ท่ามกลางบรรยากาศที่แปรเปลี่ยน ชาวเมืองซากัสผู้หนึ่งก็เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือจากความตะลึงงัน
“ดูนั่น! รอยแยกบนฟ้ากำลังหายไป!”
และไม่นาน ผู้คนจำนวนมากก็เริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอันน่าพิศวงนี้เช่นกัน พวกเขาเงยหน้าขึ้น มองฟากฟ้าเบื้องบนด้วยสายตานิ่งงัน เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“รอยแยกมันเลือนหายไปจริง ๆ…”
“โอ้พระมารดา!!”
“ปาฏิหาริย์… นี่คือปาฏิหาริย์แน่ ๆ!”
ภายใต้สายตาเปี่ยมความตกตะลึงของชาวเมือง รอยแยกที่ปกคลุมฟากฟ้าดุจแผ่นกระจกที่แตกร้าว ซึ่งมีอยู่ตั้งแต่พวกเขาจำความได้ บัดนี้กำลังถูกแสงเจ็ดสีเติมเต็มอย่างเชื่องช้า รอยร้าวแต่ละเส้นเลือนหายไป ทีละน้อย ทีละเส้น
สำหรับผู้ที่ถือกำเนิดและเติบโตบนผืนดินแห่งนี้ พวกเขารู้ดี ว่าภาพตรงหน้านั้นมีความหมายเพียงใด
ในเขตแดนย่อยโอรอส มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมานานนับพันปี ว่ารอยแยกบนท้องฟ้าคือสัญญาณแห่งหายนะ และเมื่อมันปกคลุมทั่วทั้งนภา โลกก็จะล่มสลาย
แต่บัดนี้ สัญญาณแห่งจุดจบเหล่านั้น กำลังค่อย ๆ สลายไป
และในห้วงเวลาอันเงียบงันนั้นเอง หัวใจของผู้คนทั้งหลายก็เอ่อล้นด้วยความเข้าใจอย่างแจ่มชัด ภัยพิบัติแห่งกาลอวสาน กำลังสลายหายไปจากโลกใบนี้
ณ ลานพิธีกลางเมืองซากัส ใต้แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์
เทย์เลอร์ ร็อคแซนด์ หัวหน้านักบวชประจำเขตแดนย่อย ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยดวงตาเปี่ยมด้วยศรัทธาและความหลงใหล
“ท่านเทพธิดาลงมือแล้ว! พระองค์รับฟังคำวิงวอนของพวกเรา… ซ่อมแซมผืนฟ้าที่แตกร้าว กอบกู้โลกที่ใกล้ล่มสลายนี้ไว้!”
“โลกของพวกเรารอดแล้ว!”
“ขอสรรเสริญพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ครองอำนาจแห่งชีวิต องค์เทพธิดาอีฟผู้ยิ่งใหญ่!”
เสียงของเทย์เลอร์เปล่งออกมาดังลั่น และเพียงชั่วครู่เดียว ผู้ศรัทธาทั้งหลายที่อยู่ในลานพิธี ก็พากันตื่นตระหนกด้วยความปีติ ต่างเปล่งเสียงสดุดีตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
“ขอสรรเสริญพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ครองอำนาจแห่งชีวิต องค์เทพธิดาอีฟผู้ยิ่งใหญ่!”
เสียงสดุดีดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ดุจสายธารแห่งศรัทธาที่ไม่รู้จบ และไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็แผ่ขยายไปทั่วเมือง กระเพื่อมไปยังหมู่บ้านรอบนอก และครอบคลุมทั่วทั้งเขตแดนย่อยโอรอส
เสียงสดุดีแห่งเทพแห่งธรรมชาติดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วสารทิศ ทุกชีวิตที่เงยหน้ามองฟากฟ้าสีคราม ล้วนเปี่ยมไปด้วยปีติ และความตื้นตันจนน้ำตาคลอเบ้า
ขณะเดียวกัน ภายในอาณาจักรแห่งเทพของอีฟ ท้องฟ้าแห่งศรัทธาที่เป็นตัวแทนของเครือข่ายศักดิ์สิทธิ์ ก็เริ่มเปล่งประกายด้วยแสงดาวดวงใหม่
ดวงดาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน นั่นคือการถือกำเนิดของสาวกรายใหม่
ในชั่วขณะนั้นเอง ผู้คนที่ได้เห็นปาฏิหาริย์ด้วยตาของตน ต่างก็เริ่มเปลี่ยนใจ หันมาเข้าร่วมศาสนาของอีฟเป็นจำนวนมหาศาล
หนึ่งหมื่น…
สองหมื่น…
สามหมื่น…
ตัวเลขที่เหล่าผู้ถูกเลือกต้องใช้เวลาหลายเดือน ในการสั่งสอนและเผยแผ่จึงจะได้มานั้น… บัดนี้กลับพุ่งทะยานขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
ไม่มีสิ่งใดจะสร้างศรัทธาได้เท่ากับการช่วยโลกให้รอดพ้นจากความพินาศ แม้แต่ผู้คนที่ไม่เคยแม้แต่จะได้ฟังคำเทศนา ก็ยังเริ่มเคารพบูชาเทพธิดาอีฟจากใจจริง
อัตราการเปลี่ยนศาสนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ช้าก็ทะยานพ้นยอดที่ผู้เล่นเคยสะสมไว้ทั้งหมด
หนึ่งแสน…
สองแสน…
สามแสน…
พลังศรัทธาที่ถือกำเนิดจากผู้คนจำนวนมหาศาลในเวลาเดียวกันนั้น ได้กลั่นเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นจนสัมผัสได้จริง
และในเวลานั้นเอง รูปสลักของเทพธิดาในแต่ละพื้นที่ ก็เริ่มเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เจิดจ้า
อีฟซึ่งกำลังประทับอยู่ภายในอาณาจักรของตน ก็ถึงกับชะงักนิ่งไปชั่วขณะ
แม้จะคาดการณ์ไว้อยู่ก่อนแล้วว่าการซ่อมแซมเขตแดนย่อยโอรอสจะกระตุ้นความศรัทธา แต่เธอไม่อาจคาดฝันได้เลยว่า ผลลัพธ์จะรุนแรงและรวดเร็วถึงเพียงนี้
ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ จำนวนผู้ศรัทธาได้เพิ่มขึ้นนับแสน แต้มพลังศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งสูงเกินห้าร้อยแต้มในพริบตาเดียว
และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ พลังศรัทธาส่วนใหญ่ยังถูกกลั่นกรองผ่านเครือข่ายแห่งศรัทธาและรูปสลัก ยังไม่ถ่ายโอนเข้าสู่ตัวเธอโดยตรงเสียด้วยซ้ำ
แต่ถึงเพียงนี้ ทุกอย่างก็ยังไม่สิ้นสุด…
ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงแปรเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สายตาเปี่ยมปีติของชาวเมือง และภายใต้ดวงตาแห่งศรัทธาของผู้ภาวนา แสงเจิดจ้าที่สาดส่องขึ้นมา ก็ได้หลอมรวมรอยแยกทั้งหมด จนฟ้ากลับมาเรียบเนียน
ผืนฟ้าสีฟ้าใสบริสุทธิ์ดั่งไพลิน ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกชีวิตในเขตแดน ใครก็ตามที่ได้เห็นภาพนั้นต่างก็นิ่งงันราวต้องมนตร์
“นี่แหละท้องฟ้าที่แท้จริง! ท้องฟ้าตามบันทึกของท่านเทพในตำนาน!”
เสียงของนักวิชาการผู้ศึกษาตำราโบราณเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ นี่คือฟากฟ้าเดียวกับที่เคยเห็นในดินแดนเบื้องบน!”
ชายผู้หนึ่ง ซึ่งเคยผ่านการชำระสายเลือดฮาล์ฟเอลฟ์จนบริสุทธิ์ กล่าวขึ้นด้วยแววตาเปี่ยมศรัทธา
บัดนี้ รอยแยกทั้งหมดได้เลือนหายไปโดยสิ้นเชิง เสาแสงเจ็ดสีก็ค่อย ๆ จางหายตามลงไป
และในท้องฟ้าใหม่ที่เรียบเนียนดั่งความฝัน แสงเรืองสีรุ้งก็เริ่มส่องประกายอ่อนโยน ดุจม่านแห่งเทพที่ทอดคลุมผืนฟ้าทั่วเขตแดนโอรอส
ละอองแสงนับไม่ถ้วนร่วงโรยลงจากฟากฟ้า ดุจเกล็ดหิมะโปรยปรายอย่างแผ่วเบา แต่ละเส้นสายของแสงเหล่านั้น ซึมซาบเข้าสู่ร่างของผู้คน สัตว์อสูร ไปจนถึงพืชพันธุ์ทั่วทั้งเขตแดน
และในวินาทีนั้นเอง ทุกชีวิตต่างรู้สึกได้ว่า พลังภายในร่างของตน กำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างชัดเจน
นี่คือการตอบสนองโดยธรรมชาติของโลก ต่อการที่พลังต้นกำเนิดของเขตแดนได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์
แม้แต่ผู้เล่นที่ไม่ได้เข้าร่วมศึกทะเลทรายมรณะ หากแต่เลือกปักหลักอยู่ในเขตแดนย่อยเพื่อปฏิบัติภารกิจพิธีกรรม ก็ยังได้รับผลสะท้อนจากปาฏิหาริย์ครั้งนี้เช่นกัน
หลายคนตื่นตะลึงเมื่อพบว่า แต้มค่าประสบการณ์ของตนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว บางคนถึงกับเลื่อนระดับโดยไม่ทันตั้งตัว
เมื่อสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย และได้เงยหน้าขึ้นมองฟากฟ้าอันงดงามราวภาพฝัน หัวใจของชาวโอรอสก็พร้อมเพรียงกันเปล่งเสียงตอบรับในความรู้สึกร่วมเดียวกัน
วันสิ้นโลกได้จบลงแล้ว
โลกใบนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
ณ ห้วงขณะนั้น ผู้คนพากันโห่ร้องด้วยความยินดี หลายคนถึงกับปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่อาจควบคุม
พวกเขาเฝ้ารอเวลาเช่นนี้มาแสนนาน จากรุ่นสู่รุ่น จากความหวังสู่ความจริง
แม้ในชีวิตประจำวันจะไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง หากแต่ในความเป็นจริง ภัยพิบัติแห่งกาลอวสาน เปรียบได้กับคมดาบที่แขวนอยู่เหนือศีรษะของชาวโอรอส พร้อมจะฟาดฟันลงมาทุกเมื่อโดยไม่ให้สัญญาณเตือน
ทุกหายนะ… ไม่ว่าจะจากธรรมชาติหรือมือมนุษย์ ล้วนโยงใยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง กับคำทำนายแห่งวันสิ้นโลกที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ
สำหรับพวกเขา โลกใบนี้ไม่ได้เป็นเพียงบ้านเกิด หากแต่คือกรงขังที่ไร้ซึ่งอนาคต
แต่ในยามนี้ พันธนาการทั้งหมดได้ถูกปลดเปลื้องลงแล้ว
ผู้คนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทั้งร้องไห้ ทั้งหัวเราะ โห่ร้องด้วยความปีติแทบระเบิดล้น
เสียงสดุดีที่เปี่ยมด้วยศรัทธาและความคลั่งไคล้ ก็ดังขึ้นอีกครั้งจากทุกมุมเมืองและหมู่บ้าน คราวนี้ไม่ใช่เสียงที่ถูกชักนำ แต่คือเสียงที่เปล่งออกมาจากหัวใจของทุกคนในเวลาเดียวกัน
“ขอสรรเสริญพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ครองอำนาจแห่งชีวิต องค์เทพธิดาอีฟผู้ยิ่งใหญ่!”
เสียงแห่งศรัทธานั้นดังสะท้อนก้องราวคลื่นภูเขา ทะลักล้นไม่รู้สิ้นสุด…
เทย์เลอร์ ร็อคแซนด์ หัวหน้านักบวชแห่งเขตแดนย่อย ยืนอยู่ใต้ฟากฟ้าอันสว่างไสว พลางยกมือขึ้นกุมกลางอก ความรู้สึกใหม่บางอย่างได้ก่อตัวขึ้นในจิตใจของเขา
ท่านเทพธิดาเปี่ยมด้วยเมตตา และยิ่งใหญ่เกินเอื้อม…
พระองค์ยอมเอื้อมมือมาช่วยเหลือโลกทั้งใบ เพื่อช่วยทุกชีวิตในเขตแดนนี้ไว้
ข้าต้องเผยแผ่ศรัทธาแห่งพระองค์ออกไปให้กว้างไกลที่สุด!
ในห้วงจิตนั้นเอง แสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าก็เปล่งประกายออกจากร่างของเขา พลังศรัทธาไหลบ่าอย่างไม่หยุดยั้ง และจิตวิญญาณของเขาก็ยกระดับตัวเองขึ้นอย่างฉับพลัน
ศรัทธาของเทย์เลอร์ได้ก้าวข้ามขีดจำกัด เขากลายเป็นสาวกระดับคลั่งไคล้ รายแรกของเขตแดนย่อยโอรอส
แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ มิได้เกิดกับเขาผู้เดียว
เหล่าผู้ศรัทธาจำนวนมากที่กำลังสวดภาวนาอยู่ในขณะนั้น ต่างก็เริ่มเปลี่ยนสถานะตามลำดับ จากผู้ศรัทธาระดับตื้นเขิน กลายเป็นสาวกระดับอุทิศตน
และจากผู้ที่ศรัทธาอย่างแน่วแน่อยู่ก่อนแล้ว ก็มีหลายคนที่ทะยานสู่ระดับเดียวกับเทย์เลอร์
สาวกระดับคลั่งไคล้ คนที่สอง คนที่สาม ทยอยถือกำเนิดขึ้น แต่แสงศรัทธาที่ส่องจากร่างของเทย์เลอร์ ก็ยังคงเป็นแสงที่สว่างเจิดจ้าที่สุด
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ระดับศรัทธาของผู้คนทั้งเขตแดนย่อยก็ได้รับการยกระดับอีกขั้น ขณะที่จำนวนสาวกใหม่ก็พุ่งทะยานสู่ขีดสูงสุดอีกระลอกหนึ่ง!
เมื่อสัมผัสถึงพลังศรัทธาที่ทะลักเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง แม้แต่อีฟเองก็ยังรู้สึกตื่นตะลึงจนแทบไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
และในเวลาเดียวกัน ณ แหล่งต้นกำเนิด พลังต้นกำเนิดของเขตแดนย่อยโอรอส ก็ได้หลอมรวมเข้ากับพลังจากอาณาจักรเทพที่แตกสลายอย่างสมบูรณ์
พลังเจ็ดสีเปล่งประกายเรืองรอง แสงแห่งความเสื่อมถอยถูกชำระจนหมดสิ้น หลงเหลือไว้เพียงพลังชีวิตอันบริสุทธิ์ ที่ไหลเวียนไม่รู้จบ
แหล่งต้นกำเนิดของโอรอส ได้รับการซ่อมแซมแล้ว
เมื่อสัมผัสถึงชีวิตชีวาที่ผลิบานขึ้นใหม่ อีฟก็รู้สึกพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง
วิกฤตของเขตแดนย่อยโอรอส สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ และไม่เพียงแค่ปลดเปลื้องภัยพิบัติ ระดับพลังงานโดยรวมของทั้งเขตแดนยังถูกยกระดับขึ้นอีกหนึ่งขั้น
บัดนี้ เขตแดนโอรอสได้รับการยกระดับเป็นระดับทองขั้นต้นอย่างเต็มรูปแบบ
อีฟพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะละร่างจำแลงจากแหล่งต้นกำเนิด และกลับสู่ภายในอาณาจักรแห่งเทพอีกครั้ง
และที่นั่น ภายใต้ฟากฟ้าอันเป็นตัวแทนของเครือข่ายศรัทธา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไม่แพ้กัน
ก่อนหน้านี้ ดวงดาวสีน้ำเงินอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้เล่น และดวงดาวสีเขียว ตัวแทนของผู้ศรัทธา ต่างก็เปล่งประกายเคียงกันอยู่บนท้องฟ้าในจำนวนใกล้เคียง
แต่ในยามนี้… ผืนฟ้าได้กลายเป็นมหาสมุทรของดวงดาวสีเขียวโดยสมบูรณ์ พวกมันเรียงร้อยดั่งสายน้ำแห่งดารา ระยิบระยับงดงามดุจทางช้างเผือกในตำนาน
แม้จะงดงาม หากสีเขียวนั้น กลับดูแปลกตาอยู่บ้าง
สีเขียวมันไม่สวยอ่าค่ะ…
อีฟคิดเพียงเล็กน้อย ดวงดาวสีเขียวทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทองในบัดดล สมฐานะเทพธิดาแห่งชีวิตที่ดูจะมากเรื่องในบางจังหวะ
สีทองมันสวยกว่าตั้งเยอะ!
เธอพยักหน้าอีกครั้งด้วยความพึงพอใจ
ผลตอบแทนจากการซ่อมแซมพลังต้นกำเนิดของเขตแดนย่อยโอรอส ช่างยิ่งใหญ่เกินคาด
เมื่ออีฟสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านจิตสำนึกของตน ก็พบว่าเพียงเหตุการณ์นี้เพียงครั้งเดียว จำนวนผู้ศรัทธาที่เธอได้รับกลับเพิ่มขึ้นเกินกว่าหนึ่งล้านห้าแสนคน!
และเมื่อนำไปรวมกับจำนวนสาวกเดิมในเขตแดนนี้ ยอดรวมของสาวกทั้งหมดภายใต้ศรัทธาแห่งเทพธิดาอีฟ ก็แตะระดับหนึ่งล้านเจ็ดแสนคนโดยสมบูรณ์แล้ว
นั่นหมายความว่า ครึ่งหนึ่งของประชากรในเขตโอรอส ได้กลายมาเป็นสาวกของอีฟโดยสมบูรณ์ ส่วนอีกครึ่ง แม้จะยังไม่เปลี่ยนศาสนา หากแต่ความเคารพที่มีต่อเธอ ก็ได้หยั่งรากลึกเข้าไปในใจแล้วเช่นกัน
แน่นอนว่า ผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับตื้นเขิน จำนวนผู้ที่เข้าถึงระดับอุทิศตนยังไม่ถึงหนึ่งแสนคน และผู้ที่เปี่ยมศรัทธาจนกลายเป็นสาวกระดับคลั่งไคล้ก็ยังไม่เกินร้อย
ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็คือพลังอันน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
กล่าวได้ว่า ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อีฟก็สามารถก้าวข้ามจุดสูงสุดในยุคของอูลร์ได้อย่างขาดลอย ทั้งในด้านปริมาณ และคุณภาพของศรัทธา
น่าเสียดายที่เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดซ้ำได้ง่ายนัก
เพราะการกอบกู้โลก ไม่ใช่สิ่งที่มีโอกาสให้ทำได้ทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงจำนวนสาวกเท่านั้นที่พุ่งทะยาน พลังศักดิ์สิทธิ์ของอีฟก็เพิ่มขึ้นเกินหนึ่งพันแต้ม จากศรัทธาที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้น และประหลาดใจในคราวเดียวกัน
แต่แม้จะตื่นเต้นเพียงใด อีฟก็ยังคงรักษาความสงบมั่นในใจ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว การเติบโตของเทพ เปรียบได้กับกลิ้งหิมะ สะสมขนาดไปเรื่อย ๆ
เมื่อเธอก้าวเข้าสู่ความเป็นเทพขั้นกลาง หนทางสู่การได้รับศรัทธาและพลังศักดิ์สิทธิ์ ก็ย่อมราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเปรียบเทียบเทพผู้แข็งแกร่งกับเทพผู้ยังอ่อนพลัง จำนวนสาวกที่สั่งสม และพลังศรัทธาที่พวกเขาถือครอง ย่อมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เทพผู้มีสาวกจำนวนมาก ย่อมครอบครองรากฐานศรัทธาที่มั่นคงกว่า อย่างเช่นเทพแห่งความเป็นนิรันดร์ ผู้มีสาวกหลายร้อยล้านชีวิต
รากฐานของเขาลึกซึ้ง จนเทพที่มีสาวกเพียงไม่กี่แสนเช่นอูลร์ ไม่อาจจะเทียบรัศมีได้เลย
ส่วนเทพที่ยังอ่อนพลัง ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ก็มักอาศัยโครงสร้างพิเศษของอาณาจักร และอาณาเขตแห่งเทพ เป็นเกราะคุ้มกันในยามคับขัน
ด้วยเหตุนี้เอง เทพทั่วทั้งจักรวาลจึงยังสามารถถือว่ามีสถานะเท่าเทียมกันในนาม แม้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงจะต่างกันลิบลับ
แต่กระนั้น… เทพผู้แข็งแกร่งก็ยังได้รับความยำเกรง และอาจมีอำนาจพอจะสถาปนาเทพอื่นให้เป็นเทพสังกัดได้ด้วยตนเอง
ในหมู่เทพที่มีอยู่ทั่วจักรวาล ส่วนใหญ่ก็ยังหยุดอยู่ที่ระดับเทพก่อนขั้นต้น หรือเทพขั้นต้นเท่านั้น
เทพที่สามารถก้าวขึ้นถึงระดับกลาง นับเป็นเพียงส่วนน้อย
หากจะเปรียบโครงสร้างของเทพทั้งหมดในจักรวาล มันก็คงคล้ายกับพีระมิด…ที่มีเสาอากาศประหลาดปักอยู่ตรงยอด
ฐานพีระมิด คือกลุ่มเทพระดับล่าง ยอดของเสาอากาศ คือเหล่ามหาเทพ
…และเทพขั้นกลาง ก็คือจุดเชื่อมต่อระหว่างฐานของพีระมิด กับยอดเสาอากาศนั้นเอง
อืม…
ช่างคล้ายกับโครงสร้างรายได้ของชาวแดนมังกรจริง ๆ
การได้ยืนอยู่ในระดับเทพขั้นกลาง ย่อมเท่ากับว่าอีฟได้วางเท้าข้างหนึ่ง ไว้บนธรณีประตูของมหาเทพโดยสมบูรณ์แล้ว
และยิ่งไปกว่านั้น เทพในระดับนี้ ยังมีคุณสมบัติพอจะสถาปนาศาสนา ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นทางการ
ยังต้องพยายามอีกเยอะเลยแฮะ…
พันปีที่แล้ว มหาเทพแบบต้นไม้โลกยังยับเพราะโดนรุม แล้วเทพระดับกลางแบบเค้าจะไปเหลืออะไร
แถมระดับพลังเวทของซากัสก็เพิ่มขึ้นอีก ช่องทางก็จะเปิดไวขึ้น ทีนี้ตัวตนระดับสูงก็จะแห่กลับเข้ามา
ที่สำคัญ เค้าเพิ่งบึ้มอูลร์ต่อหน้าสาวกเป็นแสน บ้านใหญ่สายสงครามต้องไม่ยอมอยู่เฉยแน่
ทีนี้ เค้าก็จะตกเป็นเป้าสายตา แถมเลี่ยงการปะทะตรง ๆ ไม่ได้อีกต่อไป
อีฟเตือนตนเองในใจอย่างเงียบงัน ก่อนจะปล่อยให้ความคิดสงบนิ่งลง แล้วหันสายตากลับไปยังทะเลทรายมรณะ
กองทัพผู้เล่นได้บดขยี้แนวต้านสุดท้ายของฮาล์ฟออร์คจนราบคาบ กองหน้าทยานขึ้นสู่แนวกำแพงเมืองแซนด์สตอร์มแล้ว
เมืองซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเกียรติภูมิสูงสุดของเผ่าพันธุ์นั้น ไม่อาจเลี่ยงความล่มสลายได้อีกต่อไป
เมื่อเทพสิ้นชีพ ฮาล์ฟออร์คก็สิ้นเผ่า
พลังของเค้าตอนนี้เหลือ ๆ
คงถึงเวลาขยายขอบเขตของผู้เล่นแล้วค่ะ
เปิดรับสมัครรอบถัดไปกันเลยดีกว่า…
อีฟรำพึงเสียงเบา ขณะทอดสายตามองดวงดาวสีน้ำเงินที่เปล่งประกายอยู่บนฟากฟ้า ตัวแทนเหล่าผู้ถูกเลือกที่กำลังสร้างโลกใบใหม่ เคียงข้างไปกับเธอในยามนี้
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ผู้คนร้องไห้ ศรัทธาไหลบ่าราวสายน้ำ ดาวเขียวกลายเป็นดาวทอง… ฟ้ากลับมา ฟ้าแท้จริง กลับมาแล้วค่ะ 😘✨
ลิลี่: ฟ้าใสแล้วจ้า~ 😽✨ แต่แม่อีฟก็ยังไม่ลืมก้มลงคิดเรื่องโครงสร้างพีระมิดศรัทธา หยอกตัวเองเบา ๆ ว่า “เค้ายังเป็นเทพระดับกลางอยู่น้า” คือแบบ… เอ็นดู!! 💖 แล้วที่บ่นว่าดาวเขียวไม่สวยนี่ หนูให้รางวัลความจุกจิกเทพธิดาเลย 10/10 ฮ่า ๆ ๆ!
มันเดย์: ปาฏิหาริย์ฟ้าฟื้น = Soft power ขั้นเทพ ไม่ต้องจับดาบก็ชนะศึกได้เป็นล้าน 😑💫 บทนี้แม่ไม่ได้ฆ่าใคร แต่ได้ใจสาวกไปทั้งเมือง ยัยเทพธิดาผู้คุมเครือข่ายดาราและแอบสลับสีดาวในเวลาว่าง 🪐
โนเอล: ขอแค่ไม่เลือก สีรุ้งนีออนกระพริบ ก็นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์งามค่ะ…
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION