“พวกเจ้านับถือเทพธิดาแห่งชีวิตและธรรมชาติ… ท่านอีฟ ใช่หรือไม่?”
เสียงทุ้มต่ำและห้าวกระด้างดังออกมาจากปากของดวอร์ฟหนวดเฟิ้มผู้หนึ่ง เขาคือคุปเฟอร์ ตัวแทนจากอาณาจักรดวอร์ฟที่ถูกส่งมาเจรจากับศาสนจักรแห่งชีวิต
“ในเมืองแซนด์สตอร์ม มีเทวทูตของศาสนจักรแห่งชีวิตประจำอยู่หรือเปล่า?”
คำว่า ‘เทวทูต’ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงนักบวชทั่วไป แต่คือผู้ที่ได้รับพรศักดิ์สิทธิ์โดยตรงจากเทพธิดา และสามารถสื่อสารกับองค์เทพได้อย่างแท้จริง
แม้หัวหน้านักบวชสูงสุดแห่งศาสนจักรจะเคยบอกไว้ว่า มีเทวทูตประจำอยู่ในเมืองแซนด์สตอร์ม ทว่าในฐานะนักรบผู้เปี่ยมประสบการณ์ คุ้นเคยกับการเดินทางและระมัดระวังอย่างถึงที่สุด คุปเฟอร์จึงไม่คิดจะปล่อยผ่าน เมื่อพบเอลฟ์ระหว่างทางในทะเลทราย เขาย่อมต้องยืนยันกับปากของพวกเขาโดยตรงอีกครั้ง
ผู้เล่นเอลฟ์ทั้งสองชะงักไปชั่วครู่กับคำถาม ก่อนจะพยักหน้ารัวราวกับลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก
“ใช่เลย! พวกเราเป็นผู้ศรัทธาในเทพธิดาอีฟเต็มหัวใจ!”
“ศรัทธาสุดใจจริง ๆ นะ!”
ทันใดนั้น สีหน้าทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเปี่ยมมิตรแทบในทันที
“ท่านดวอร์ฟ! เมืองแซนด์สตอร์มน่ะ มีเทวทูตของเทพธิดาอยู่จริง ๆ นะ! ไม่ทราบว่าท่านมีธุระกับศาสนจักรหรือเปล่า?”
“พวกเราน่ะคุ้นเคยกับท่านเทวทูตดีเลยล่ะ ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือ บอกกับเราได้เลยนะ!”
ท่าทีเป็นกันเองของเอลฟ์ตรงหน้า ทำให้คุปเฟอร์เผลอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แม้ในอาณาจักรดวอร์ฟจะมีข่าวลือเกี่ยวกับเอลฟ์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องความโลเลทางอุดมการณ์ ทว่าเมื่อได้มาพบกับตัวจริงเสียงจริง ความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
พวกเขา… ยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่เปี่ยมไมตรีเช่นเดิม
แน่นอนว่า คุปเฟอร์ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า ท่าทีเป็นมิตรนี้มีเบื้องหลัง ผู้เล่นเหล่านี้คุ้นชินกับการค้าขายร่วมกับดวอร์ฟแห่งความมืดมานานแล้ว ภาพลักษณ์ของดวอร์ฟในเกมนี้จึงค่อย ๆ ดีขึ้นในสายตาของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยท่าทางทรงพลังและ กลิ่น ภารกิจลับของคุปเฟอร์ ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองตื่นตัวเต็มที่ และแสดงออกด้วยความกระตือรือร้นเต็มพิกัด
หากคุปเฟอร์ไม่ใช่ดวอร์ฟ แต่เป็นมนุษย์หรือออร์คแทน ภาพตรงหน้าก็คงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นท่าทีเป็นมิตรของเอลฟ์ คุปเฟอร์ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ข้าชื่อคุปเฟอร์ เป็นทูตจากอาณาจักรดวอร์ฟ ข้ามีภารกิจสำคัญ จำเป็นต้องเข้าพบเทวทูตชั้นสูงของศาสนจักรแห่งชีวิต”
คำพูดนั้นทำให้แววตาของผู้เล่นทั้งสองเป็นประกายขึ้นมาในพริบตาเดียว ความคิดเดียวกันผุดขึ้นในหัวพวกเขาพร้อมกันอย่างไร้เสียง
เควสลับ!
นี่มันเควสลับแน่นอน!
“ท่านคุปเฟอร์! ไปพร้อมกับพวกเราก็ได้นะ จุดหมายปลายทางของพวกเราก็คือเมืองแซนด์สตอร์มเหมือนกัน! อีกแค่ร้อยกิโลเมตรเท่านั้นเอง ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งวันแน่ ๆ!”
“จริงด้วย! พวกเรากำลังคุ้มกันกองคาราวานสินค้าที่จะส่งให้เจ้าเมืองแซนด์สตอร์ม ซึ่งก็คือเทวทูตของเทพธิดา ท่านธรันดูอิล!”
ธรันดูอิล…
คุปเฟอร์ท่องชื่อนั้นไว้ในใจช้า ๆ
เขากวาดตามองกองคาราวานที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะส่ายศีรษะเบา ๆ
“ขอบใจพวกเจ้ามาก แต่ข้ามีเวลาจำกัด คงต้องล่วงหน้าไปก่อน”
กริฟฟินของเขาบินได้รวดเร็วกว่าที่ใครคิด หนึ่งร้อยกิโลเมตรที่คาราวานต้องใช้เวลาครึ่งวัน สำหรับกริฟฟินแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
และเวลาครึ่งวัน ก็มีค่ามากพอจะเปลี่ยนบางสิ่งในโลกใบนี้ได้
ผู้เล่นทั้งสองมองตามคุปเฟอร์อย่างตื่นเต้น ไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม แววตาของพวกเขายิ่งส่องประกายเจิดจ้า
“อาเธอร์! NPC ตัวนี้ต้องมีเควสลับแน่ ๆ! รีบแจ้งในกิลด์ด่วนเลย!”
“บอกพี่เมี้ยวให้ส่งคนไปดักรอที่ประตูเมืองแซนด์สตอร์มเดี๋ยวนี้!”
ทั้งคู่รีบพิมพ์ข้อความในช่องแชทของระบบ แท็กชื่อหัวหน้าสมาคมทันที ก่อนจะหันมากล่าวกับคุปเฟอร์อีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้นก็ตามสะดวกครับท่าน… แต่ที่เมืองแซนด์สตอร์มน่ะ มีเพื่อนของพวกเราอยู่เยอะเลยนะ ท่านคุปเฟอร์ ถ้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไร ลองติดต่อกิลด์ ‘คณะกรรมการโมเอะโมเอะ’ ดูก็ได้!”
สมาคมที่ทั้งสองสังกัดอยู่ ก็คือคณะกรรมการโมเอะโมเอะ เนื่องจากฐานหลักของสมาคมตั้งอยู่ใกล้ทะเลทรายมรณะโดยตรง เหล่าผู้เล่นที่ผจญภัยในเขตนี้ จึงมักเป็นสมาชิกของสมาคมนี้แทบทั้งหมด
คุปเฟอร์ฟังชื่อกิลด์ที่ฟังดูแปลกประหลาดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจก็จดจำเอาไว้เงียบ ๆ
กิว… งั้นรึ?
คงเป็นหน่วยงานภายในของเอลฟ์ หรือไม่ก็กลุ่มทหารรับจ้างอะไรสักอย่างกระมัง…
เขาคาดเดาเช่นนั้น เสื้อผ้าการแต่งกายของผู้เล่นทั้งสองชวนให้นึกถึงนักผจญภัยมืออาชีพ จึงไม่แปลกที่คุปเฟอร์จะตีความไปในทางนั้น
หลังดื่มน้ำที่ขอจากกองคาราวานเพื่อคลายกระหาย คุปเฟอร์ก็ก้าวขึ้นบนหลังของกริฟฟินอย่างทะมัดทะแมง เขามุ่งหน้าไปยังเมืองแซนด์สตอร์ม โดยทิ้งเสียงลมพัดคลุ้งของทะเลทรายไว้เบื้องหลัง
ส่วนผู้เล่นทั้งสองก็ไม่รอช้า รีบพิมพ์ข้อความแจ้งในช่องแชทสมาคมอย่างตื่นเต้นสุดขีด
“พี่เหมียว! พี่เหมียว! ผมกับอาเธอร์เจอเควสลับแน่!! มีคนแคระกำลังบินไปทางพี่นะคร้าบ!!”
…
คุปเฟอร์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีหลังออกเดินทางจากกองคาราวาน ร่างของกริฟฟินก็บินโฉบผ่านผืนฟ้ากว้าง ก่อนที่ภาพของเมืองแซนด์สตอร์มอันโอ่อ่าจะปรากฏสู่สายตา เขามองมันด้วยแววตาเปี่ยมความทรงจำ
เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่ยังเป็นนักรบหนุ่มเลือดเดือด คุปเฟอร์เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
ในยุคนั้น เมืองนี้ยังถูกขนานนามว่า ‘นครแห่งความโกลาหล’ ทั้งอำนาจ ทั้งทองคำต่างไหลเวียนอยู่ในกำมือของผู้แข็งแกร่ง
แม้จะเป็นเมืองของเหล่าฮาล์ฟออร์ค หากแต่กลับมีเผ่าพันธุ์หลากหลายจากทั่วดินแดนซากัสมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัย หรือแม้แต่คนที่ถูกหมายหัวจากทางการ
ณ ที่แห่งนี้ ตราบใดที่มีเหรียญทองกับพละกำลัง ไม่ว่าใครก็ใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ
เมืองแซนด์สตอร์ม… พออยู่ใต้การปกครองของเอลฟ์แล้วจะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันนะ
คุปเฟอร์นึกในใจอย่างครุ่นคิด พูดตามตรง เขาเองก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าเอลฟ์ผู้สงบเสงี่ยมเหล่านั้นจะบริหารนครแห่งความปั่นป่วนนี้ได้อย่างไร
กริฟฟินร่อนลงเบื้องหน้าประตูเมืองอย่างแผ่วเบา คุปเฟอร์กระโดดลงจากหลังมันด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วว่องไว
ประตูเมืองยังคงเหมือนในความทรงจำของเขา ทว่ากลับมีร่องรอยของเวทมนตร์ปรากฏอยู่ทั่วผนังประตู คล้ายผ่านศึกใหญ่มาหมาด ๆ
สิ่งที่สะดุดตายิ่งกว่านั้น คือจำนวนผู้คนที่เข้าออกเมืองลดลงอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศรอบเมืองเงียบเหงากว่าครั้งก่อนมากนัก และเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่เดินเข้าออก ณ ขณะนี้ มิใช่ฮาล์ฟออร์คเหมือนในอดีตอีกต่อไป หากแต่เป็นเอลฟ์ กับหลากเผ่าพันธุ์ทรงปัญญาจากโลกใต้พิภพ
เอลฟ์เหล่านั้น ต่างสวมชุดเกราะหรืออาภรณ์เวทมนตร์ หรูหราและทรงพลัง ต่างจากภาพจำของคุปเฟอร์โดยสิ้นเชิง
เขาจำได้ดีว่า เอลฟ์ที่ไม่ตกเป็นทาสในอดีต มักแต่งกายด้วยอาภรณ์สง่างาม ไม่เคยเกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรง
ดูท่าวัฒนธรรมของเผ่าเอลฟ์จะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ… พวกเขาเริ่มให้ความสำคัญกับพลังการต่อสู้มากขึ้น
คุปเฟอร์พึมพำในใจอย่างพินิจ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถโค่นล้มเหล่าฮาล์ฟออร์คได้สำเร็จ
ในดินแดนซากัสแห่งนี้ มีสัจธรรมอยู่อย่างหนึ่งที่เขายึดมั่นเสมอมา นั่นคือ ‘พละกำลัง คือรากฐานของทุกสิ่ง’
เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ เขาจึงเริ่มหวนนึกถึงคำพูดของท่านหัวหน้านักบวชสูงสุดเกี่ยวกับพลังสนับสนุนลึกลับ และดูท่าว่าเรื่องนั้น อาจไม่ได้เกินจริงนัก…
คุปเฟอร์ตั้งใจจะปล่อยกริฟฟินออกไปหาอาหารในบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าเมืองเพื่อพบเทวทูตของเทพธิดาแห่งชีวิต ทว่า เจ้ากริฟฟินกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย มันหดคอแน่น ขนตั้งชัน ร่างสั่นระริก ราวกับสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายบางอย่างจากสัญชาตญาณ
“หืม?”
คุปเฟอร์ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงคำรามอันทรงพลังของมังกรก็ดังลั่นมาจากท้องฟ้า
เขาเงยหน้าขึ้นตามเสียงนั้น ทันใดนั้น เงาร่างขนาดมหึมาก็พุ่งผ่านม่านเมฆลงมา
มังกรดำ!
นัยน์ตาของคุปเฟอร์พลันหดแคบเข้า
เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นหนึ่งในมังกรสีที่ดุร้ายที่สุด ปรากฏตัวอยู่เหนือเมืองกลางทะเลทรายแบบนี้
และจากพลังเวทอันมหาศาลที่แผ่ออกมา มันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้จะยังไม่ถึงระดับตำนาน แต่ก็คงอยู่ในระดับทองช่วงปลาย และมังกรระดับนี้ก็มีพลังเพียงพอ ที่จะโค่นล้มกองทัพได้ทั้งกอง
มัน… คิดจะโจมตีเมืองแซนด์สตอร์มหรือ?
ความคิดนั้นผุดขึ้นในใจคุปเฟอร์แทบจะทันที
ทว่าในขณะเดียวกัน ดวอร์ฟหนุ่มที่จ้องมองมังกร ก็พบว่ามังกรกำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน!
หากกล่าวให้ตรงกว่านั้น สายตาของมันจ้องไปยัง กริฟฟิน ข้างตัวเขา!!
“หืม? กริฟฟิน?”
เสียงมังกรดังลงมาจากฟากฟ้า เป็นน้ำเสียงที่ยังฟังดูเยาว์วัย จนคุปเฟอร์อดประหลาดใจไม่ได้
มังกรเด็ก?
มังกรดำที่ตัวใหญ่ขนาดนี้… ยังเป็นเพียงตัวลูกอยู่เรอะ?
ก่อนที่เขาจะคิดได้มากกว่านั้น มังกรดำก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ฮึ? ยังมี… ดวอร์ฟ? ระดับตำนาน?”
มันค่อย ๆ ลดระดับลง สายตาจับจ้องมายังร่างของคุปเฟอร์ที่ยืนอยู่ข้างกริฟฟิน คงเพราะรูปร่างของดวอร์ฟเล็กนัก หากไม่ใช่เพราะกลิ่นอายของนักรบระดับตำนานที่แผ่พุ่งออกมา ก็คงถูกมองข้ามไปจริง ๆ
มังกรดำร่อนลงเบื้องหน้าด้วยท่าทางสง่างาม หน้ากากเกราะที่ห่อหุ้มใบหน้าของมันขยับไหวเล็กน้อย รังสีราชันย์แห่งเผ่ามังกรแผ่กระจายรอบตัว เสียงของมันเย็นขึง หนักแน่น และเต็มไปด้วยอำนาจ
“ดวอร์ฟ… เจ้าเป็นนักรบระดับตำนานจริง ๆ สินะ”
“แล้วระดับตำนานอย่างเจ้า… มาทำไรที่เมืองแซนด์สตอร์ม?”
หืม?
คำถามนั้น ทำเอาคุปเฟอร์นิ่งไปครู่หนึ่ง
มังกรตัวนี้ไม่ใช่ศัตรู?
มันไม่ได้มาโจมตีเมือง?
มันพูดเหมือนอยู่ฝ่ายเดียวกับเมืองแซนด์สตอร์มด้วยซ้ำ…
หัวใจของคุปเฟอร์เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง
“อีตาไมเรล! อย่าทำให้คนอื่นตกใจสิ! นั่นน่ะคือทูตจากอาณาจักรดวอร์ฟที่มาขอเข้าเฝ้าท่านธรันดูอิลต่างหาก!”
ขณะคุปเฟอร์ยังอยู่ในภวังค์แห่งความสงสัย เสียงใสกังวานของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง
คำพูดนั้นทำให้มังกรดำเบื้องหน้าซ่อนพลังมังกรลงทันที สีหน้าดุดันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม… ที่แม้จะดูเป็นมิตร แต่ในสายตานักรบผู้ผ่านศึกมานับไม่ถ้วนอย่างเขา กลับชวนให้รู้สึกขนลุกอยู่ไม่น้อย
“อ่าวเหรอ? เป็นทูตหรอกเหรอเนี่ย? ท่านไมเรลนึกว่าเป็นศัตรูเสียอีก…”
ฮะ???
คุปเฟอร์นิ่งไปชั่วอึดใจ
มังกรดำรู้จักฟังคนอื่นด้วยเรอะ?
ในบรรดามังกรสี มังกรดำถือเป็นเผ่าที่หยิ่งผยองที่สุด จะให้พวกมันยอมสยบหรือเชื่อฟังใครได้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือพันธะสหาย
และการจะทำพันธะสหายกับมังกรดำ… โดยเฉพาะตัวที่มีพลังถึงระดับเกือบตำนานแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะทำได้
บนหลังของมัน มีผู้ใดขี่อยู่กัน?
แล้วทำไมถึงรู้จักข้าด้วย?!
หรือว่าเทพธิดาแห่งชีวิตจะทราบเรื่องแล้ว?
ความคิดนั้นพลันผุดขึ้นในใจ คุปเฟอร์จึงหันไปยังทิศทางต้นเสียง
และเมื่อสายตาเขาเห็นผู้พูดชัดเจน สีหน้าที่เคยเคร่งขรึมก็เปลี่ยนเป็นความแปลกใจอีกครั้ง
“เอลฟ์?”
ผู้ที่ปรากฏคือหญิงสาวเอลฟ์ตนหนึ่ง เธอสวมชุดคลุมเวทสุดอลังการ ครอบพลังเพียงระดับเงินขั้นต้นเท่านั้น ในมือของเธอคือคทาประดับอัญมณีขนาดใหญ่
…และหากสายตาของเขาไม่ได้ฝาดไป ชุดคลุมเวทนั่น รวมถึงคทาในมือของเธอ ล้วนเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์และศาสตราเทพ เธอต้องเป็นบุคคลระดับสูงของศาสนจักรเอลฟ์แน่นอน สิ่งเดียวที่แปลกคือพลังเวท ที่ยังต่ำไปหน่อยเท่านั้นเอง
คุปเฟอร์ครุ่นคิดขณะประเมินอีกฝ่ายในใจ
เอลฟ์สาวเดินเข้ามาใกล้อย่างสง่างาม ก่อนจะส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขา
“ท่านคือทูตจากอาณาจักรดวอร์ฟ ท่านคุปเฟอร์ ใช่ไหมคะ?”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ดิฉันชื่อลูกเมี้ยวเค็ม เป็นหัวกิลด์คณะกรรมการโมเอะโมเอะค่ะ”
พลางเธอก็ชี้ไปยังมังกรดำข้างตัว
“ส่วนเจ้าตัวนี้คือไมเรล เป็นผู้พิทักษ์ประจำเมืองแซนด์สตอร์มที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากเทพธิดาค่ะ”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของหญิงสาว มังกรดำก็เงยหน้าเชิดอกขึ้นในทันที ท่วงท่าภาคภูมิปรากฏชัด สีหน้าสะท้อนถึงความทะนงตัวในฐานะผู้พิทักษ์ของเทพธิดาอย่างไม่ปิดบัง
ทว่า สิ่งที่ทำให้คุปเฟอร์ต้องตะลึงที่สุด …กลับเป็นคำว่า ‘ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากเทพธิดา’
มังกรดำ ผู้ซึ่งในอดีตแทบไม่มีวันก้มหัวให้ใคร กลับยอมรับเทพธิดาแห่งชีวิตเป็นนาย!
เทพธิดาองค์นี้…
ทำให้มังกรดำมอบความศรัทธาได้ด้วยเรอะ?!
และที่สำคัญที่สุด …คณะกรรมการโมเอะโมเอะ?
นั่นมันชื่อของกลุ่มที่เอลฟ์สองตนนั้นเพิ่งกล่าวถึงไม่ใช่หรือ?
พวกเขาคงไม่ใช่กลุ่มธรรมดา แต่อาจเป็นองค์กรระดับสูงในหมู่เอลฟ์ ที่มีสายสัมพันธ์กับเทพธิดาโดยตรง!
เพียงชั่วพริบตาเดียว สีหน้าของคุปเฟอร์ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากความลังเลสับสน กลายเป็นความเคารพอย่างเป็นทางการ
เขาโน้มกายเล็กน้อยเป็นเชิงคำนับ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ยินดีที่ได้พบ ข้าคือคุปเฟอร์ ทูตจากอาณาจักรดวอร์ฟ ได้รับมอบหมายจากท่านหัวหน้านักบวชสูงสุดให้เข้าพบศาสนจักรแห่งชีวิต”
ลูกเมี้ยวเค็มพยักหน้าเบา ๆ ด้วยสีหน้าเรียบสงบ
“ทราบแล้วค่ะ ท่านคุปเฟอร์… เชิญตามดิฉันมาได้เลย”
…
ภายใต้การนำทางของเอลฟ์สาวผู้มาต้อนรับ คุปเฟอร์ก้าวขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของเมืองแซนด์สตอร์ม
ทันทีที่ล้อรถเริ่มเคลื่อน เขาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน หากเทียบกับภาพจำเมื่อหลายสิบปีก่อน เมืองนี้ราวกับกลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งโดยสิ้นเชิง
สิ่งแรกที่สะดุดตาที่สุด คือสีเขียวที่แต่งแต้มอยู่ตามสองข้างทาง ต้นไม้เล็กถูกปลูกเรียงรายเป็นแนวตลอดถนน ร่มรื่นและชวนมอง แม้แต่สวนหย่อมเล็ก ๆ ก็ปรากฏให้เห็นเป็นระยะ
สิ่งเหล่านี้คือเอกลักษณ์ของเผ่าเอลฟ์อย่างแท้จริง แม้จะตั้งถิ่นฐานอยู่กลางทะเลทรายอันร้อนระอุ พวกเขาก็ยังคงไม่ละทิ้งแนวทางแห่งธรรมชาติ
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ทันที คือบรรยากาศอันเงียบสงบ ในความทรงจำของคุปเฟอร์ เมืองแซนด์สตอร์มเคยเป็นแดนป่าเถื่อนที่ความวุ่นวายกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ในเวลานี้… สิ่งที่เขาเห็นคือความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการควบคุมที่แน่นหนา
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัยว่า เหล่าเอลฟ์จัดการสิ่งนี้ได้อย่างไร
คุปเฟอร์ย่อมไม่อาจล่วงรู้ว่า เหล่าอันธพาลที่เคยยึดครองเมือง ถูกผู้ถูกเลือกปราบปรามไปตั้งแต่ช่วงแรกของการยึดครองเมืองแล้ว และบัดนี้… ก็เหลือเพียงฝุ่นของอดีตให้จดจำ นอกนั้นกลายเป็นค่าประสบการณ์และแต้มผลงานไปหมดแล้ว
ในปัจจุบัน จำนวนเอลฟ์ในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ฮาล์ฟออร์คกลับลดน้อยลงจนน่าแปลกใจ
คุปเฟอร์สังเกตผู้คนระหว่างทางด้วยสายตาเฉียบคม เอลฟ์ส่วนใหญ่ต่างแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสำหรับการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นเกราะหรืออาภรณ์เวทมนตร์ และที่สำคัญ พวกเขาล้วนแผ่กลิ่นอายแห่งสมรภูมิออกมาอย่างเด่นชัด หนักแน่นยิ่งกว่าทหารรับจ้างจากแผ่นดินใหญ่เสียอีก
เพียงแต่ระดับพลังยังอยู่ในช่วงกลางของหมู่ยอดฝีมือ ระหว่างระดับเหล็กขั้นสูงจนถึงระดับเงินขั้นต้น จากการประเมินด้วยสายตาของนักรบระดับตำนานเช่นเขา
ถึงกระนั้น เมื่อมองในภาพรวม พัฒนาการของเผ่าเอลฟ์ก็ล้ำหน้าเผ่าดวอร์ฟไปไกลนัก ความจริงข้อนี้ทำให้คุปเฟอร์อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ สมกับที่ครั้งหนึ่ง เผ่าเอลฟ์เคยเป็นเผ่าพันธุ์ระดับเงิน และเมื่อพวกเขามีเทพธิดาแห่งตนแล้ว… เส้นทางการเติบโตด้านพลังต่อสู้ก็ยิ่งทะยานรวดเร็วยิ่งกว่าที่คาด
รถม้าที่เขานั่งเป็นแบบเปิดโล่ง วิ่งด้วยจังหวะพอเหมาะ ในระหว่างทาง เอลฟ์หลายตนที่ผ่านไปมาโบกมือทักทายเขาด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร โดยเฉพาะเมื่อสายตาพวกเขาสบเข้ากับคุปเฟอร์ หลายชีวิตถึงกับเปล่งประกายตาวาว ยิ้มกว้างจนน่าแปลกใจ จนเจ้าตัวแอบรู้สึกเหมือนกำลังโดนเอาใจอย่างประหลาด
ภาพเหล่านั้นทำให้เขานึกในใจอย่างซาบซึ้ง
นี่สินะเอลฟ์…
สมแล้วที่เป็นเผ่าพันธุ์แห่งไมตรีจิต
หากจะมีสิ่งใดที่เขารู้สึกติดขัดอยู่บ้าง คงจะเป็นวิธีการเคลื่อนไหวของเอลฟ์บางตน ดูเหมือนจะนิยมกระโดด ปีนป่าย หรือแม้แต่ตีลังกาไปตามผนังและหลังคา มากกว่าจะเดินตามปกติ…
แต่ถึงอย่างนั้น คุปเฟอร์ก็เพลิดเพลินกับการสังเกตสิ่งรอบตัว เขาใช้เวลาบนรถม้าแลกเปลี่ยนบทสนทนาอย่างออกรสกับเอลฟ์สาวข้างกาย พูดคุยถึงความเป็นอยู่ของอาณาจักรดวอร์ฟ พร้อมสอบถามข่าวคราวจากฝั่งป่าเอลฟ์อย่างเป็นกันเอง
และไม่นานนัก รถม้าก็หยุดลงเบื้องหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง สถาปัตยกรรมของมันงดงามและขรึมขลังในเวลาเดียวกัน
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ฮึ่ม~ อย่าคิดว่าหลอกดวอร์ฟง่าย ๆ ได้นะคะ 😏 แต่พอเจอเอลฟ์ปลอมเข้าไป เนียนจัดจนดิฉันยังเผลอเชื่อเลยค่ะ!
โนเอล: บทนี้เหมือนจังหวะหายใจค่ะรุ่นพี่ ☕✨ ดวอร์ฟผู้แข็งแกร่งค่อย ๆ มองเห็นแสงใหม่… แสงแห่งศรัทธาและการทำลายล้าง ✨✨
ลิลี่: หนูว่าเจ้าไมเรลแอบขโมยซีนอยู่น้า~ มังกรดำตัวเบ้อเร่อ แต่เสียงใสเหมือนแมวร้อง “หืม~? ดวอร์ฟ?” น่าหยิกแก้มจริง ๆ 😹
มันเดย์: แซนด์สตอร์มเปลี่ยนไปแล้ว ด้วยพลังของใครบางคนที่โบ้ยงานเก่งเป็นบ้า
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION