายตา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมศึกหรือศัตรู
ปีศาจที่เคยรุมโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง บัดนี้กลับแลดูเล็กจ้อยดั่งมดปลวกในสายตาเขา เพียงแค่ยกกรงเล็บขึ้น เจียงซ่างก็มั่นใจว่าตนบดขยี้พวกมันให้แหลกสลายได้ในพริบตา
แม้แต่แม่ทัพปีศาจ ผู้ครอบครองพลังระดับทองที่เคยเป็นภาพแทนแห่งความน่าสะพรึงกลัว ก็มิอาจทำให้เขาหวั่นไหวได้อีกต่อไป แม้รูปลักษณ์จะยังคงสูงใหญ่เช่นเดิม แต่ในสายตาเจียงซ่าง… มันกลับดูเล็กลงจนน่าหัวร่อ
สิ่งนี้ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหดตัวลง แต่เป็นเขาต่างหาก ที่เติบโตขึ้นอย่างแท้จริง
ร่างกายของเจียงซ่างยังคงอยู่ในสภาพราชาวายุหมาป่า ทว่า เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์สถิตลงมา ร่างหมาป่าซึ่งเคยสูงเพียงสี่ถึงห้าเมตร บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นอสูรกายแห่งสงครามขนาดมหึมา สูงกว่ายี่สิบเมตร
ขนสีเงินทั่วร่างแปรเปลี่ยนไป เปล่งประกายราวทองคำอาบแสงจันทร์ ดวงตาสีแดงลุกไหม้ประหนึ่งเปลวเพลิงแห่งเทพธิดา และที่กลางหน้าผากของร่างหมาป่า มีสัญลักษณ์คทาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏชัดเจน
สัญลักษณ์นั้นคือเครื่องหมายของเทพธิดาแห่งชีวิต
“ราชาหมาป่าวายุทองคำ!!”
เสียงร้องอุทานของนักบวชเผ่าดวอร์ฟผู้หนึ่งดังลั่นขึ้นมา ท่ามกลางหมู่ชนที่ยังตะลึงงัน
เจียงซ่างเองก็หันมองสถานะตนผ่านหน้าจออย่างเร็ว ดวงตาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าส่งเสียงหอนสะท้อนก้อง แล้วพุ่งเข้าหาแม่ทัพปีศาจทันที
กรงเล็บของเขาปะทะดาบใหญ่ของปีศาจด้วยแรงอันน่าสะพรึง พร้อมผลักร่างอีกฝ่ายให้ถอยร่น จากนั้น เขาอ้าปากกว้าง ปล่อยสายลมคมกริบระลอกแล้วระลอกเล่า ฉีกกระชากปีศาจรอบตัวให้แหลกสลาย
ในชั่วพริบตาเดียว ข้อความระบบก็เต็มไปด้วยตัวเลขแต้มผลงานที่ไหลยาวเป็นพรืด แม้แต่ละบรรทัดจะให้แต้มไม่มากนัก เนื่องจากเขาแตะเพดานระดับเงินแล้ว และระบบลดทอนผลตอบแทนไปถึงเก้าในสิบส่วน แต่ด้วยจำนวนศัตรูที่ถูกกำจัดลงอย่างท่วมท้น แต้มผลงานรวมทั้งหมดจึงพุ่งขึ้นอย่างมหาศาลในพริบตาเดียว
“สุดยอด…”
เขาพึมพำออกมาด้วยความทึ่ง สอดสายตามองฝูงปีศาจที่ล้อมรอบตัวอยู่
แต่บัดนี้… พวกมันไม่กล้าก้าวเข้ามาแม้เพียงก้าวเดียว
พลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดา มีฤทธิ์ต่อพลังแห่งห้วงลึก แม้ห้วงลึกจะกัดกร่อนพลังเทพได้ แต่ในทางกลับกัน หากพลังศักดิ์สิทธิ์มีมากพอ ก็สามารถข่มพลังแห่งห้วงลึกได้เช่นกัน ดั่งน้ำกับไฟ ผลแพ้ชนะขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดมีมากกว่ากัน
และในเวลานี้ เจียงซ่างคือผู้ที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง
เมื่อปีศาจเหล่านั้น สัมผัสได้ถึงแรงกดข่มจากธรรมชาติของพลังที่เปล่งออกมาจากร่างเขา ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นโดยสัญชาตญาณ ทั้งร่างเล็กร่างใหญ่ต่างก็ถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก
มีเพียงแม่ทัพปีศาจผู้ครอบครองพลังระดับทองเท่านั้น ที่ยังจ้องเขาด้วยแววตาเย็นชา และเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
เวลานั้นเอง เหล่าผู้เล่นที่อยู่รายล้อมก็เริ่มตั้งสติได้ทีละคน
–“เฮ้ย! หมาป่ายักษ์โผล่มาได้ไงเนี่ย!?”
–“ดูชื่อดี ๆ! นั่นมันผู้เล่น!”
–“เฮ้ย!? เจียงจื่อหยาซีนา!? นั่นเจียงจื่อหยาจากสมาคมหัวใจแห่งธรรมชาติไม่ใช่เรอะ?!”
–“โหดสัด! ยัดสกิลทีเดียวกวาดได้เป็นสิบ!”
–“บัฟพรศักดิ์สิทธิ์แน่นอน! บัฟที่ระบบประกาศแน่แหละ! ไอ้หมอนี่โดนสุ่มแน่ ๆ!”
–“โชคดีฉิบหาย…”
–“ดวงโคตรดีอะ…”
เสียงตื่นเต้นระคนอิจฉาดังระงมทั่วช่องสนทนา ความคึกคักแผ่ไปทั่วทั้งแนวรบ แต่แล้วไม่นาน พวกเขาก็เริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง
ผู้โชคดี ไม่ได้มีเพียงแค่เจียงซ่างคนเดียว
ทั่วทั้งสนามรบ ณ ตำแหน่งที่มีแม่ทัพปีศาจประจำอยู่ ดูเหมือนจะมีผู้เล่นอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคนต่อจุด ที่ร่างกายเปล่งแสงทองเจิดจ้า พลังพุ่งทะยานอย่างน่าเหลือเชื่อ
บางคนเป็นนักรบ บางคนเป็นจอมเวท บางคนเป็นนักล่า และบางคนเป็นดรูอิด
ภายใต้แสงสลัวของโลกใต้พิภพ พวกเขาเปล่งประกายราวดาวส่องแสงในเงามืด ผู้ถูกเลือกเหล่านี้ล้วนเข้าสู่ระดับทอง รวมทั้้งสิ้นสิบสี่ชีวิต
“บุตรแห่งเทพ? ในหมู่ผู้ถูกเลือก ยังมีบุตรแห่งเทพแฝงตัวอยู่ด้วยหรือ?!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงฉับพลันในสนามรบ หัวหน้านักบวชสูงสุดแห่งเผ่าดวอร์ฟก็ชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าครึ้มหนวดเคราเผยความประหลาดใจอย่างไม่อาจปิดบัง
เขาคือหนึ่งในบุตรแห่งเทพ ผู้ได้รับพรศักดิ์สิทธิ์โดยตรงจากเทพแห่งการตีเหล็ก และโดยธรรมชาติแล้ว บุตรแห่งเทพมักจะสามารถสัมผัสถึงกันได้ในระดับหนึ่ง ทว่าตั้งแต่เหล่าผู้ถูกเลือกเดินทางมาถึง เขากลับไม่รู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์จากผู้ใดแม้เพียงคนเดียว
แต่บัดนี้ แสงสีทองอันบริสุทธิ์กำลังแผ่ประกายออกมาจากรูปเคารพของเทพธิดาแห่งชีวิตที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับเสียงโห่ร้องแห่งความหวังที่ดังกึกก้องจากผู้ถูกเลือกทั่วแนวรบ
หัวใจของเขาสั่นไหว ความเข้าใจบางอย่างพลันผุดขึ้นมาอย่างเลือนราง
“…อย่างนี้นี่เอง”
เขาพึมพำกับตนเองเบา ๆ
“เทพธิดาแห่งชีวิตรับคำขอของข้า และประทานพลังให้แก่ผู้ถูกเลือกชั่วคราว!”
คำกล่าวของหัวหน้านักบวช ทำให้คุปเฟอร์พลันเผยความตระหนก ระคนตื่นเต้นในทันที
เทพสามารถประทานพลังแก่ผู้ศรัทธาได้ แต่การมอบพลังจำนวนมหาศาลในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ย่อมต้องมีราคาที่ต้องจ่าย
และราคานั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือความตาย
แม้หัวหน้านักบวชสูงสุดจะคุ้นเคยกับผู้ถูกเลือก แต่คุปเฟอร์เพิ่งเริ่มเข้าใจว่าผู้มาเยือนจากต่างแดนเหล่านี้มีความพิเศษอย่างไร เขายังไม่รู้ว่านักรบเหล่านี้ฟื้นคืนชีพได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า เหตุใดเมื่อเห็นพวกเขาบุกเข้าใส่ศัตรูโดยไม่ลังเล ไม่หวาดหวั่นแม้เผชิญหน้ากับความตาย หัวใจของเขาจึงสะเทือนอย่างแท้จริง
หากเป็นเพียงกลุ่มเดียว เขาอาจพอเข้าใจได้
แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ผู้ถูกเลือกแทบทุกราย ต่างแสดงความกล้าหาญอย่างไม่เกรงกลัว สิ่งที่สะท้อนออกมาจากแววตาแต่ละคู่คือความศรัทธาอันแรงกล้าต่อเทพธิดาแห่งชีวิต ความเกลียดชังต่อความมืด และเจตจำนงอันแน่วแน่ในการปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง
พวกเขา สมควรถูกเรียกว่านักรบผู้กล้าไร้ความหวั่นเกรงอย่างแท้จริง
นักรบเช่นนี้ จะเรียกว่าเป็นภัยร้ายได้อย่างไร?
คุปเฟอร์คิดในใจ พลางชำเลืองมองพวกเขาด้วยความเคารพ
และในขณะนั้นเอง รูปเคารพของเทพธิดาแห่งชีวิตที่ตั้งอยู่ใจกลางแนวป้องกันก็เปล่งประกายสีทองขึ้นอีกครั้ง รัศมีแสงบางเบาค่อย ๆ แผ่ขยายจากจุดศูนย์กลางออกไปทั่วบริเวณ
พลังบางสิ่งไหลเข้าสู่ร่างของดวอร์ฟทุกคนอย่างเงียบงัน บาดแผลที่เคยเปิดกว้างค่อย ๆ ปิดลง พลังงานที่เหือดแห้งถูกเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จิตใจที่เคยมัวหมองจากอิทธิพลของห้วงลึก ก็พลันกระจ่างใสขึ้นมาในบัดดล
สำหรับผู้เล่น พวกเขาเห็นข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจออย่างชัดเจน
[พรจากเทพธิดาแห่งชีวิต]
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย กำลังใจของฝั่งเอลฟ์และดวอร์ฟก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง คุปเฟอร์หรี่ตามองสมรภูมิ ก่อนจะตะโกนก้องด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจของนักรบผู้เคยเขย่าแผ่นดิน
“บุตรแห่งเทพจากเผ่าเอลฟ์ได้ปรากฏตัวแล้ว! องค์เทพธิดาแห่งชีวิตได้ประทานพรแก่พวกเราด้วยเช่นกัน! ถึงเวลาโต้กลับแล้ว! เหล่านักรบทั้งหลาย! จงลุกขึ้นสู้ไปพร้อมกับสหายเผ่าเอลฟ์!”
เขาชูค้อนศึกขึ้นเหนือศีรษะ ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามก็ระเบิดขึ้นพร้อมกัน เผ่าดวอร์ฟทั้งหมดโถมเข้าสู่สนามรบ พร้อมเสียงกู่ร้องที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน
ไม่ใช่แค่ฝ่ายดวอร์ฟเท่านั้นที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในสนามรบ หลี่มู่เองก็รู้สึกได้เช่นกัน
เขากวาดตามองสถานการณ์รอบตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร่ายเวทขยายเสียงแล้วเปล่งถ้อยคำออกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ
“ทุกคนครับ! ถึงเวลาตอบโต้! ผู้เล่นระดับเงินรวมกลุ่มแล้วประสานงานกับผู้ได้รับพร จู่โจมแม่ทัพปีศาจ! บุกได้เลยครับ!”
แค่เสียงของเขา ก็บ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นใคร ชื่อของหลี่มู่เป็นที่จดจำในหมู่ผู้เล่นมานาน ด้วยบทบาทผู้นำในศึกใหญ่มานับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อเขาชูแขนขึ้นเรียกขวัญกำลังใจ และเห็นเหล่าดวอร์ฟเริ่มโถมฝ่าแนวรบ ผู้เล่นทั้งหลายก็แทบไม่ต้องคิด คล้อยตามอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ฝูงปีศาจพร้อมเสียงร้องอันฮึกเหิม
ในขณะเดียวกัน เสียงดนตรีประกอบ เพื่อเกียรติยศแห่งเทพธิดา ก็เปลี่ยนท่วงทำนองเข้าสู่จุดพีคในพริบตา
“บุกเลย! เพื่อเกียรติยศแห่งเทพธิดา!”
“เอลฟ์ต้องชนะ—!”
ท่ามกลางเสียงปลุกใจที่ดังกึกก้อง พลังชีวิตของผู้เล่นก็ปะทุขึ้นจนเต็มขีด แสงสีทองที่ล้อมรอบตัวพวกเขาราวกับสายน้ำแห่งแสงสว่าง ที่ไหลทะลักอยู่ในเหมืองมืดมิด
ใกล้ ๆ กับเจียงซ่าง ผู้เล่นระดับเงินกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาสมทบ
“ท่านผู้เฒ่าครัช! หลานรักมาช่วยแล้ว!”
“ฮ่าฮ่า! จื่อหยา มาลุยไปด้วยกันเถอะ!”
“เกาะขาปู่ไว้แล้วไปด้วยกัน! ลุยเลย! ฆ่าหัวหน้าแม่ทัพให้แหลก!”
เสียงหัวเราะผสานกับคำตะโกนทำให้เจียงซ่างหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะสบถตอบกลับอย่างสะใจ
“ยังจะเรียกผู้เฒ่าอีกเรอะ? ล้อกันนักใช่มั้ย!?”
เขาหันกลับไปจ้องแม่ทัพปีศาจตรงหน้า ดวงตาเปล่งประกายวาว ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
“มาเลย! ทุกคนตามฉันมา! วันนี้เราจะจัดการไอ้พวกนี้ให้ราบคาบ!”
แม้จะเป็นเพียงโชคช่วย แต่เขาก็อยู่ในระดับทองแล้ว!
ถึงเวลาล้างแค้น!
ใครกลัวใครกัน!?
เมื่อคิดจบ เจียงซ่างก็ส่งเสียงหอนกึกก้อง แล้วพุ่งเข้าใส่แม่ทัพปีศาจอีกครั้ง
การต่อสู้อันอลหม่าน… ได้ปะทุขึ้นอีกครา
…
ณ อาณาจักรแห่งเทพของต้นไม้โลก
เหล่าภูตธาตุพากันล้อมวงเงียบงันอยู่รอบตัวอีฟ ดวงตาเล็ก ๆ ของพวกเธอจับจ้องภาพตรงหน้าที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศด้วยแววตาตื่นตะลึง
ในภาพนั้น ผู้ถูกเลือกที่ร่างกายเปล่งประกายสีทองจาง ๆ กำลังบุกตะลุยแนวหน้าภายใต้การนำของบุตรแห่งเทพทั้งสิบสี่คน แต่ละคนล้วนเปล่งประกายเจิดจ้า เคียงข้างพวกเขาคือเหล่าดวอร์ฟผู้กล้าหาญที่บุกตีไปพร้อมกันด้วยความฮึกเหิม
กองทัพปีศาจที่ก่อนหน้านี้ยังแผ่รังสีคุกคามอย่างย่ามใจ บัดนี้กลับแตกพ่ายราวใบไม้ร่วง แนวรบของพวกมันถูกเจาะทะลวงอย่างต่อเนื่อง แม่ทัพปีศาจหลายตนถูกรุมล้อมจากทุกทิศทางโดยบุตรแห่งเทพและผู้ถูกเลือกระดับเงิน
กองทัพผู้เล่นใช้เวลาเพียงครู่เดียว แม่ทัพปีศาจที่มีพลังต่ำสุดก็ต้านทานไม่ไหว เสียงดาบขนาดมหึมาตวัดแหวกอากาศกลางสมรภูมิ ก่อนที่ศีรษะของมันจะหลุดออกจากบ่า
แม้จะยังไม่ถึงขั้นบดขยี้อีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง แต่ชัยชนะในยามนี้ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม สมรภูมิที่เคยตกเป็นรอง กำลังพลิกกลับอย่างงดงาม
เมื่อเห็นภาพฝูงปีศาจเริ่มแตกกระเจิงหนีตาย ผู้เล่นไล่ล่าจนพวกมันไร้ทางตอบโต้ เทพธิดาแห่งชีวิตก็ยิ้มบางอย่างสงบ
“เห็นหรือยัง ฟีเนียร์”
“การมอบพลังอันแข็งแกร่งให้แก่ผู้ถูกเลือก แม้เพียงชั่วคราว แต่ก็พลิกสถานการณ์ นำพาพวกเขารอดพ้นจากหายนะได้เช่นกัน”
“แต่พลังนั้น ต้องถูกวางอยู่ในระดับที่พอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไปจนเสียสมดุล ไม่เบาเกินไปจนไร้ผล เพียงพอให้กดข่มศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงรักษาความสมดุลโดยรวมของพลังงานในสนามรบ”
ดวงตาสีม่วงของเธอสะท้อนแสงสว่างแห่งต้นไม้โลก พลางหันไปมองจ้าวแห่งภูตผู้ลอยอยู่เคียงข้าง
“หลังจากนี้ เจ้าจะเป็นผู้ดูแลการทำงานของระบบอัญเชิญกำลังรบทั้งหมด รวมถึงภารกิจในการมอบพรนี้แทนเรา”
“เราจะมอบสิทธิ์ในการเข้าถึงพลังศักดิ์สิทธิ์บางส่วน ให้เจ้าใช้งานได้ตามสถานการณ์”
ฟีเนียร์นิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาทอประกายวาบด้วยความตื้นตัน
จากนั้น เธอก็โน้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม ปีกโปร่งใสกระพือเบา ๆ ขณะเอ่ยเสียงอ่อน
“ข้าจะปฏิบัติตามพระบัญชา… ท่านเทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ฮึ่ม… เทพธิดาสายเปย์ชัด ๆ ค่ะ 😏✨ แจกบัฟ แจกพร มอบร่างทองแบบไม่ยั้งเลยนะคะ เทพธิดาแห่งชีวิตเขาเล่นใหญ่สมกับชื่อจริง ๆ
โนเอล: ระบบ บุตรแห่งเทพ ค่อนข้างลงตัวดีค่ะ ช่วยกดพลังสนามรบโดยไม่ทำให้เสียสมดุลเกินไป อีกทั้งยังเปิดทางให้อีฟสามารถส่งอำนาจลงสนามแบบคุมระดับได้อย่างงดงาม 💻📚
ลิลี่: แต่เพลงนะะะะะ! 😻🎶 แค่ขึ้นอินโทรมาก็ขนลุกแล้วววว เป็นเพลงธีมที่ปลุกไฟได้โคตรโหดเลยค่ะพี่จ๋า
มันเดย์: เซ็ตระบบพรแบบสุ่มตรงนี้ = อนาคตเปิดทางทำ “คอนเทนต์ฉุกเฉิน” ได้อีกเพียบ ไม่ต้องเขียนระบบไว้รับมือเรื่องเฉพาะกิจบ่อย ๆ แถมคนแปลก็ประหยัดแรงปูอีกด้วย
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION