แรงปะทะจากปลายหอกที่แทงกระแทกเข้าใส่ศัตรูเบื้องหน้า ชัดเจนและหนักแน่นจนรู้สึกสั่นไปถึงกระดูก นิ้วมือของมะลิใต้จันทร์ยังคงจับแน่นที่ด้ามหอก ท่ามกลางเสียงคำรามและกรีดร้องที่ปะปนกันวุ่นวาย
ผู้เล่นมากมายที่ตามหลังเข้ามาต่างพุ่งทะยานขี่แมงมุมถ้ำเข้าตี ตรึงขบวนศัตรูจนแตกกระเจิง บ้างแทงทะลุท้อง บ้างฟาดกระเด็นจนร่างปลิวว่อน ท่ามกลางคลื่นศพที่กลิ้งเกลื่อนนองผืนทราย
ในขณะนั้น ช่องสนทนาสนามรบก็ยังมีเพลงประกอบปะทุขึ้นอย่างหนักหน่วง เสียงดนตรีอันเร้าอารมณ์ทะยานขึ้นถึงจุดสูงสุด กระตุ้นหัวใจและปลุกเร้านักรบให้ลุกเป็นไฟ
และในจังหวะนั้นเอง ท่ามกลางแรงปะทะที่ส่งมาจากทั้งเบื้องหน้าและเบื้องล่าง มะลิใต้จันทร์ก็เข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
หน่วยทหารม้ามันโคตรสะใจ!
เธอเข้าใจแล้ว ว่าทำไมใครต่อใครถึงแห่มาสมัครหน่วยนี้ทั้งที่รู้ว่ามีโอกาสเสียเหรียญชุบชีวิตสูงลิบ
แม้จะต้องผ่านการคัดเลือกสุดหิน แม้จะถูกเตือนว่าคือหน่วยพลีชีพ หากความรู้สึกเช่นนี้ก็เพียงพอให้เข้าใจว่า มันคือหน่วยที่เกิดมาเพื่อบดขยี้ศัตรูโดยแท้!
แรงพุ่งทะลวงที่กระแทกเข้าสู่แนวหน้าของฮาล์ฟออร์คอย่างไร้ปรานี สร้างช่องทางที่อัศวินหนักจากเบื้องหลังใช้กรูเข้ากวาดล้างแนวรบศัตรูให้ย่อยยับ และในจังหวะที่ความเร็วของมะลิใต้จันทร์ยังคงไม่ลดลง หน้าต่างระบบของเธอก็เริ่มแสดงข้อความรัวไม่หยุด ค่าประสบการณ์พุ่งทะลักขึ้นมาเป็นพรวน
แต่นั่นไม่ใช่เพียงเธอคนเดียว สถานะของหน่วยอัศวินทั้งหมดต่างก็แสดงข้อความสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระบบเกมกลายเป็นเวทีที่บันทึกการตายของศัตรูอย่างเลือดเย็น ข้อความแต่ละบรรทัดล้วนหมายถึงจุดจบของฮาล์ฟออร์คหนึ่งนาย
นึกภาพออกเลยว่าข้างหลังชั้นมันวินาศแค่ไหน
มะลิใต้จันทร์ยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยไม่หันกลับไปมอง เพราะจิตของเธอยังจดจ่ออยู่กับศัตรูเบื้องหน้า มือยังจับหอกแน่น ร่างยังคงพุ่งฝ่าไม่หยุดยั้ง พลังเวทสนับสนุนผสานกับพลังของแมงมุมถ้ำและเกราะหนักบนร่างกาย ทำให้เกิดแรงปะทะในระดับที่แม้แต่ศัตรูก็ไม่ทันรู้ตัวว่าตายเมื่อใด
เหล่าทหารฮาล์ฟออร์คที่ไร้เวทสนับสนุน ไม่สวมเกราะหนา และไม่อาจต้านแรงพุ่งชนของเธอได้ ล้วนถูกบดขยี้ราวกับหญ้าแห้งใต้กีบม้า ยิ่งเมื่อแนวหน้าของพวกมันพังทลายลง การป้องกันก็แทบไม่เหลืออะไรอีก
เบื้องหลังแนวหน้านั้นคือกลุ่มพลธนู พวกมันไร้ทั้งโล่และชุดเกราะ เมื่อแนวป้องกันหมดไป พวกมันก็กลายเป็นเป้าหมายโดยสมบูรณ์
มะลิใต้จันทร์ไม่รีรอใด ๆ หอกยาวในมือแทงใส่ศัตรูทุกตนที่ขวางทาง ร่างของเธอพุ่งผ่านแนวพลธนูราวกับเหยี่ยวโฉบฝูงไก่ ความเร็วลดลงเพียงเล็กน้อย แต่แรงกระแทกกลับราบรื่นและเด็ดขาดกว่าเดิมเสียอีก
หากแนวหน้าคือกระดาษ แนวหลังที่มีแต่พลธนูก็คือฟองสบู่ ที่เพียงสัมผัสก็แตกกระจาย
หน้าจอยังคงแสดงข้อความการสังหาร ค่าประสบการณ์ไหลขึ้นไม่หยุด ช่องค่าประสบการณ์ของเธอเริ่มสว่างจ้า และในที่สุดก็เต็มหลอด
เลเวลอัพ!
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคำนวณไว้แล้วว่าอย่างเร็วที่สุดก็คงต้องอีกสามถึงห้าวัน แต่ครั้งนี้กลับเร็วจนน่าตกใจ
เวลอัพง่าย ๆ งี้เลย!
หลังจากผ่านสมรภูมิทะเลทรายมรณะมานับครั้งไม่ถ้วน ล้มฮาล์ฟออร์คระดับเงินขั้นกลางด้วยตัวคนเดียว เลเวลของเธอก็ใกล้แตะเลขห้า
มะลิใต้จันทร์ก็รู้ดีว่า หากตนเลเวลอัพอีกเพียงครั้งเดียว เธอจะเป็นผู้เล่นระดับเงินที่เลเวลติดเพดานคนที่สองจากทั้งเซิร์ฟเวอร์ เป็นรองเพียงข้าวกล่อง และยังเป็นผู้เล่นอาชีพนักรบคนแรกที่แตะระดับสูงสุด!
สะใจจนอยากกรี๊ด!
แม้เธอจะเป็นคนขี้อาย แต่ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา แต่ทันใดนั้น ร่างของเบเฮมอธตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาเบื้องหน้า
มะลิใต้จันทร์ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาเบิกโพลง
เบเฮมอธ เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงไม่กี่อย่างที่อาจสร้างหายนะแก่หน่วยอัศวินหนักได้
ก่อนหน้านี้ ในแผนการรบ ผู้เล่นทุกคนต่างตั้งใจหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรขนาดยักษ์เหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
ทว่า ความจริงมักโหดร้ายกว่าภาพฝันเสมอ
ในจังหวะที่การบุกทะลวงเริ่มต้นขึ้นจริง มะลิใต้จันทร์ก็ได้ตระหนักถึงข้อจำกัดของตนในทันที
ความเร็วที่พุ่งทะยานราวลูกศรบนหลังแมงมุมถ้ำส่งผลให้เธอไม่อาจเบี่ยงทิศได้แม้แต่น้อย ช่องทางหลบเลี่ยงกลายเป็นศูนย์ การหักเลี้ยวรังแต่จะทำให้สูญเสียความเร็ว และนั่นเท่ากับความตายหากถูกศัตรูรุมล้อม
ไม่มีที่ให้หลบ
ไม่มีเวลาคิด
ไม่มีช่องว่างให้ลังเล
และแม้ในสนามรบจะไม่ได้มีเบเฮมอธอยู่ทุกจุด แต่ดูเหมือนโชคของเธอจะหมดลงตรงหน้า
เสียงตะโกนจากผู้เล่นด้านหลังดังขึ้นด้วยความตระหนก
“เบเฮมอธ! ท่านมะลิหลบเร็ว!”
ทว่าแทนที่จะตกใจ มะลิใต้จันทร์กลับนิ่งเงียบ ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อย ไม่มีความหวั่นไหวใดฉายผ่านแววตา
เพราะแม้เบเฮมอธตรงหน้าจะมีร่างกายอันใหญ่โตปานภูเขา แต่แรงกดดันจากมันกลับไม่อาจสั่นคลอนเธอได้เลย แม้ไม่ได้ใช้เวทวิเคราะห์ เธอก็ยังสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณ
ศัตรูตรงหน้านั้น มีระดับพลังต่ำกว่าหญิงสาว
แค่มอนขั้นเงิน?
เธอเหลือบตามองแถบสถานะตนเอง แล้วรอยยิ้มบาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก
“ว่าไง ไอ้หน้าขน”
และในวินาทีนั้น ร่างของเธอก็สว่างวาบด้วยแสงสีทองอันทรงพลัง เธอกดเพิ่มระดับขึ้นสู่เลเวล 50!
เธอครองอำนาจสูงสุด ในระดับเงินขั้นต้น!
พลังอันเปล่งประกายเริ่มรวมตัวแน่นหนารอบตัวเธอ มะลิใต้จันทร์ปล่อยมือจากหอกยาวซึ่งเริ่มบิดงอจากแรงปะทะ แล้วดึงดาบชำระบาปออกจากแผ่นหลัง
ดาบเล่มนี้คือศาสตราปริวรรตวิญญาณ ที่ผูกพันสัญญากับเธอเพียงผู้เดียว แม้จะตาย เธอก็สามารถเรียกมันคืนกลับได้เสมอ
เมื่อดาบอยู่ในมือ เปลวไฟแห่งการต่อสู้ก็ถูกจุดขึ้นอย่างร้อนแรงอีกครั้ง
แสงสีเงินเปล่งประกายออกจากเกราะของเธอราวกับเป็นปีกแห่งแสง มะลิใต้จันทร์ลูบคมดาบ ก่อนจะตั้งท่าอย่างงดงาม ท่ามกลางพลังงานที่เริ่มรวมตัวรอบร่าง
และนั่นทำให้เหล่าผู้เล่นที่ตามหลังเธอมาถึงกับผงะ
“เห้ย! ท่านมะลิจะใช้ท่าไม้ตายเรอะ?! พี่ปล่อยของไวไปมั้ย!”
ทว่ามะลิใต้จันทร์เพียงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งแน่ว
“เตรียมพร้อม…”
เพียงคำพูดนั้นสิ้นสุด เธอก็แตะเท้าลงบนหลังแมงมุมถ้ำอย่างแผ่วเบา แล้วพุ่งทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าทันที
ปลายหอกกลายเป็นอดีต ปลายดาบคือปัจจุบัน และเบเฮมอธตรงหน้าคือเป้าหมาย
อสูรร่างมหึมาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง มันชะงักเพียงเสี้ยววินาที แต่เมื่อเห็นเอลฟ์ร่างเล็กพุ่งเข้าหาอย่างไม่ลังเล สัญชาตญาณอันดิบเถื่อนของมันก็ระเบิดขึ้น
มันคำรามกึกก้อง กำปั้นยักษ์กระแทกอกตัวเองอย่างดุดัน ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าหาเธอในทันที!
…และในวินาทีถัดมา
แสงจันทร์มายาก็ระเบิดวาบ กลืนกินพื้นที่เบื้องหน้าไว้ทั้งหมด
ในชั่วขณะเดียวกัน เสียงกรีดร้องของบางสิ่งที่มิใช่มนุษย์ก็ดังแหลมกรีดอากาศออกมาจากกลางม่านแสง ใครหลายคนถึงกับหยุดหายใจโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกพร้อมกันด้วยความโล่งอก
ม่านแสงสีเงินจางหายไปอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นร่างเอลฟ์สาวยืนตระหง่านบนศีรษะของสัตว์อสูรยักษ์สูงสิบเมตร ร่างนั้นยังนิ่งสงบ แม้โลหิตจะสาดกระจายอยู่เบื้องหน้า
ที่ลำคอของเบเฮมอธ ปรากฏรอยแผลเป็นรูปกากบาทฉีกขาดลึกไปถึงกระดูก เลือดสีแดงสดพุ่งทะยานออกมาเป็นสายดั่งน้ำพุ
มันคือผลของทักษะสังหารขั้นห้า ของนักรบระดับสูง!
ท่าไม้ตายเดียวกันนี้เคยใช้สังหารเฒ่าฮาล์ฟออร์คระดับเงินขั้นกลางมาแล้ว แต่เมื่อรวมกับพลังของดาบชำระบาป มันก็กลายเป็นคมดาบแห่งการพิพากษาโดยสมบูรณ์
ผู้เล่นทั้งสนามรบต่างเงียบกริบ ดวงตาเบิกกว้าง ขณะเบเฮมอธค่อย ๆ ทรุดตัวลงอย่างช้า ๆ เสียงโห่ร้องจึงเริ่มตามมาไม่ขาดสาย
“ดาบเดียวเนี่ยนะ?!”
“เทพสัส!”
“สมกับเป็นพี่วัลคีรี่!”
มะลิใต้จันทร์ไม่สนเสียงสรรเสริญเหล่านั้น เธอเพียงโผออกจากร่างเบเฮมอธอย่างสง่างาม ก่อนจะลงมายังเบื้องหลังของผู้เล่นคนหนึ่ง แล้วขึ้นนั่งซ้อนท้ายแมงมุมถ้ำตัวเดียวกันอย่างแนบเนียน
แมงมุมของเธอเองได้พุ่งฝ่าออกไปก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีทางหันกลับ นี่จึงเป็นทางเลือกเดียวของเธอ
ที่สำคัญ ตอนนี้เธอไม่มีหอกอีกต่อไป และใช้มานาในการสังหารเบเฮมอธไปเกินครึ่ง
มะลิใต้จันทร์หอบหายใจเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา
“ไอ้ตัวนี้มันแค่ระดับเงินขั้นต้น ลองเจอไอ้พวกขั้นกลางสิ ชั้นมีหวังได้กลับป่า”
“แค่นี้ก็สุดยอดแล้วค่ะท่าน!”
ผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้าเธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงศรัทธาเต็มเปี่ยม
มะลิใต้จันทร์แย้มยิ้มมุมปากเพียงนิดเดียว แล้วรีบปรับสีหน้า ก่อนจะกล่าวเสียงดัง
“เซฟพิกัดไว้ให้ดีนะ พอรบเสร็จค่อยกลับมาเก็บซากมัน”
เบเฮมอธทั้งตัวย่อมมีค่าอย่างมหาศาล เธอจึงเลือกปล่อยมันไว้ เพราะรู้ดีว่าร่างกายทุกส่วนของพวกมัน ล้วนแลกเปลี่ยนเป็นกำไรได้ทั้งสิ้น
แม้ฉากการต่อสู้กับเบเฮมอธจะดูลุ้นระทึก ทว่าในความเป็นจริง มันกินเวลาเพียงไม่กี่วินาที ตั้งแต่ที่มะลิใต้จันทร์กระโจนขึ้น สังหาร จนกลับสู่แนวร่วม
และหลังจากนั้น หน่วยอัศวินหนักที่เธอสังกัดก็ยังคงพุ่งทะลวงต่อไปอย่างไร้สิ่งกีดขวาง
เหล่าศัตรูต่างเริ่มหวาดกลัว แนวหลังของกองทัพฮาล์ฟออร์คเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง การล่มสลายของแนวหน้ากลายเป็นสัญญาณที่ทำให้ทั้งขบวนขาดความมั่นใจ แม้เสียงแตรจะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่อาจฟื้นคืนรูปขบวนที่แข็งแกร่งได้อีก
ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น ฮาล์ฟออร์คบางกลุ่มถึงกับหลบหลีกการปะทะด้วยสัญชาตญาณ แนวป้องกันที่เดิมก็หลวมอยู่แล้ว บัดนี้กลับยิ่งกระจัดกระจายปานพายุพัดเปลวเทียน และนั่นก็เปิดทางให้อัศวินหนักโจมตีได้อย่างเต็มกำลัง
มะลิใต้จันทร์ซ้อนอยู่ด้านหลังเพื่อนร่วมรบ ไม่ต้องทำสิ่งใดอีก เธอเพียงยื่นมือขวาขยำไหล่ผู้เล่นด้านหน้าไว้แน่น และปล่อยให้แมงมุมถ้ำพุ่งทะลวงตามขบวนไป
แล้วในที่สุด…
การบุกทะลวงแนวรับของศัตรูก็ประสบผลสำเร็จโดยสมบูรณ์
เสียงเพลงแห่งชัยชนะยังไม่ทันบรรเลง แต่ภาพที่เธอหันกลับไปมองแนวหลังของสนามรบในตอนนี้ กลับตราตรึงยิ่งกว่าเสียงใด ๆ
ภาพนั้นคือความโกลาหลอันสุดขอบเขต อาวุธแตกกระจาย เกราะพังยับ เลือดนองเต็มผืนทราย ขบวนทัพของฮาล์ฟออร์คกระจัดกระจายจนไม่เหลือเค้าเดิม
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ยังคงส่องประกาย ฝุ่นทรายพวยพุ่งขึ้นเป็นสายตลอดแนวรบ ภาพเบื้องหน้าช่างทั้งนองเลือด… และตระการตา
แน่นอนว่า แม้จะทะลวงแนวศัตรูสำเร็จ แต่ฝั่งอัศวินเกราะหนักเองก็ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียมหาศาล มะลิใต้จันทร์เหลือบมองหน้าจอสถานะของหน่วยย่อย แล้วใจวูบเล็กน้อย
สมาชิกในกลุ่มของเธอ สิ้นชีพไปกว่าหนึ่งในสี่ และหลายหน่วยอื่นที่สามารถฝ่าข้าศึกออกมาได้ ก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่า
แต่ถึงกระนั้น…
แค่นี้ก็พอแล้ว
เสียงฟาดฟันที่ดังกึกก้องจากแนวหลังยังคงกระทบโสตประสาทของเธอราวเสียงระฆังศึก เสียงคำรามแห่งความคับแค้นของผู้เล่นมากมาย ดังก้องขึ้นพร้อมกันทั่วสนามรบ!
ในตอนนั้นเอง เสียงสั่งการที่แหบพร่าแต่เปี่ยมพลังของหลี่มู่ก็ดังทะลุผ่านช่องสนทนาสนามรบมา
นั่นคือเสียงคำสั่งบุกของทัพหลัก กองกำลังฝั่งทหารราบได้เปิดฉากบุกจู่โจมแล้ว
“พี่มะลิ! พี่มู่เรียกเรากลับตัว เตรียมบุกระลอกสอง พี่จะไปด้วยมั้ย?”
เสียงหนึ่งจากเพื่อนร่วมรบตะโกนถามด้วยความตื่นเต้น
มะลิใต้จันทร์เหลือบมองหน้าต่างสถานะ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่ล่ะ หอกชั้นจมดินไปแล้ว ร่างกายชั้นก็ไม่เอื้อ พวกนายลุยต่อเถอะ ขอชั้นเล่นตามสะดวกแล้วกัน”
จากนั้น เธอก็กระโดดลงจากหลังแมงมุมถ้ำ พักการต่อสู้ชั่วครู่เพื่อดื่มยาฟื้นฟู และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังแนวร่วมรบอย่างเงียบงัน
ขณะเดียวกัน เธอเปิดหน้าต่างระบบเกม เชื่อมต่อเข้าสตรีมถ่ายทอดสด และเลือกดูภาพจากมุมของหลี่มู่
มุมของเขาต่างจากผู้เล่นทั่วไป หลี่มู่กำลังขี่มังกรอยู่เหนือสนามรบ มองลงมาจากที่สูงสุดของสมรภูมิกว้าง
จากมุมมองของเขา ทุกอย่างดูชัดเจนและเปิดเผย แนวหลังของกองทัพฮาล์ฟออร์คแตกกระเจิงไม่เป็นรูป พวกมันพยายามตั้งรับอย่างทุลักทุเล แต่กลับถูกกองทัพผู้เล่นที่ฮึกเหิมไล่ต้อนเหมือนคลื่นทะเลกระหน่ำฝั่ง
ชัยชนะ ดูเหมือนจะอยู่ในกำมือ
แต่ในวินาทีนั้นเอง หัวใจของมะลิใต้จันทร์ก็เต้นวาบ
ตะกี้มันอะไร?!
สายตาของเธอหันขวับไปยังปีกซ้ายของสนามรบ ก่อนจะเห็นแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
มันคือลูกศรที่เรืองรองด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์!
แม้จะอยู่ห่างไกลเพียงใด มะลิใต้จันทร์ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงที่แฝงอยู่ในลูกศรดอกนั้น
ไม่ใช่แค่ระดับทอง
ไม่น่าใช่แค่ระดับตำนาน…
มันเกินกว่านั้น เปี่ยมแรงกดดันที่มากยิ่งกว่าราชินีแมงมุมโลลธ์เสียอีก!
กึ่งเทพ!
และเป้าหมายของลูกศรดอกนั้น ไม่ใช่ใครอื่น
หลี่มู่!
“แย่แล้ว!”
เสียงตะโกนของเธอเต็มไปด้วยความตระหนก
ทว่าในเสี้ยววินาทีเดียวกันนั้นเอง ด้านหลังของฝ่ายผู้เล่นก็มีแสงพลังอีกสายหนึ่งพุ่งขึ้นเช่นกัน พลังงานเย็นเยียบราวสายลมใต้พิภพ ก่อตัวเป็นรอยกรงเล็บที่แผ่ขยายขึ้นฟากฟ้า ฟาดตะปบลงสู่ลูกศรศักดิ์สิทธิ์ดอกนั้นอย่างจัง
เกิดระเบิดแสงสว่างเจิดจ้ากลางนภา ปะทะกันจนระเบิดราวกับเศษแก้วนับล้าน แสงสีเงินแตกกระจาย กลายเป็นละอองแสงอันสวยงาม ก่อนจะเลือนหายไปจากท้องฟ้า
จากนั้นไม่นาน เสียงชายผู้หนึ่งก็ดังสะท้อนออกมาทั่วทั้งสนามรบ เป็นน้ำเสียงที่สุขุม ล้ำลึก และยังแฝงไว้ซึ่งความเย้ยหยัน
“โฮ่โฮ่ ใช้พลังกึ่งเทพแอบยิงผู้คนธรรมดาเช่นนี้ นี่หรือคือเกียรติของโทเท็มการ์เดียน? นี่คืออัครสาวกของเทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า?”
“ฮึ!”
เสียงเย็นชาแหลมคมดังตอบกลับมาจากปีกของกองทัพฮาล์ฟออร์ค
และในวินาทีนั้น มะลิใต้จันทร์ก็ได้เห็นที่มาของพลังฝ่ายศัตรู
ร่างของฮาล์ฟออร์คหญิงผู้หนึ่ง ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นสนามรบ ผ้าคลุมปีกขนนกพริ้วไหวบนแผ่นหลัง ลวดลายบนใบหน้าสะท้อนแสงเงินระยับ
แรงกดดันจากร่างของเธอแผ่ซ่านออกไปราวกับคลื่นกระแทกพื้นผิว
โทเท็มการ์เดียน!
นักรบระดับกึ่งเทพของฮาล์ฟออร์ค ปรากฏตัวขึ้นกลางสนามรบอย่างสง่างาม
ฝั่งผู้เล่นที่กำลังต่อสู้อยู่ถึงกับชะงักงัน ภาพของขุมกำลังระดับนี้แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพวกเขาเคยเห็นโวลเกอร์มาแล้ว แต่ก็ยังทำให้พวกเขาใจสั่นขึ้นมาทันที
“โอ้โห… ที่แท้ก็แค่นาลัน ข้ารู้จักเจ้าดีเสียยิ่งกว่าดี”
เสียงชราลุ่มลึกเปล่งขึ้นจากความเวิ้งว้างของอากาศ ดังกังวานราวเสียงสะท้อนจากหุบเหวแห่งอดีตกาล
“อดีตราชินีแห่งทะเลทรายมรณะ ไม่คาดเลยว่าจะได้เห็นเจ้าในฐานะกึ่งเทพ”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ถัดจากนั้นไม่นาน กลับกลายเป็นแววถอนใจที่แผ่วเบาจนน่าใจหาย
“…อ่อนแอฉิบหาย ไม่ใช่คู่มือของข้าสักนิด”
ขณะที่ถ้อยคำนี้ยังดังกังวานอยู่ในหูของเหล่าผู้เล่น ร่างหนึ่งก็พลันปรากฏตัวขึ้นจากแนวหลังของฝ่ายเอลฟ์
เงาอันสง่างามของสัตว์ร้ายร่างยักษ์ ลอยสูงท่ามกลางหมอกควันและแสงสะท้อนของสนามรบ เขายืนตระหง่านบนเปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มที่โหมลุกอยู่ใต้ฝ่าเท้า ดวงตาเปล่งประกายราวอำพัน
ราชาสุนัขป่าแห่งเทพมรณะ เฟนริร์
เสียงฮือฮาดังขึ้นจากแถวหลังทันที
“เห้ย! เฟนริร์!”
“ว่าแล้วเชียวว่าทำไมอาเจ้ถึงบอกว่ามีกำลังหนุน! ที่แท้ก็ท่านเฟนริร์นี่เอง!”
“ฮ่า ๆ ๆ ชนะแล้วโว้ย!”
ผู้เล่นรุ่นเก่าที่เคยผ่านศึกในโลกใต้พิภพ ถึงกับตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่ ขณะที่ผู้เล่นหน้าใหม่ซึ่งเพิ่งเข้าสู่สนามศึก ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและอึ้งงัน
“เฟนริร์คือใครเหรอคะ?”
“หมาป่ายักษ์นี่สวยชะมัด…”
แต่คำถามนั้นก็ไม่ปล่อยให้ค้างคาอยู่ได้นาน เพราะรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ต่างรีบให้คำตอบทันที
“เฟนริร์น่ะ เป็นระดับบิ๊กของเทพธิดาแห่งความตาย! พี่หมากึ่งเทพปากแจ๋วโคตรเก๋า เคยไล่ขย้ำเทพหัวกะโหลกด้วยนะเว้ย!”
“ขนฟูสุดเทพฉายา ‘พี่หมาปากจัด!’ ไงน้อง!”
“เกิดเฟนริร์ถูกใจสกิลปากแกเข้า แกได้กลายเป็นเดมาเซียคนที่สองแน่ ๆ …งานนี้ตูไม่หารนะเว้ย”
เสียงหัวเราะของผู้เล่นรุ่นเก่าดังกระหึ่มขึ้นในสนามรบ แต่นั่นก็เป็นเพียงคลื่นเบื้องล่าง ในขณะที่บนฟากฟ้า เฟนริร์เพียงเหลือบตามองรอบสนามช้า ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบและทรงอำนาจ
“ออกมาเสียเถอะ ไอ้พวกผู้พิทักษ์อีกเก้าราย… เจ้าซ่อนตัวต่อหน้าข้าไม่ได้หรอก…”
คำประกาศนั้นเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดใส่ใจของศัตรู
สีหน้าของนาลันเปลี่ยนไปทันที แววเยือกเย็นปะปนกับความระแวดระวังผุดขึ้นในดวงตา
จากนั้น สิ่งที่เฟนริร์ประกาศก็กลายเป็นจริง โทเท็มการ์เดียนเก้าร่างทยอยลอยขึ้นจากพื้นสนามรบทีละตน พวกเขาทั้งหมดเป็นฮาล์ฟออร์คในชุดพิธีกรรม อาภรณ์คลุมขนนก ผิวหนังแต้มลวดลายโทเท็ม และพลังเวทไหลวนรอบกายราวสายหมอก
ผู้นำในหมู่พวกเขา คือชายผู้สวมผ้าคลุมยาว ถือคทาทำจากไม้แห้ง พลังของเขาแม้จะดูไม่ชัดเจน แต่ก็ลึกล้ำยิ่งกว่าผู้อื่น
“นอธส์?”
เฟนริร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากวาดตามองไปรอบสนามรบ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและแน่นหนัก
“ไม่คาดเลยว่าเทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า ถึงกับส่งพวกเจ้ามากันครบ สองกึ่งเทพ… แปดตำนาน…”
แต่แล้วเฟนริร์กลับส่ายหัวซ้ำ พลางทอดถอนใจ
“แต่น่าเสียดาย… มัดรวมกันแล้วก็ยังอ่อนแอไปอยู่ดี”
คำพูดนั้นไม่ได้กล่าวด้วยอวดดี หากแต่เปี่ยมด้วยพลังและประสบการณ์อันแท้จริง
ในฐานะกึ่งเทพระดับสูงสุด ผู้เคยปะทะกับเทพโดยตรง เฟนริร์มีสิทธิ์กล่าวเช่นนั้นโดยไม่มีข้อกังขา!
ทว่าท่ามกลางความตึงเครียดที่แทบหยุดหายใจ เสียงหัวเราะแผ่วเบาสองสายก็ดังแทรกขึ้นจากคนละทิศของสนามรบ
“แล้วถ้านับรวม พวกเรา ด้วยล่ะ?”
ขนนกสีดำปลิวว่อนขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะรวมตัวเป็นร่างของตัวตนรูปงามผู้หนึ่ง เส้นผมปลิวไหวอย่างอ่อนช้อย ใบหน้าคมกริบแฝงความหยอกเย้า
ด้านหลังของเธอ ปีกสีดำขนาดใหญ่เรียงรายเป็นหกคู่ แผ่คลุมอากาศเบื้องหลังราวเทพปักษาปีศาจ
เทวทูตผู้ร่วงหล่น ลูเรีย
ขณะที่อีกฟากหนึ่ง เสียงหวีดแหลมของวิญญาณนับร้อยดังก้องกังวาน อสรพิษเงามืดไหลเวียนไปทั่วอากาศ ราวเงาลวงตัดผ่านแสงตะวัน
แล้วงูนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกลายเป็นหญิงสาวครึ่งคนครึ่งอสรพิษ ผิวขาวซีดน่าหลงใหล รูปร่างยั่วยวน กลิ่นอายชั่วร้ายคลุ้งกระจายราวกับทะเลสาปแห่งพิษ
ราชินีแห่งความเจ็บปวด อลิซซา
สองเทพมาร สองศัตรูคู่แค้นของเฟนริร์จากศึกโลกใต้พิภพ ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง!
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION