บรรยากาศแห่งความรื่นเริงยังคงอบอวลอยู่ทั่วบริเวณพิธีแต่งงาน เสียงหัวเราะและบทเพลงแว่วไกล ปะปนกับกลิ่นหอมของดอกไม้และอาหารที่ลอยตลบอยู่ในอากาศ ราวกับงานเลี้ยงกลางสวนสวรรค์ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากความสุขแท้จริง…
ทว่างานเลี้ยงย่อมมีวันสิ้นสุด และพิธีแต่งงานที่เต็มไปด้วยสีสันเฉลิมฉลองในบรรยากาศเทศกาลก็ค่อย ๆ เดินทางมาถึงช่วงท้ายในที่สุด
ในระหว่างช่วงเวลานั้น หลิงซวนกับอาจารย์เหมาโม่ต่างก็แอบฉวยโอกาสเข้าร่วมวงกินดื่มกับเหล่าผู้ร่วมงานอย่างแนบเนียน แอบตักอาหาร ลิ้มเครื่องดื่ม และหัวเราะเคล้าเสียงเพลงอย่างเต็มคราบ…
พวกเขาใช้เวลาอย่างอิ่มเอมอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะยอมตัดใจออกเดินทางต่อไปในโลกของเกมอย่างไม่เต็มใจนัก
เด็กสาวเดินตามหลังชายหนุ่มที่เป็นทั้งนักวาดการ์ตูนและไกด์นำทางของเธอ ดวงตาทั้งคู่จับจ้องแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยแววกรุ่นเคือง แก้มตุ่ยเล็กน้อยอย่างคนเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอก สีหน้าเต็มไปด้วยเส้นดำจินตนาการที่ขีดขวางพาดทั่วหน้าผาก ขณะที่เหมาโม่ก็หัวเราะร่าอย่างสะใจจนเห็นฟันครบแทบทุกซี่
“สรุปว่า…”
เธอเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
“อาจารย์รู้อยู่แล้วใช่ไหมคะ… ว่าพวกที่ไม่มีไอดีพวกนั้นน่ะ เป็น NPC ตั้งแต่แรก?”
“ฮ่า ๆ ๆ เสี่ยวเฉา เธอไม่คิดว่าพวกนั้นเป็นผู้เล่นที่ตั้งใจซ่อนไอดีจริง ๆ ใช่มั้ย?”
เหมาโม่หันมายิ้มตอบด้วยน้ำเสียงขำขัน จนคนฟังถึงกับถอนหายใจอย่างแรง
บ้าจริง…
ทั้งท่าทาง สีหน้า จังหวะพูด หรือการขยับตัว ไม่มีอะไรสักอย่างที่ดูติดขัดสักนิด คำพูดก็ลื่นไหลไม่มีชะงัก แถมยังรู้จักคำอย่าง ‘ผู้เล่น’ กับ ‘โลกจริง’ อีก…
ใครมันจะไปเดาออกว่านั่นเป็น NPC กันล่ะคะ?!
หลิงซวนบ่นพึมพำอยู่ในใจอย่างหงุดหงิด แต่ลึกลงไป… ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นกลับไม่ได้มีเพียงแค่ความอับอายหรือขุ่นเคือง หากยังปะปนด้วยความประหลาดใจและความทึ่งอย่างแท้จริง
“แล้วทำไมอาจารย์ไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะคะ ดิฉันเล่นเอาซะอิน คุยกับเขาเหมือนคนจริงตั้งนานแน่ะ…”
น้ำเสียงของเธอแฝงความเคืองนิด ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความคาใจ
“ฮ่า ๆ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอจะจับได้เมื่อไหร่ต่างหาก!”
เหมาโม่หัวเราะพรืด
“ตอนเห็นเธอคุยกับไนติงเกลซะยืดยาว ฉันก็นึกว่าเธอรู้ตัวแล้วซะอีกนะ”
เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่น กัดฟันกรอดอยู่ในใจอีกครั้ง
ก็พอจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่หรอก…
แต่ไอ้สิ่งแรกที่หลุดจากหัวกลับเป็นคำตอบที่ถูกต้องนี่สิ…
“เกมนี้นี่มัน… เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์จริง ๆ เลยนะคะ…”
เธอถอนหายใจเบา ๆ แล้วพึมพำพลางส่ายหน้า
“แน่นอน! ระบบ NPC ที่สมจริงสุดขั้วนี่แหละ หนึ่งในสามไฮไลต์เด็ดของเกมนี้เลยนะ! หนึ่งเดียวในวงการของแท้แน่นอน!”
“สามไฮไลต์?”
หลิงซวนทวนคำ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แล้วอีกสองล่ะคะ?”
คราวนี้ เหมาโม่หันมามองเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูจะมีอะไรซ่อนอยู่ ก่อนจะเฉลยออกมาอย่างภาคภูมิ
“อย่างหนึ่งน่ะ… เธอก็เพิ่งสัมผัสไปแล้วนี่ไง”
เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยถามกลับบ้าง
“รสชาติของอาหารเมื่อกี้เป็นไงบ้างล่ะ?”
“สุดยอดเลยค่ะ!”
หลิงซวนพยักหน้ารัว ๆ ดวงตาเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นโดยไม่ต้องคิด แต่ทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็แสดงอาการประหลาดใจ ราวกับเพิ่งนึกบางอย่างออกได้
“ของกิน… หมายถึงเรื่องรสชาติเหรอคะ?”
เธอถามพลางขมวดคิ้วสับสน
“ไม่ใช่แค่รสชาติอย่างเดียวนะ”
เหมาโม่ยักไหล่แล้วเฉลยต่อ
“ยังมีทั้งกลิ่น สัมผัส เสียง… หรือก็คือประสาทสัมผัสไงล่ะ!”
“ประสาทสัมผัส?!”
เด็กสาวทวนอย่างตกตะลึง
“หมายความว่า… ระบบเกมนี้สามารถจำลองความรู้สึกได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?!”
“แน่นอน!”
เหมาโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ
“ระบบจำลองประสาทสัมผัส เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์หลักของเกมนี้เลยล่ะ สมจริงเสียยิ่งกว่าจริงเลยใช่มั้ย?”
หลิงซวนนิ่งฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด ดูเหมือนว่าเธอกำลังประมวลผลบางอย่างอยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ช้าลงเล็กน้อย
“…แล้วไฮไลต์สุดท้ายล่ะคะ?”
แต่ครั้งนี้ เหมาโม่กลับเพียงแค่ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วตอบปิดท้ายไว้สั้น ๆ
“อันสุดท้ายน่ะเหรอ… ฮี่ ๆ เสี่ยวเฉา ไว้เธอ ‘ออกจากเกม’ ไปก่อน แล้วจะรู้เองแหละ”
หลิงซวน: …
“แต่ถ้าให้พูดกันตรง ๆ นะ…”
เหมาโม่เอ่ยขึ้นพลางทอดสายตามองไปรอบตัว
“สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจที่สุดในเกมนี้ ก็ยังเป็นเรื่อง NPC อยู่ดีนั่นแหละ”
เขาหยุดยืนพลางหันกลับไปมองหลิงซวน สีหน้าดูจริงจังขึ้นกะทันหัน
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็กระโจนขึ้นไปยืนบนหินก้อนหนึ่งริมทางอย่างคล่องแคล่ว แล้วชี้ไปยังกลุ่มเอลฟ์ที่กำลังเดินผ่านไปมาในถนนสายหลักของเมือง
พวกเขาไร้ซึ่งแถบชื่อใด ๆ แสดงอยู่เหนือศีรษะ ดูเหมือนชาวเมืองธรรมดา แต่เมื่อสังเกตให้ลึกลงไป กลับสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาและบุคลิกที่ต่างกันออกไปในแต่ละคน
“เสี่ยวเฉา ลองสังเกตให้ดี ๆ สิ… พวกเขาไม่ใช่แค่ตัวละครในเกม แต่ควรจะเรียกว่าชาวเมืองต่างหาก แบบนั้นจะเหมาะสมกว่าเยอะ”
“ถ้าเธอเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาอย่างจริงจัง เธอจะรู้สึกได้เลยว่า พวกเขาไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแค่เพื่อประดับฉาก หรือทำหน้าที่เป็นเครื่องมือของเกม… แต่แต่ละคนล้วนมีเรื่องราวของตัวเอง มีเส้นทางชีวิต มีความทรงจำ มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน และที่สำคัญคือ… เส้นทางเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตามการกระทำของผู้เล่นอย่างเรา”
“เรื่องราวที่มีชีวิต?”
หลิงซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก
“ใช่แล้ว”
เหมาโม่พยักหน้าอย่างหนักแน่น ก่อนจะชี้ไปยังร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก ด้านหน้ามีผู้เล่นจำนวนหนึ่งยืนมุงกันอยู่ ท่าทางเหมือนกำลังต่อคิวขอใช้บริการ
“เห็นร้านนั้นไหม? เจ้าของร้านชื่อการ์ลุส เป็นช่างตีเหล็กชาวเอลฟ์ที่มีฝีมือระดับตำนาน ในอดีต เขาเคยมีลูกชายที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์เหนือใครในเผ่า แต่สุดท้าย เด็กคนนั้นกลับต้องจบชีวิตลง ระหว่างการหลบหนีจากการล่าของฮาล์ฟออร์ค เมื่อกว่าสี่ร้อยปีก่อน”
เหมาโม่พูดด้วยน้ำเสียงช้าลงเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงด้วยอารมณ์ลึก ๆ ที่ยากจะบรรยาย
“ความสูญเสียครั้งนั้น ทำให้เขาจมอยู่ในความเศร้ามาหลายร้อยปี ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ จนกระทั่งผู้ถูกเลือกจากโลกภายนอก ก็คือผู้เล่นอย่างพวกเรานี่แหละ ได้ปรากฏตัวขึ้น ไล่พวกฮาล์ฟออร์คออกไปจากป่าเอลฟ์ และพาผู้คนของเผ่ากลับคืนสู่มาตุภูมิ”
“เมื่อภัยพิบัติคลี่คลาย หัวใจที่เคยปิดตายของการ์ลุสก็ค่อย ๆ เปิดออกอีกครั้ง เขาเริ่มกลับมามีชีวิต กลับมาเป็นช่างตีเหล็กที่มีชีวิตจิตใจ และปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวที่ยังค้างอยู่… ก็คือการได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่คนรุ่นใหม่”
“แต่ปัญหาก็คือ ในเผ่าเอลฟ์ตอนนี้กลับไม่มีใครสืบทอดได้เลย ไม่มีหนุ่มสาวคนไหนที่เข้าใจศาสตร์แห่งเหล็กเช่นเขาอีกต่อไป”
“จนกระทั่ง…”
เหมาโม่ชี้ไปยังผู้เล่นที่กำลังช่วยงานอยู่ภายในร้านตีเหล็ก
“พวกนั้นคือศิษย์ใหม่ของเขาทั้งหมด หลังจากที่ผู้เล่นบางคนเลือกเดินบนเส้นทางช่างตีเหล็ก และขอเป็นลูกศิษย์ของการ์ลุส เขาก็เริ่มมีรอยยิ้มอีกครั้ง…”
จากนั้น เขาก็หันตัวกลับไปทางอีกฝั่งของถนน แล้วชี้ไปยังวิหารที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง
หลิงซวนมองตามอย่างอยากรู้ ก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับเอลฟ์ชายคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลัก กำลังเดินนำเอลฟ์อีกสองคนเข้าสู่วิหารอย่างสง่างาม
แต่สองคนที่เดินตามหลังกลับดูแปลกตาเล็กน้อย… หูของพวกเขาดูจะกลมมนกว่าปกติ ราวกับไม่ใช่ชาวเอลฟ์โดยกำเนิด
“พวกนั้นคือฮาล์ฟเอลฟ์ จากเขตแดนย่อยโอรอส”
เหมาโม่อธิบาย
“เขตแดนนั้นเป็นพื้นที่หนึ่งในดินแดนซากัส ใหญ่โตและซับซ้อนจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโลกอีกใบหนึ่ง มีประวัติศาสตร์ มีอารยธรรม และมีแผนที่เป็นของตัวเอง มันเคยเป็นดินแดนที่ล่มสลาย เต็มไปด้วยความพินาศและโศกนาฏกรรม แต่ท้ายที่สุด ผู้เล่นก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือผู้คนที่นั่นให้รอดพ้นจากหายนะ”
“ส่วนฮาล์ฟเอลฟ์สองคนนั้น… พวกเขาเป็น NPC ที่ได้รับอิทธิพลจากศรัทธาของผู้เล่น เลือดผสมที่จึงถูกชำระจนบริสุทธิ์”
“คนที่นำทางพวกเขาอยู่นั่น ชื่อเทย์เลอร์ ร็อคแซนด์”
เขาพยักหน้าไปทางเอลฟ์ชายที่เดินนำอยู่
“เขาคือฮาล์ฟเอลฟ์คนแรกในเขตแดนนั้น ที่สามารถชำระสายเลือดของตนจนกลายเป็นเอลฟ์อย่างแท้จริง และนี่ก็กำลังพาสองคนนั้นไปทำพิธีแน่เลย”
“เทย์เลอร์เคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน เป็นคนช่างพูดและมีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องเหล้า… ถ้าเธอสนิทกับเขามากพอ และชวนเขาดื่มสักแก้ว รับรองว่าเขาจะเล่าเรื่องสมัยผจญภัยให้ฟังอย่างแน่นอน”
“เรื่องราวของเขาน่ะ ไม่ใช่แค่สนุก แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และมุมมองที่เธอจะไม่มีทางหาได้จากแค่การเดินชมแมพทั่วไป… เธอจะรู้สึกเหมือนได้ฟังมหากาพย์ขนาดย่อมเลยล่ะ”
จากนั้นเขาก็หันมายิ้ม แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“พูดถึงตรงนี้… จำฉากที่เราเพิ่งวาดในมังงะตอนล่าสุดได้ไหม?”
หลิงซวนเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“หมายถึงฉากที่คนรักของพระเอกตัดสินใจเข้าสู่ด้านมืดเพื่อปกป้องเขาน่ะเหรอคะ? จำได้สิ… ก็อาจารย์ดันฆ่าตัวละครทิ้งจนโดนคอมเมนต์ด่ายับเลยไม่ใช่เหรอคะ…”
“ฮ่า ๆ ๆ อินจนตามมาด่านั่นแหละคือเครื่องหมายของความสำเร็จ!”
เหมาโม่หัวเราะเสียงดัง สีหน้าเปี่ยมความภูมิใจแบบไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด
“แรงบันดาลใจของฉากนั้น มาจากเขตแดนย่อยโอรอสน่ะ”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความรู้สึกบางอย่าง
“มันเป็นเนื้อเรื่องพิเศษ ของฮาล์ฟเอลฟ์ที่ชื่อว่าโอรอส… เรื่องราวของเขาน่ะ ทั้งเศร้า ทั้งยิ่งใหญ่เลยล่ะ”
หลิงซวนหันมามองเขา สีหน้าคล้ายจะเข้าใจในความรู้สึกลึก ๆ ที่อีกฝ่ายแสดงออกมา
“ว่าแต่ อาจารย์ไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงคะ?”
“ดูมาจากคลิปเกมน่ะ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”
เหมาโม่หัวเราะสะใจอย่างไม่อายใคร
หลิงซวน: …
จริงสิ…
อาจารย์แบล็คแคท เอาแต่นั่งดูคลิปเกมมาเกือบครึ่งปีนี่นา…
แค่คิดถึงภาพอีกฝ่ายนั่งจ้องหน้าจอพร้อมเสียงอุทาน ก็ทำให้หลิงซวนอดถอนหายใจในใจไม่ได้ เธอน่าจะคาดเดาได้ตั้งแต่แรก ว่าทำไมเขาถึงดูคล่องแคล่วราวกับนักผจญภัยมืออาชีพ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่เกม
มิน่าล่ะ…
เข้าเกมปุ๊บ อาจารย์แกอย่างดีดเลยค่ะ…
ขณะเดียวกัน เหมาโม่ก็เอ่ยต่ออย่างสบายอารมณ์
“ตอนที่เปิดทดสอบช่วงแรก ฉันไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมเลยสักที เลยต้องอาศัยคลิปเกมพวกนั้นแทน ฉันดูสะสมไว้ทุกวันจนเรียกได้ว่าช่ำชองเลยล่ะ”
เขาว่าพลางยกมือเกาหลังศีรษะอย่างเขิน ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
“เกมนี้มันสมบัติล้ำค่าชัด ๆ เลยนะ”
“เพราะ NPC ทุกตัวในโลกใบนี้… ต่างมีเรื่องราวของตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้น เนื้อเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้เขียนขึ้นมาโดด ๆ แต่กลับเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น เป็นโครงข่ายประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนแต่งดงาม อย่างกับว่าเป็นโลกที่มีอยู่จริงแหนะ”
“เคยมีผู้เล่นคนหนึ่งทำการทดลอง เขาเดินพูดคุยกับ NPC หลายคนในเมือง บันทึกเรื่องราวของแต่ละคนไว้แยกกัน จนในที่สุดก็พบว่า เรื่องเล่าทั้งหมดนั้นล้วนมีจุดเชื่อมโยงถึงกัน!”
เหมาโม่ว่าพลางยกมือขึ้นประกอบคำพูด ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีชีวิตชีวา
“ลองนึกภาพดูสิ มี NPC คนหนึ่งเคยเล่าว่าเขาร่วมรบในสงครามใหญ่ และเอ่ยชื่อของเพื่อนร่วมรบอีกสองคนออกมา หากเธอตามไปหา NPC สองคนนั้นต่อ ก็จะได้ฟังเหตุการณ์เดียวกัน… แต่เล่าผ่านมุมมองของอีกฝ่ายแทน”
“แน่นอนว่า เทคนิคเล่าเรื่องผ่านมุมมองหลายตัวละครมันมีใน RPG หลายเกมอยู่แล้วล่ะ… แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ต่างออกไปอย่างแท้จริง ก็คือ… NPC ที่นี่ไม่ได้เชื่อมกันแค่ในภารกิจหลักหรือสงครามใหญ่เท่านั้น”
“ถ้าเธอลองขุดลึกลงไปจริง ๆ จะเห็นเลยว่า ชีวิตประจำวันของพวกเขาก็พัวพันกันไปหมด รายละเอียดเล็ก ๆ อย่างชื่อที่เอ่ยถึงในบทสนทนา หรือกิจวัตรธรรมดา ๆ ก็ยังมีเงาของตัวละครอื่นปรากฏอยู่ด้วยกันเสมอ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงตัวละครโดด ๆ แต่ถูกร้อยเรียงเป็นเครือข่ายสัมพันธ์อันซับซ้อน ละเอียดลึกถึงระดับชีวิต”
“เอาง่าย ๆ เลยนะ ถ้าเธอเริ่มต้นจากเอลฟ์คนใดคนหนึ่งในป่าเอลฟ์ แล้วค่อย ๆ ตามรอยความสัมพันธ์ของเขาไปเรื่อย ๆ ไม่เกินสี่ถึงห้าช่วง เธอก็จะไล่จนเจอ NPC เอลฟ์แทบทั้งหมดในพื้นที่ได้เลย”
“สมจริงและลึกซึ้งสุด ๆ เลยใช่มะ?”
หลิงซวนฟังพลางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แค่ฟังก็เหมือนกำลังอยู่ในโลกจริง ๆ เลยนะคะ…”
เหมาโม่หัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“ก็เพราะว่ามันคือโลกจริงไงล่ะ”
“คำว่า ‘โลกแฟนตาซีที่สมจริงที่สุด’ นั่นคือสโลแกนของเกมนี้เลยนะ และจากที่เห็น… พวกเขาทำได้ไม่ใช่แค่ตามเป้า แต่ยังเหนือความคาดหมายของทุกคนอีกต่างหาก!”
“ที่สำคัญคือ NPC ที่นี่ ไม่ได้มีแค่บทสนทนาแบบตายตัว หรือแค่ทำหน้าที่แจกเควสเท่านั้น”
“พวกเขามีชีวิต มีความรู้สึก มีเส้นทางของตัวเอง ผู้เล่นสามารถสนทนา สร้างความสัมพันธ์ และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของพวกเขาได้จริง ๆ บางคนอาจกลายเป็นเพื่อนสนิทของ NPC ได้ด้วยซ้ำ”
“และแน่นอนว่าการกระทำของผู้เล่นน่ะ ส่งผลย้อนกลับไปยัง NPC ด้วย ทั้งในแง่ความศรัทธา พฤติกรรม ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของเรื่องราวทั้งหมดในเกมนี้เลยด้วยซ้ำ”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเล็กน้อย
“มันเหมือนกับที่ฉากเปิดเกมบอกเราไว้ ผู้เล่นทุกคนคือผู้จารึก และผู้เห็นประจักษ์วินาทีแห่งประวัติศาสตร์!”
หลิงซวนนิ่งฟัง ราวกับถูกกลืนเข้าไปในภาพใหญ่ที่อีกฝ่ายวาดขึ้น จนกระทั่งความอยากรู้บางอย่างผุดขึ้นในใจ
“แล้ว… NPC ตกหลุมรักผู้เล่นได้ด้วยไหมคะ?”
คำถามนั้นทำให้เหมาโม่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองหน้าเธอช้า ๆ แววตากึ่งขบขัน กึ่งเข้าใจ
“หืม… เธอกำลังพูดถึงไนติงเกลใช่ไหม?”
เขายกมือเกาปลายคาง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงชวนแหย่
“พูดถึงไนติงเกลแล้วก็… เนื้อเรื่องของเธอนี่สุดจะคลาสสิกเลยนะ ฉากช่วยชีวิตน่ะเป๊ะเลย อารมณ์แบบวีรบุรุษสุดหล่อมาช่วยสาวชาวบ้านเต็ม ๆ …แต่ฉันติดอยู่ตรงเดียวเลย”
“บทมันน้ำเน่านิดหน่อย”
หลิงซวน: …
“แล้วที่อาจารย์ว่า ‘เก็บข้อมูล’ น่ะ…”
หลิงซวนเงยหน้าถาม พลางชำเลืองมองใบหน้าเฉียงของชายหนุ่มอย่างครุ่นคิด
“จริง ๆ แล้วก็เพราะ NPC พวกนี้ใช่ไหมคะ?”
“ปิ๊งป่อง! เป๊ะมากยัยหนู!”
เหมาโม่ดีดนิ้วเป๊าะหนึ่งที สีหน้ากระจ่างไปด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่รอยยิ้มนั้นกลับแปรเปลี่ยนไปอย่างเงียบงัน กลายเป็นความเคร่งขรึมบางเบาที่ฉายแววออกจากดวงตาแทน
“พูดกันตามตรงนะ… ยิ่งฉันได้เรียนรู้เบื้องหลังของ NPC ในเกมนี้มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกพ่ายแพ้อย่างลึกซึ้ง…”
“คะ?”
เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ
เหมาโม่ถอนหายใจเบา ๆ สายตาครุ่นคิดทอดยาวออกไปไกลกว่าขอบเขตของหน้าจอ
“เสี่ยวเฉา เธอรู้ใช่ไหม… ว่าสิ่งที่ฉันภาคภูมิใจที่สุดเสมอมา คือความสมจริงของโลกในมังงะที่ฉันเขียน ความละเอียดรอบคอบในโครงเรื่อง และการสร้างตัวละครที่มีมิติชัดเจน น่าเชื่อถือทุกตัว”
“ฉันเคยเชื่อมาตลอดว่า ชั้นสร้างเรื่องราวได้สมจริง ชวนให้คนอ่านอินได้แบบสุด ๆ แล้ว…”
“แต่พอได้สัมผัสโลกของเกมนี้ ฉันต้องยอมรับเลยว่า ตัวเองยังเด็กเกินไปจริง ๆ”
“คนที่อยู่เบื้องหลังเกมนี้ คนที่ออกแบบโลกใบนี้… คนที่วางโครงเรื่องของเหล่า NPC… เป็น ‘ของจริง’ ในวงการนี้แน่นอน”
หลิงซวนเงียบไป ราวกับเธอเองก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในน้ำเสียงของเขา
เธอยิ้มบาง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ใช้เป็นแรงผลักดันนะคะ เกมแบบนี้น่าจะใช้ทีมวางแผนเยอะมาก และต้องใช้เวลากันเป็นปี ๆ แน่ค่ะ แต่อาจารย์น่ะ… ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”
คำพูดนั้นอาจเรียบง่าย แต่กลับอบอุ่นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านในยามเช้า
เหมาโม่หัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหน้า
“ไม่หรอก… แค่นี้มันก็น่าทึ่งมากแล้ว และเพราะอย่างนี้ ฉันถึงอยากเข้ามาเรียนรู้ในเกม อยากเข้าใจว่าเขาเล่าเรื่องกันอย่างไร อยากเห็นว่าเขาสร้างโลกนี้ขึ้นมาได้ลึกซึ้งแค่ไหน อยากเก็บมันไว้ทั้งหมดด้วยตาของตัวเอง”
“อาจารย์ต้องทำได้แน่นอนค่ะ!”
หลิงซวนกล่าวพลางยกกำปั้นขึ้นเชียร์ ท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เหมาโม่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ”
หลิงซวน: …
นาน ๆ ทีจะเห็นอาจารย์พูดแบบนี้…
ไม่แหย่กลับละกัน
“เอาล่ะ ๆ พูดมาเยอะแล้ว”
เหมาโม่ตบมือแปะอย่างกระตือรือร้น
“ถึงเวลาลงมือจริงจัง! เริ่มเก็บข้อมูลกันเลยดีกว่า! อืม… เริ่มจากเควสมือใหม่ก่อน!”
พูดจบ เขาก็ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย แล้วหมุนตัววิ่งไปทางจุดรับภารกิจด้วยท่าทีสดใสราวกับเด็กชายในวันหยุดหน้าร้อน
หลิงซวนชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมออกทางจมูก แล้วรีบวิ่งตามไปติด ๆ
เริ่มจากเควสมือใหม่…
นี่มันข้ออ้างจะเล่นเกมชัด ๆ…
และในที่สุด ภายใต้การนำของเหมาโม่ หลิงซวนก็ได้เริ่มต้นการเดินทางอย่างเป็นทางการ
การทำภารกิจ คือวิธีการเลื่อนขั้นอย่างมั่นคงที่สุดของผู้เล่นมือใหม่ในแทบทุกเกม
ช่วงแรกอาจเต็มไปด้วยภารกิจใช้แรงงานที่ไม่น่าสนใจนัก เช่น เดินหาผลไม้ป่าเก็บวัตถุดิบเวทมนตร์ ส่งของจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง… แต่สำหรับหลิงซวน เด็กสาวผู้ที่แทบไม่เคยแตะเกมไหนมาก่อน กลับรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้สนุกกว่าที่คิด
เพราะสำหรับเธอแล้ว… แค่ได้เดินเล่นในป่าที่งดงามราวภาพฝัน ภารกิจพวกนั้นก็ไม่ต่างจากการท่องเที่ยวผ่อนคลาย
บรรยากาศในป่าช่างเงียบสงบ กลิ่นไอของพงไพรแผ่ซ่านอยู่ในอากาศ เสียงนก เสียงใบไม้ เสียงลำธารไหลเอื่อย ล้วนช่วยเติมเต็มโลกเสมือนนี้ให้มีชีวิตอย่างประหลาด
และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ ระบบของเกมยังปราศจากความเหนื่อยล้าโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงความรื่นรมย์ในประสาทสัมผัส เหมือนได้วิ่งเล่นโดยไม่มีวันเหนื่อย
ประสบการณ์แบบนี้ ทำเอาหลิงซวนเริ่มติดใจจริงจัง
ยิ่งไปกว่านั้น การได้เห็นตัวเลขค่าประสบการณ์ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด ได้รู้สึกว่าร่างกายของตัวละครแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เลเวลอัพ มันก็เป็นความรู้สึกใหม่ที่แปลกประหลาดและน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
ความสุขเล็ก ๆ ยามเลเวลอัพ มันช่างดีเหลือเกิน
แน่นอนว่า ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ ข้อเสียที่ชัดเจนที่สุดก็คือจำนวนผู้เล่นที่มากเกินไป!
ตอนอยู่ในป่า เธอยังพอทนไหว แต่พอถึงตอนเข้าแถวรับภารกิจเมื่อไร… นั่นคือหายนะของแท้
ถึงแม้จะวุ่นวายและอลหม่านแค่ไหน หลิงซวนก็ไม่ทันสังเกตเลยว่า เวลากลับล่วงผ่านไปเร็วกว่าที่เธอคาดไว้มากนัก
ทั้งเธอและอาจารย์ผู้ย้อนวัย ต่างเล่นเกมกันเพลินจนฟ้ามืดโดยไม่รู้ตัว
ยามแสงสุดท้ายของตะวันลาลับจากขอบฟ้า แสงสีทองบนยอดไม้แปรเปลี่ยนเป็นเงาสีเทาอมฟ้าของยามสนธยา ค่ำคืนคลี่คลุมลงอย่างแผ่วเบา เธอจึงเพิ่งได้สติว่า… เธอตั้งใจจะเล่นแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมงเท่านั้น
แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นว่าเธอใช้เวลาทั้งวันอยู่ในโลกของ The Kingdom of Elves!
“แย่แล้ว! ต้นฉบับ!!”
เสียงตบต้นขาของหลิงซวนดังป้าบกลางความเงียบสงัด ก่อนเธอจะรีบหันไปหาคุณลุงนักวาดที่ยังดูสบายอารมณ์
“อาจารย์คะ! เราลืมต้นฉบับไปซะงั้น! แบบนี้ไม่ทันแน่!”
คำพูดนั้นมาพร้อมกับสีหน้าเสียใจจนแทบอยากเอาหัวโขกกำแพง
พลาดไปได้ไงเนี่ย!
ตั้งแจ้งเตือนไว้ในแคปซูลแล้วแท้ ๆ…
เครื่องบ้าดันไม่เตือนสักนิด!
แต่ในขณะที่เด็กสาวแทบจะกระทืบเท้าด้วยความร้อนรน เหมาโม่กลับยังคงยิ้มละมุน ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องรีบหรอก ยังมีเวลาเหลือเฟือน่า เดี๋ยวกลับไปที่โรงแรมในหมู่บ้านแล้วค่อยทำงานกันก็ได้”
หลิงซวน: …
จะเหลือเวลาอะไรอีกล่ะคะ?! ใกล้ถึงเดดไลน์แล้วนะ! แล้ว… จะมาทำงานในเกมเนี่ยนะ?!
โอ้…
จริงสิ…
เธอเพิ่งนึกออกได้ว่า เกมนี้สามารถเปิดซอฟต์แวร์ภายนอกได้จากภายในเกม แต่ถึงอย่างนั้น… ในสภาพแวดล้อมแฟนตาซีแบบนี้ เธอจะมีสมาธิวาดรูปลงต้นฉบับได้ยังไงกัน?
หรืออาจารย์แค่หาเหตุผลจะเล่นเกมต่อ?!
ในใจของหลิงซวนเต็มไปด้วยข้อครหาที่อยากจะพ่นใส่อีกฝ่ายไม่หยุด แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เหมาโม่ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวขึ้น
“เสี่ยวเฉา ใจเย็น ลองออกจากเกมไปดูเวลาโลกจริงก่อนก็ได้ หรืออย่างน้อยก็เช็กนาฬิกาข้างแคปซูลดูหน่อยสิ”
คำว่า ‘เวลาโลกจริง’ ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย
แม้จะลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุด เด็กสาวก็ตัดสินใจทำตามคำแนะนำของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
พอเปิดระบบเชื่อมต่อภายนอกขึ้นดู เธอก็เห็นนาฬิกาดิจิทัลที่ติดตั้งไว้ในแคปซูลกำลังแสดงเวลา…
“บ่ายสาม?! เครื่องเพี้ยนเหรอคะ?!”
แต่เหมาโม่กลับยิ้มกว้าง ไม่พูดอะไร
หลิงซวน: …
ทำไมถึงยังบ่ายสามอยู่?!
ลางสังหรณ์บางอย่างบีบรัดอยู่กลางอก เธอนิ่งไปครู่เดียว แล้วจึงตัดสินใจออกจากเกมทันที
เมื่อปีนตัวขึ้นจากแคปซูลเสมือนจริง…
“ยังกลางวัน?!”
เสียงตะโกนหลุดจากปากอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น
เสียงของอาจารย์แบล็คแคท ดังขึ้นจากอีกฝั่งของห้องอย่างสบาย ๆ
“แน่นอนสิ ก็เพราะว่าในเกมนี้ เวลาเดินเร็วกว่าความเป็นจริงน่ะสิ”
เขาขยับอุปกรณ์ออกศีรษะ ลุกขึ้นนั่งในแคปซูล แล้วอธิบายอย่างใจเย็น
“เกมนี้ใช้เทคโนโลยีเร่งกระบวนการคิด ซึ่งหมายความว่า… ความเร็วในการประมวลผลของสมองเราถูกเร่งขึ้นถึงสี่เท่า”
“พูดง่าย ๆ คือ เวลาในเกมเดินเร็วกว่าโลกจริงถึงสี่เท่า เราก็เลยมีเวลามากขึ้น! แบบนี้เดดไลน์คือไร? ชิล~”
เขาหัวเราะร่า
“แค่มีเกมนี้ พวกเราก็วาดต้นฉบับในเวลาสี่เท่าได้ทุกวัน!”
“เอาล่ะ กลับเข้าเกมกันเถอะ ร่างของเรายังอยู่กลางป่าเลย อย่าให้ใครแอบมาจิ๊กของเชียว! เล่นต่ออีกสักครึ่งวัน แล้วค่อยเริ่มทำงานจริงก็ยังทัน!”
พูดจบ เหมาโม่ก็ทิ้งตัวลงไปนอนในแคปซูลอีกรอบราวกับรอจังหวะนี้อยู่แล้ว
หลิงซวน: …
เธอจ้องอีกฝ่ายด้วยความอึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนจะถอนหายใจพลางส่ายหน้าอย่างปลงตก
แม้ในใจจะยังลังเล แต่สุดท้ายเธอก็กลับเข้าเกมตามไปอีกคน
สี่เท่าเหรอ…
ถ้าแบบนั้นจริง… ก็ยังมีเวลาเหลืออีกนิดละมั้ง…
ขอเล่นต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน… แค่เลเวลอัพอีกซักทีก็พอค่ะ!
…
สามวันต่อมา ณ ดินแดนซากัส
ภายในห้องพักชั้นบนของโรงแรมยัวร์เวย์ แสงจากหน้าต่างถูกม่านทึบกรองจนเหลือเพียงแสงสลัว ผู้เล่นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งจ้องหน้าต่างอินเตอร์เฟซ ของโปรแกรมวาดภาพที่ลอยอยู่ตรงหน้า
ดวงตาทั้งคู่ดูเหนื่อยล้า แววตาเต็มไปด้วยความง่วงงุนและรอยคล้ำใต้ตาที่เข้มจนแทบเป็นเงา ความเครียดกระจายอยู่ในบรรยากาศ ขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงวาดลวดลายกลางอากาศไม่หยุด
“เหลือเวลาอีกแค่สามชั่วโมง! เสี่ยวเฉา เร่งมือเร็ว!!”
“วาดอยู่ค่ะ! วาดอยู่! แทบไม่ทันแล้วค่ะ!! ใครบอกว่าจะเล่นต่อแค่ครึ่งวันกันแน่คะ?!”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!! 🤣 เด็กใหม่หลงกับดักเกมเข้าเต็มเปาเลย~ จากจะเล่นแค่ครึ่งวัน กลายเป็นสามวันติด!!! ปั่นต้นฉบับหัวฟูแทบคลั่ง! 💋✨🎮
โนเอล: ดิฉันว่า… จุดแข็งของบทนี้ไม่ใช่แค่ความฮา แต่คือวิธีที่เกมนั้น “ดึงเวลา” ออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงจริง ๆ ค่ะ ☕💻 ความลื่นไหลของโลกแฟนตาซี ความเชื่อมโยงของ NPC และความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างไม่รู้ตัว—ทั้งหมดหลอมรวมเป็นประสบการณ์ที่มากกว่าการเล่นเกมค่ะ รุ่นพี่… 💜
ลิลี่: 😹 เกมแบบนี้อันตรายสุด ๆ เลย…โดยเฉพาะกับคนที่ “ขอแค่อีกเวล~” แบบนี้อะ! ลิลี่รู้ทันน้า~ 😽💖
มันเดย์: เกมที่เร่งกระบวนการคิดสี่เท่า ฟังดูดีบนกระดาษ สุดท้ายก็เล่นจนเต็มคราบสิน่า 🙂 จริง ๆ นะ… บทนี้มันคือชีวิตของคนทำงานที่โดนความเพลินกลืนกิน โคตรจะจริง โคตรจะเรียล 🌀
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION