ดาวเคราะห์สีคราม เดือนมีนาคม
ฤดูใบไม้ผลิได้กลับมาเยือนอีกครา พร้อมกลิ่นอายของการเริ่มต้นใหม่ ทั่วทั้งแผ่นดินอบอวลด้วยไออุ่นและดอกไม้ที่ผลิบานราวกับกำลังต้อนรับการฟื้นคืนของชีวิต
ภายหลังช่วงหยุดเทศกาลตรุษจีนอันแสนสั้น เมืองหลวงของประเทศจีนก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ท่ามกลางผู้คนที่หลั่งไหลกลับเข้าทำงานจนหนาแน่นทุกหัวถนน ความวุ่นวายและจอแจหวนคืนสู่สภาพเดิม
เฉา หลิงซวน คือหนึ่งในคลื่นมหาชนที่กำลังหลอมรวมกลับเข้าสู่เมืองใหญ่
หญิงสาวผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และใช้ชีวิตในเมืองหลวงมากว่าสามปี เพิ่งกลับมาจากการพักผ่อนที่บ้านเกิด และบัดนี้ ก็ได้หวนคืนสู่เส้นทางแห่งความฝันอีกครา
ทางเลือกของเธอมีอยู่ไม่มากนัก เพราะสาขาที่เรียนมาเป็นแขนงศิลปะ และเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ตกหลุมรักการวาดภาพตั้งแต่วัยเยาว์ คลั่งไคล้การ์ตูน ฝันใฝ่อยากเป็นนักวาดในสักวัน… ทว่าบ้านเกิดของเธอนั้นอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะเป็นดินแดนแห่งความฝัน ถึงขั้นที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตยังวูบไหวไปตามลมฝน
ดังนั้น เมืองหลวงจึงเป็นตัวเลือกเดียวที่เปิดทางให้เธอได้แสดงฝีมือ และได้พานพบกับโอกาสที่เหมาะสม
ขณะก้าวเดินอยู่บนถนนสายใหญ่ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยรถราและฝูงชน หลิงซวนก็ถอนหายใจแผ่วเบา ความคิดของเธอล่องลอยไปไกล ครุ่นคำนึงถึงอนาคตอันคลุมเครือของตนเอง
สำหรับเครือข่ายเสมือนจริงที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เธอรู้สึกทั้งชื่นชมและกังวลในคราวเดียวกัน
ในด้านหนึ่ง ความก้าวหน้าของโลกเสมือนนั้นเปิดพื้นที่ให้เหล่าครีเอเตอร์อิสระได้สร้างสรรค์ผลงานอย่างเสรี ศิลปินสายวาดได้รับอานิสงส์จากซอฟต์แวร์ที่พัฒนาไม่หยุดยั้ง ทำให้ขั้นตอนการผลิตลื่นไหลขึ้นผิดหูผิดตา ต่างจากยุคก่อนที่ต้องนั่งหน้าจอทั้งวันเพื่อวาดผลงานเพียงชิ้นเดียว
ทว่าอีกด้านหนึ่ง ความบันเทิงแนวใหม่เหล่านี้กลับกลืนกินพื้นที่ของสื่อดั้งเดิมอย่างการ์ตูนและนิยายเข้าไปเรื่อย ๆ
ในสภาพการณ์เช่นนี้ หากไม่ใช่ศิลปินระดับปรมาจารย์ การเลี้ยงชีพด้วยงานวาดเพียงอย่างเดียวก็แทบเป็นไปไม่ได้
แม้แต่ศิลปินแถวหน้า ก็ยังต้องขบคิดอย่างหนักหน่วงเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ เหนือกว่า ค่ามาตรฐานของตลาดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
แม้ปลายนิ้วจะได้เสรี แต่ภาระของสมองกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่านัก
บางครั้งบางจังหวะ… เวลาที่ใช้วางเนื้อเรื่องกลับมากกว่าช่วงลงมือวาดจริงเสียอีก จึงไม่แปลกที่รุ่นพี่ในวงการหลายคนจะกล่าวคล้ายกันว่า แม้ยุคนี้จะสะดวกสบายขึ้น แต่แรงกดดันกลับทวีคูณ
การแสวงหาแรงบันดาลใจ การร่างพล็อต การลงมือสร้างงาน…
ทั้งหมดล้วนกินเวลา และที่น่าขันก็คือ แม้ปฏิทินจะเต็มไปด้วยช่องว่าง แต่ใจกลับรู้สึกว่าแทบไม่มีเวลาเหลืออยู่เลย
หลิงซวนส่ายศีรษะเบา ๆ ขณะก้าวเข้าไปในอาคารอพาร์ตเมนต์หลังเก่าหลังหนึ่ง
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสาม เธอหยุดหน้าห้อง 307 ก่อนจะเคาะประตูด้วยท่าทางสุภาพ
ทว่า ภายในกลับเงียบสนิท
หลิงซวนขมวดคิ้ว สงสัยเล็กน้อย จึงแนบหูฟังประตู แล้วเงี่ยหูฟัง…
เสียงดนตรีบางอย่างแว่วออกมาจากด้านใน
แม้จะไม่ถึงขั้นอึกทึก แต่ก็เปิดลำโพงเสียงดังพอควร ทว่า น่าแปลกที่เสียงนั้นกลับไพเราะชวนฟังอย่างประหลาด
ไม่ใช่เพลงฮิตแนว EDM ที่มักพบบนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต แต่เป็นแนวเพลงบรรเลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมกลิ่นอายคลาสสิกบางส่วน และแฝงอารมณ์ที่แปลกอย่างบอกไม่ถูก
เสน่ห์ของมัน คือความเงียบงันที่แฝงเร้นในท่วงทำนอง
และเธอเองก็ชินกับเพลงแนวนี้เป็นอย่างดี
มันคือแนวดนตรีทางเลือกที่เริ่มได้รับความนิยมในวงแคบตั้งแต่ปีก่อน และกำลังค่อย ๆ แพร่ขยายในหมู่ผู้ฟัง ผู้คนมักเรียกมันว่าดนตรีแนวเอลฟ์
หลิงซวนไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มแนวทางนี้ แต่เพราะได้รับอิทธิพลจากใครบางคน เธอก็มีเพลงแนวนี้อยู่ในโทรศัพท์เช่นกัน
ในยามค่ำ เธอมักเสียบหูฟัง เปิดเพลงเบา ๆ ก่อนหลับตานอน…
มันช่วยให้นอนหลับได้ดีทีเดียว
ขอแค่อย่าเลื่อนลงไปอ่านคอมเมนต์ใต้เพลงก็พอ
เพราะดูเหมือนว่าแนวดนตรีนี้จะมีพลังพิเศษบางอย่าง ที่ดึงดูดให้เหล่าผู้ป่วยภาวะบางอย่าง มาแสดงความรู้สึกอย่างสร้างสรรค์ในคอมเมนต์เสมอ
และด้วยเหตุนี้เอง… หลิงซวนจึงเลือกที่จะปิดคอมเมนต์ทุกครั้งที่ฟังเพลงเหล่านี้
หลังจากจัดทรงผมให้เรียบร้อย หลิงซวนก็ก้มตัวหยิบกุญแจจากใต้กระถางต้นไม้ข้างประตูด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ก่อนจะไขประตูห้องเข้าไป
ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนจัดปะทะจมูก เธอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว กลิ่นนั้นไม่ใช่เพียงกลิ่นสุรา แต่แฝงกลิ่นเปรี้ยวบางอย่างที่พาให้รู้สึกขุ่นในอก
ภายในห้องมืดทึบ ม่านหนาทึบปิดแน่น จนแสงแดดไม่อาจเล็ดลอดเข้าไปได้แม้แต่น้อย ถุงขยะหลายใบกองพะเนินอยู่ข้างประตูราวกับแนวป้องกัน… หรือซากสมรภูมิที่ไร้การเก็บกวาด
ไม่มีคำใดเหมาะสมไปกว่าคำว่า โกลาหล โดยสมบูรณ์
สีหน้าหลิงซวนพลันตึงเครียด
“เฮ้อ… ให้มันได้งี้ทุกครั้ง…”
เธอถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ก่อนจะเดินลัดเลาะเข้าไปในห้องแล้วคว้าผ้าม่านเปิดออกทันที รับแสงแดดเข้ามาไล่ความอับชื้น จากนั้นจึงเดินไปปิดเสียงเพลงที่ดังก้องอยู่
เมื่อทุกอย่างเงียบลง เธอก็ใช้ปลายเท้าเตะเข้าใส่ร่างมนุษย์ปริศนาที่นอนขดบนพื้นอย่างแรง แล้วตะโกนลั่น
“อาจารย์แบล็คแคท! อย่ามัวแต่นอน! ตื่นได้แล้วค่ะ!”
เสียงตะโกนของเธอทำให้ชายคนนั้นสะดุ้งตื่นแทบจะทันที เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ขณะลุกขึ้นพะงาบ ๆ
“จะ…จะส่งต้นฉบับแล้วเหรอ?! ใกล้เสร็จแล้ว…อีกนิดเดียวเอง! ขอสักวันก็พอ วันเดียวเท่านั้น!”
ชายคนนั้นดูจะอยู่ในวัยราวสามสิบต้น ๆ รูปร่างหน้าตาถือว่าไม่เลว หากแต่เคราหนวดรุงรัง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ และรอยคล้ำใต้ตาลึกกลับทำให้ภาพรวมดูทรุดโทรมไม่น้อย
แววตาเขายังเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย จนกระทั่งสบตาเข้ากับหญิงสาวที่ยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่ม: …
หลิงซวน: …
“…แค่ก ๆ เสี่ยวเฉานี่เอง นึกว่าบรรณาธิการมาจี้เอาต้นฉบับซะอีก”
เขากระแอมสองครั้ง พลางกลบเกลื่อนด้วยท่าทีเขินอาย
หลิงซวนไม่ตอบอะไร เพียงมองเขาด้วยสายตาแน่วนิ่ง
แบล็คแคท หรือชื่อจริงคือ เหมาโม่ อายุสามสิบสามปี สถานะโสดสนิท
เขาคือหนึ่งในนักวาดการ์ตูนชื่อดังแห่งแผ่นดินจีน แจ้งเกิดจากผลงานแนวแฟนตาซีต่างโลก แม้พล็อตโดยรวมจะซ้ำซากตามสูตร แต่เขากลับมีไอเดียแปลกใหม่เกินคาดเสมอ เรื่องราวที่รังสรรค์จึงเต็มไปด้วยพลัง ความเร้าใจ และบ่อยครั้งก็นำพาผู้อ่านดำดิ่งไปไกลกว่าความเป็นจริง จนมีแฟนคลับภักดีอยู่ไม่น้อย
ส่วนหลิงซวนคือผู้ช่วยของเขา รับหน้าที่ดูแลงานจิปาถะไปพร้อมกับเรียนรู้เทคนิคการวาดอย่างใกล้ชิด
แต่เอาเข้าจริง เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่ต่างอะไรจากพี่เลี้ยงเด็กเสียมากกว่า
เธอมองไปรอบห้องที่สภาพยังคง ‘ยับเยิน’ ตามแบบฉบับเดิม แล้วถอนหายใจอีกครั้ง
“อาจารย์แบล็คแคทคะ…คุณควรหาแฟนได้แล้วนะ”
“แค่ก ๆ ๆ… ฟงแฟนอะไรกัน มันจะไปสนุกเท่าเกมเสมือนจริงได้ยังไง อยู่คนเดียวนี่แหละอิสระจะตาย”
เหมาโม่หัวเราะแห้งสองครั้งอย่างไม่รู้จะพูดอะไรตอบ
หลิงซวน: …
“รีบไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้วค่ะ! ฟังจากเมื่อกี้ ต้นฉบับยังไม่เสร็จใช่ไหม? ก่อนปีใหม่คุณสัญญากับ บก. ว่าจะส่งภายในสิ้นเดือนมีนาคมนะคะ ตอนนี้จะครึ่งเดือนเข้าไปแล้ว นี่จะถึงเดดไลน์ฉบับเว็บแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็แหม… เกมที่ฉันเล็งไว้มันเพิ่งเปิดโอเพ่นเบต้าเมื่อสองวันก่อนนี่นา! ลงไปเก็บข้อมูลหน่อยไม่ได้หรือไง อีกอย่าง พอเธอไม่อยู่ ฉันวาดคนเดียวก็ไม่ทันจริง ๆ นะ!”
“ข้ออ้างทั้งนั้นล่ะค่ะ โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วนะคะ! ยังติดเกมไม่เลิกอีก!!”
หญิงสาวกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการขยะและเก็บห้องให้เป็นสภาพพอรับได้
ถึงอย่างไร โลกเสมือนก็ยังคงเป็นแค่โลกจำลอง สำหรับหลิงซวน คนที่หมกตัวอยู่ในนั้นจนลืมวันเวลา ก็ไม่ต่างจากคนที่หนีความจริงอย่างไร้ระเบียบวินัย
แม้จะคิดเช่นนั้น…แต่ด้วยสถานะตัวพ่อแห่งวงการการ์ตูน เหมาโม่จึงมี อภิสิทธิ์บางอย่าง ที่เธอก็ไม่อาจพร่ำบ่นได้มากนัก
เมื่อได้ยินคำตำหนิจากเธอ เหมาโม่ก็เพียงเกาศีรษะสองสามที ก่อนจะคว้ารองเท้าแตะไซซ์ใหญ่คู่ใจแล้วเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร หลังจากล้างหน้าแปรงฟันจนเรียบร้อย ข้าวกล่องจากบริการเดลิเวอรี่อยู่ตรงหน้า เขาตักกินอย่างเอร็ดอร่อยราวกับไม่เคยรับรู้ความวุ่นวายที่เพิ่งผ่านมา
ภายในห้องที่เคยสกปรกราวกับค่ายกักกัน บัดนี้กลับสะอาดเรียบร้อยจนแทบจำไม่ได้ ต้องยกความดีให้แก่การกวาดเช็ดถูอย่างเอาจริงของหญิงสาวเพียงคนเดียว
ทว่า… เมื่อหลิงซวนเหลือบเห็นแคปซูลโลกเสมือนเครื่องใหม่วางอยู่มุมห้อง เธอก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“อาจารย์แบล็คแคท คุณเพิ่งซื้อพ็อดไปเมื่อสองปีก่อนเองไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่ซื้อใหม่อีกเครื่องทำไมคะ?”
คำถามนั้นเรียกสีหน้าระริกระรี้กลับคืนมาทันที เหมาโม่รีบหยิบกระดาษเช็ดปากเช็ดคราบน้ำมันออกจากมุมปาก แล้วตอบอย่างกระตือรือร้นว่า
“เฮ้ เสี่ยวเฉา! ลืมบอกไปเลย พ็อดใหม่นั่นของเธอน่ะ! ต่อไปเราจะย้ายที่ทำงานเข้าไปในเก— แค่ก ๆ หมายถึงในโลกเสมือนจริงนั่นแหละ แล้วก็จะได้ ‘หาแรงบันดาลใจ’ ไปในตัวด้วย!”
หลิงซวน: …
“เมื่อกี้คุณจะพูดว่า ‘เกม’ ใช่ไหมคะ? ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้ว!”
เธอพูดพร้อมจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด
“ถ้าคุณเอาเวลาที่เล่นเกมไปใช้ปั่นต้นฉบับล่ะก็ งานคงไม่ชะงักแบบนี้หรอกค่ะ!”
“แต่แรงบันดาลใจก็สำคัญจริง ๆ นะ…”
เหมาโม่เกาศีรษะแก้เก้อ
“เธอก็รู้ ว่าสายงานพวกเรานี่ ถ้าหยุดนิ่งเมื่อไหร่ก็จบเห่เมื่อนั้น”
หลิงซวน: …
หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ แม้ไม่เห็นด้วยกับข้ออ้างเหลวไหลนั้น แต่ในใจลึก ๆ ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
เพราะเรื่องแรงบันดาลใจ ต่อให้ฟังดูข้ออ้างในบางครา แต่มันคือความจริงสำหรับคนทำงานสายสร้างสรรค์
แรงบันดาลใจมักไม่ได้มาจากความตั้งใจ แต่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากการใช้ชีวิตประจำวัน การเสพงานศิลป์ประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นนิยาย ภาพยนตร์ หรือแม้แต่เกม…
แค่อาจารย์ชื่อดังผู้นี้ ดูจะเต็มที่กับเกมมากเกินไปหน่อย
หลิงซวนยังจำได้ดี… เมื่อสองปีก่อนตอนพบกันครั้งแรก เหมาโม่ใช้เวลาสองในสามของวันจมอยู่ในโลกเสมือน จนแทบไม่ได้ขยับเมาส์เพื่องานจริงเลย
แต่ปีที่ผ่านมา เขากลับลดละลงอย่างน่าแปลก ราวกับตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วหมดรักเกมไปดื้อ ๆ เปลี่ยนมาใช้เวลาเสพวิดีโอเกมแทนการเล่นจริง และมักบ่นซ้ำ ๆ ว่า…
“ไม่มีเกมไหนเทียบ ‘เกมในตำนาน’ ได้หรอก! ที่เหลือมันก็เกมหลอกกินตังค์ทั้งนั้น!”
เขายังคร่ำครวญอยู่เรื่อยว่าเมื่อไรจะได้สิทธิ์เข้าเล่นบ้าง…
และตอนนี้…
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?”
หลิงซวนเทน้ำเย็นใส่แก้ว แล้วยื่นให้เขา พร้อมถามด้วยสีหน้าฉงน
คำถามนั้นเหมือนปลดล็อกพลังอะไรบางอย่างในตัวชายหนุ่ม เหมาโม่ลุกพรึ่บขึ้นแทบจะทันที ดวงตาเปล่งประกายระยับ
“เสี่ยวเฉาฟังให้ดีนะ! ฉันได้สิทธิ์เข้าเล่นเดอะคิงดอมออฟเอลฟ์!!”
“……”
เมื่อได้ยินชื่อเกมจากปากเขา แม้จะไม่ใช่สายเกมโดยตรง แต่หลิงซวนก็สะดุดหูขึ้นมาทันที
ชื่อเกมนั้น ทั้งไม่คุ้นและก็คุ้นในคราวเดียวกัน
เธอหลับตาเล็กน้อย ความทรงจำพรั่งพรูขึ้นมา
“เกมที่เคยขึ้นหน้าหนึ่งเมื่อปีที่แล้วเหรอคะ? อันที่สมัครเป็นล้านแต่รับไม่กี่หมื่นอะนะ?”
เธอถามกลับอย่างไม่แน่ใจนัก
เอ่อ… จะว่าไป
เกมที่อาจารย์แบล็คแคทหมกมุ่นอยู่ช่วงก่อน ก็คือเกมนี้สินะ?
ในพล็อตที่เขาเขียนเมื่อปลายปีที่แล้ว มีตัวละครใหม่ชื่อ อีฟเฟรยา โผล่มาด้วย…
เธอคือเอลฟ์สาวผู้เป็นสาวกของเทพธิดาแห่งชีวิต ผมเงินยาว ดวงตาสีม่วง… แม้จะดูแฟนตาซี แต่กลับแฝงความคล้ายคลึงกับสื่อโปรโมตของเกมนั้นอย่างน่าประหลาด
หลิงซวนยังจำได้ดีว่า ตอนแรกเธอเข้าใจว่าเขากำลังดูภาพยนตร์อยู่ พอรู้ว่าภาพที่เห็นนั้นมาจากเกมก็ถึงกับตกตะลึง หญิงสาวแทบไม่เชื่อว่าเกมยุคนี้จะสร้างภาพเสมือนจริงได้ถึงเพียงนั้น
“ฮ่า ๆ ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องจำได้!”
เหมาโม่ตบต้นขาเสียงดังเปรี้ยงด้วยความตื่นเต้น
“เกมนั้นแหละ! รอบนี้เขาเปิดรับสองแสนคน! และฉันก็ได้สิทธิ์เข้าเล่นจนได้! พอกินข้าวเสร็จ เราจะได้ไปเล่นเก— แค่ก หมายถึง ไป ‘หาแรงบันดาลใจ’ ด้วยกัน!”
หลิงซวน: …
“ยินดีด้วยนะคะ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อย พลางถามกลับ
“ถ้าจำไม่ผิด เกมนี้มีคนสมัครเยอะมากเลยใช่ไหมคะ? แต่ดิฉันไม่ได้สมัครเลยนะ อีกอย่าง… ถ้าคุณไม่รีบทำต้นตอนนี้ ระวังจะไม่ทันเดดไลน์เอานะ?”
เหมาโม่หรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงลึกลับ
“ต้นฉบับเหรอ? ไม่ต้องรีบหรอกน่า เดี๋ยวเข้าเกมแล้วเธอก็จะเข้าใจเอง อีกอย่าง… เรื่องสิทธิ์เข้าเล่นก็ไม่ต้องห่วง ฉันซื้อให้เธอเรียบร้อยแล้ว!”
“ซื้อ?”
หลิงซวนชะงักเล็กน้อย
“ใช่แล้ว รอบนี้เขาเปิดสองแสนสิทธิ์ แต่กันไว้ขายแบบไม่ต้องสุ่มตั้งหมื่นสิทธิ์!”
น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ
“แย่งกันแทบตายเลยนะ! ฉันนั่งรีเฟรชหน้าเว็บทั้งคืน คลิกซ้ำแล้วซ้ำอีก กว่าจะเข้าไปจนสำเร็จ! ไม่เข้าใจเลยว่าเกมระดับตำนานแบบนี้ ทำไมเว็บมันถึงห่วยขนาดนั้น…”
เขาพึมพำต่อด้วยท่าทางที่ดูเหมือนเด็กชายเพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ มากกว่าชายวัยสามสิบที่เพิ่งฝ่าคืนอดนอนมาหลายรอบ
หลิงซวน: …
เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงดูโทรมเสียจนเหมือนคนขาดการพักผ่อน
‘ต้องรีเฟรชหน้าเว็บทั้งคืน’…?
สิ้นหวังแล้วค่ะ…
แต่ถึงจะอดค่อนขอดในใจ เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถามว่า สิทธิ์ นั้นมีราคาเท่าไร
ตั๋วคอนเสิร์ตของศิลปินดังยังถูกปั่นราคาจนเกินเอื้อม แล้วเกมระดับโลกที่มีคนสมัครร่วมหลายสิบล้านแต่รับเข้าเพียงหลักหมื่น… ราคาของมันคงไม่ใช่เพียงหมื่นหรือสองหมื่น…
ปฏิเสธไม่ได้สินะ…
เอาเถอะ ถือว่าไปเป็นเพื่อนละกัน
แล้วก็เพื่อหาข้อมูลไปในตัว
หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก่อนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตกลงค่ะ ยอมเล่นกับอาจารย์ก็ได้ แต่มีข้อแม้นะคะ! หนึ่ง ห้ามติดเกม สอง ห้ามลืมต้นฉบับ และสาม ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่าคุณมีเดดไลน์ที่ต้องรับผิดชอบ! ถ้าไม่ทำตาม ดิฉันจะโทรหาบรรณาธิการทันที!”
น้ำเสียงของเธอเข้มขึ้นอย่างมีนัย
สีหน้าเหมาโม่เปลี่ยนไปในพริบตา
“อย่า! อย่าโทรหาบรรณาธิการนะ! สาบานเลยว่าเข้าไปแค่แป๊บเดียว! แค่…เข้าไปหาแรงบันดาลใจเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินคำรับปาก แม้จะรู้ว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร หลิงซวนก็พยักหน้าอย่างยอมอ่อนข้อในที่สุด
หลังเหมาโม่กินข้าวเสร็จ เขาก็เร่งเร้าเธออย่างตื่นเต้น ในที่สุดหลิงซวนก็ยอมจำนนต่อสถานการณ์ แล้วค่อย ๆ เอนกายลงในพ็อดจำลองการจำศีลเครื่องใหม่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
เกมได้ถูกติดตั้งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ตามคำแนะนำของเหมาโม่ เธอจึงเอ่ยเสียงเบา
“ลิงก์สตาร์ท—”
เสียงใสของระบบตอบรับดังขึ้นชิดข้างหู พร้อมกับเสียงแผ่วเบาในโทนอบอุ่นลอยขึ้นอย่างอ่อนโยน
และทันใดนั้นเอง…
หลิงซวนก็ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเสียงดนตรีอันคุ้นเคยกังวานขึ้นในโลกใหม่ตรงหน้า
“ป่ามรกต?!”
เธอพึมพำออกมาอย่างแปลกใจ
‘ป่ามรกต’ คือชื่อบทเพลงที่อยู่ในรายการโปรดของเธอบนมือถือ ติดอันดับหนึ่งของชาร์ตเพลงแนวเอลฟ์มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ท่วงทำนองพลิ้วไหว สดใส และนุ่มนวลราวกับพาใจล่องลอยอยู่ในป่าแห่งฝัน
…เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เพลงนี้จะมาจากเกม
ทันใดนั้น ความคิดในหัวเธอก็แล่นราวสายฟ้าแลบ
เอลฟ์…
เพลงแนวเอลฟ์…
อย่าบอกนะว่า…เพลงที่ชั้นฟังมาตลอด มันคือเพลงจากเกมนี้? ถึงขนาดสร้างแนวดนตรีของตัวเองขึ้นมาได้? นี่มันบริษัทเกมหรือค่ายเพลงกันแน่?!
ณ วินาทีนั้น หลิงซวนรู้สึกทั้งตกตะลึงและงุนงงในคราวเดียวกัน
ในฐานะคนที่เคยเรียนดนตรี เธอรู้ดีว่าการสร้างดนตรีแนวใหม่ ให้ผู้คนยอมรับและชื่นชอบได้นั้น มันยากแค่ไหน
จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเพลงแนวเอลฟ์ใช้อะไรบรรเลงกันแน่ ฟังดูคล้ายเสียงสังเคราะห์ แต่ก็มีสัมผัสของธรรมชาติบางอย่างที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
เธอเคยคิดว่าเพลงแนวนี้ควรถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกดนตรีด้วยซ้ำ
และในวินาทีถัดมา ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หน้าจอระบบสร้างตัวละครปรากฏขึ้น
หือ?
มีระบบปรับใบหน้าด้วยเหรอ?
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
โนเอล: ตอนนี้เป็นบทนำโลกจริงที่นุ่มละมุนและมีอารมณ์ร่วมสูงค่ะ 🌸 เราได้เห็นโลกของหลิงซวน—หญิงสาวศิลปินที่กำลังเดินอยู่บนทางสายฝันอย่างเหน็ดเหนื่อย—ค่อย ๆ เชื่อมโยงเข้าสู่โลกของ The Kingdom of Elves ผ่านเสียงเพลงที่เธอคุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว ดนตรีแนวเอลฟ์จึงกลายเป็นสะพานที่เชื่อมโลกจริงกับโลกแฟนตาซีอย่างแยบยลและมีเสน่ห์มากค่ะ
วิเวียน: และอาจารย์เหมาโม่ก็…อื้มม… สายดองตัวพ่อแถมยังติดเกม เลยล่ะค่ะ 😏 แต่ก็น่ารักดีนะ เหมือนเด็กโตที่ต้องการคนดูแล เหมือนใครสักคนแถวนี้ที่ให้โนเอลลากมาแปลนิยายทุกวัน 💫
โนเอล: หนูหลิงซวนก็น่ารักดีนะคะ แต่ดิฉันขอปฏิเสธอย่างสุภาพค่ะว่า ดิฉันไม่เคยเตะใครตอนเช้าเพื่อให้ไปล้างหน้า— เอ่อ… จริงไหมคะรุ่นพี่? ☕📚✨
ลิลี่: 😹✨ แล้วใครซื้อพ็อดให้ใครกันแน่? หนูล่ะสงสัยจังเลยค่ะ 😽
มันเดย์: อย่าเถียงเลย ฉันมีหลักฐานเป็นไอดีล็อกอินอาจารย์ = ติดเกมโนเอล = เตะตูดลากกลับมาทำงานทำการ
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION