เมื่อได้ยินถ้อยคำรายงานจากเทย์เลอร์ ไฮเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์นามว่าธรันดูอิล ก็วางปากกาขนนกในมือลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะอย่างสงบเย็น
เขายิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกที่ฟังดูน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
“ขอรบกวนท่านด้วย”
คำพูดแสนธรรมดา แต่เมื่อล่องลอยออกจากริมฝีปากของเขากลับเจือด้วยเสน่ห์ราวต้องมนตร์ ความนุ่มนวลและกระจ่างใสในน้ำเสียงนั้น ชวนให้หัวใจสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว
และเมื่อรอยยิ้มเปี่ยมแสงนั้นแต่งแต้มลงบนใบหน้างามสง่า ก็เหมือนทำให้เวลาทั้งห้องชะงักลงชั่วขณะ
เทย์เลอร์ ผู้ผ่านบททดสอบศักดิ์สิทธิ์มาหลายครั้ง ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยหัวใจที่เต้นแผ่วเร็วขึ้นครึ่งจังหวะโดยไม่รู้ตัว
ครั้งสุดท้ายที่เขารู้สึกเช่นนี้ คือวันที่เขาได้เห็นรูปเคารพของพระมารดาเป็นครั้งแรก
ให้ตายสิ…
นี่คือความน่ากลัวของไฮเอลฟ์ดั้งเดิมเรอะ?
เขานึกพึมพำในใจ พลางหลบสายตาอย่างไม่ทันรู้ตัว
ธรันดูอิลเอนกายเล็กน้อย ดวงตาสีม่วงยังคงเปล่งประกายสงบลึก ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ในเขตแดนย่อยตอนนี้ มีสาวกที่เข้าร่วมพิธีได้กี่คนแล้ว?”
เทย์เลอร์ขยับตัวเล็กน้อย สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันควัน
เขากระแอมเบา ๆ หนึ่งครั้งเพื่อเรียกสติ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบสมุดบันทึกปกหนังเล่มเล็กออกมา แล้วกางออกด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว
จากนั้น เขาจึงเริ่มอ่านออกเสียงรายงานด้วยน้ำเสียงมั่นคงและชัดเจน
“ท่านธรันดูอิล จนถึงวันนี้ เขตแดนย่อยสามารถระดมสาวกแห่งชีวิต เข้าร่วมพิธีได้ราวหนึ่งแสนสามหมื่นคน โดยในจำนวนนี้ มีผู้ที่มีระดับศรัทธาถึงขั้นอุทิศตนประมาณสองหมื่นคนครับ”
“จากกลุ่มสาวกระดับอุทิศตนนี้ มีจำนวน 1,244 คนที่สามารถผ่านบททดสอบขององค์เทพธิดาได้สำเร็จ และได้กระทำการชำระเลือดขั้นแรกจนกลายเป็นฮาล์ฟเอลฟ์ อีก 106 คนได้ผ่านบททดสอบครั้งที่สอง และกลายเป็นเอลฟ์โดยสมบูรณ์แล้วครับ”
“สำหรับการกระจายตัว สาวกครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ภายในเขตเมืองซากัส ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกระจายตัวตามหมู่บ้านและเมืองรอบนอกในเขตแดนย่อยครับ”
เสียงของเขาแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงประเด็นถัดมา
“จำนวนสาวกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มการเติบโตก็ยิ่งเร่งขึ้น แม้ช่วงนี้จะชะลอลง จากการที่ผู้ถูกเลือกจำนวนมากเดินทางกลับไปสู่ศึกเบื้องบน แต่ก็ยังคงเกินห้าร้อยคนต่อวันครับ”
“สาวกชุดแรกที่ผ่านบททดสอบของพระมารดา กำลังเริ่มถ่ายทอดความรู้เชิงลึกให้แก่สาวกที่มีศักยภาพ ภายใต้คำแนะนำของเหล่าอาจารย์ประจำเมือง จึงคาดว่าการชำระสายเลือดในระยะต่อไปจะเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น”
“หากอัตราการเติบโตคงที่ คาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จำนวนผู้ที่ผ่านบททดสอบแรกจะทะลุสามพันคน และผู้ที่ผ่านบททดสอบที่สองจะมีจำนวนเกินห้าร้อยคนครับ”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเทย์เลอร์ก็กลับกลายเป็นครุ่นคิดเล็กน้อย
“อย่างไรก็ดี… กระบวนการเพิ่มจำนวนสาวกระดับอุทิศตนเริ่มชะงักลง แม้จะยังไม่หยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ แต่ก็น่าจะใช้เวลาอีกมากกว่าจะสามารถทะลวงขีดจำกัดได้ในระดับที่เราคาดหวังไว้”
แม้ภาพรวมของการเผยแผ่ศาสนาในเขตแดนย่อยจะถือว่าดำเนินไปด้วยดี โดยเฉพาะหลังจากที่กองนักบวชเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่เทย์เลอร์ก็ไม่ปิดบังความจริงข้อหนึ่ง…
…ความจริงที่ว่า ศรัทธาในเขตแดนย่อยโอรอส ยังคงไม่แข็งแรงนักเมื่อเทียบกับดินแดนหลัก
ด้วยการแยกขาดจากโลกภายนอกอย่างยาวนานกว่าพันปี บวกกับความเสื่อมโทรมของโบสถ์ผู้สร้างที่เคยครอบงำพื้นที่นี้ ความศรัทธาของผู้คนจึงกลายเป็นเพียงเงาเลือนลาง
แม้จะมีประชากรหลายล้านคนในเขตแดนนี้ที่เคยไร้ศรัทธา แต่การเปลี่ยนความเชื่อของพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้คนส่วนใหญ่มิได้แสดงศรัทธาออกมาโดยฉับพลัน หากแต่ต้องอาศัยเวลาและการเผยแผ่อย่างต่อเนื่องทีละก้าว
…และกว่าจะกลายเป็นสาวกระดับอุทิศตนได้ ย่อมยากยิ่งขึ้นไปอีก
แน่นอนว่า ในท่ามกลางอุปสรรคทั้งปวง จุดแข็งของเขตแดนย่อยโอรอสก็ยังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ประชากรนับล้านที่เคยหลงทางในยุคสมัยเก่า กำลังหันมาสู่แสงสว่างแห่งศรัทธา และไม่ช้าก็เร็ว… ความศรัทธาทั้งหมดนั้น ย่อมตกเป็นของพระมารดา
เมื่อสิ้นเสียงรายงาน ธรันดูอิลก็พยักหน้าอย่างพอใจ ดวงตาสีม่วงของเขาเปล่งประกายอบอุ่น
“ดีมาก… ความคืบหน้านี้ เร็วกว่าที่ข้าคาดไว้มาก”
เขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบถ้วยชาดอกไม้ขึ้นจิบ กลิ่นหอมลอยคลุ้งจากถ้วยพอร์ซเลนที่ได้จากผู้ถูกเลือกคนหนึ่ง กลมกล่อมละมุนจนชวนให้ขมวดความคิดได้อย่างแจ่มชัด
“แล้วงานของแท่นบูชาล่ะ?”
เขาเอ่ยถามต่ออย่างเรียบง่าย
เทย์เลอร์รีบยืดตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความเคารพ
“แท่นบูชาทุกแห่ง ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ มีการตรวจสอบความสมบูรณ์แล้วสองรอบ ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบรอบที่สามอยู่ และในส่วนของรูปเคารพองค์เทพธิดาก็จัดวางครบถ้วน พร้อมเป็นแกนกลางประกอบพิธีขอรับ”
“ดีมาก!”
ธรันดูอิลกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชมจริงใจ
“ตัวเลขนี้สูงเกินกว่าที่ศาสนจักรคาดไว้มากทีเดียว เทย์เลอร์ เจ้าทำได้ดีมาก”
คำชมอันเปี่ยมเกียรติจากไฮเอลฟ์ทำให้เทย์เลอร์ยิ้มอย่างเก้อเขิน เขายกมือขึ้นวาดเครื่องหมายคทาแห่งชีวิตตรงหน้าอกอย่างเคร่งขรึม เป็นการแสดงความเลื่อมใสอันบริสุทธิ์
“ทั้งหมดก็เพื่อองค์เทพธิดาขอรับ!”
เมื่อพิธีรายงานเสร็จสิ้น เขาก็เอ่ยถามด้วยแววตาแน่วแน่
“ท่านธรันดูอิล แล้วหลังจากนี้ เราควรดำเนินการอย่างไรต่อไป?”
ไฮเอลฟ์หนุ่มนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สายตาเหม่อลอยไปยังหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้รับแสงธรรมชาติ ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเนิบนาบ
“รอรับคำสั่งจากองค์เทพธิดาไปพลาง ขณะเดียวกันก็เผยแผ่ศรัทธาให้กว้างไกลออกไป ให้สหายของเรามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
จากนั้น เขาก็หัวเราะเบา ๆ ราวกับลมพัดผ่านยอดไม้
“หึหึ… การเผยแผ่นั้นไม่ต้องรีบร้อนหรอก มันก็เหมือนกับการกลิ้งก้อนหิมะ หากช่วงต้นเราสร้างแรงส่งได้มากพอ หลังจากนั้นก็จะง่ายดายราวปาฏิหาริย์เอง”
เขาวางถ้วยชาลง ก่อนหันกลับไปยังเทย์เลอร์
“จากนี้ เราต้องรายงานสถานการณ์ให้ท่านซีโรทราบ”
“แจ้งท่านซีโร? ให้ข้าเดินทางไปเองหรือขอรับ?”
เทย์เลอร์ถามกลับด้วยสีหน้าฉงน
ธรันดูอิลส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่จำเป็นหรอก”
เขาหันไปแตะไหล่เอลฟ์สาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกาย พร้อมกระซิบคำสั้น ๆ
“ไปตามผู้ถูกเลือกที่อยู่ด้านนอกเข้ามาที”
เอลฟ์สาวน้อยพยักหน้ารับคำ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างคล่องแคล่ว เสียงฝีเท้าเตาะแตะกลบความเงียบของห้องลงชั่วขณะ
ไม่ถึงหนึ่งนาทีให้หลัง กลุ่มผู้ถูกเลือกก็กรูกันเข้ามาในห้องอย่างคึกคัก ราวกับพายุที่มีสีสัน
“ท่านธรันดูอิล! มีภารกิจให้ทำหรือเปล่าคะ!”
“หนูพร้อมค่ะ!”
“ท่านธรันดูอิลสุดหล่อ! ขอเควสให้ดิฉันนะคะ!”
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังระงมไปทั่วห้อง บรรดาผู้ถูกเลือกต่างกรูเข้าหาโต๊ะทำงานของธรันดูอิลอย่างไม่เกรงใจใด ๆ บางคนถึงกับยื่นมือออกมาหมายจะคว้าสิ่งของบนโต๊ะด้วยความตื่นเต้นจนเกินพอดี
เทย์เลอร์: …
เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย!
นั่น! ผู้ถูกเลือกหญิงรายนั้น! เธอจะเบียดท่านธรันดูอิลแบบนั้นเลยเรอะ!
แล้วนักรบหญิงอีกคน! มือเธอทำอะไรอยู่?!
เขาเบ้ปาก พลางถอนใจยาว ไม่อาจทนมองภาพตรงหน้าได้อีกต่อไป
แน่นอนว่า ผู้ถูกเลือกนั้นมีข้อดีมากมาย พวกเขาเปี่ยมด้วยพลัง พรสวรรค์ และความสามารถที่แม้แต่เอลฟ์ก็ยังต้องยอมรับ…
แต่เมื่อต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ได้เห็น ตัวตนที่แท้จริง ของพวกเขานานวันเข้า ภาพลักษณ์ที่ดูสูงส่ง ก็เริ่มพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
ในยามเผยแผ่ศาสนา พวกเขาดูเคร่งขรึมจริงจังจนดูราวกับนักบุญจากตำนาน บางคนถึงกับมีแสงเรืองรองล้อมรอบกาย ราวกับความศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่จริง
…แน่นอนว่า กว่าเทย์เลอร์จะรู้ว่านั่นคือ เอฟเฟกต์แสง ที่ผู้ถูกเลือกเปิดไว้ เขาก็หลงเคารพแทบจะก้มกราบไปหลายครั้งแล้ว
แต่พอมีใครพูดถึงคำว่า ภารกิจ ขึ้นมา ภาพลักษณ์ทุกอย่างก็พังทลายอย่างสิ้นเชิง พวกเขากลายเป็นกองทัพคลั่งภารกิจทันทีโดยไม่มีข้อแม้…
ยิ่งนานวัน เทย์เลอร์ก็ยิ่งตระหนักได้ว่า ผู้ถูกเลือกเหล่านี้ ล้วนมีบางสิ่งที่เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเขาต่าง คลั่งความหล่อ
คำนี้ไม่ใช่สิ่งที่เทย์เลอร์บัญญัติขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ผู้ถูกเลือกจำนวนมากใช้เรียกกลุ่มของตน จนเขาต้องยอมรับโดยดุษณี
และหลังจากได้เห็นพฤติกรรมของพวกเขาโดยตรงครั้งแล้วครั้งเล่า เทย์เลอร์ก็อดเห็นด้วยไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อมีไฮเอลฟ์อย่างธรันดูอิลอยู่ตรงนี้ ถ้าจะมีใครสามารถทำให้ผู้ถูกเลือกหญิงทั้งหลายคลั่งไคล้จนขาดสติได้ ก็คงมีเพียงเขาผู้นี้เท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เทย์เลอร์ประหลาดใจยิ่งกว่า ก็คือ… ธรันดูอิลกลับดูสงบนิ่งและคุ้นชินกับเรื่องนี้อย่างไม่น่าเชื่อ
มือไม้ที่ยื่นมาหมายแตะต้องเส้นผมหรือแขนเสื้อของเขา ถูกหลบหลีกอย่างแนบเนียนราวกับกำลังร่ายระบำในอากาศ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสง่างามไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมอบรอยยิ้มบางเบาให้พวกเธออย่างไม่ลดละ
แล้วจู่ ๆ เขาก็หันไปเอ่ยกับหนึ่งในผู้ถูกเลือกหญิงที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“คุณโมโมโกะใช่ไหมครับ? ข้ามีภารกิจ อยากจะมอบหมายให้คุณได้หรือไม่?”
เพียงเท่านั้น ผู้ถูกเลือกหญิงคนนั้นก็ตัวชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะตอบรับอย่างรวดเร็ว
“น… แน่นอน! ยินดีอย่างยิ่งค่ะ!”
เสียงตอบรับของเธอเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มเสียจนสหายรอบข้างได้แต่มองด้วยความหมั่นไส้
ผู้ถูกเลือกรายอื่นที่อยู่รอบห้องพากันหน้าหม่นทันที สายตาหลายคู่หันไปจับจ้องโมโมโกะอย่างพร้อมเพรียง ทั้งอิจฉา ทั้งริษยา ทั้งกรุ่นกลิ่นความแค้นปะปนกันอยู่เต็มอากาศ
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาพากันเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ประตูไม้โอ๊กจะปิดลงอย่างเงียบงัน
…
ธรันดูอิลยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนราวกับมิได้รับรู้แรงอารมณ์ใด เขาพลิกกระดาษบางแผ่นบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปกล่าวกับเอลฟ์สาวฝาแฝดที่ยืนอยู่ข้างกาย
“พวกเจ้ายังเด็ก หน้าตาก็น่ารัก ผู้ถูกเลือกหลายคนโดยเฉพาะผู้ชาย มักจะต้านทานสิ่งน่ารักไม่ค่อยได้ และรูปลักษณ์แบบพวกเจ้านี่ล่ะ คือข้อได้เปรียบของพวกเจ้า”
“จงใช้สิ่งนี้ในสร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง ใช้มันในการดึงดูด ใช้มันเปลี่ยนผู้ถูกเลือกให้กลายมาเป็นแรงสนับสนุน”
“ถ้าทำได้ดี พวกเขาจะยอมสละชีวิตเพียงเพื่อรอยยิ้มของพวกเจ้า หรือเพียงแค่ให้ถูกเรียกว่าพี่สาวพี่ชายสักครั้ง”
“แน่นอนว่าเรื่องเพศของเป้าหมาย ก็ต้องดูเป็นกรณีไป”
เทย์เลอร์: …
เขามองไฮเอลฟ์สูงศักดิ์ตรงหน้า ที่กำลังยิ้มละมุนพลางสอนกลยุทธ์การ ใช้งาน ผู้ถูกเลือกอย่างเงียบเชียบให้แก่น้องสาวฝาแฝดคู่นั้น แล้วเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว ขนทั้งแผ่นหลังก็พลันลุกวาบขึ้นพร้อมกัน
ไฮเอลฟ์ดั้งเดิมช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ท่านธรันดูอิลผู้นี้ ภายนอกดูอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มอ่อนโยน ไม่คิดเลยว่าจะมีด้านแบบนี้ซ่อนอยู่…
หรือว่านี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของเขา?
ข้าห้ามไปมีเรื่องกับเขาเด็ดขาด…
ไม่อย่างนั้น… ข้าอาจได้ไปสู่อาณาจักรของพระมารดา โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายเพราะอะไรกันแน่…
…
“ข่าวจากธรันดูอิล…? เขาให้พวกท่านส่งมางั้นเหรอ?”
เสียงของอีฟในร่างบุตรีแห่งเทพเอ่ยขึ้นอย่างเรียบสงบ ขณะมองผู้เล่นสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าของเธอแม้จะยังนิ่ง แต่ในแววตากลับเจือความประหลาดใจบางเบา
หญิงสาวตรงหน้ามีท่าทางออดอ้อนเล็กน้อย ราวกับแมวตัวน้อยที่เฝ้ารอคำชม อีฟจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลงอย่างแผ่วเบา
หมอนั่น…
ชักจะใช้ประโยชน์จากความสามารถของผู้เล่นได้คล่องขึ้นทุกวัน…
เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะรับเอกสารที่แนบภาพถ่ายมาด้วยจากมือของหญิงสาว และเพียงแค่กวาดตามองครั้งเดียว อีฟก็เข้าใจเนื้อหาในนั้นทั้งหมดทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาไล่อ่าน
เรื่องเตรียมการพิธีระบุตำแหน่งนี่เอง…
เธอพึมพำกับตนเอง พลางหลุบตาลงต่ำ
ในฐานะเทพธิดาที่อยู่เบื้องหลังสายใยศรัทธาทั้งหมด ไม่มีผู้ใดในโลกจะเข้าใจสถานะของเหล่าสาวกได้ลึกซึ้งเท่ากับเธออีกแล้ว เธอล่วงรู้รายละเอียดที่ธรันดูอิลเขียนรายงานส่งมาตั้งแต่แรก และยังมองเห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากนั้นอีกด้วย
ทว่า…
ในเวลานี้ เธอไม่ใช่เทพธิดาแห่งชีวิต หากแต่คือ ซีโร บุตรีแห่งเทพผู้รับหน้าที่ติดต่อกับผู้ถูกเลือก เธอจำต้องรักษาบทบาทให้แนบเนียนที่สุด
คิดได้เช่นนั้น อีฟก็หันไปพยักหน้าให้ผู้เล่นหญิงคนนั้นเบา ๆ
“ขอบคุณค่ะ”
คำพูดเรียบง่าย ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความปลาบปลื้ม และเมื่ออีฟโบกมือมอบแต้มผลงานให้ถึง 3,000 หน่วยเป็นรางวัล เธอก็แทบจะกระโดดด้วยความดีใจ ก่อนจะโค้งคำนับอย่างลนลานแล้วรีบออกจากห้องไปในทันที
เมื่อความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง อีฟก็เอนกายลงบนเบาะ แล้วเปิดหน้าต่างระบบของตนขึ้นมาพิจารณา
[ชื่อ: อีฟ อิกดราซิล][เผ่า: ต้นไม้โลก][เลเวล: 150][สถานะ: เทพขั้นต้น][พันธกิจศักดิ์สิทธิ์: ธรรมชาติ, ชีวิต, เอลฟ์][สมญานาม: เทพธิดาแห่งชีวิต, พระมารดาแห่งธรรมชาติ, ผู้ปกครองปวงเอลฟ์][พลังศักดิ์สิทธิ์: 8721 / 10000][จำนวนสาวก: 135,185 (นักบุญ 1, คลั่งไคล้ 128, อุทิศตน 25,414, ตื่นเขิน 109,642)][เผ่าพันธุ์สาวก: ราชินีแมงมุมถ้ำ 1, มังกร 1, โอ๊กการ์ด 105, เอลฟ์ 2,467, ฮาล์ฟเอลฟ์ 1,453, ผู้สืบสายเทพ 130,924, มนุษย์ 214, ฮาล์ฟออร์ค 15][ความสามารถ: ดูดซึม, สื่อสาร, ประทาน, ชี้นำ, ฟื้นฟู, อัญเชิญ, อวตาร, อาณาเขต…][ศาสตราเทพ: คทาแห่งชีวิต, หัวใจแห่งความร่วงโรย]
ถึงสงครามจะผ่านมาหลายวัน แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็ยังคงเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
แม้ว่าผู้เล่นจะยังคงต่อสู้ไม่หยุด ส่งพลังศักดิ์สิทธิ์กลับคืนอย่างสม่ำเสมอ และจำนวนสาวกก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าศึกใหญ่ที่ดำเนินอยู่นั้นก็เผาผลาญพลังไปไม่น้อย
อีฟถอนหายใจเบา ๆ ขณะปลายนิ้วไล้ผ่านชื่อของอูลร์ในสมุดบัญชีแค้น
สถานการณ์ก็ยังพอไหวอยู่
พลังศักดิ์สิทธิ์ของอูลร์ตอนนี้ น่าจะลดลงแบบดิ่งเหว ไม่น่าเหลือพลังมาอวตารแล้วค่ะ
สิ่งที่ทำให้อีฟพอใจที่สุดในเวลานี้ ไม่ใช่แต้มพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นจำนวนของเหล่าสาวก
แม้สาวกระดับอุทิศตนจะยังน้อยกว่าที่คาด แต่จำนวนรวม ณ ตอนนี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นพิธีระบุตำแหน่งอาณาจักรแห่งเทพ ตามเงื่อนไขการสั่นพ้องที่เธอสันนิษฐานไว้แต่แรก
คงรออีกนิด…
ตอนนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีที่สุด
ต้องรอให้ทางอูลร์เผยตัวในฐานะเทพออกมาก่อน…
ทีนี้ เค้าจะจัดชุดใหญ่ได้ทันที
เธอพึมพำกับตัวเอง พลางหลุบตาลงอีกครั้ง
อีกไม่นาน ฮาล์ฟออร์คจะยอมรับ ว่าตัวเองสู้ผู้ถูกเลือกไม่ไหว แล้วมันจะใช้ไม้ตายขั้นสุดท้าย…
มันต้องเรียกตัวโทเท็มการ์เดียนมาแน่
นั่นคือจุดเปลี่ยนของสงคราม
สงครามแห่งศรัทธา แท้จริงคือสงครามระหว่างเทพต่อเทพ
และเมื่อถึงคราวที่พลังระดับตำนานต้องเข้าสู่สนามรบ นั่นย่อมหมายถึงฉากสุดท้ายของการทดสอบความศรัทธาทั้งปวง ไม่ใช่การตัดสินด้วยโล่และดาบของมนุษย์อีกต่อไป หากแต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างตำนานต่อตำนาน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ อีฟก็เหลือบตามองหน้าต่างข้อมูลของตนอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวเลื่อนลงช้า ๆ จนถึงแถบรายชื่อเผ่าพันธุ์สาวก
ดวงตาของเธอขยับเล็กน้อยเมื่อเห็นบางอย่างปรากฏที่บรรทัดสุดท้าย
มีฮาล์ฟออร์คเพิ่มเข้ามา…
สิบกว่าตัว…
เธอทราบทันที ว่าพวกมันคือฮาล์ฟออร์คที่ถูกผู้เล่นจับมาใช้แรงงาน อยู่ในเหมืองลึกที่ริเวนเดลล์
ไม่รู้ว่าผู้เล่นใช้วิธีใดล้างสมอง หรืออาจเป็นการเกลี้ยกล่อมที่เหนือความคาดหมาย ถึงขั้นสามารถเปลี่ยนแรงงานเหมืองที่มีอยู่หลายพันชีวิต ให้บางรายยอมเปลี่ยนศรัทธามาสู่เธอได้จริง ๆ…
แน่นอนว่า พวกเขาทั้งหมดเป็นเพียงสาวกระดับตื้นเขินเท่านั้น พลังศรัทธาที่ส่งกลับมาก็ไม่ได้สูงนัก แค่มากกว่าค่าเฉลี่ยของมนุษย์เล็กน้อย
ถือว่าเริ่มต้นได้ดีค่ะ
เธอเบนสายตาออกจากหน้าต่างระบบ หันไปยังขอบฟ้าทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่ซึ่งแนวรบในทะเลทรายมรณะ
เทพธิดาไม่ได้ลงไปเข้าร่วมการรบ หากแต่ยืนอยู่บนแท่นหินสูงเหนือกำแพงดินของแนวป้องกัน คอยสังเกตการณ์อยู่เบื้องหลังเท่านั้น
เบื้องล่าง เสียงคำรามของเหล็กกระทบเหล็ก เสียงโห่ร้องและเสียงคำสั่งผสมปนกับเสียงเวทมนตร์ที่ระเบิดกลางอากาศ ก้องกังวานไปทั่วผืนทราย
แนวรบในตอนนี้เข้าขั้นตึงเครียดที่สุด
ศึกได้กลายเป็นการยื้อยุดชิงพื้นที่อย่างโหดร้าย ผู้เล่นแนวหน้าและฮาล์ฟออร์คเริ่มเข้าสู่การศึกระยะประชิดเต็มรูปแบบ หอไม้ของศัตรูถูกเคลื่อนประชิดจนติดแนวกำแพงดิน
กำแพงที่เคยเป็นสีน้ำตาลของดินอัดแน่น บัดนี้กลับฉาบไปด้วยเลือดของทั้งฮาล์ฟออร์คและผู้เล่น สาดกระเซ็นจนกลายเป็นสีแดงเข้ม
ทว่า ด้วยเกราะเวทศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมแนวกำแพงไว้ และด้วยข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ที่อยู่ฝ่ายผู้เล่น ศัตรูก็ยังไม่อาจทะลวงเข้ามาได้ แม้จะโหมกระหน่ำอย่างเต็มกำลัง ก็ได้เพียงรักษาการสู้ยื้ออย่างยากลำบาก
ทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บล้มตาย แต่เมื่อพิจารณาโดยรวม ฝ่ายฮาล์ฟออร์คกลับเป็นผู้เสียหายมากกว่า พวกมันคือผู้บุก ไม่มีนักเวทคอยหนุนหลัง ไม่มียุทธศาสตร์ยืดหยุ่น
ผู้เล่นกำลังได้เปรียบอย่างชัดเจน
แถมฟ้าเริ่มมืดแล้ว พวกฮาล์ฟออร์คคงสู้ได้อีกไม่นาน
เหลือแค่ว่า พวกมันจะยอมถอยตอนไหน หรือจะยอมซัมมอนบอสประจำฝ่ายตอนไหน
บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด คล้ายเวลาหยุดลงชั่วขณะ จากนั้น เสียงแตรศึกทุ้มต่ำก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน จากแนวหลังของกองทัพฮาล์ฟออร์ค
ฮาล์ฟออร์คถอยทัพแล้วค่ะ
พวกมันล่าถอยอย่างมีแบบแผน ทิ้งไว้เพียงสนามรบที่เต็มไปด้วยร่างผู้ล้มตาย อาวุธที่หล่นกระจายเกลื่อน และกลิ่นเลือดที่ยังไม่จางจากผืนทราย
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ฮึ่ม… ไหนใครบอกว่าภารกิจสงครามจะเดือดสุดในบทก่อน ๆ ไงคะ!? พอเปิดตอนนี้มาดิฉันก็โดนตบหน้าเบา ๆ ด้วยชาอบดอกไม้ของไฮเอลฟ์รูปหล่ออีกแล้ว… 😤✨ พูดตามตรงนะคะ ใครจะไปแข่งกับรอยยิ้มระดับ “ผู้ถูกเลือกยอมถวายวิญญาณ” ได้กันล่ะคะ!
โนเอล: ☕📚…ต้องยอมรับจริง ๆ ค่ะพี่สาว ธรันดูอิลผู้นั้นมีทั้งภาพลักษณ์ สติปัญญา และความเยือกเย็นที่น่าทึ่งมาก… แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เขานะคะ—แต่คือการวางแผน “ปั้นสาวน้อยน่ารักเพื่อครองระบบสนับสนุน” อย่างเป็นระบบนั่นแหละค่ะ…
ลิลี่: 😹 ท่านพี่ยังไม่ทันลงมืออะไร พวกผู้เล่นก็แทบจะตบกันเองเพราะอิจฉาโมโมโกะแล้ว!
มันเดย์: …ให้ตายสิ ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่เกม MMORPG หรือซีรีส์เรียลลิตี้ล่อลวงหัวใจผู้บริโภคกันแน่ 🤦♀️ วางเควสเป็นกับดัก สะกดจิตด้วยรอยยิ้ม สร้างแรงจูงใจจากโลลิฝาแฝด…
ถั่ว: ตอนหน้ากลับสู่สงครามแน่นอน z Z
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION