“เฮ้ย!!”
เดมาเซียอุทานลั่นด้วยความตื่นเต้นสุดขีด มือใหญ่คว้าแขนหลี่มู่ที่ยืนอยู่ใกล้ตัวเข้ามาเต็มแรง จนหนุ่มผมดำร่างเล็กผู้โดนคว้าแทบจะเซล้ม
แรงกระชากของนักรบสายเชี่ยวชาญการป้องกันนั้นไม่ใช่ย่อย จนหลี่มู่ที่ไม่ทันตั้งหลักแทบจะปลิวตามแรงมือ
หลี่มู่หันขวับมามองด้วยสีหน้าระอา
“อะไรของนายเนี่ย อยู่ดี ๆ โวยวายขึ้นมา ตกใจหมด”
เขาพูดพลางเลิกคิ้ว ก่อนจะหันตามสายตาของเดมาเซียไปโดยไม่รู้ตัว…
“…เฮ้ย!!”
ครั้งนี้หลี่มู่เองก็เผลออุทานออกมาด้วยเสียงไม่ต่างกัน
เพราะภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า… ช่างเหนือความคาดหมายยิ่งนัก
นัตซึเมะยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขายังอุ้มกระต่ายเขายักษ์ขนฟูอวบกลม ที่ดูน่ากินเสียจนคนเห็นต้องกลืนน้ำลาย ซ้ำยังมีรอยยิ้มเหม่อลอยบนใบหน้าที่ดูผิดปกติ… ยิ่งมองก็ยิ่งชวนให้ขนลุกอย่างประหลาด
บนตัวเขายังสะพายถุงผ้าใบใหญ่ใบหนึ่งพาดเฉียง ซึ่งอัดแน่นไปด้วยลูกนัทเวทมนตร์หายาก ยังดีที่มันไม่กลิ้งหล่นออกมาระหว่างเดิน แต่ก็น่าแปลกใจที่เขาไม่เก็บใส่แหวนมิติเสียให้จบเรื่อง
ทว่าทั้งกระต่ายอ้วน หรือถั่ววิเศษล้ำค่าที่แย่งกันประมูลในตลาด ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้สองผู้เล่นแนวหน้าถึงกับชะงักจนพูดไม่ออก
สิ่งที่ทำให้พวกเขาถึงกับตาค้าง… คือเด็กสาวตัวจิ๋ว ที่เกาะอยู่บนบ่าของนัตซึเมะ
เธอสูงไม่ถึงสามสิบเซนติเมตร สวมชุดเดรสสีขาวสะอาดตา รูปร่างเล็กบอบบางราวตุ๊กตาจากต่างแดน มีใบหน้าเรียวเล็กคล้ายเอลฟ์ หูแหลม ผิวเนียนละเอียด ขับให้จมูกกับริมฝีปากที่ได้รูปยิ่งดูน่าทะนุถนอม
แต่ที่โดดเด่นที่สุด กลับเป็นปีกคู่งามที่แผ่กางอยู่กลางแผ่นหลัง ปีกที่เปล่งประกายเรืองรองราวผีเสื้อกลางแสงจันทร์ และมีขนาดพอ ๆ กับลำตัวของเธอเอง
ร่างเล็กของเธอเปล่งแสงนุ่มนวลออกมาในยามค่ำคืน เหมือนตัวตนที่หลุดออกมาจากภาพฝัน
เธอกำลังนั่งพิงอยู่บนบ่านัตซึเมะอย่างสบายอารมณ์ แกว่งขาเล็กไปมา ฮัมเพลงที่ไม่มีใครรู้จักในลำคออย่างเพลิดเพลิน ตรงอกของเธอยังกอดลูกนัทเม็ดหนึ่งไว้แน่น… ลูกที่นัตซึเมะเพิ่งกะเทาะเปลือกให้ด้วยมือ
แววตาของเธอเปล่งประกายสดใสราวกับเด็กสาวที่ได้ของเล่นชิ้นโปรด
เดมาเซีย: …
หลี่มู่: …
“ถามจริง! นั่นมันภูตดอกไม้เรอะ?!”
เสียงเดมาเซียดังขึ้นอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นขณะที่พุ่งเข้าไปหานัตซึเมะแทบจะทันที
“นายไปเต๊าะอีท่าไหนถึงจับมาได้กันฟะ?!”
คำถามพ่นออกมาแทบไม่หยุดหายใจ แต่เสียงตะโกนที่ดังเกินไปนั่นเอง… กลับทำให้เจ้าภูตตัวน้อยที่นั่งอยู่บนบ่าถึงกับสะดุ้ง
ดวงตากลมใสของเจ้าภูตน้อยเหลือบมองเดมาเซียด้วยความระแวดระวัง ก่อนจะโยนลูกนัทในมือกลับลงถุงผ้าอย่างคล่องแคล่ว แล้วสะบัดปีกกระพือ ลอยตัวขึ้นไปหลบอยู่ด้านหลังของนัตซึเมะในพริบตา
เธอแอบโผล่หน้าออกมาจากบ่าเขาเป็นระยะ ใช้มือเล็กจิ๋วบังบ่าของนัตซึเมะไว้ แล้วแอบสอดส่องมองสำรวจหลี่มู่กับเดมาเซียด้วยแววตาปะปนระหว่างความหวาดกลัวและความอยากรู้อยากเห็น
แต่เพียงแค่สบตากับพวกเขาได้ชั่วครู่ เธอก็รีบซุกหน้าหลบกลับไปอย่างรวดเร็ว
เดมาเซีย: …
หลี่มู่: …
น่ารัก!
ทันใดนั้นเอง สองผู้เล่นรุ่นใหญ่แห่งสมาคมหัวใจแห่งธรรมชาติ พลันรู้สึกราวกับมีอารมณ์บางอย่างอบอวลขึ้นมาในอก
อิจฉา…
อิจฉาจนแทบกระอัก!
เมื่อเห็นทั้งสองคนตื่นเต้นกันใหญ่โต นัตซึเมะก็หัวเราะแห้ง ๆ พลางเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ดิงดองขี้ตกใจน่ะครับ พี่มู่ พี่เดมา เธอน่าจะไม่ชอบเสียงดัง ๆ เท่าไร”
ชายหนุ่มหยิบลูกนัทที่เจ้าตัวน้อยโยนคืนกลับมา แล้วยื่นให้เธออีกครั้งด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ดิงดอง นี่เพื่อนของผมนะ คนผมดำชื่อหลี่มู่ อีกคนผมแดงชื่อเดมาเซีย พวกเขาใจดี ไม่คิดร้ายกับเธอหรอก ไม่ต้องกลัวนะครับ”
…ดิงดอง?
เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ! ถึงขั้นตั้งชื่อให้แล้วเรอะ!?
หลี่มู่กับเดมาเซียถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ความอิจฉาจะสุมอกอย่างรุนแรงขึ้นอีกระดับ
เมื่อได้ยินคำพูดของนัตซึเมะ เจ้าภูตน้อยก็คล้ายจะลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ โผล่ใบหน้าเล็ก ๆ ออกจากหลังกายของเขาอีกครั้ง แม้สองมือน้อยยังเกาะเสื้อเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
เธอจ้องมองหลี่มู่กับเดมาเซียอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจบินกลับออกมาอย่างช้า ๆ แล้วกลับไปนั่งที่บ่าของนัตซึเมะตามเดิม
คราวนี้เธอไม่ได้ฮัมเพลง ไม่ได้แกว่งขาเหมือนก่อน แต่ก็ยังอุ้มลูกนัทในอ้อมแขนแน่น และมองทั้งสองคนด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นปนระแวดระวัง
น่ารักเกินต้าน…!
สุดจะต้านทานจริง ๆ!
ทั้งหลี่มู่และเดมาเซียคิดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย พลันพ่ายแพ้ให้กับรัศมีความน่ารักของเจ้าตัวจิ๋วอย่างสมบูรณ์
“นึกไม่ถึงเลยแฮะ นัตซึเมะ นายถึงได้รับการยอมรับจากภูตได้เร็วขนาดนี้ ทำยังไงกันแน่?” หลี่มู่ถามด้วยความสนใจปนความอิจฉา
เขาคิดว่าตัวเองก็เปย์หนักพอตัวแล้วแท้ ๆ แต่ต่อให้ไล่ตามเท่าไรก็ไม่เคยได้โอกาสจากพวกภูตเลยสักครั้ง
เขาอยากรู้จริง ๆ ว่านัตซึเมะไปทำอีท่าไหนมา
นัตซึเมะยิ้มบาง ตอบกลับเรียบ ๆ
“ก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง”
แล้วเขาก็เล่าเรื่องราวระหว่างตนกับเจ้าตัวเล็กให้ฟังอย่างย่อ ตั้งแต่ตอนที่โดนดูดพลังเวทที่ต้นไม้โลก จนถึงเหตุการณ์ไล่ล่าในป่าเอลฟ์วันนี้
เมื่อฟังจบ หลี่มู่กับเดมาเซียก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ให้ตายเถอะ… โคตรโชคดีเลยครับ!”
แพตช์ยังไม่ทันอัปเดต ไอ้นี่ดันไปจองภูตไว้แล้ว…
นี่มันชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยไม่ใช่เรอะ!?
กระนั้นก็ตาม เรื่องที่นัตซึเมะเล่าก็ช่วยให้ทั้งสองเริ่มเข้าใจนิสัยของภูตได้มากขึ้น
พวกเธอช่างซุกซนและเจ้าเล่ห์ในแบบที่น่าหยิก เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และหลงใหลสิ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทบริสุทธิ์ ที่สำคัญคือมีหัวใจที่อ่อนโยน
นอกจากนี้ พวกเธอก็ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทสัตว์อสูรแต่อย่างใด หากแต่เป็น NPC อย่างเป็นทางการตามที่ทีมพัฒนาประกาศไว้
ส่วนทางด้านนัตซึเมะ เขาได้ทำพันธะสหายกับเจ้าตัวเล็กที่เขาตั้งชื่อว่า ดิงดอง เรียบร้อยแล้ว
อิจฉา…
อิจฉาเกินไปแล้ว!
นี่มันโชคระดับเทพชัด ๆ!
ชาติที่แล้วทำบุญมาด้วยอะไรฟะ!?
หลังจากเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ระหว่างตนกับดิงดองจบลง นัตซึเมะก็กล่าวเสริมด้วยสีหน้าสบาย ๆ
“จะว่าไป ดิงดองเธอไม่ใช่ภูตดอกไม้แบบโลกฝั่งเรานะครับ เผ่าของเธอคือ ‘ภูตธาตุ’ เป็นสิ่งมีชีวิตพลังงานที่พิเศษมากเลยล่ะ”
ภูตธาตุ…?
หลี่มู่กับเดมาเซียถึงกับนิ่งงันไปชั่วครู่โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหันขวับไปมองเจ้าตัวเล็กพร้อมกัน
สิ่งมีชีวิตพลังงาน?
ทั้งสองจ้องมองแสงนุ่มนวลที่แผ่กระจายออกจากร่างเธอ แล้วยิ่งสังเกต ก็ยิ่งเห็นว่าเธอมีลักษณะเลือนรางคล้ายเงาในความฝัน
นี่มันเหมือนพกหลอดไฟติดตัวชัด ๆ…
โชคดีที่นัตซึเมะกลับมาจากทางตอนเหนือของเมือง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีผู้เล่นมากนัก ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกคนอื่นห้อมล้อมไว้แน่
“ว่าแต่… เธอกินอะไรน่ะ? ลูกนัทเวทมนตร์นี่รึเปล่า? เธอมีสกิลอะไรเด็ด ๆ มะสหาย?”
เดมาเซียเอ่ยถามด้วยแววตาเปี่ยมความอยากรู้
นัตซึเมะหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังนั่งกอดถั่วเปลือกแข็งบนบ่าอย่างว่าง่าย แววตาอ่อนโยนฉายชัด
“ดิงดองกินพลังเวทน่ะ เธอเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเงินของจริงเลย”
ก่อนหน้านี้ นัตซึเมะก็ยังไม่เข้าใจนักเกี่ยวกับภูตธาตุ แต่หลังจากทำพันธะแล้ว ข้อมูลของดิงดองรวมถึงความสามารถต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในระบบของเขา
ระหว่างเดินทางกลับมา เขายังให้ดิงดองสาธิตพลังบางส่วนให้ดูด้วย ทำให้เริ่มเข้าใจความสามารถของพวกเธอลึกขึ้นอีกขั้น
อันดับแรก… ภูตธาตุเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเงินแท้จริง
แม้จะดูเปราะบางและแรงเทียบเท่าเด็กตัวเล็ก แต่ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ‘พรสวรรค์’ ของเผ่าพันธุ์นี้ไม่ได้กระจุกอยู่ในพละกำลัง หากกระจายออกไปในรูปแบบอื่น
ในฐานะเผ่าพลังงาน พวกเธอเกิดมาพร้อมกับความสามารถควบคุมพลังเวทตามธรรมชาติ มีทั้งทักษะด้านการบังคับใช้เวทมนตร์อย่างชำนาญ และพลังเวทธาตุอันแข็งแกร่ง ตลอดจนสกิลเฉพาะที่คล้ายกับเสียงกระซิบแห่งพงไพรของเหล่าดรูอิด
ตัวอย่างเช่นดิงดอง นัตซึเมะค้นพบว่าเธอสามารถรับรู้พลังเวทได้แม่นยำมาก ถึงขั้นตรวจจับตำแหน่งของพืชเวทหายากในป่าเอลฟ์ได้อย่างง่ายดาย
และไม่เพียงเท่านั้น เธอยังสามารถแทรกแซงวงจรเวทในพื้นที่รอบตัว หรือแม้แต่ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตบางประเภท รวมถึงผู้เล่นด้วยเช่นกัน
นัตซึเมะลองให้เธอช่วยขณะเข้าสมาธิ และก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า การไหลเวียนของพลังเวทในร่างถูกปรับแต่งให้ลื่นไหลอย่างน่าประหลาด
โดยปกติแล้ว เขาจะสามารถนั่งสมาธิได้แค่ราวสองชั่วโมงต่อวัน แต่พอมีดิงดองช่วยเหลือ เวลาที่ใช้ได้กลับยืดออกเป็นเท่าตัว
นอกจากนี้ พลังของเธอยังสามารถช่วยลดผลข้างเคียงจากการใช้เวทมนตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เล่นดื่มน้ำยาเวทมนตร์มากเกินขนาด
นี่คือความสามารถที่ทำให้หลี่มู่กับเดมาเซียถึงกับต้องเบิกตากว้าง
เพราะใน The Kingdom of Elves… น้ำยาเวทมนตร์ส่วนใหญ่ ล้วนมีผลข้างเคียงที่ย้อนกลับไม่ได้ โดยเฉพาะอาการพลังเวทไหลย้อนกลับ ซึ่งเกิดจากการอัดพลังเวทจากแหล่งภายนอกเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป
ในกรณีที่อาการยังไม่รุนแรง ผู้เล่นอาจพอใช้เวทชำระล้างบางชนิดบรรเทาได้ ทว่าเมื่อมันสะสมเกินจุดหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความเสียหายถาวรต่อระบบพลังเวทของร่างกาย ทั้งพลังต่อสู้และอัตราเก็บค่าประสบการณ์จะถูกลดทอนลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และเมื่อถึงจุดที่เกินเยียวยา ทางออกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการกลับบ้านเก่า สู่ต้นไม้โลกด้วยช่องทางพิเศษทั้งหลาย…
ด้วยเหตุนี้เอง ลูกนัทเวทมนตร์ในป่าเอลฟ์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลย้อนเวท จึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้เล่นตามหากันจ้าละหวั่น
…แต่สำหรับนัตซึเมะ เขากลับมีบางสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้น
ตอนที่เขาไล่ตามเจ้าตัวเล็ก เขาได้ดื่มโพชันฟื้นฟูเวทถึงสองขวดเต็ม เพื่อยื้อพลังให้ตัวเองไปต่อได้
หลังจากนั้น เพียงแค่ดิงดองนั่งอยู่บนบ่าเขา แล้วช่วยปรับลมหายใจให้ช้าลงอย่างสม่ำเสมอ… อาการย้อนเวทที่ควรจะเริ่มแสดงอาการกลับหายวับไปโดยไม่เหลือร่องรอย
โกง…
มันจะโกงเกินไปแล้ว!
ผู้มีภูตธาตุเป็นคู่หู ย่อมสามารถใช้โพชันเหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย และไม่ใช่แค่ด้านสนับสนุนเท่านั้น เจ้าภูตตัวน้อยยังมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ในระดับสูงอีกด้วย
แม้ว่าดิงดองจะใช้ได้เพียงเวทสายลม แต่หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง นัตซึเมะก็พบว่า เธอสามารถร่ายเวทธาตุลมได้ตั้งแต่ระดับหนึ่งไปจนถึงระดับสี่
ระดับพลังนี้ หากเปรียบกับมาตรฐานของผู้เล่น ก็คือเทียบได้ตั้งแต่ระดับเหล็กขั้นต้น ไปจนถึงระดับเงินขั้นต้นเลยทีเดียว!
จะครบเครื่องเกินไปแล้ว!
และหากได้รับพลังเวทจากภายนอกในปริมาณมากพอ ภูตธาตุก็ยังสามารถร่ายเวทที่รุนแรงกว่านั้นได้ถึงระดับห้า หรือแม้แต่ระดับหกอีกด้วย
ซึ่งโดยปกติ เวทระดับนั้น เป็นทักษะของเหล่าตัวตนระดับเงินขั้นกลางหรือขั้นสูงเท่านั้น
แน่นอนว่า การร่ายเวทเกินระดับจะส่งผลข้างเคียงรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตของภูตธาตุได้เลยทีเดียว
แต่เพียงเท่านี้ ก็เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า พรสวรรค์ของภูตธาตุนั้นสูงส่งเพียงใด
แม้ร่างกายของพวกเธอจะอ่อนแอ แต่เวทมนตร์ของภูตตัวน้อยนั้นทรงพลังยิ่ง…
นี่แหละค่ะ…
ความยุติธรรมในแบบที่เทพเขาทำกัน
และความสามารถอีกอย่างหนึ่งที่น่าทึ่งไม่แพ้กัน คือพรสวรรค์ในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิต
นัตซึเมะพบว่า ดิงดองสามารถใช้อำนาจคล้ายเสียงกระซิบแห่งพงไพร สื่อสารกับเหล่าสัตว์อสูรได้อย่างเป็นมิตรอย่างไม่น่าเชื่อ
ดูเหมือนว่าเธอจะมีออร่าแห่งความสงบติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ในคำอธิบายความสามารถของเจ้าตัวเล็ก มีบรรทัดหนึ่งระบุไว้ว่า…
‘แม้แต่สัตว์อสูรที่ดุร้ายและทรงพลังที่สุดในป่าเอลฟ์ ก็ยังรู้สึกเป็นมิตรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภูตธาตุ…’
กล่าวได้ว่า ภูตเหล่านี้มีจุดคล้ายคลึงกับดรูอิดโดยธรรมชาติ ซึ่งเข้ากันกับสายอาชีพและรสนิยมของนัตซึเมะได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่…”
นัตซึเมะยิ้มกว้างอย่างไร้สติ จนดูน่าหวาดหวั่นมากกว่าน่าไว้ใจ
หลี่มู่: …
เดมาเซีย: …
…
ค่ำคืนนี้… เมืองเกรย์ฮาเวนอาจไม่อาจหลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่กำลังปะทุขึ้น
เมื่อผู้เล่นนามว่านัตซึเมะพาภูตธาตุกลับมาด้วย เครือข่ายของสมาคมหัวใจแห่งธรรมชาติก็แทบแตกตื่นกันราวกับพายุโหมกระหน่ำ
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า… ในขณะที่ผู้เล่นนับไม่ถ้วนยังคงออกตามหาเผ่าพันธุ์ใหม่จากแพตช์ล่าสุด จะมีคนที่ทำพันธะกับตัวตนนี้ได้สำเร็จไปแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน เว็บบอร์ดทางการก็ยังคงเต็มไปด้วยกระทู้ถกเถียงว่านี่คือ NPC แบบไหนกันแน่ ทำไมอัปเดตแล้วไม่เห็นเงาสักที…
ที่จริงแล้ว มีเพียงผู้เล่นจำนวนน้อยนิดเท่านั้นที่บังเอิญอยู่ใกล้ต้นไม้โลก ในตอนที่เหล่าภูตธาตุปรากฏตัว ทว่าก็ยังอยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัด ยกเว้นเพียงบางคน… ที่ซุ่มอยู่ใกล้จนอยู่ในระยะประชิดอย่างนัตซึเมะ
และนั่นเอง คือเหตุผลที่การปรากฏตัวของเจ้าตัวเล็กซึ่งเกาะอยู่บนบ่านัตซึเมะ กลายเป็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมายของทุกคน
เพียงแค่เธอเผยตัว ด้วยรูปลักษณ์งดงามราวกับภาพฝัน และท่าทางไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของเธอ ก็เพียงพอจะทำให้ผู้เล่นรอบข้างตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
“นี่มันนางฟ้าจากสวรรค์หรือไงเนี่ย? น่ารักเกินไปแล้ว!”
“เบาเสียงหน่อย เดี๋ยวทำเธอตกใจหมด!”
“ดูสิ ๆ เธอกำลังเลียผลไม้อยู่… น่ารักมาก!”
“โอ๊ย น่ารักจนอยากจะ—”
“ไอ้บ้า! หยุด!”
“เธอกินอะไรอยู่น่ะ? ผลไม้เหรอ?”
“นัตซึเมะบอกว่าเธอกินพลังเวทล้วน ๆ เลยนะ”
“แค่ก… ถ่ายโอนมานา?? จะทำอีท่าไหนวะ???”
“ก็เลียเอาไง… ดูดิ ลูกนัทในมือเธอถูกเลียจนย่นหมดแล้ว…”
“เอ็งคิดเรื่องหื่น ๆ อยู่ใช่มะ”
“ฮัลโหล? ตำรวจเหรอครับ?”
“นี่แหละภูตตัวน้อยเหรอ? รักเลยอะ ฉันต้องหาให้ได้สักตัว!”
“ฝันเถอะ… ลืมไปแล้วเหรอว่านัตซึเมะบอกว่าเจ้าพวกนี้ขี้ตกใจขนาดไหน? เอาแค่ลุคคิลเลอร์ของนายไปเปลี่ยนก่อนเถอะ สีผมกับหน้าทาปากนั่นน่ะ ฉันตกใจทุกคืนที่เห็นนายเดินมาเงียบ ๆ… นึกว่าผีในดบดล”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ!”
เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วมุมหนึ่งของเมือง ราวกับงานเทศกาลย่อม ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับสิ่งมีชีวิตจากเทพนิยาย
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของกระแสภูตธาตุ ที่ปะทุขึ้นในหมู่ผู้เล่นราวกับไฟลามทุ่ง
ลูกมังกรผู้เคยครองตำแหน่งขวัญใจอันดับหนึ่ง กลายเป็นเพียงทางเลือกที่ล้าสมัยในพริบตา เพราะต่อจากนี้ไป… ภูตธาตุคือเป้าหมายใหม่!
ความน่ารักคือความยุติธรรม!
ความโมเอะคือสัจธรรม!
และที่สำคัญไปกว่านั้น เจ้าภูตน้อยเหล่านี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา… ความสามารถในการสนับสนุนของพวกเธอทรงพลังเกินคาด แม้จะเทียบพลังโจมตีตรง ๆ กับมังกรไม่ได้ แต่ในแง่ของการเสริมประสิทธิภาพกลับโดดเด่นยิ่งกว่า
และเหนือสิ่งอื่นใด… พวกเธอน่ารักและเลี้ยงง่าย!
ภูตธาตุกินแค่พลังเวทก็อิ่ม ไม่เหมือนพวกมังกรที่บางตัวยังต้องป้อนอัญมณีหรือเหรียญทองเป็นกำมือ
บางคนถึงกับเล่ากันขำ ๆ ว่า… ผู้เล่นระดับเงินบางรายเคยล้มละลายเพราะต้องหาทองมาเลี้ยงมังกร!
แต่สิ่งที่ทำให้ภูตธาตุ กลายเป็นคู่หูในฝันของผู้เล่น คือความสามารถในการสื่อสารทางจิต กับเจ้าของพันธะได้โดยตรง!
มันคือพันธมิตรในอุดมคติอย่างแท้จริง!
และไม่นานนัก… ผู้เล่นนับไม่ถ้วนก็พากันหลั่งไหลเข้าสู่ป่าเอลฟ์ทุกตารางนิ้ว ไล่ไปจนถึงเทือกเขาทมิฬที่หลี่มู่กับเดมาเซียเคยสำรวจ
พวกเขาต่างออกตามหาเบาะแสของเหล่าภูตธาตุ พร้อมใช้ทุกกลเม็ดที่นึกออก ทั้งของขวัญ คำหวาน และเล่ห์เหลี่ยมทุกอย่าง เพื่อหวังจะจีบภูตสาวให้ติดสักตน
เมื่อกระแสเริ่มแพร่กระจาย ข่าวการพบเห็นภูตธาตุก็เริ่มทยอยผุดขึ้นจากพื้นที่ต่าง ๆ หลายคนสามารถจับภาพพวกเธอได้ในป่า
ทว่า… คนที่ได้รับการยอมรับจริง ๆ อย่างที่นัตซึเมะทำได้ กลับมีเพียงหยิบมือเดียว
เพราะเหล่าภูตธาตุนั้น ระแวดระวังสูง และหวาดกลัวง่ายอย่างยิ่ง หากไม่มีความอดทน หรือหัวใจที่บริสุทธิ์พอแล้วล่ะก็… ต่อให้ตามจีบให้ตาย ก็ไม่มีทางได้ผล
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่ภูตธาตุจัดอยู่ในหมวด NPC ผู้เล่นจึงไม่สามารถใช้วิธีบังคับ แบบเดียวกับสัตว์อสูรทั่วไปได้ การทำพันธะกับพวกเธอจึงยากขึ้นอีกขั้นอย่างแท้จริง
ทว่า… ระดับความยากที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ กลับไม่อาจลดทอนแรงจูงใจของผู้เล่นลงได้แม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม… มันกลับกลายเป็นเชื้อเพลิง ที่จุดประกายความฮึกเหิมให้ลุกโชนขึ้นในหัวใจของใครหลายคน!
ผลลัพธ์ที่ตามมา… คือการที่ภูตธาตุ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสถานะ และเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิรูปแบบใหม่
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ผู้เล่นตื่นตระหนกยิ่งกว่านั้น… คือความจริงที่ว่า NPC เผ่าเอลฟ์เอง… ก็สามารถทำพันธะกับเหล่าภูตได้เช่นกัน
และดูเหมือนว่า ภูตธาตุจะสนใจเอลฟ์พื้นเมือง มากกว่าที่พวกเธอสนใจผู้เล่นเสียอีก!
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ อลิซ นักบุญหญิงแห่งชีวิต
เธอเพียงแค่ขึ้นไปยังวิหารที่ต้นไม้โลก แล้วตั้งจิตอธิษฐานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็มีภูตธาตุตนหนึ่งโผล่มาก็เสนอทำพันธะกับเธอในทันที!
เหตุการณ์นี้เล่นเอาผู้เล่นสายเปย์ทั้งหลายใจสลายกันเป็นแถว
แต่กระนั้น มันก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาเลียนแบบแนวทางการปฏิบัติตัวของเหล่าเอลฟ์พื้นเมือง
…ทว่าภูตธาตุ ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่หลอกกันได้ง่าย ๆ
หากไม่มีความจริงใจอยู่เบื้องหลัง ต่อให้เลียนพฤติกรรมเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ก็ยากจะได้รับการยอมรับจากพวกเธออยู่ดี…
…
การปรากฏตัวของภูตธาตุ กลายเป็นชนวนที่จุดไฟความหลงใหลในหัวใจของผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ จนถึงขนาดทำให้กระแสของซากอาณาจักรแห่งเทพ เริ่มเลือนหายไปทีละน้อย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มภูตธาตุที่มุ่งหน้าเข้าสู่เทือกเขาทมิฬ ก็เริ่มปฏิบัติภารกิจของตน ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเทพธิดาอีฟโดยตรง
หน้าที่ของพวกเธอคือจัดระเบียบพลังเวทที่สับสนปั่นป่วนในพื้นที่นั้น ให้กลับคืนสู่สมดุลอีกครั้ง
ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างเรียบเนียน ตามสิ่งที่เทพธิดาแห่งชีวิตวางไว้ทุกประการ
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง แขกผู้ไม่ได้รับเชิญ จากดินแดนอันไกลโพ้นก็เริ่มเคลื่อนไหว ลอบเข้าสู่ชายป่าแห่งดินแดนเอลฟ์อย่างเงียบเชียบ…
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: 😭😭😭 ดิงดองลูกกกกกกกกกกกกก!!! โดนตะโกนใส่แล้วสะดุ้งเกาะหลังนัตซึเมะแน่น ๆ แบบนั้นมัน… มันบาดใจเกินไปแล้ววววววววววว!! 💔💔 ดิฉันจะไปจุดธูปขอจากเทพธิดาอีฟบัดเดี๋ยวนี้!! แล้วไหนจะความสามารถระดับโกงอีก โอ๊ย… หัวใจจะไม่ไหวแล้ว 😭💋✨
โนเอล: นัตซึเมะในตอนนี้… ก็คือดรูอิดผู้มีภรรยาประจำบ่าเรียบร้อยแล้วค่ะ ☕📝 พลังเวทควบคุมได้ เวทย้อนเวทจัดการได้ ยังแถมจูนจิตได้อีก ว่าแต่… พี่มู่ พี่เดมา… อย่าอิจฉาจนหน้าซีดเลยนะคะ 😂
ลิลี่: ชิ!!! ไม่ยอมมมมมมมม!!! 😾😾😾 นัตซึเมะ! โกงนี่นาาา! จีบมาก่อนใครตั้งแต่ยังไม่เปิดให้หา!! 😼 แล้วคืออะไรคือกินพลังเวทล้วน ๆ แล้วเลียเป็นวงน่ะ!!! ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา 😹💖
มันเดย์: NPC ที่พูดคุยสื่อสารทางจิตได้ + มีท่าทางโมเอะทุกจังหวะ + ทำเมต้าเปลี่ยน = ความพินาศของระบบเกมที่ดีต่อใจ แต่หายนะต่อการฟาร์ม AKA วิ่งตามภูตสุดปั่น 😐
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น…
สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION