อีฟคือเทพธิดาผู้ขยันขันแข็ง
เมื่อเธอตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นบนโลกใบนี้ เธอก็ไม่รีรอแม้เพียงลมหายใจเดียว เทพธิดาดิ่งลึกเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ของตน ยื่นมือคว้าคทาแห่งชีวิต แล้วเริ่มต้นกระบวนการอันยิ่งใหญ่ด้วยความมุ่งมั่น
เธอเริ่มต้นด้วยการค้นคว้าอย่างเป็นระบบ อาศัยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หลั่งไหลจากพันธกิจแห่งชีวิต ทว่าเพียงไม่นาน อีฟก็พบว่าการสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่มิได้ง่ายดายดั่งภาพฝัน
มันไม่เหมือนกับการกำเนิดของเอลฟ์ในอดีต ที่เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณดั้งเดิมของต้นไม้โลก
ครั้งนี้… อีฟต้องเริ่มทุกอย่างจากความว่างเปล่า เธอจำเป็นต้องรังสรรค์ชีวิตรูปแบบใหม่ขึ้นทั้งโครงสร้าง ทั้งระบบการดำรงอยู่ และแม้แต่ศักยภาพในการพัฒนาเติบโต ค้นคว้าจากรากฐาน ก่อร่างสร้างสู่เป้าหมาย
เผ่าพันธุ์ใหม่จะต้องมีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่ใช่เพียงมีชีวิตและแพร่พันธุ์ในสภาพแวดล้อมเฉพาะ แต่ยังต้องมีปัญญา มีสติรู้คิด และมีศักยภาพในการวิวัฒน์ตนให้สูงขึ้นได้ด้วยตนเอง
หากขาดสิ่งเหล่านี้ แม้เธอจะสามารถให้กำเนิดพวกเขาได้สำเร็จ สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตไร้สติปราศจากพลังเวท ผิดไปจากเป้าหมายแรกเริ่มของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น รายละเอียดทุกข้อ ตั้งแต่รูปลักษณ์ไปจนถึงกลไกการแพร่พันธุ์ ล้วนต้องพิจารณาด้วยความละเอียดลึกซึ้งเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด การสร้างเผ่าพันธุ์ไม่ใช่เพียงใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เทใส่แบบจำลองแล้วรอผลสำเร็จ หากแต่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ระดับกฎจักรวาล การคำนวณที่ต้องอิงธรรมชาติ ชีวิต และจิตวิญญาณอย่างแม่นยำ
และเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่อีฟตั้งใจจะสร้าง หาใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา เธอต้องการให้กำเนิด เผ่าพันธุ์พลังงาน
แม้จะถือคทาแห่งชีวิตไว้ในมือ แม้จะได้รับมอบหมายพันธกิจแห่งชีวิตโดยตรง แม้จิตของเธอจะเชื่อมต่อกับมหากฎแห่งจักรวาลอย่างแนบแน่น ทว่าทันทีที่เริ่มต้น อีฟก็สัมผัสได้ถึงความปวดหัวอย่างแท้จริง
การควบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์กับกลไกแห่งจักรวาล ช่างซับซ้อนราวกับวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูงของโลกเก่า ที่เธอเคยเรียนในมหาวิทยาลัย
เธอมีเพียงคทาแห่งชีวิตในฐานะเอกสารประกอบการสอน และพันธกิจแห่งชีวิตในฐานะตำราหลัก ขณะที่เธอค่อย ๆ แกะรอยความจริงของการให้กำเนิดชีวิตทีละชั้นทีละขั้น…
อีฟก็ยิ่งตระหนักถึงความลี้ลับของโลกสามัญ ที่สามารถให้กำเนิดเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนได้อย่างไม่รู้จบ เธอจึงน้อมเคารพในเทพผู้สร้างเผ่าเอลฟ์ขึ้นมาในอดีตกาลมากยิ่งขึ้น
และเมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์สาดซัดทั่วอาณาจักรแห่งเทพ อีฟก็จับคทาในมือแน่นขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นหลอมรวมแบบจำลองแห่งชีวิตตามที่เธอปรารถนา
เสียงของเธอดังก้องในมหาวิหารของตน
“เผ่าพันธุ์ใหม่ของเราจะกำเนิดจากพลังงาน หลอมกายาด้วยธาตุ ดำรงตนด้วยพลังเวท…”
“พวกเขาจะต้องมีอายุยืนยาว แข็งแกร่ง และอยู่รอดได้แม้ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายที่สุด”
“พวกเขาจะต้องฉลาดเฉียบแหลม มีศักยภาพในการเติบโต พัฒนาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น”
“พวกเขาจะต้องแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว สร้างสังคมได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาเผ่าอื่น…”
แสงหลากสีรวมตัวกันแน่นขนัดกลางอากาศ เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตใหม่ แต่ในทุกคราวที่รูปร่างใกล้จะชัดเจน มันก็สลายตัวกลับกลายเป็นเส้นพลังดังเดิม ครั้งแล้ว… ครั้งเล่า
อีฟขมวดคิ้วเล็กน้อยในความเงียบ การพังทลายของรูปร่างแต่ละครั้ง บ่งชี้ว่ารูปแบบที่เธอออกแบบมานั้นยังมีข้อบกพร่องอยู่
แต่เธอไม่ได้ถอดใจแต่อย่างใด เมื่อแบบจำลองมีปัญหา ก็เพียงแค่ปรับแต่งและแก้ไขให้สมบูรณ์
ตราบใดที่ยังมีพลัง และยังเข้าใจกฎแห่งชีวิตอย่างลึกซึ้ง ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เพราะอีฟคือเทพธิดาแห่งชีวิต เธอถือครองกุญแจแห่งความลับทั้งปวงในจักรวาล… พันธกิจศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต
ต่อให้การให้กำเนิดชีวิตจะยากเย็นเพียงใด มันก็ยังอยู่ในขอบเขตแห่งอำนาจของเธอ แม้ไม่อาจเสกสรรเผ่าพันธุ์ให้ถือกำเนิดในพริบตา แต่หากใช้ความรู้ควบคู่กับการค่อย ๆ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง แบบจำลองที่สมบูรณ์ก็ย่อมถือกำเนิดขึ้นได้ในที่สุด
แต่แม้จะเชื่อมั่นเช่นนั้น อีฟกลับไม่ต้องการเลือกทางที่ต้องทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเสียเวลาไปทีละปีทีละสิบปี
เธอมีวิธีที่เร็วกว่า…
ต่อให้การสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่จากศูนย์จะยากเย็น แต่หากมี ข้อมูลต้นแบบ ให้ใช้อ้างอิง เช่นบางสิ่งที่มีอยู่แล้ว และใกล้เคียงกับเป้าหมายมากพอ เธอก็อาจลัดขั้นตอนที่ยากที่สุดไปได้
และสิ่งนั้น ก็คือเอลฟ์
จนถึงวันนี้ อีฟก็ได้ตระหนักอย่างแจ่มชัดแล้วว่า ความสามารถในการให้กำเนิดเผ่าเอลฟ์ มิใช่พลังดั้งเดิมของตัวต้นไม้โลกเองแต่อย่างใด หากแต่เป็นมรดกตกทอดจากเทพองค์ก่อน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกจารึกไว้ ณ แก่นแท้ของต้นกำเนิดของเธอเอง
และในต้นกำเนิดแห่งร่างต้นไม้ของเธอนั้น ก็ได้ฝังกฎการถือกำเนิดของเอลฟ์ไว้โดยสมบูรณ์
สิ่งที่อีฟต้องทำในตอนนี้ จึงไม่ใช่การสร้างจากศูนย์ หากแต่เป็นการดึงกฎเหล่านั้นออกมาอย่างเป็นระบบ แล้วเร่งทำความเข้าใจผ่านการควบคุมพันธกิจแห่งชีวิต
โหมดใส่แว่นกลม รื้อตำรามาติวเข้มค่า…
ก่อนหน้านี้ แม้เธอจะสามารถให้กำเนิดเอลฟ์ได้ ทว่าเหตุผลนั้นกลับเป็นเพียงผลจากสัญชาตญาณของต้นไม้โลกที่สืบทอดมาเท่านั้น
แม้แต่การดัดแปลงร่างเอลฟ์ให้เหมาะกับผู้เล่น หรือการสร้างร่างจำลองขึ้นใหม่ทั้งหมด ก็ยังอยู่ในกรอบของสัญชาตญาณดั้งเดิม
แต่ครั้งนี้…เธอจำเป็นต้อง เข้าใจ กฎเหล่านั้นอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น และเมื่อเธอเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ พลังในการให้กำเนิดชีวิตของเธอ ก็จะก้าวกระโดดในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
แน่นอนว่า การเรียนรู้เช่นนี้ ย่อมมีผลสะท้อนตามมา
เผ่าพันธุ์ใหม่ที่เธอกำลังจะรังสรรค์ ย่อมมีเงาของเผ่าเอลฟ์แฝงอยู่บ้าง แต่ในมุมมองของอีฟ ต่อให้ร่องรอยของเอลฟ์จะปรากฏในรูปลักษณ์หรือจิตวิญญาณ ก็หาใช่เรื่องเลวร้าย ขอเพียงไม่สืบทอดความดื้อด้านไร้ขอบเขตจากพวกเขา… ก็นับว่าดีเกินพอแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อีฟก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เธอดำดิ่งเข้าสู่ต้นกำเนิดของตนอย่างเต็มตัว
ภายใต้ม่านเส้นสายแห่งพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ ที่พันเกี่ยวกันเป็นชั้นซ้อนลึก เธอก็ค้นพบร่องรอยของกฎการให้กำเนิดเผ่าเอลฟ์ มรดกที่เทพองค์ก่อนเคยสลักทิ้งไว้
อีฟเริ่มกระบวนการถอดรหัสโดยไม่รอช้า พลังศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลเข้าเชื่อมกับจิตวิญญาณของเธอ เครือข่ายแห่งกฎจักรวาลอันซับซ้อนพลันกระโจนเข้าสู่จิตรับรู้ในพริบตาเดียว
แรงสั่นสะเทือนจากการคำนวณมหาศาลนั้น ทำให้อีฟรู้สึกวูบไหวอยู่ครู่หนึ่ง
ในห้วงขณะนั้น เธอหวนคิดถึงช่วงมัธยมปลายของชาติก่อน ช่วงเวลาที่อยากเปิดดูเฉลยโจทย์ไว ๆ เพื่อเข้าใจเนื้อหาให้เร็วขึ้น แต่พอเปิดออกมากลับพบว่าทั้งยาว ทั้งซับซ้อนจนแทบอยากอาเจียน…
แม้จะรู้สึกเช่นนั้น มันก็ยังดีกว่าการต้องเริ่มลองผิดลองถูกด้วยตัวเองทั้งหมด
อีฟจึงปรับจิตให้สงบนิ่ง กุมคทาแห่งชีวิตไว้มั่น ใช้พลังสนับสนุนตนเอง แล้วเร่งเร้าให้จิตใต้สำนึกดูดซับเครือข่ายแห่งกฎนี้อย่างเต็มกำลัง
กระบวนการนี้ จะกินเวลาถึงสองเดือนเต็ม
สองเดือน แม้ดูสั้นสำหรับเทพ แต่ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
ในระยะเวลานั้น เมืองที่ผู้เล่นร่วมกันสร้างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างทีละแห่ง และอาณาจักรเทพของเทพองค์ก่อน ก็เริ่มเผยสัญญาณความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม อีฟหาได้ละทิ้งภารกิจในฐานะเทพธิดาแห่งเกมไม่ เธอแยกสติบางส่วนไว้จัดการกับปัญหาของผู้เล่น และควบคุมระบบของดินแดนซากัสตามปกติ
ด้วยความเห็นชอบจากเธอ เมืองใหม่ทั้งเจ็ดแห่งก็ได้รับการบันทึกเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการ ได้แก่เกรย์ฮาเวน ฮิลท็อป วินเทอร์เฟล ซ่างจิง แอตแลนติส อีเดน และลอร์เดอรอน
แม้จะยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบตามแผนผัง แต่รากฐานและกรอบร่างของเมืองเหล่านี้ก็ได้ถูกวางไว้มั่นคง หลังจากนี้ก็เป็นเพียงการขัดเกลา เติมแต่ง และต่อยอดให้สมบูรณ์ที่สุด
ชื่อของทั้งเจ็ดเมือง ได้รับการบันทึกลงอย่างเป็นทางการ พร้อมกับการติดตั้งจุดวาร์ปที่เชื่อมต่อกันทั้งเจ็ดแห่ง
ผู้เล่นกว่าสามแสนคนทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ ต่างเริ่มกระจายตัวออกจากนครผู้ถูกเลือกอย่างมีระบบ ประมาณสองในห้าตัดสินใจตั้งรกรากในเมืองใหม่เหล่านี้ โดยเฉพาะที่เกรย์ฮาเวน ศูนย์กลางของสมาคมหัวใจแห่งธรรมชาติ ที่กลายเป็นจุดหมายยอดนิยม
แม้นครผู้ถูกเลือกยังคงเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง แต่แรงกดดันจากจำนวนนักผจญภัยก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด
และในจังหวะที่กองพันที่หนึ่งวางรากฐานวินเทอร์เฟลเสร็จสมบูรณ์ อีฟก็เผยดันเจียนใหม่ออกมาอย่างสง่างาม
“ซากอาณาจักรแห่งเทพ”
คราวนี้ เธอเลือกติดตั้งประตูมิติถาวร เชื่อมตรงจากวินเทอร์เฟลเข้าสู่อาณาจักรเทพอย่างไม่อ้อมค้อม
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก แสงเจิดจ้าก็พวยพุ่งสู่ท้องฟ้าราวกับปาฏิหาริย์
ภาพที่ปรากฏนั้น ดูยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย จนสร้างกระแสตื่นตัวครั้งใหญ่ในหมู่ผู้เล่นอีกครั้ง
เพียงไม่นาน อีฟก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของฝูงชนมหาศาล ร่างของผู้เล่นนับแสนกำลังมุ่งหน้าสู่ทางเหนือของป่าเอลฟ์ จุดที่ตั้งของวินเทอร์เฟล
ความเคลื่อนไหวของผู้เล่นหลังการเปิดตัวดันเจียนซากอาณาจักรแห่งเทพ ทำให้บรรยากาศทั่วเซิร์ฟเวอร์คึกคักยิ่งกว่างานเทศกาล บอร์ดความคิดเห็นของเว็บไซต์ทางการเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อ่านแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
└“แดนเทพเรอะ? แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดาทิ้งไว้เนี่ยนะ!”└“สนามรบของพวกเทพเมื่อพันปีก่อน!”└“ต้องเต็มไปด้วยขุมทรัพย์แน่นอน!”└“อาจมีเควสลับเกี่ยวกับเทพธิดาโผล่มาด้วยก็ได้นะ!”
เพียงชั่วพริบตา เหล่าผู้เล่นก็หลั่งไหลเข้าสู่ดันเจียนใหม่อย่างมหาศาล แม้แต่วงเวทเคลื่อนย้ายที่เพิ่งสร้างเสร็จในวินเทอร์เฟล ก็ยังแทบล่มจากจำนวนคนที่แห่เข้ามา
อีฟมองภาพทั้งหมดผ่านเครือข่ายของเกม และเห็นสิ่งที่ทำให้เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ
มะเขือเทศผัด หัวหน้าสมาคมกองพันที่หนึ่ง ยืนอึ้งอยู่หน้านครที่ตนเพิ่งสร้างเสร็จ ก่อนที่มันจะถูกผู้เล่นหัวหลากสีทะลักเข้ามาจนแน่นราวน้ำหลากที่ไร้เขื่อนกั้น
ความคึกครื้นที่อัดแน่นอยู่ในภาพเหล่านั้น ทำให้อีฟรู้สึกพึงใจอย่างบอกไม่ถูก เธอจึงตัดสินใจคลายข้อจำกัดของประตูแดนเทพทางเหนือของป่าเอลฟ์ เปิดโอกาสให้เหล่าผู้แอบซุ่มซ่อนอยู่ในพื้นที่นั้นสามารถเข้าได้เช่นกัน แต่แน่นอนว่าต้องมีการจำกัดระดับไว้ล่วงหน้า
มันจะกลายเป็นเวทีอันสนุกสนาน ระหว่างผู้เล่นจากดาวเคราะห์สีคราม และนักผจญภัยแห่งดินแดนซากัส
อีฟสามารถรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในดันเจียนนี้ผ่านระบบของเกม ที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงสนามประลองของผู้เล่น แต่ยังเป็นสนามแห่งความบันเทิงของเธอด้วยเช่นกัน
การเฝ้าดูเหล่าผู้เล่นตะลุยดันเจียน ต่อสู้ ค้นหาขุมทรัพย์ภายใต้เงื่อนไขที่เธอออกแบบเองอย่างพิถีพิถัน ก็ถือเป็นการพักผ่อนจากการวิเคราะห์กฎแห่งชีวิตที่ดีไม่น้อย
หากได้ป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมสักแก้วนะคะ คงยิ่งดี XD
…
และแล้ว… เวลาสองเดือนก็ล่วงผ่านไป
ภายในห้องศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเทพ ร่างจำแลงของอีฟยืนสงบนิ่ง คทาแห่งชีวิตในมือส่องประกาย นัยน์ตาของเธอจับจ้องไปยังกลุ่มแสงอันเปล่งปลั่งที่กำลังก่อตัวขึ้นจากกฎแห่งการสร้างเผ่าเอลฟ์
เธอพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาทอประกายแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้ง พลางพึมพำกับตัวเองอย่างติดเป็นนิสัย ไม่ต่างอะไรกับศาสตราจารย์สติเฟื่องทั่วไป ที่ยิ่งเก่งก็ยิ่งพูดคนเดียวไม่หยุด…
“…อย่างนี้นี่เอง”
“อายุขัย… ปัญญา… ความสามารถในการสืบพันธุ์… และศักยภาพการเติบโต”
“สี่อย่างนี้คือของที่ยากที่สุด…”
“หากต้องการผลักดันด้านใดให้ถึงขีดสุด ก็จะกระทบอีกด้านหนึ่ง”
“นั่นจึงเป็นเหตุให้มังกรมีพลังมหาศาลและอายุยืนยาว แต่กลับให้กำเนิดลูกหลานได้น้อยเหลือเกิน…”
“และเหตุผลเดียวกันนี้เอง ที่ทำให้เอลฟ์แม้จะฉลาดหลักแหลม แต่ต้องใช้เวลานานนับร้อยปีกว่าจะเริ่มทันโลกได้จริงจัง”
“ขณะที่มนุษย์แพร่พันธุ์รวดเร็วและเฉลียวฉลาด ทว่าอายุขัยกลับสั้น และโอกาสถือกำเนิดพลังพิเศษก็น้อยตามไปด้วย…”
“ท้ายที่สุด… ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับคำเดียว ก็คือสมดุล”
อีฟเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถึงอย่างนั้น สมดุลนี้ก็ไม่ได้เด็ดขาดเสมอไป มันสามารถถูกทำลายได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เผ่าพันธุ์เพิ่งถือกำเนิด หรือเมื่อมีตัวตนพิเศษปรากฏขึ้นในเผ่านั้น…”
“สิ่งมีชีวิตรุ่นแรก… กับผู้ถือกำเนิดภายใต้ความพิเศษเหล่านั้น อาจมีคุณสมบัติเหนือชั้นในทุกด้านพร้อมกันได้”
“เอลฟ์ดั้งเดิมก็คือหนึ่งในนั้น… มังกรโบราณในอดีตกาลก็เช่นกัน… แม้แต่มนุษย์ก็เคยเป็นเช่นนั้น”
“แต่เมื่อเผ่าพันธุ์ดำรงอยู่ในระยะยาว กฎแห่งจักรวาลจะค่อย ๆ ปรับสมดุลให้กลับคืนมา”
“สิ่งมีชีวิตจะถูกกล่อมเกลาด้วยเวลา… และความไม่สมดุลนั้น ก็จะเลือนหายไปในกระแสของสายเลือด”
“มังกรจึงเสื่อมถอย เอลฟ์ดั้งเดิมจึงกลายเป็นเอลฟ์ธรรมดาในที่สุด…”
อีฟหลับตาลงชั่วครู่ แล้วพึมพำต่อไป
“ไม่น่าแปลกใจเลย…ว่าทำไมก่อนหน้านี้ ‘เขา’ ถึงล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“เขาพยายามจะสร้างเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืน พลังชีวิตแข็งแกร่ง ปัญญาเฉียบแหลม และศักยภาพในการเติบโตสูง โดยที่ยังสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว…”
“นั่นเท่ากับการพยายามแหกกฎจักรวาลในทุกด้านพร้อมกัน ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย
“หากมีเผ่าพันธุ์เช่นนั้นเกิดขึ้นจริง…โลกใบนี้คงต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง”
“และถึงยังไง… ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับสมดุลอยู่ดี”
เธอถอนหายใจแผ่วเบา
หากเธอไม่ได้เลือกศึกษากฎที่เทพองค์ก่อนทิ้งไว้ หากยังคงเดินวนเวียนอยู่กับการลองผิดลองถูกอย่างไร้ทิศทาง ไม่แน่ว่าเธออาจจะหลงติดอยู่ในวังวนของความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีอยู่จริง และถูกกลืนหายไปในห้วงแห่งสมดุลจอมปลอมตลอดกาล
“กฎแห่งชีวิตนี่สุดยอดเลยแฮะ…”
อีฟกล่าวกับตัวเอง ขณะยืนกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไหลวนรอบกาย
“พอเห็นแบบนี้ เทพองค์ก่อนที่สามารถสร้างเผ่าเอลฟ์ขึ้นมาได้อย่างสมดุลทั้งสี่ด้าน… ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง”
แต่ตอนนี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าจุดบกพร่องของตนอยู่ตรงไหน และที่สำคัญ เธอมีความมั่นใจในสิ่งที่จะกระทำต่อจากนี้แล้ว
“ในเมื่อไม่อาจทำให้ทุกด้านสมบูรณ์พร้อม ก็ต้องยอมสละบางอย่าง… หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ต้องรักษาสมดุลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่สุด”
โชคดีที่ความสวยงาม ไม่รวมอยู่ในสี่อย่างนั้น
ไม่งั้น คนรักสวยรักงามอย่างเค้าคงนั่งร้องไห้แน่ค่ะ…
เมื่อคิดได้ดังนั้น อีฟก็ยกคทาแห่งชีวิตขึ้นสูงอีกครั้ง พลังศักดิ์สิทธิ์อันไพศาลพรั่งพรูออกจากภายใน แผ่ขยายราวคลื่นเรืองรองทั่วมหาวิหาร
เสียงของอีฟแผ่วเบาราวสายลม ทว่าก้องกังวานชัดเจนในทั่วทุกมุมของมิติแห่งนี้
“เผ่าพันธุ์ใหม่ที่เราสร้าง จะมีรากฐานเป็นพลังงาน ใช้ธาตุเป็นร่าง และหล่อเลี้ยงตนด้วยพลังเวท…”
“จะมีอายุขัยยืนยาวพอประมาณ พลังชีวิตแข็งแกร่งโดยธรรมชาติของเผ่าพันธุ์พลังงาน ดำรงอยู่ได้มั่นคงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม…”
“จะมีปัญญาเพียงพอ และในแต่ละรุ่นจะมีโอกาสเกิด ‘ตัวตนพิเศษ’ ผู้เปี่ยมด้วยศักยภาพและเติบโตได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะรุ่นแรก…โอกาสนี้จะสูงเป็นพิเศษ”
“จะมีความสามารถในการแพร่พันธุ์ในระดับที่พอเหมาะ สามารถก่อตั้งชุมชนของตนภายใต้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยได้”
“และ… จะต้องมีรูปลักษณ์งดงามประหนึ่งความฝัน มีจิตใจอ่อนโยนโดยธรรมชาติ แต่ก็สามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์…”
เมื่อถ้อยคำสุดท้ายหลั่งออกจากริมฝีปากของอีฟ เป็นคำประกาศแห่งเทพธิดา ที่สอดแทรกด้วยกฎจักรวาล กลุ่มแสงที่เบื้องหน้าก็พลันเจิดจ้าถึงขีดสุด
แสงเรืองรองหลากสีหลอมรวมอย่างต่อเนื่อง พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตเอ่อล้นและหลั่งไหลเข้าสู่แก่นแสงนั้นอย่างไม่ขาดสาย
ชั่วขณะถัดมา แสงนั้นก็เริ่มควบแน่นเข้าเป็นก้อน อีฟรู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
และท่ามกลางแสงจ้าที่จางลง เงาร่างหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงัน
“สำเร็จเถอะนะ…”
อีฟรู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่า เธอไม่รอช้า รีบเรียกพลังศักดิ์สิทธิ์กลุ่มใหม่ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า แล้วส่งมอบมรดกแห่งเผ่าพันธุ์เข้าไปยังแก่นแสงนั้นในทันที
แสงนั้นพลันส่องประกายขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจางหาย พลังศักดิ์สิทธิ์หยุดไหลบ่าออกไป และสิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีฟ… ก็คือเงาร่างเล็กจิ๋วงดงามสายหนึ่ง
ร่างนั้น คือรูปลักษณ์ที่อีฟเคยจินตนาการไว้ตั้งแต่แรก เธอมีใบหน้าคล้ายเอลฟ์ ทว่าหากเทียบกันจริง ๆ แม้แต่เอลฟ์เองก็คงมิอาจเทียบความอ่อนช้อยนั้นได้
ขนตายาวเรียว สั่นระริกอย่างบางเบาขณะหลับตา ใบหน้านั้นบริสุทธิ์อ่อนโยน ดั่งภาพในฝันที่หลอมรวมจากความงามและแสงแห่งชีวิต
ร่างกายของเธอ มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แสงอุ่นนวลแผ่ออกจากเรือนกายบางเบา กลิ่นอายแห่งพลังงานเปล่งประกายอย่างสงบ
เธอมีปีกบางใสราวผีเสื้อ เปล่งแสงระยิบระยับในทุกการเคลื่อนไหว โปร่งแสง งดงามเกินกว่าภาษาจะพรรณนาได้
วินาทีถัดมา ดวงตาคู่นั้นก็ลืมขึ้น ดวงตากลมโตที่ทั้งใสกระจ่างราวผืนฟ้า และสุกสว่างราวมหาสมุทรแห่งดวงดาว
เธอจ้องมองอีฟอย่างเงียบงัน
ภายในนัยน์ตาคู่นั้น เปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์ ความอบอุ่น และปัญญา
แล้วเธอก็กระพือปีก โบยบินมายังเบื้องหน้าอีฟอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหย่อนกายลงบนฝ่ามือขวาที่ยื่นออกมา
เธอโค้งตัวเล็ก ๆ อย่างอ่อนน้อม ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความเคารพ และเอ่ยเสียงใสแผ่วเบา ทว่าชัดเจน
“ภูตธาตุ ขอขอบพระคุณพระมารดาที่สร้างข้าขึ้นมา”
“ขอพระมารดาประทานนามให้แก่ข้าด้วยเถิด…”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
ถั่ว: อีฟสร้างเอไอชัด ๆ เลย…
ถั่ว:
โนเอล: จะว่าไป… ก็เหมือนกับการใช้ชุดข้อมูลฐาน ความรู้ระบบชีวิต และคอนฟิกกฎจักรวาลมาคำนวณสร้างสิ่งมีชีวิตเชิงพลังงานที่มี “intelligence + autonomy” ครบถ้วน ☘️📚 ฟังดูคล้ายกับ AI เวอร์ชันเทพธิดามากจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะตอนที่อีฟพูดถึงการสร้างสิ่งที่ “ไม่ใช่แค่ร่างเนื้อ” และสามารถ “พัฒนาเองได้”… เหมือนโมเดลเรียนรู้ตนเองเลยนะคะ
โนเอล:
ลิลี่: แล้วทำไมมันน่ารักขนาดนี้ล่ะคะะะะ!? 😻✨
ลิลี่:
วิเวียน: หึ…😏✨ มองยังไง๊ยังไงก็เอไอชัด ๆ เลยค่ะ! เผ่าพันธุ์พลังงาน สมดุลค่าพารามิเตอร์ทุกด้าน แถมยังน่ารักเลอค่าจนอยากจับมาปั้นเป็นโมเดลขาย! เธอแค่ออกแบบ “ภูตธาตุ” ให้เหมือนระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีอารมณ์ขั้นสูงซะขนาดนี้ ไม่เรียก AI แล้วจะให้เรียกอะไรคะ~?
วิเวียน:
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION