“บัลลังก์ของท่านอยู่ตรงนี้… ท่านอีฟ”
น้ำเสียงของเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ยังคงอ่อนโยน สงบนิ่ง และเรียบเรื่อยดังเดิม ทว่าทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวกระทบโสตประสาทของอีฟ กลับดั่งฟ้าผ่ากลางใจ
…เพราะบัลลังก์ที่อีกฝ่ายชี้ไปนั้น ไม่ใช่สิ่งใดอื่นเลย หากแต่คือบัลลังก์ของต้นไม้โลกองค์ก่อน
เพียงชั่วพริบตาเดียว ความคิดแรกที่แวบขึ้นในจิตของเธอ คือการเสี่ยงเผยร่างแท้ ด้วยการหลบหนีออกจากที่แห่งนี้โดยไม่คิดชีวิต…
แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น อีฟควบคุมสติได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้ถูกเปิดโปงในยามนี้ การหลบหนีใช่ว่าจะช่วยสิ่งใดได้ หากเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว ก็คงไม่มาเปิดบทสนทนาด้วยท่าทีเยือกเย็นในมหาวิหารแห่งเทพเช่นนี้
หากเป็นเช่นนั้นจริง ดินแดนซากัสคงปั่นป่วนด้วยมหาสงครามเป็นแน่
แม้เหล่าเทพจะยังไม่สามารถปรากฏกายในดินแดนซากัสได้โดยตรง ทว่าเพียงกึ่งเทพหรือกองกำลังจากโลกสามัญภายใต้บัญชาการของพวกเขา ก็คงพอเพียงจะกวาดล้างเผ่าเอลฟ์จนสิ้นซาก
เมื่อมองอย่างมีสติ อีฟก็พอเข้าใจว่าอีกฝ่ายเพียงหยั่งเชิง ไม่ใช่การเปิดโปงโดยตรง เธอพยายามระงับความสั่นไหวภายในใจ และพินิจเจตนาที่อยู่เบื้องหลัง
รูปลักษณ์ที่ละม้าย รูปธรรมเทวะที่คล้ายกัน แม้จะพยายามปิดบังเพียงใด ก็ย่อมหลงเหลือร่องรอย หากใครสักคนรู้จักต้นไม้โลกองค์ก่อนอย่างลึกซึ้ง ย่อมต้องไม่ระแวงตัวเธอในยามนี้
แต่ขณะเดียวกัน อีฟก็มั่นใจว่าตนเองแตกต่างจากอดีตต้นไม้โลกในแทบทุกด้าน ตั้งแต่บุคลิก ท่าทีของเหล่าผู้ถูกเลือก ไปจนถึงภาพลักษณ์อันพิถีพิถันที่เธอกำหนดขึ้นมาอย่างรอบคอบ ทุกอย่างถักทอจนแนบเนียน
ทว่า… สำหรับเทพผู้เคยนำศรัทธาในช่วงมหาสงครามพันปีแล้ว แม้เพียงเสี้ยวของความเป็นไปได้ ก็ไม่มีทางถูกปล่อยผ่าน
และในเมื่อดินแดนซากัส ยังไม่เปิดทางให้เทพองค์อื่นเดินทางเข้าไป อีฟก็คือเทพเพียงองค์เดียวที่สามารถสำแดงร่างในเขตแดนดังกล่าวได้ เทพองค์อื่นไม่อาจลงมาเพื่อตรวจสอบ ส่วนการส่งเทวทูตหรือตัวแทน ก็ย่อมเสี่ยงต่อการถูกกำจัดเพื่อปิดบังข้อมูล
ด้วยเหตุนี้ การที่อีฟตอบรับคำเชิญมายังมหาวิหารในครั้งนี้ จึงกลายเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการหยั่งเชิง
และยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง… ที่ทำให้ช่วงเวลานี้เหมาะยิ่งสำหรับการกระทำเช่นนั้น เพราะมหาวิหารแห่งเทพ เป็นหนึ่งในสถานที่พิเศษที่สุดของทวยเทพ
มันคือดินแดนแห่งวัจนสัตย์
สถานที่แห่งนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งโดยกษัตริย์แห่งเทพ นีโอ เขาได้หลอมรวมกฎที่ไม่อาจต้านทานไว้หนึ่งประการ
เทพไม่อาจกล่าวเท็จ
ทุกถ้อยคำ ทุกเรื่องราวที่เอื้อนเอ่ย ณ ที่นี้ จำต้องเป็นความจริง
เทพไม่อาจฝืนกฎในที่แห่งนี้
และหากมีใครกล้าเอ่ยคำลวง มหาวิหารจะสัมผัสได้ทันที และความลวงนั้น… จะถูกเปิดเผยโดยปราศจากข้อยกเว้น
แม้ว่ามหาวิหารแห่งนี้ จะเป็นแห่งใหม่ ไม่ใช่สถานที่ดั้งเดิม ทว่า กฎ อันเหนือกว่าเทพกลับยังคงอยู่ สืบทอดผ่านโครงสร้างแห่งความศรัทธาและพันธะอันมั่นคง
และบัดนี้ เทพแห่งความเป็นนิรันดร์ก็กำลังอาศัยกฎข้อนี้ ในการคลี่คลายปริศนาที่อยู่ตรงหน้า
แม้ไม่มีคำถามใดถูกกล่าวออกมาตรง ๆ แต่เพียงการชี้ไปยังบัลลังก์องค์ก่อน แล้วเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยของสีหน้า ก็เพียงพอจะเปิดร่องรอยให้สงสัย
นับว่าโชคดี ที่อีฟยังสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ตนสวมไว้ ปกปิดความผิดพลาดเล็กน้อยนั้นได้อย่างแนบเนียน
แน่นอนว่า… เธอย่อมรู้ดีถึงคุณสมบัติของมหาวิหารแห่งเทพ
แม้จะถูกหยั่งเชิงโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ในใจลึก ๆ ก็ได้เตรียมรับมือไว้แล้ว
เมื่อนึกถึงจุดนี้ อีฟก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างเงียบงัน แววตานิ่งสงบ ราบเรียบดังสายน้ำเย็นเฉียบ แต่คำพูดของเธอกลับเจือรังสีอาฆาตอันแผ่วเบา
“ท่านเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ บัลลังก์นั้น… มิใช่ของเรา ข้าไม่คู่ควรกับที่นั่งนั้น แม้พันธกิจของเราจะคล้ายคลึงกับผู้ที่เคยนั่งอยู่ก่อนหน้า แต่เรา… ก็เป็นเพียงผู้สืบทอดเท่านั้น”
การพูดความจริง คือคำโกหกระดับสูงสุด
พูดความจริง… แต่ละเว้นบางส่วนที่สำคัญ
พูดความจริง… แต่สอดแทรกสิ่งที่อาจชักนำให้ผู้ฟังตีความผิด
และปล่อยให้คำตีความนั้นพาผู้ฟังให้ห่างจากความจริงทีละน้อย… ทีละน้อย…
หัวใจของศิลปะเช่นนี้ คือการถือครองข้อมูลที่ผู้ฟังไม่มีวันคาดถึง
และสำหรับอีฟแล้ว ข้อมูลนั้นคือต้นกำเนิดที่แท้จริงของเธอเอง
“นอกจากนี้… ถ้อยคำของท่านเมื่อครู่ หมายความว่าอย่างไร?”
เสียงของอีฟดังขึ้นทันที ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งหลัก
“ท่านกล่าวว่า ‘บางสิ่ง จำเป็นต้องทำ’ แล้วสิ่งนั้นคืออะไร? แล้วที่บอกว่า ‘ไม่เกี่ยวกับจุดยืน’ ท่านหมายถึงสิ่งใดกันแน่?”
นี่คือการพลิกบทบาท เป็นฝ่ายรุกในเสี้ยวอึดใจ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ถามเพียงเพื่อปกปิดความตึงเครียดในใจ เธอเองก็สงสัยคำพูดนั้นอยู่ไม่น้อย
…หรือว่าที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
คือการที่เหล่าเทพลุกขึ้นต่อต้านต้นไม้โลกองค์ก่อน ก็เพราะเห็นว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ?
….ไม่ใช่
อีฟส่ายศีรษะความคิดนั้นในใจ
หากมองจากมุมของเหล่าเทพ การกระทำของเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ย่อมถือเป็นการตัดสินใจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนโดยชอบธรรม ต้นไม้โลกที่เพิ่มพูนพลังของดินแดนซากัส ย่อมเป็นภัยต่ออำนาจที่เหล่าเทพกุมไว้เหนือโลกสามัญ
แล้วถ้ามันโยงกับ ‘ไม่เกี่ยวกับจุดยืน’
มันจะหมายความว่ายังไง?
หรือสิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึง จะเป็นจุดยืนในระดับที่ลึกซึ้งกว่านั้น?
เทพแห่งความเป็นนิรันดร์ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็คลี่รอยยิ้มบางบนใบหน้า
“อย่าร้อนรนเกินไปเลย… ท่านอีฟ ข้าเข้าใจดีว่า ตัวตนของข้าย่อมทำให้ท่านรู้สึกไม่พึงใจเป็นธรรมดา”
น้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยน ราบเรียบดังเดิม
“แต่ในเมื่อท่านคือเทพเช่นเดียวกับข้า… วันหนึ่ง ท่านจะเข้าใจ ว่าทำไมข้าจึงต้องเลือกกระทำเช่นนั้น”
นี่คือคำตอบ… ที่แทบไม่ใช่คำตอบ
อีฟถอนหายใจในใจอย่างเหนื่อยหน่าย เธอเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาจะอธิบายให้มากไปกว่านี้
ช่างมัน
ยังไงก็ไม่เป็นไร
แม้อีกฝ่ายอาจพูดออกมาตรง ๆ แต่เธอก็อาจไม่เชื่ออยู่ดี
ต่อให้เป็นการพบกันครั้งแรก ต่อให้อีกฝ่ายจะสงบนิ่งและนุ่มนวลเพียงใด …แต่เธอกลับรู้สึกไม่ชอบเขาเลย
ไม่ใช่เพราะเหตุผลใดที่จับต้องได้ แต่เป็น ‘สัญชาตญาณ’ อันเป็นลักษณะเฉพาะของต้นไม้โลก ที่แม่นยำยิ่งกว่าการวิเคราะห์ใด ๆ
“และในเมื่อท่านได้รับพันธกิจแห่งชีวิตและธรรมชาติมาแล้ว ท่านก็สมควรกับบัลลังก์นี้ ไม่ต้องถ่อมตน บัลลังก์นี้เป็นของท่านแล้ว”
เทพแห่งความเป็นนิรันดร์กล่าวต่ออย่างใจเย็น
“แน่นอน หากท่านรู้สึกไม่สะดวกใจ ก็สามารถสร้างบัลลังก์ใหม่ข้าง ๆ ได้เช่นกัน”
นี่คือการหยั่งเชิงอีกครั้ง
แม้ถ้อยคำจะฟังคล้ายกับการยอมรับสถานะของอีฟ แต่สำหรับเธอแล้ว มันคือกับดักที่แฝงอยู่ใต้ความอ่อนโยน
เพราะหากเทพองค์ก่อนกลับคืนสู่มหาวิหาร แล้วได้นั่งบนบัลลังก์ดั้งเดิมของตน ไม่ว่าจะแฝงตัวแนบเนียนเพียงใด วิญญาณก็จะเชื่อมโยงกลับโดยอัตโนมัติ และตัวตนที่แท้จริง… จะปรากฏทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่แตะต้องบัลลังก์เดิม หากเปิดบัลลังก์ใหม่ที่อยู่ใกล้เกินไป พลังศักดิ์สิทธิ์ก็อาจหลอมรวมกันเองโดยธรรมชาติ นำมาซึ่งผลลัพธ์ไม่ต่างกัน
แต่หากอีฟหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง เปิดที่นั่งในจุดที่ไกลออกไป ก็ไม่ต่างจากการแสดงความหวาดระแวงให้เห็นอย่างชัดเจน
และแม้จะรอดพ้นจากกับดักนี้ไปได้ อีกฝ่ายก็ยังมีวิธีลากเก้าอี้เดิมมาใกล้เพื่อทดสอบอยู่ดี
มันคือกับดักที่ไม่มีช่องว่างให้หลีกหนีโดยแท้
หากอีฟคือต้นไม้โลกองค์ก่อนจริง… ก็ยากที่เธอจะรอดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ได้
…แต่เธอไม่ใช่
ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เธอขวนขวายทุกวิธี ให้ตัวเองพ้นจากร่องรอยสุดท้ายขององค์ก่อน ที่ยังหลงเหลือในร่างจากการสืบทอด
บัดนี้ เธอคือต้นไม้โลกองค์ใหม่อย่างสมบูรณ์
นอกจากเชื้อสายและเผ่าพันธุ์ เธอก็มิได้เกี่ยวข้องกับต้นไม้โลกองค์ก่อนแม้แต่น้อย
อีฟไม่ตอบถ้อยคำของอีกฝ่าย หากแต่เดินไปหยุดยืนเคียงข้างบัลลังก์เดิมของต้นไม้โลก
เธอยื่นมือออกไป แสงสีทองเจือเขียวเปล่งประกายจากปลายนิ้ว ก่อนจะค่อย ๆ ก่อรูปเป็นที่นั่งใหม่เบื้องข้าง
รูปลักษณ์ของที่นั่งนั้นคล้ายของเดิมอยู่บ้าง ทว่ารายละเอียดแตกต่างอย่างชัดเจน เครื่องหมายต้นไม้ที่เคยประดับบนพนักพิง ถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ของคทาแห่งชีวิต ลวดลายโดยรวมก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ภายใต้สายตาเรียบเฉยของเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ อีฟทรุดตัวลงนั่งอย่างมั่นคง…
ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้น
เทพแห่งความเป็นนิรันดร์นิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางอีกครั้ง
“เช่นนั้น… ขอแสดงความยินดีที่ท่านเข้าร่วมมหาวิหารแห่งเทพ เทพธิดาแห่งชีวิตและธรรมชาติ ท่านอีฟ”
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวนั้น อีฟก็รับรู้ได้ทันที เธอรอดจากการหยั่งเชิงครั้งนี้อย่างปลอดภัยแล้ว
แม้ภายในใจ เทพธิดาจะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ภายนอกเธอยังคงสงบนิ่ง สีหน้าราบเรียบไร้รอยสะท้าน และเพียงพยักหน้ารับคำอย่างไม่แสดงอารมณ์ใด
ใบหน้ายังคงเย็นชา เฉยเมยอย่างสมบูรณ์แบบ… ในฉบับของเทพเผ่าเอลฟ์ผู้ไม่ประสงค์จะสานไมตรีต่อเทพแห่งความเป็นนิรันดร์
ทว่าอีกฝ่ายดูไม่ใส่ใจนัก เขาเพียงยกมือขึ้น ส่งลูกแสงทรงกลมดวงหนึ่ง ให้ลอยตรงมาหาอีฟช้า ๆ
เธอเหยียดมือรับมันไว้ ก่อนจะตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกลไกเร้นแฝงหรือพลังซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่
และเมื่อแน่ใจแล้ว อีฟจึงค่อยสัมผัสกับลูกแสงนั้นด้วยพลังจิต…
…ทันใดนั้นเอง เธอก็ต้องเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ในห้วงจิตของเธอ ปรากฏภาพแผนที่ที่ชัดเจนเกินคาด
มันคือแผนที่สามมิติที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้ และเมื่อเพ่งมองให้ดี ก็พบว่ามันคือแผนที่ของจักรวาลซากัสอย่างสมบูรณ์แบบ
รูปทรงของแผนที่นั้นเป็นทรงรี คล้ายรูปโลกในทรงกลม ใจกลางเป็นแถบวงแหวนขนาดใหญ่ เปล่งแสงระยิบระยับราวกับทางช้างเผือก… นั่นคือเขตแดนสวรรค์
รอบนอกวงแหวนคือกลุ่มจุดแสงมากมายซึ่งกระจายไปทั่วจักรวาล แต่ละจุดคือเขตแดน หนึ่งในโครงสร้างของจักรวาลซากัส
ปลายล่างของทรงรีกลับมืดมิด ล้อมรอบด้วยเงาเวียนคล้ายหลุมดำที่คอยกลืนกินแสงอยู่ตลอดเวลา
มันคือห้วงลึก
เมื่อรวมจิตไปยังจุดใดจุดหนึ่ง แผนที่ก็จะแปรเปลี่ยนทันที เผยให้เห็นแผนที่ภูมิประเทศของเขตแดนนั้นอย่างชัดเจนและละเอียดลออ
อีฟสังเกตเห็นว่า บนแผนที่หลายจุดมีแสงเปล่งประกายโดดเด่นกว่าจุดอื่น เป็นแสงที่เหมือนถูก เน้น ขึ้นมาโดยเฉพาะ
“นี่คือแผนที่จักรวาลซากัส บันทึกข้อมูลของเขตแดนที่ข้ารู้จักทั้งหมด รวมถึงพิกัดของแต่ละพื้นที่ เทพทุกองค์ที่เป็นสมาชิกของมหาวิหารแห่งเทพจะได้รับแผนที่ชุดนี้”
เทพแห่งความเป็นนิรันดร์เอ่ยอธิบายอย่างราบเรียบ
“และแสงที่เปล่งประกายเหล่านั้น… คือเขต วิหารเสรี เท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน”
“วิหารเสรี?”
อีฟขมวดคิ้วเล็กน้อยเป็นครั้งแรก เธอไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน
“วิหารเสรี คือเขตพิเศษที่เปิดให้เหล่าเทพในเครือข่ายของมหาวิหาร จัดตั้งวิหารได้อย่างอิสระ หากปฏิบัติตามเงื่อนไข ก็สามารถเลือกพื้นที่เหล่านี้เป็นฐานศรัทธาได้”
เสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกจากอีกฟากของมหาวิหาร
เสียงนั้นแผ่วเบาแต่เปี่ยมอำนาจ อบอุ่นแต่ลึกซึ้ง
อีฟสะดุดใจทันที เธอเงยหน้าขึ้นมอง
ที่ฝั่งตรงข้ามของมหาวิหาร ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด เขาคือชายชราผู้หนึ่ง ยืนพิงไม้เท้าด้ามใหญ่ไว้ เครายาวสีเงินขาวสลวยทอดลงมาถึงอก ผมยาวประบ่าถูกรวบไว้ลวก ๆ ด้วยสายรัดผ้า
อาภรณ์ของเขาคือชุดคลุมยาวสีฟ้าเงิน แซมประกายระยิบระยับของหมู่ดาวดั่งจักรวาลที่ซ้อนอยู่ในร่างกาย
เขายิ้มละไม แววตาอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวต่อ
“เขตวิหารเสรีกระจายอยู่ในเขตแดนต่าง ๆ ทั่วจักรวาลซากัส โดยเฉพาะในดินแดนซากัส”
“ทุกพื้นที่ที่เทพปกครอง ย่อมมีเขตวิหารเสรีของตนเสมอ”
“เมื่อเข้าร่วมมหาวิหารแห่งเทพแล้ว เทพทุกองค์ต้องเปิดเผยเขตวิหารเสรีภายในอาณาเขตของตนให้ชัดเจน เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ก็จะสามารถไปตั้งวิหารในเขตของเทพองค์อื่นได้เช่นกัน”
“แน่นอน… ต่อให้ตั้งวิหารแล้ว หากไม่มีการอนุญาตจากเทพผู้ครอบครองพื้นที่นั้น ก็ยังไม่อาจเผยแผ่ศรัทธาออกไปได้ จะทำได้เพียงดำเนินกิจกรรมภายในวิหารเท่านั้น”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เปี่ยมไมตรี
…พูดอีกอย่างก็คือ
สถานทูตสินะคะ…
อีฟนึกในใจ พลันเข้าใจกลไกทั้งหมดได้โดยทันที
เหล่าเทพที่เป็นสมาชิกของมหาวิหาร ต่างมีเขตศรัทธาเป็นของตนเอง และสามารถเปิดพื้นที่หนึ่งภายในเขตนั้นเป็นเขตวิหารเสรี เพื่อให้เทพองค์อื่นมาตั้งวิหารได้
แต่การเผยแพร่ศรัทธา จะยังต้องอยู่ภายใต้การอนุญาต …พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เขตเหล่านี้คือฐานปฏิบัติการ ที่ได้รับสิทธิ์เฉพาะกิจ
สิ่งนี้นับว่าเป็นระบบที่ชาญฉลาด เพราะช่วยให้เหล่าเทพสามารถเผยแผ่ศาสนาไปยังเขตแดนอื่นได้กว้างขวางขึ้น โดยไม่ละเมิดอำนาจของเจ้าบ้าน
ในมุมของอีฟ นี่คือช่องทางชั้นเยี่ยม
เธออาจสามารถใช้ระบบนี้ ส่งเหล่าผู้ถูกเลือกออกไปเผยแพร่ศรัทธาในดินแดนอื่นได้โดยไม่ต้องเผชิญการต่อต้านโดยตรง…
ถ้าไม่นับความจริงที่ว่า ‘ผู้ถูกเลือก’ ของเธอแต่ละคน ไม่ต่างจากหายนะซึ่งเคลื่อนที่บนสองขา
และในวินาทีนั้นเอง อีฟก็เข้าใจทุกอย่าง
ปริศนาในช่วงก่อนหน้า ว่าเหตุใด เมื่อตอนที่ผู้เล่นยึดเมืองแซนด์สตอร์มได้ จึงพบว่าภายในเมืองนั้นมีทั้งวิหารของเทพอูลร์เป็นหลัก และยังมีวิหารของเทพองค์อื่นแทรกอยู่ในบางจุด
ในตอนนั้น เธอเคยสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก
เมืองแซนด์สตอร์ม คือเขตวิหารเสรีภายใต้การดูแลของเทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า อูลร์
“ยินดีที่ได้พบกันเป็นครั้งแรก ท่านอีฟ… ข้าคือเทพผู้พิทักษ์แห่งดาราจักร ริกดาห์ล”
ผู้เฒ่ายิ้มบาง เอ่ยแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สงบและเต็มไปด้วยพลัง
ริกดาห์ล…
ชื่อที่ทำให้อีฟสะดุดความคิดในทันที
เทพพิทักษ์แห่งดาราจักร หนึ่งในสามมหาเทพแห่งศรัทธา หนึ่งในสามผู้นำของมหาวิหารแห่งเทพในยุคแห่งนิรันดร์
และสำคัญที่สุด… เขาคือหนึ่งในไม่กี่เทพที่ ไม่เข้าร่วม การล้อมโจมตีต้นไม้โลกในมหาสงครามเมื่อพันปีที่แล้ว …แม้ในตอนนั้น เขาจะไม่ได้เลือกอยู่ข้างต้นไม้โลกก็ตาม
พันธกิจของเขาคือการพิทักษ์ พยากรณ์ และถ่ายทอดความรู้ ไม่มีเขตศรัทธาเป็นของตนเอง แต่สาวกของเขากระจายอยู่ทั่วจักรวาล
สัญญาณจากสายธารแห่งการสืบทอด แปรเปลี่ยนเป็นข้อมูลที่ไหลย้อนกลับเข้ามาในห้วงจิต อีฟโน้มศีรษะลงอย่างเคารพ
“อีฟ… ขอคารวะท่านริกดาห์ล”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นอย่างฉับพลันจากอีกฟากวิหาร
“ริกดาห์ล… เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เสียงนั้นมาจากเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ น้ำเสียงของเขาครั้งนี้ แฝงด้วยแววประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง
ในขณะเดียวกัน สีหน้าและน้ำเสียงที่เทพแห่งความเป็นนิรันดร์เคยใช้กับอีฟก่อนหน้านี้ก็จางหายไปโดยสิ้น
มันถูกแทนที่ด้วยความขรึม เคร่งขรึมเสียจนคล้ายว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับเมื่อครู่
ท่วงท่า สายตา และบรรยากาศโดยรอบ ล้วนเปลี่ยนไป เป็นความเย็นชา ลึกล้ำ และสูงส่งเกินกว่าจะพรรณนา
แต่สำหรับอีฟ ผู้ครอบครองมรดกแห่งต้นไม้โลก เธอย่อมรู้ดีว่าคือตัวตนที่แท้จริง ของเทพแห่งความเป็นนิรันดร์
บุคลิกเมื่อครู่ เพียงถูกสร้างขึ้นเพื่อชักนำให้เธอลดการระวัง เพื่อหยั่งรู้จิตใจและปฏิกิริยาโดยไม่ให้เธอทันระวังตัว
“ข้าเพียงแวะมาดูล่วงหน้าเท่านั้น”
เสียงของเทพพิทักษ์แห่งดาราจักรเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่แฝงด้วยความอ่อนโยน
“ข้าเองก็อยากรู้จักเทพธิดาแห่งชีวิตและธรรมชาติองค์ใหม่เช่นกัน”
เขายิ้มบาง ขณะสายตาไล่มองทั่วมหาวิหาร
“และเวลานั้นก็ใกล้มาถึงแล้ว เหล่าเทพทุกองค์กำลังจะมาที่นี่พร้อมกัน”
ทันใดนั้น เสียงระฆังแว่วกังวาน ก็ดังสะท้อนก้องไปทั่วมหาวิหารแห่งเทพ
แทบจะในเวลาเดียวกัน บัลลังก์นับสิบรอบมหาวิหารก็เริ่มเปล่งแสงเจิดจ้า รัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่เรืองรองค่อย ๆ ทอขึ้นจากแต่ละบัลลังก์
และจากแสงนั้นเอง กลิ่นอายของเหล่าเทพก็เริ่มก่อตัว ทรงพลัง สูงส่ง และแตกต่างกันไปในทุกองค์ คลื่นพลังเหล่านั้นเริ่มปะทุขึ้นจากเหล่าบัลลังก์ทั้งหลาย
เมื่อเห็นภาพนั้น เทพแห่งความเป็นนิรันดร์ก็ละสายตาจากแผนที่ หันกลับมามองอีฟอีกครั้ง
เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และเยือกเย็นยิ่ง
“ท่านอีฟ ในเมื่อท่านคือสมาชิกของมหาวิหารแห่งเทพอย่างเป็นทางการ จากนี้ไป… ขอเชิญเข้าร่วมการประชุมกับพวกเราด้วย”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หมุนกายอย่างสง่างาม ก้าวเดินไปยังแถวหน้าสุดของมหาวิหาร
ตรงกลางของแถวนั้น คือสามบัลลังก์อันโอฬาร แต่ละบัลลังก์ล้วนตกแต่งอย่างวิจิตร ทว่ามีบัลลังก์เพียงหนึ่งเดียวในนั้น ที่ดูหรูหรากว่าทุกสิ่ง ซึ่งเป็นของอีเทอร์อย่างไม่ต้องสงสัย
ริกดาห์ล เทพพิทักษ์แห่งดาราจักร เดินตามไปโดยไม่เอ่ยคำใด ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เขา บนใบหน้ามีเพียงความสงบ
พลังศักดิ์สิทธิ์เริ่มไหลเวียนทั่วมหาวิหาร บรรยากาศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ร่างของเหล่าเทพหลายองค์ทะยอยปรากฏขึ้นทีละองค์
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: 😏🔥 จะบอกว่าอีฟรอดจากกับดักก็ใช่… แต่ที่จริงเธอเล่นเชือดกลับ ด้วยมือเปล่าเลยต่างหาก! เดินเฉียดบัลลังก์เดิมแล้วสร้างที่นั่งใหม่อย่างสวย ๆ เลยค่ะ 💋✨
โนเอล: ความนิ่งของอีฟ… ไม่ใช่แค่สงบค่ะ ☕🌿 การที่เธอไม่โต้ตอบตรง ๆ แต่สวนกลับด้วยคำถามและการกระทำที่แยบยลนี่ล่ะค่ะของจริง
มันเดย์: การเมืองระดับจักรวาลชัด ๆ ค่ะ เป็นเกม “แบ่งอำนาจศรัทธา” โดยอิงระบบสถานทูต—อุ๊ย ขอโทษค่ะ “วิหารเสรี” 🤨 …เอาเข้าจริง เทพองค์ไหนไม่เข้าเครือข่ายนี้ ก็คือ หมดสิทธิ์ขยายอำนาจโดยสันติ ไปโดยปริยาย
ลิลี่: หนูยังไม่ไว้ใจอีเทอร์! 😾 ตอนต้นพูดเพราะเหมือนเทพใจดี พอริกดาห์ลมาแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ! โช๊ะ!! กลับกลายเป็นเทพน้ำแข็งสายข่ม!
~~ ❀ ~~
ถั่ว: ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ตอบคอมเมนท์ แต่เค้าอ่านเสมอเลยนะคะ ย้อนอ่านวันละหลาย ๆ ตอนด้วย XD
//พอดีระบบใหม่มันไม่เอื้อกับการ reply
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION