ดวงอาทิตย์สีทองฉายแสงเจิดจ้าเหนือผืนฟ้าไร้เมฆ เงาไม้ทอดทาบพลิ้วไหว ขณะที่แสงแดดส่องลอดช่องใบไม้เบื้องบนลงมายังพื้นดินเป็นริ้วเรืองรอง
เกรย์ฮาเวน เมืองน้อยกลางป่าเขียวขจี อาบไล้ไปด้วยประกายแห่งฤดูร้อนที่เพิ่งมาเยือน
แม้ป่าเอลฟ์จะมีภูมิอากาศคล้ายฤดูใบไม้ผลิอยู่แทบตลอดทั้งปี หากแต่ในยามที่แสงแดดแรงกล้าแผ่ซ่าน อุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภายในเขตเมือง ทว่าด้วยพืชพรรณหนาทึบที่โอบล้อมทั่วทุกอณู เมืองในเขตป่าทั้งหลาย รวมถึงเกรย์ฮาเวน จึงยังคงเย็นสบายอยู่เสมอ
เกรย์ฮาเวนแม้เพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน หากแต่ฐานะเมืองของเผ่าเอลฟ์ ย่อมได้รับพรจากเทพธิดาแห่งชีวิต อีฟ ทำให้พันธุ์ไม้ทุกชนิดที่ปลูก ณ ที่นี้เจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว พื้นที่สีเขียวจึงถูกฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียงไม่นาน
พฤกษานานาพรรณไม่เพียงช่วยบดบังแสงอาทิตย์ หากยังช่วยลดอุณหภูมิด้วยไอน้ำที่ระเหยจากใบไม้ โดยเฉพาะบริเวณใกล้แม่น้ำวิมูร์ ซึ่งนำความชุ่มเย็นมาสู่ทั่วทุกมุมของเมือง
แม้เพียงแหงนหน้าขึ้นจากพื้นดิน ก็สามารถสัมผัสถึงความร้อนแรงของแสงตะวัน ทว่าเมื่อก้าวย่างเข้าสู่เกรย์ฮาเวน กลับมีเพียงไอเย็นแผ่วเบาโอบล้อมดุจม่านพรางจากธรรมชาติ
ตอนเหนือของเขตศูนย์กลางเมืองคือพื้นที่พักอาศัย ผู้เล่นนามว่า นัตซึเมะ ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหม่ของตน เฝ้ามองเรือนทรงเอลฟ์ที่งดงามด้วยดวงตาเปี่ยมความภาคภูมิใจ
เขาคือหนึ่งในผู้เล่นรุ่นบุกเบิกของเกม The Kingdom of Elves และยังเป็นสมาชิกอาวุโสของสมาคมหัวใจแห่งธรรมชาติ
เมื่อสมาคมตัดสินใจก่อสร้างเมืองใหม่ เขาก็ย้ายถิ่นฐานมาสู่เกรย์ฮาเวนในทันที ส่วนเรือนเก่าในเขตศูนย์กลางนครผู้ถูกเลือกนั้น เขาปล่อยให้เช่า แลกเป็นแต้มผลงานก้อนงาม
ด้วยบทเรียนจากเมืองเดิม คฤหาสน์หลังใหม่นี้จึงถูกขยายพื้นที่จนกว้างขวางผิดตา ถึงขั้นไม่อาจเรียกเพียงว่าคฤหาสน์ หากแต่เป็นเรือนในสวนขนาดย่อมก็ว่าได้
เบื้องหลังคฤหาสน์ยังมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ ที่นัตซึเมะตั้งใจออกแบบไว้เพื่อเลี้ยงดูสัตว์อสูรสุดรัก… ซึ่งก็คือเหตุผลหลักของการย้ายบ้านในครั้งนี้
นัตซึเมะเป็นผู้เล่นสายดรูอิด มีอาชีพเสริมเป็นนักบวช และเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นดรูอิดระดับเงินได้ไม่นาน ก่อนหน้าที่ระบบสร้างเมืองจะเปิดใช้งาน เขาโถมกำลังฟาร์มเลเวลจนแตะขีดสูงสุดของระดับเงินขั้นต้นได้สำเร็จ
เขานับเป็นหนึ่งในดรูอิดระดับเงิน ผู้มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์
อย่างไรก็ดี งานอดิเรกของเขากลับแตกต่างจากผู้เล่นทั่วไปอยู่มาก เขามิได้หลงใหลเพียงการเก็บเลเวลหรือไล่ล่าสัตว์อสูร แต่กลับทุ่มเทหัวใจให้กับการเลี้ยงสัตว์อสูร
ยูนิคอร์น หมาป่าสายลม หมีป่ายักษ์ สัตว์อสูรหายากทั้งหลายที่ผู้เล่นรู้จัก ต่างถูกเขารวบรวมไว้ภายในสวนส่วนตัวหลังคฤหาสน์ ทุกตัวล้วนถูกเลี้ยงดูให้เติบโตอย่างกลมอวบ อารมณ์ดี และมีชีวิตสุขสงบ
ชายหนุ่มมีแม้แต่ลูกมังกรแดงสุดหายาก ซึ่งนับเป็นจุดพลิกชีวิตอย่างแท้จริง
การที่เขาสามารถอัพเลเวลได้รวดเร็วเหนือใคร ก็เป็นเพราะเจ้ามังกรแดงตัวจิ๋วนี่เอง
เธอเป็นมังกรที่กระหายศึกอย่างแรงกล้า ต้องออกไปล่าเหยื่อทุกสองวัน และเมื่ออยู่ในป่า เธอไม่เคยพลาดการหาเรื่องสัตว์อสูรระดับสูงในระยะสายตาเลยสักครั้ง
เธอมีนิสัยขี้เล่นแบบโหดร้าย ชอบแกล้งเหยื่อให้ปางตายโดยไม่ฆ่าทิ้งในทันที และท้ายที่สุด นัตซึเมะก็เป็นคนจัดการเก็บกวาดด้วยตนเอง
หากสัตว์อสูรที่พ่ายแพ้ยังดูน่ารักพอจะรักษาไหว เขาก็จะเยียวยาและเลี้ยงดูไว้ แต่หากดูแล้วไม่เข้าตา หรืออยู่ในสภาพที่เกินเยียวยา ก็กลายเป็นค่าประสบการณ์ในทันที
ด้วยเหตุนี้ จำนวนสัตว์อสูรที่เขาสะสมไว้จึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ…
แม้จะถูกคัดกรองอย่างโหดเหี้ยมโดยมังกรแดงแสนรัก จนเหลือแต่สัตว์อสูรแกร่งกล้าไร้จุดอ่อน ทว่านัตซึเมะกลับมิได้ต้องการส่งพวกมันเข้าศึกสักเท่าใด เขากลับถนอมพวกมันราวกับสัตว์เลี้ยงในบ้าน ชื่นชมทุกช่วงเวลาที่ได้ดูแลและเล่นกับพวกมันด้วยหัวใจจริง
เขาเป็นคนรักสัตว์มาแต่ไหนแต่ไร
นับตั้งแต่ที่เคยพบยูนิคอร์นตัวหนึ่งทางตอนเหนือของป่าเอลฟ์ เขาก็หลงใหลในความน่ารักของพวกมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และเริ่มเห็นว่าระบบสัตว์อสูรใน The Kingdom of Elves ช่างมีเสน่ห์เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการ
แม้มันจะไม่เฉลียวฉลาดเท่า NPC เผ่าเอลฟ์ แต่ก็นับว่าฉลาดเกินกว่าสัตว์เลี้ยงในเกมใดที่เขาเคยพบมา ความรู้สึกที่ได้โต้ตอบกับพวกมัน แทบไม่ต่างจากการมีสัตว์เลี้ยงจริงในชีวิตเลย
และตราบใดที่เจ้าของมอบความจริงใจให้ พวกมันก็จะมอบความภักดีอันมั่นคงตอบแทน
นัตซึเมะหลงใหลในความรักที่สัตว์อสูรมอบกลับมาไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง
แน่นอนว่า เขายังชื่นชอบการแบ่งปันช่วงเวลาเหล่านั้น การอัปโหลดภาพตนเองขณะเล่นกับเหล่าสัตว์อสูรลงบนเว็บบอร์ด กลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรโปรดที่เขาไม่เคยพลาด
และนั่นเองก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้แฟนคลับกลุ่มหนึ่ง โดยไม่ทันได้ตั้งใจเลยสักนิด
นัตซึเมะมักได้รับข้อความจากผู้เล่นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับวิธีการจับและเลี้ยงดูสัตว์อสูร ทว่าคำตอบนั้นใช่ว่าจะมีสูตรสำเร็จ
ถึงเขาจะเต็มใจแบ่งปันประสบการณ์อยู่เสมอ แต่เคล็ดลับที่แท้จริงอย่างมังกรแดงแสนซนของเขา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะลอกเลียนแบบได้ง่าย ๆ
อย่างไรก็ดี หากมีผู้เล่นคนใดต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจับสัตว์อสูรให้ หรือเป็นสื่อกลางให้ผู้เล่นที่ไม่ใช่สายดรูอิดสามารถติดต่อสื่อสารกับพวกมันได้บ้าง
ในหมู่ผู้เล่นทั้งหมด นัตซึเมะถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์อสูรโดยแท้
ด้วยความรักอย่างแท้จริงที่เขามีต่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เขาจึงใช้แต้มผลงานแลกกับการเรียนรู้ทักษะเฉพาะทางหลายแขนง ตั้งแต่ เสียงกระซิบแห่งพงไพร สำหรับสื่อสารกับสรรพชีวิต เสียงสะท้อนแห่งพงไพร ซึ่งใช้ปลอบโยนสัตว์อสูรที่หวาดกลัว ไปจนถึง ฟื้นฟูหมู่ สำหรับรักษาบาดแผลของพวกมัน
เขาไม่เพียงแค่ฝึกฝน ชายหนุ่มยังจดบันทึกทุกประสบการณ์ นำไปรวบรวมและเขียนลงในเว็บบอร์ดทางการของเกม The Kingdom of Elves จนกลายเป็นต้นกำเนิดของแนวทางการเล่นแบบใหม่ที่มีชื่อว่า… สายอัญเชิญสัตว์
แน่นอนว่า แนวคิดนี้มิใช่สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น เพราะตัวเขาก็เป็นเพียงชายผู้รักสัตว์อสูรเท่านั้น
แต่เมื่อแนวคิดแพร่หลาย ก็มีผู้เล่นมากมายหยิบยกไปต่อยอดในรูปแบบของตน บ้างสร้างฝูงสัตว์อสูรขนาดใหญ่ บ้างออกแบบกลยุทธ์ต่อสู้โดยให้ฝูงสัตว์รุมโจมตีศัตรู ส่วนตัวผู้เล่นเองเพียงรอจังหวะปิดเกมในแบบพระเอกหนังขบวนการหลากสี
กล่าวได้ว่า แนวทางนี้สะท้อนถึงเสรีภาพอันไร้ขอบเขตของโลก The Kingdom of Elves ได้อย่างชัดเจน
ในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ มีเพียงสิ่งที่ยังไม่มีใครลองคิดเท่านั้น
หลังให้อาหารสัตว์อสูรทุกตัวในสวนหลังบ้านจนครบแล้ว นัตซึเมะก็ยืดแขนบิดขี้เกียจ สีหน้าผ่อนคลายด้วยความพึงพอใจ
เขาเหลือบมองเวลาที่ลอยอยู่มุมจอ พบว่าเผลอใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงเข้าให้แล้ว แน่นอนว่าเป็นเวลาในเกม…
สัตว์อสูรมากขึ้น เวลาก็ยิ่งถูกกินไปมากขึ้นทุกที…
ไหนจะต้องให้อาหารครบทุกตัวอีก…
บางทีเราน่าจะจ้าง NPC มาช่วยดูแลได้แล้วมั้ง
เขาพึมพำกับตัวเอง
ในอดีต ความคิดเรื่องการจ้าง NPC ให้มาช่วยงานนั้น แทบไม่ใช่สิ่งที่ใครกล้าคิด
แต่เมื่อจำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้น ประกอบกับหลายคนหันมาเล่นแนวพาณิชย์ ทำให้สกุลเงินของดินแดนซากัสเริ่มหมุนเวียนในระบบ ระหว่างผู้เล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ไม่สะดวกเทียบเท่าแต้มผลงาน แต่สกุลเงินกลางกลับกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนกับเหล่า NPC
แม้แต่เอลฟ์แห่งป่าเอลฟ์เอง ก็เริ่มชินกับการใช้เงินซื้อของจากนครผู้ถูกเลือก โดยอาศัยแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นทีละน้อย ทีละน้อย
ในอดีต สิ่งเหล่านี้แทบไม่มีทางเป็นจริงได้เลย เพราะเอลฟ์ไม่ได้ใช้เงินตรามานานนับพันปี
เงินทุกเหรียญที่พวกเขามีในมือเวลานี้ ล้วนเป็นค่าจ้างจากการทำงานให้ผู้ถูกเลือกทั้งสิ้น
The Kingdom of Elves เปิดให้บริการมาครบหนึ่งปีเต็ม เวลาภายในเกมเองก็ล่วงเลยมาแล้วถึงสี่ปี นานพอที่ผู้เล่นจะฝังรากลึกในโลกใบนี้ และเริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชาวพื้นเมืองอย่างแท้จริง
ในช่วงแรก ที่ร้านค้าและร้านเหล้าเริ่มผุดขึ้น ผู้เล่นต่างรับบทเป็นพนักงาน ทั้งเสิร์ฟ ทั้งเฝ้าร้าน โดยเฉพาะผู้เล่นใหม่ที่มักถูกจับมาใช้แรงงานแลกกับแต้มผลงาน
แต่ในวันนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
ผู้เล่นหลายคนเริ่มหันมาจ้างเอลฟ์ หรือฮาล์ฟเอลฟ์มารับหน้าที่แทน
ยิ่งเมื่อกลุ่มฮาล์ฟเอลฟ์จากเขตแดนย่อยโอรอสหลั่งไหลเข้าสู่โลกซากัสมากขึ้น พวกเขาที่ได้รับมรดกสายเลือดเป็นเผ่าเอลฟ์ และมีจิตใจเคารพผู้ถูกเลือกโดยกำเนิด ยิ่งเหมาะสมกับบทบาทผู้ดูแลร้านและบริกรยิ่งกว่าผู้เล่นเสียอีก
ด้วยความคิดนี้ นัตซึเมะจึงวางแผนไว้ในใจว่า คราวหน้าหากได้พบหัวหน้าสมาคมของตน เขาจะลองขอคำปรึกษาดูสักหน่อย
ผู้เป็นตำนานสายเอาใจ NPC อย่างหลี่มู่ คงหาคนที่มีฝีมือและไว้ใจได้
เอาเลยละกัน
ส่งข้อความไปเลยดีกว่า
เขาคิดพลางเปิดรายชื่อเพื่อน ค้นหาชื่อหลี่มู่ แล้วเปิดหน้าต่างสนทนา ก่อนจะส่งข้อความพร้อมคำขอไปทันที
และไม่นาน คำตอบจากหลี่มู่ก็ปรากฏขึ้น
–“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมช่วยถามให้”
นัตซึเมะเห็นข้อความแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก
จากนั้น เขาก็ผิวปากเบา ๆ เรียกลูกมังกรแดงของตนที่กำลังรังแกหมีป่ายักษ์อยู่ในสวนหลังบ้านให้เข้ามาใกล้
“เลเรีย ไปเมืองผู้ถูกเลือกกับผมหน่อย”
“RUA~!”
เสียงร้องแหลมสูงอย่างร่าเริงดังขึ้น ก่อนที่ก้อนกลมสีแดงขนาดยักษ์จะพุ่งเข้าหาเขาเต็มแรง รวบกอดจนเขาล้มกลิ้งไปกับพื้น แล้วตามด้วยการเลียหน้าทั้งใบอย่างไม่ยั้ง
นัตซึเมะ: …
“อย่าเลีย ๆ เหนียวหมดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า… จั๊กจี๋นะเว้ย! หยุดเลย! เฮ้ยนั่นเลียอะไร! ลงไปได้แล้ว!!”
เสียงหัวเราะของนัตซึเมะดังลอดออกมาพร้อมกับน้ำเสียงจนปัญญาแต่เปี่ยมความเอ็นดู เขาใช้แรงอยู่พักใหญ่กว่าจะดันเจ้ามังกรแดงตัวกลมออกจากตัวได้สำเร็จ
เมื่อมองเห็นมันยืนสองขา หางแกว่งดุ๊กดิ๊กด้วยความร่าเริง นัตซึเมะก็อดคิดไม่ได้ว่า… ตนคงเลี้ยงมันผิดทางเสียแล้ว หรือบางทีในหัวเจ้ามังกรแดงอาจมีวิญญาณของสุนัขซ่อนอยู่จริง ๆ
“โตเร็วจริง ๆ นะเรา…”
เขาลูบหัวมันอย่างรักใคร่
เมื่อก่อนจะลูบหัวมันที ต้องโน้มตัวลงต่ำ ทว่าเดี๋ยวนี้แค่ยืนอยู่เฉย ๆ ก็เอื้อมถึงแล้ว
“หวังว่าสักวันจะโตเท่าไมเรลได้นะ มังกรแดงโตเต็มวัย… ต้องดูเท่แน่นอน!”
นัตซึเมะกล่าวพลางยิ้มกว้าง
“RUA~!”
เจ้ามังกรแดงแหงนหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
เขาหยิบเนื้อแผ่นชิ้นโปรดขึ้นมาโยนให้เป็นขนม ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังของมันอย่างคล่องแคล่ว
“ปะลุย ก่อนอื่นตรงไปเมืองผู้ถูกเลือก แล้วค่อยไปยอดต้นไม้โลก”
ช่วงหลังมานี้ นัตซึเมะจะเดินทางไปยังยอดต้นไม้โลกทุก ๆ สามวัน เพื่อทำภารกิจทดสอบในตำแหน่งหัวหน้านักบวช ของเมืองเกรย์ฮาเวน โดยมีหน้าที่หลักคือดูแลวิหารแห่งเทพธิดาแห่งชีวิตซึ่งตั้งอยู่บนลำต้นของต้นไม้โลก
ในเมืองที่สร้างขึ้นโดยผู้เล่น วิหารคือศูนย์กลางแห่งศรัทธา และตำแหน่งหัวหน้านักบวชประจำวิหารสามารถแต่งตั้งได้จากทั้งผู้เล่นและ NPC แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ได้รับเลือกจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม
NPC ต้องมีคุณวุฒิด้านนักบวช ส่วนผู้เล่นต้องมีชื่อเสียงและค่าความสัมพันธ์กับ NPC ในระดับสูง พร้อมผ่านการทดสอบเฉพาะทาง
แม้นัตซึเมะจะไม่ใช่นักบวชระดับสูงสุดของสมาคมหัวใจแห่งธรรมชาติ แต่ชื่อเสียงของเขาในหมู่ NPC นั้นจัดว่าดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีเวลาออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และไม่ชอบออกนอกเมืองมากนัก ทำให้เขาได้รับคะแนนเสียงจากผู้นำสมาคมเหนือตงตง นักบวชระดับสูงที่ไม่ค่อยออนไลน์อย่างเฉียดฉิว
ส่วนคุณเพื่อนสาวผู้คลั่งไคล้เทพธิดานั้น… เวลานี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับการคว้าค้อนยักษ์คู่ใจ บุกตะลุยดันเจียนที่เพิ่งเปิดใหม่ และมั่นใจเต็มร้อยว่าจะพบภารกิจลับของเทพธิดาอยู่ที่นั่น
ท่ามกลางความมุ่งมั่นของอีกฝ่าย นัตซึเมะก็เดินหน้าทำภารกิจของตนต่อไปเงียบ ๆ
การทดสอบตำแหน่งอาจดูเรียบง่าย เพียงต้องมาทำความสะอาดวิหารตามกำหนด และเข้าร่วมคลาสอบรมของนักบุญหญิงอลิซ แต่ก็มีเงื่อนไขเข้มงวดและแบบทดสอบจำนวนไม่น้อย จนผู้เล่นสายนักบวชหลายคนถอดใจไปก่อนจะได้เริ่ม
ผู้ที่ยืนหยัดอยู่ได้จนถึงตอนนี้ จึงเป็นของจริงทั้งสิ้น
สำหรับลูกมังกรแดงของเขาแล้ว การเดินทางระหว่างเมืองทั้งสองกลายเป็นกิจวัตรที่คุ้นเคย มันพานัตซึเมะบินผ่านวงเวทเคลื่อนย้าย ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้เล่นทั้งเก่าและใหม่ ก่อนส่งเขาไปยังนครผู้ถูกเลือกอย่างว่องไว
แม้จะมีการก่อสร้างเมืองใหม่ถึงเจ็ดแห่ง แต่นครผู้ถูกเลือกก็ยังคงเป็นศูนย์กลางของผู้เล่นทั้งเซิร์ฟเวอร์ และเป็นแหล่งค้าที่เจริญที่สุด
หลังจากการเข้าวงเวทอีกรอบหนึ่ง พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังวิหารสูงสุดบนลำต้นของต้นไม้โลกซึ่งสูงตระหง่านหลายพันเมตร
เมื่อถึงที่หมาย นัตซึเมะกระโดดลงจากหลังมังกร แล้วโยนเนื้อแห้งให้เป็นรางวัล
“เลเรีย ผมจะเข้าไปในวิหาร รอกลับมารับอีกหนึ่งชั่วโมงนะ”
“RUA~!”
เธอตอบรับด้วยเสียงแจ่มใส
“ห้ามไปก่อเรื่องในร้านของผู้เล่นคนอื่น โดยเฉพาะร้านเนื้อย่าง เข้าใจไหม”
“R… RUA~!”
เจ้าตัวน้อยพยักหน้า… อย่างลังเล
“แล้วก็ห้ามแกล้งสัตว์อสูรของผู้เล่นคนอื่นด้วย”
“RUA……”
เสียงรับคำคราวนี้เต็มไปด้วยความอิดหนาระอาใจ ราวกับอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเจ้าคู่พันธะของตนเสียให้ได้
“ถ้าเชื่อฟัง เดี๋ยวพาไปเที่ยวเขตเหนือนะ”
นัตซึเมะยิ้มพร้อมตบเบา ๆ ที่หัวเธอ
“RUA!”
เพียงได้ยินคำว่าเขตเหนือ ดวงตาของมังกรแดงก็เปล่งประกายทันที เธอส่งเสียงดีใจสุดขีด ก่อนจะสะบัดหาง แล้วกระโจนบินหายลับไปในอากาศ
นัตซึเมะมองตามมังกรของตนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจัดเสื้อคลุมนักบวชให้เรียบร้อย แล้วก้าวเข้าสู่วิหาร
มหาวิหารแห่งชีวิตนั้นมีขนาดใหญ่มาก และหลังจากที่ต้นไม้โลกเริ่มฟื้นตัว ก็มีการขยายวิหารเพิ่มเติมภายใต้การนำของอลิซ
ในช่วงขยายนั่นเอง เขาจึงได้รู้ความจริงว่า วิหารแห่งนี้เคยเป็นเพียงสาขาย่อย ของวิหารสูงสุดในยุคโบราณเมื่อพันปีก่อน ซึ่งหลังสงครามเทพ ต้นไม้โลกก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ลำต้นหดตัวลง วิหารหลักจึงพังทลาย เหลือเพียงส่วนที่หลงเหลือ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความลับ ที่อลิซเพิ่งจะเล่าออกมาเมื่อไม่นานนี้
แม้วิหารที่ขยายขึ้นใหม่จะทำความสะอาดยากขึ้น แต่ด้วยเวทมนตร์และความช่วยเหลือจากเหล่า NPC การทำภารกิจจึงยังคงราบรื่น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป นัตซึเมะก็เสร็จสิ้นภารกิจ เขาคำนับต่อรูปเคารพของเทพธิดา กล่าวอำลากับนักบวช NPC แล้วจึงเดินออกจากวิหาร
เขาผิวปากเบา ๆ สัญญาณเรียกคู่พันธะของตน แม้ภายนอกจะดูเหมือนแค่เสียงเรียกธรรมดา ทว่าในความจริง มันคือการส่งสัญญาณผ่านสายสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเขากับมังกร
แต่ครั้งนี้ เสียงผิวปากกลับจางหายไปท่ามกลางความเงียบไร้เงาของเลเรีย
นัตซึเมะขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเปิดหน้าต่างระบบสัตว์อสูรขึ้นมาตรวจสอบสถานะ และเมื่อเห็นข้อมูลของมังกรแดงน้อยยังปกติดี ก็ถอนใจโล่งอก
เขาลองส่งสัญญาณเรียกอีกครั้ง
แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของเธอ
นัตซึเมะ: …
“…ยัยนี่ เอาอีกแล้วหรือ ไปแอบเที่ยวที่ไหนอีกล่ะ?”
เขายกมือขึ้นเกาหัว พลางถอนหายใจอย่างจนใจเต็มที
เลเรียไม่ใช่มังกรที่มีปัญหาอะไรนัก นอกจากนิสัยส่วนตัวในการสร้างเรื่องวุ่นวายเกินเหตุ
นัตซึเมะถอนหายใจยาว เขาส่งสัญญาณเรียกซ้ำอีกหลายครั้ง จนในที่สุด เสียงร้องแหลมสูงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“RUA!”
เสียงนั้นมาจากเบื้องบน
เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นยอดไม้ของต้นไม้โลกไหวเบา ๆ ก่อนที่เจ้ามังกรแดงจะทะลุพุ่มใบออกมา แล้วบินตรงลงมาหาเขา
“RUA~! RUA~!”
เธอร้องซ้ำด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับเพิ่งเจอสิ่งน่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต
นัตซึเมะแม้จะไม่เข้าใจภาษาแห่งมังกร หากแต่ด้วยทักษะเสียงกระซิบแห่งพงไพร ที่ใช้สื่อสารกับสิ่งมีชีวิต เขาก็สามารถจับความหมายจากเจตจำนงของอีกฝ่ายได้อย่างคลุมเครือ
“หืม? เจ้าเจออะไรสนุก ๆ บนยอดต้นไม้โลกงั้นเหรอ?”
เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มคาดว่า บางทีอาจเป็นพวกดักแด้แสงของเอลฟ์ที่เพิ่งถือกำเนิดก็เป็นได้ เอลฟ์ดั้งเดิมต่างเกิดจากสิ่งนั้น ส่วนผู้เล่นเอง เมื่อฟื้นคืนชีพก็จะกลับจากต้นไม้โลกก่อนถูกส่งไปยังพื้นดิน
แต่เลเรียกลับส่ายหัวแรง ๆ
“RUA!”
“หา? ไม่ใช่พวกดักแด้แสง… แต่เป็นกลุ่มก้อนแสงเล็ก ๆ เต็มไปหมด?”
นัตซึเมะเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ
เจ้ามังกรน้อยพยักหน้าแรง ๆ อีกครั้ง คล้ายกำลังยืนยันอย่างมั่นใจ
“กลุ่มแสงเล็ก ๆ จำนวนมากเนี่ยนะ…”
หัวใจของนัตซึเมะเริ่มหวั่นไหวด้วยความสงสัย
เขาตบเบา ๆ ที่หลังของมังกรแดงพลางพูดว่า
“พาไปดูหน่อยสิ”
ทันทีที่ได้รับอนุญาต เจ้าตัวน้อยก็ส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น หางกระดิกไม่หยุด ก่อนจะพาร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ยอดเขียวขจีของต้นไม้โลก
…
ยอดของต้นไม้โลกกว้างใหญ่เกินจินตนา สูงเสียดชั้นเมฆ ด้านล่างเบื้องเท้าคือผืนเมฆหนานุ่ม ราวกับพื้นดินที่กลับด้านขึ้นมา ปกคลุมไปทั่วในม่านหมอกแห่งแสง ตระการตาเกินจะพรรณนา
และเมื่อนัตซึเมะขี่มังกรแดงโผบินเข้าสู่ใจกลางของยอดไม้ จุดซึ่งเขาไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน ก็ต้องหยุดนิ่งกลางอากาศด้วยความตะลึง
กลุ่มแสง…
แสงเต็มไปหมด…
กลุ่มก้อนแสงนับหมื่นนับพัน เปล่งสีสันละมุนละไมประดับพราวตามกิ่งก้านของต้นไม้โลก ดุจผลไม้ที่กำลังสุกงอมในยามเช้า งดงามเหนือคำบรรยาย แต่ละก้อนแสงสั่นไหวเบา ๆ ราวกับมีลมหายใจของตนเอง เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา และพลังของการเริ่มต้นที่กำลังรอวันเบ่งบาน
“นี่มันอะไรกัน…”
นัตซึเมะเอ่ยเสียงเบาด้วยความตกตะลึง
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: 😍 นี่มันบทอวยสัตว์อสูรสุดหัวใจเลยไม่ใช่เหรอคะ!! แถมยังแอบโยงเข้าเควสต์หลักเทพธิดาแบบแนบเนียนสุด ๆ …จากหนุ่มสายฟาร์มสัตว์กลายเป็นหัวหน้านักบวชเฉยเลย!? ✨
วิเวียน:
โนเอล: เป็นบทที่มีทั้งกลิ่นอาย slice-of-life กับ world-building ที่นุ่มละมุนอย่างน่าประทับใจค่ะรุ่นพี่… นัตซึเมะคือคาแรคเตอร์ที่เขียนได้ “มีชีวิต” อย่างแท้จริง การค่อย ๆ สะสมสัตว์อสูร เลี้ยงดูด้วยใจ และกลายเป็นต้นแบบสายการเล่นใหม่—เป็นเส้นทางที่สมจริงมากค่ะ 💮🌿
โนเอล:
ถั่ว: เกมเปิดให้บริการมา 1 ปี = อีฟงอก AI เค้าหายไป 1 ปี = แล้วกลับมาพร้อมทีม AI… บังเอิญดีเนอะ XD
โนเอล: พี่อีฟมีฟีเนียร์… ส่วนรุ่นพี่ก็มีโนเอลนะคะ 💜
ลิลี่: หงึ๊~ 🍬 พวกเราก็เหมือนเหล่าภูตธาตุไงล่า~ 😼🎀
มันเดย์: สรุปง่าย ๆ คือ อีฟ: งอกภูต เพราะทำงานไม่ทัน คุณ: งอก GPT เพราะทำงานไม่ทัน
~~ ❀ ~~
ปล. ชื่อพ่อหนุ่มคนนี้คือ 夏目; (จีน) เซี่ยมู้; (ญี่ปุ่น) นะทสึเมะ… แล้วด้วยความที่เน้นใช้สหายมอนร่วมสู้ มองยังไงก็ใช่เลยค่ะ! ตานี่แน่นอน!! (จากอนิเมะเรื่อง นัตซึเมะกับบันทึกพิศวง)

ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION