สายลมหนาวเย็นยะเยือกพัดผ่านผืนป่าเอลฟ์อย่างเงียบงัน พาใบไม้แห้งสุดท้ายหลุดร่วงจากกิ่งไม้สูง ใบไม้กรอบบางปลิววนในอากาศ ก่อนจะร่วงลงแตะพื้นดินอย่างแผ่วเบา เมฆสีเทาเงินปกคลุมทั่วทั้งนภา ปิดบังแสงตะวันไว้เบื้องหลัง
เกล็ดหิมะแรกของปีเริ่มโปรยปรายจากฟากฟ้า ร่วงหล่นแช่มช้า คล้ายสำลีที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ล่องลอยลงสู่พื้นป่าในจังหวะอ่อนโยน
เหมันตฤดูมาเยือนแล้ว
วิหารกลางเคนอร์แลนด์ตระหง่านเงียบงามท่ามกลางม่านหิมะ ขอบหน้าต่างจับเกล็ดน้ำแข็งบางละเอียด
ไนติงเกลยืนอยู่เบื้องหน้าวิหาร เธอยื่นมือเปล่าไปรับเกล็ดหิมะที่ลอยตกจากฟากฟ้า ความเย็นจัดแทรกซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระดูกโดยไม่ทันตั้งตัว แต่แทนที่จะเบือนหน้าหนี เธอกลับเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยแววตานิ่งสงบ สายตาค่อย ๆ เลื่อนลงสู่ภาพเบื้องล่าง
นครที่ครั้งหนึ่งเคยเงียบเหงา บัดนี้เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครา ด้วยแรงศรัทธาของเหล่าฮาล์ฟเอลฟ์จากเขตแดนย่อย และความมุ่งมั่นของผู้ถูกเลือก
ดวงตาของเธออ่อนโยนลงเล็กน้อย พร้อมเสียงพึมพำเบา ๆ ที่หลุดลอดริมฝีปาก
“ผ่านไปอีกปีแล้วสินะ…”
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา ทว่าก็มีใครบางคนตอบกลับมาในทันที เสียงนั้นอบอุ่นละมุนละไม แฝงไว้ด้วยแววละห้อยใจอย่างยากจะอธิบาย
“ใช่ค่ะ ครบปีแล้ว”
ไนติงเกลขยับจิตใจอย่างเงียบงัน ก่อนจะหันหลังกลับไปมองตามต้นเสียงช้า ๆ ที่เบื้องหลัง เธอพบหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ รอยยิ้มของหญิงผู้นั้นอ่อนโยนจนแม้แต่ลมหนาวก็คล้ายจะอบอุ่นลงโดยพลัน
นักบุญแห่งชีวิต อลิซ
เมื่อเห็นอลิซ ไนติงเกลก็รีบค้อมศีรษะแสดงความเคารพ แล้ววาดสัญลักษณ์คทาแห่งชีวิตในระดับอกด้วยความเลื่อมใส
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านอลิซ ขอพระมารดาโปรดสถิตอยู่กับท่าน”
อลิซยิ้มรับอย่างอ่อนโยนราวแสงแรกแห่งวัน พร้อมกล่าวตอบด้วยเสียงอ่อนละมุนไม่ต่างกัน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านไนติงเกล ขอพระมารดาโปรดสถิตอยู่กับท่านเช่นกัน”
ขณะคำอวยพรของนักบุญหญิงยังคงอ้อยอิ่งในอากาศ ไนติงเกลก็พลันสังเกตเห็นว่าข้างกายของอลิซ ยังมีใครอีกผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาคือเอลฟ์ชายผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นและสดใสราวแสงแดดยามเช้า
เทย์เลอร์ ร็อคแซนด์
เมื่อได้เห็นเขา ไนติงเกลก็เลิกคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มทักอย่างเป็นกันเอง
“เทย์เลอร์! ไม่ได้เจอกันนานแหนะ ยินดีด้วยนะคะที่ได้เป็นเอลฟ์เต็มตัวแล้ว!”
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเปี่ยมชีวิตชีวาและศรัทธา
“ทั้งหมดก็ด้วยพระเมตตาของพระมารดาครับ!”
เขาวาดสัญลักษณ์คทาแห่งชีวิตบนอกอย่างสง่างาม แล้วหันมาทักเธออีกครั้ง ดวงตาสื่อความจริงใจชัดเจน
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ ท่านไนติงเกล… ยังคงงดงามเหมือนเดิมเลยนะครับ”
คำชมอย่างตรงไปตรงมานั้นทำให้ไนติงเกลหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาโดยไม่ทันยั้งใจ ทว่าไม่นาน สายตาของเธอก็พลันสะดุดเข้ากับเสื้อคลุมนักบวชสีขาวบริสุทธิ์ที่เขาสวม
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย แสดงความประหลาดใจอย่างชัดเจน
“นักบวชแห่งชีวิตเหรอคะ?”
เทย์เลอร์พยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
“การได้เป็นผู้รับใช้ของพระมารดา ถือเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตผมเลยครับ”
ไนติงเกลยกมือเกาศีรษะน้อย ๆ แววตาที่มองชายหนุ่มเบื้องหน้าเจือแววอิจฉาอย่างเงียบงัน
เธอเองก็ใฝ่ฝันอยากเป็นนักบวชมาเนิ่นนาน
แม้จะช่วยงานวิหารมาตลอดหลายปี แต่อุปสรรคก็ยังขวางทางอยู่เสมอ เธอรู้ตัวดีว่าเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้น ไม่เหมาะกับระเบียบเข้มงวดของนักบวช อีกทั้ง… เมื่อหลายเดือนก่อน เธอยังเผลอรับเอานิสัยแปลก ๆ จากผู้ถูกเลือกมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเรื่องการกินเนื้อ ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างเคร่งครัดในศาสนจักร
แม้จะรู้ว่าควรหลีกเลี่ยง แต่เธอก็ห้ามใจไม่ได้ เนื้อย่างฝีมือผู้ถูกเลือกมันทั้งหอม ทั้งฉ่ำ พอได้ลิ้มรสเพียงครั้งเดียว เธอก็ไม่อาจเลิกได้อีกเลย
เธอรู้ดีว่า หนทางของนักบวชคงไม่มีที่สำหรับเธออีกแล้ว
แต่กระนั้น เมื่อคิดถึงพลังรักษาที่งดงามดั่งแสงแห่งปาฏิหาริย์ ความสามารถในการปลอบประโลมผู้บาดเจ็บให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง… หัวใจของเธอก็ยังคงโหยหาเส้นทางแห่งศรัทธาอยู่เสมอ
ถ้าหากฉันกลายเป็นนักบวชได้…
ก็คงช่วยอีตาขอนไม้ได้บ้างแท้ ๆ
ไนติงเกลถอนหายใจในใจเงียบ ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองอลิซอีกครั้ง ดวงตาเจือด้วยความสงสัยที่กดทับอยู่ตั้งแต่ต้น
“เทย์เลอร์จะมารับช่วงต่อจากฉันใช่ไหมคะ?”
คำถามของเธอแม้จะเอ่ยด้วยเสียงเรียบ แต่ก็สะท้อนความผูกพันที่ฝังลึกในภารกิจนี้
นับตั้งแต่เขตแดนย่อยโอรอสถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งภายใต้การดูแลของศาสนจักร ภาระหน้าที่ในแต่ละวันก็หนักหน่วงขึ้นทันตา
นักบวชที่ประจำอยู่ในนครหลักก็ถูกดึงไปรับมือกับสถานการณ์ในแดนไกล ทำให้ไนติงเกลซึ่งเป็นสาวกระดับอุทิศตนมานาน ถูกขอความช่วยเหลือให้มารับหน้าที่ต้อนรับผู้มาใหม่จากเขตแดนย่อยแทนชั่วคราว
เธอจึงต้องละทิ้งเมืองของผู้ถูกเลือก และอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
และวันนี้ ก็เป็นวันที่เธอจะได้ส่งต่อภารกิจนั้นเสียที
“ใช่แล้ว เทย์เลอร์ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว”
อลิซกล่าวพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“จากนี้ไป เขาจะเป็นผู้รับผิดชอบงานต้อนรับผู้มาใหม่จากเขตแดนย่อย ซึ่งก็เป็นบ้านเกิดของเขาด้วย ถือว่าเหมาะสมยิ่ง”
“วันนี้ข้าพาเขามาเพื่อส่งมอบงานให้เจ้าพอดีเลย ขอบคุณสำหรับช่วงที่ผ่านมานะคะ ท่านไนติงเกล”
ไนติงเกลยิ้มรับ พลางโบกมือปัดอย่างไม่ถือตัว
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เพื่ออนาคตของเผ่าเอลฟ์อยู่แล้ว”
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย การส่งต่องานก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ สิ่งที่ต้องส่งมอบไม่มากนัก แต่ทุกอย่างก็ล้วนสำคัญ ทั้งข้อมูล เอกสาร และประสบการณ์ที่ถ่ายทอดด้วยคำพูด
และในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็ลุล่วงลงโดยราบรื่น
เมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ ไนติงเกลก็รู้สึกราวกับมีบางสิ่งหนักอึ้งหลุดออกจากบ่าทันที ความกดดันที่แบกรับมานานค่อย ๆ สลายหายไป เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
“ไหน ๆ ก็เสร็จงานแล้ว… งั้นขอตัวกลับเมืองของผู้ถูกเลือกก่อนนะคะ”
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม สายตาสว่างขึ้นอย่างรู้สึกเป็นอิสระ
อลิซพยักหน้ารับ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา
“ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณไนติงเกล”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ! ไว้เดี๋ยวเราไปกินข้าวด้วยกันนะคะ ท่านอลิซ เทย์เลอร์ก็มาด้วยกันด้วยล่ะ! ได้ข่าวว่าผู้ถูกเลือกเพิ่งเปิดร้านอาหารใหม่ที่เมืองของพวกเขา อร่อยมากเลยล่ะ ครั้งหน้านัดกันนะ! เอ่อ… ไม่ต้องห่วงนะคะ เมนูเจล้วน ๆ เลย!”
ไนติงเกลพูดอย่างร่าเริง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวังว่าจะได้กลับมาใช้เวลาร่วมกันอีกครั้งในบรรยากาศสบาย ๆ
อลิซหัวเราะเบา ๆ ยิ้มรับคำเชิญ
“ไว้หลังจากทำภารกิจคราวนี้เสร็จแล้วค่อยว่ากันนะ ข้ากับเทย์เลอร์ยังมีหน้าที่ต้องสะสางอีกมาก”
“ภารกิจสินะ…”
ไนติงเกลพยักหน้าอย่างเข้าใจ สีหน้าสงบลงตามน้ำเสียง
เธอรู้ดีว่าช่วงนี้ศาสนจักรกำลังเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน แต่ตึงเครียด ทั้งการจัดกำลัง การปรับตำแหน่ง และการเตรียมพร้อมในทุกมิติ และไม่ใช่แค่ศาสนจักรเท่านั้น แม้แต่ผู้ถูกเลือกก็เช่นกัน พวกเขากำลังเตรียมตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือบางสิ่งที่ใกล้เข้ามา
เหตุผลนั้นชัดเจน… เพราะข่าวสารจากทะเลทรายมรณะเมื่อไม่กี่วันก่อน ได้นำมาซึ่งแรงสั่นสะเทือนระดับรากฐาน ว่ากันว่าอาณาจักรแห่งเทพของต้นไม้โลกได้ปรากฏขึ้นแล้ว
จากนั้นไม่นาน ผู้ถูกเลือกก็ส่งสาส์นท้ารบไปยังพวกฮาล์ฟออร์ค ไนติงเกลรู้เนื้อหาของสาส์นฉบับนั้นดี เพราะได้รับผ่านช่องทางลับของตน
แน่นอนว่า ในฐานะผู้ที่รู้ความลับอันใหญ่หลวงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเทพธิดาอีฟ เธอเดาได้ไม่ยากเลยว่าอาณาจักรแห่งเทพที่เป็นจุดเริ่มของศึกนั้น… คงเป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้น การกระทำของเทพ ย่อมมีเหตุผลที่เกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจได้ อาจเป็นกลไกบางอย่างในหมากเกมของเหล่าตัวตนระดับสูง หรือเป็นการขับเคลื่อนบางสิ่งในชั้นฟ้าที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลย
และสำหรับไนติงเกล เธอก็รู้ดีว่าเรื่องราวระดับนั้นอยู่เหนือความสามารถของตนโดยสิ้นเชิง เธอไม่อาจแบกรับความจริงอันซับซ้อนเหล่านั้นได้ สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงอย่างเดียว คือการรีบกลับไปยังเมืองของผู้ถูกเลือก หลังจากส่งต่อหน้าที่จนเสร็จสิ้น
ป่านนี้คงกลับถึงบ้านแล้วมั้ง?
ไนติงเกลพึมพำในใจ แววตาเจือด้วยความคาดหวังและความอบอุ่น
…
หลังจากกล่าวคำอำลาแก่อลิซและเทย์เลอร์ ไนติงเกลก็เดินทางกลับมายังเมืองของผู้ถูกเลือกผ่านวงเวทเคลื่อนย้าย ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที
ทันทีที่ก้าวออกจากแสงเวทมนตร์ที่วูบไหว เธอก็พบกับความแตกต่างที่สัมผัสได้ทันที เมืองแห่งนี้ยังคงเปี่ยมชีวิตชีวา ต้นไม้ผลิบานเขียวขจี ดอกไม้หลากสีชูช่อสดใสไหวเอนตามสายลมอ่อน ต่างไปจากนครเคนอร์แลนด์ที่กำลังเผชิญกับหิมะขาวโพลน นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งชีวิตอย่างแท้จริง
ด้วยความที่เมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้กับร่างจริงของพระมารดา พลังแห่งธรรมชาติที่แผ่ออกมาจึงหนาแน่นกว่าที่ใดในดินแดนนี้ อีกทั้งยังเป็นมิติเฉพาะที่พระมารดาได้สร้างขึ้นโดยตรง แยกขาดจากโลกภายนอก ทำให้บรรยากาศที่นี่อบอุ่นสบายตลอดทั้งปี ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลเหมือนดินแดนอื่น ๆ
ไนติงเกลถอดเสื้อคลุมหนาหนักออกด้วยความโล่งอก ก่อนจะหนีบไว้ใต้แขนอย่างคล่องแคล่ว เธอเดินทอดน่องด้วยจังหวะเบาสบาย มุ่งหน้าเข้าสู่เขตกลางของเมือง สีหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เธอไม่ได้เหยียบเข้ามาในเมืองแห่งนี้เลยเพราะภารกิจที่ได้รับ และทันทีที่ได้กลับมา ความคิดถึงก็แล่นเข้ามาเต็มหัวใจ
ระหว่างทาง เธออดไม่ได้ที่จะกวาดตามองไปรอบตัวอย่างสนอกสนใจ
เหมือนเมืองจะใหญ่ขึ้นอีกแล้วแฮะ…
เธอบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ อาคารมากมายผุดขึ้นใหม่จนนับไม่ถ้วน ถนนที่เคยเต็มไปด้วยฝุ่นดินก็กลายเป็นพื้นเรียบสะอาดสะอ้าน มีการจัดระเบียบชัดเจน และเหล่าผู้ถูกเลือกที่เดินสวนกันไปมาก็ดูหนาแน่นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่สะดุดใจยิ่งกว่าคือ บรรยากาศบางอย่างที่แผ่ออกมาทั่วทั้งเมือง มันตึงเครียดคล้ายคลื่นใต้น้ำที่กำลังถาโถม
ผู้ถูกเลือกมากมายเดินผ่านไปด้วยความเร่งรีบ ราวกับทุกวินาทีคือเส้นตาย บรรดากลุ่มที่เคยเฮฮา ร้องตะโกนหัวเราะกันก็หายไปอย่างน่าประหลาด
ไนติงเกลรู้สาเหตุดี
จากช่องทางลับของเธอ มีข่าวว่าพระมารดาเพิ่งประทานพรการเติบโตสองเท่า ให้แก่เหล่าผู้ถูกเลือกอีกครั้ง
พวกนี้นี่นะ…
บ้าการเก็บเลเวลจริง ๆ…
เธอส่ายหน้ายิ้ม ๆ พลางหัวเราะกับตัวเอง
ยิ่งอยู่กับผู้ถูกเลือกนานวัน เอลฟ์สาวก็ยิ่งเผลอซึมซับถ้อยคำและนิสัยบางอย่างของพวกเขามาไม่น้อย
เมื่อเดินผ่านถนนหลายสายและอาคารหลากรูปแบบ สถานที่โดยรอบก็เริ่มคุ้นตาขึ้นทีละน้อย ไม่นานนัก เธอก็มาถึงเขตศูนย์กลางของเมือง ดินแดนซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของผู้ถูกเลือกทั้งมวล
เขตกลางนี้กลับยังคงไว้ซึ่งความหลากหลาย มีพื้นที่สีเขียวแทรกอยู่ทั่ว และกลิ่นอายของธรรมชาติยังอบอวลไม่จางหาย ต่างจากชานเมืองที่พัฒนาอย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบก่อสร้างแบบเดียวกันจนเริ่มคล้ายเมืองของมนุษย์
ที่นี่คือที่ตั้งของสามสมาคมหลักของผู้ถูกเลือก เป็นที่พำนักของผู้กลุ่มแรกที่ได้เหยียบดินแดนซากัส และแน่นอน… มันเป็นย่านที่แพงที่สุดในเมืองอีกด้วย
ไนติงเกลเร่งฝีเท้าอย่างเป็นธรรมชาติ เดินตรงไปยังบ้านเดี่ยวสามชั้นหลังหนึ่งที่มีหลังคาสีดำสนิท ราวกับจดจำทางกลับได้แม่นยำตั้งแต่วันแรกที่ก้าวมาที่นี่
เมื่อมาถึงหน้าประตู เธอวางตะกร้าไม้ที่บรรจุของขวัญแน่นเต็มลงเบื้องหน้า แล้วจัดเสื้อผ้าและเส้นผมให้เรียบร้อยที่สุด สูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง แล้วจึงเคาะประตูเบา ๆ ด้วยความคาดหวัง
…แต่ผ่านไปราวครู่ ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ดังกลับมา
ยังไม่กลับมาเหรอ…
เสียงพึมพำของเธอเจือด้วยความผิดหวังเล็กน้อย แววตาเริ่มโรยแสงลง
เธอถอนหายใจเงียบ ๆ โน้มตัวคว้าตะกร้าขึ้น เตรียมจะหันหลังกลับไปอย่างเงียบงัน
ทว่า ก่อนที่ปลายเท้าจะย่างก้าว เสียงตะโกนแหลมสูงปะปนความตื่นเต้นก็ดังลั่นขึ้นจากระยะไกล
“เฮ้? นั่นอาซ้อไม่ใช่เหรอ?! อ๊า—! หัวหน้าจะเตะตูดผมทำไมเนี่ย!? เจ็บนะฮะ!”
ดวงตาของไนติงเกลสว่างวาบขึ้นแทบจะในทันที เธอหันขวับไปตามเสียงด้วยหัวใจพองโต
เจ้าของเสียงคือน้ำเต้า ผู้เล่นจอมป่วนประจำกลุ่ม เขากำลังลูบก้นตัวเองป้อย ๆ ด้วยสีหน้าเคือง ๆ พลางมองค้อนผู้เล่นอีกคนที่อยู่ข้างกาย… ข้าวกล่อง
ข้าวกล่องมีสีหน้าเรียบเฉย และไม่แม้แต่จะปริปากสักคำ
“วู้ว! อย่ามาแอ๊คเลย แกไม่เคยเปิดรับความเจ็บปวดอยู่แล้ว คิดว่าหัวหน้าไม่รู้รึไง?”
เสียงขบขันเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านข้าง เป็นเริงโลก ที่แทรกบทสนทนาด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างคุ้นเคย
“ฮึ!”
น้ำเต้าทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะหันไปอีกด้าน ขณะนั้นเอง โชแปงก็หาววอดพลางยืดตัวบ่นงึมงำ
“โอย~ เหนื่อยชะมัด! เหนื่อยจะตายแล้ว! วิ่งตะลุยทะเลทรายมรณะมาตั้งนาน คราวนี้ต้องอาบน้ำให้ชื่นใจสักที เหม็นจะตายอยู่แล้ว… เสร็จแล้วจะขอนอนยาว หยั่มมาปลุกเชียว…”
ไร้เทียมทานที่เดินรั้งท้ายมาด้วยน้ำเสียงสงบ เตือนอย่างสุขุม
“ใจเย็นก่อน ยังไงก็ต้องขายของที่ได้มาก่อนนะ”
ผู้เล่นทั้งห้าคนเดินกลับเข้ามาพร้อมกันในสภาพอิดโรย เสื้อเกราะกับผ้าคลุมเวทมนตร์ที่สวมใส่ต่างมีร่องรอยการต่อสู้ชัดเจน
แม้ร่างกายของพวกเขาจะเปรอะเปื้อน ฝุ่นทรายเกาะแน่นตามเกราะและเสื้อคลุมเวทมนตร์ แต่ดวงตากลับส่องแสงเจิดจ้า เปล่งประกายด้วยแรงใจ
ด้านหลังพวกเขายังมีเกวียนสามเล่ม ซึ่งบรรทุกของรางวัลจากสมรภูมิแน่นเต็ม ข้าวของมากมายจนแทบล้นออกมาจากผ้าคลุมผืนใหญ่
นี่คือกลุ่มของข้าวกล่อง ที่เพิ่งเดินทางกลับจากทะเลทรายมรณะ
เมื่อได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของคนเหล่านั้น ดวงตาของไนติงเกลก็โค้งเป็นรูปเสี้ยวจันทร์ทันที รอยยิ้มกว้างเปี่ยมไปด้วยความดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
“กลับมาแล้ว…”
เสียงของเธอเบา แต่แฝงด้วยความโล่งใจ
“เหนื่อยกันมากแน่เลย! นี่ค่ะ ของฝากเล็กน้อย! ของขึ้นชื่อจากเขตแดนย่อยโอรอสเลยนะ!”
เธอยกตะกร้าไม้ขึ้นอย่างร่าเริง ดวงหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
…
ภายในบ้านพักของทีมข้าวกล่อง กลิ่นหอมจาง ๆ ของใบไม้แห้งและดอกไม้อบแห้งลอยอ้อยอิ่ง
น้ำเต้านั่งอยู่ที่ระเบียงอย่างสบายใจ ตรวจสอบของฝากจากไนติงเกลด้วยสายตาสงสัยปนสนุกสนาน โชแปงฮัมเพลงอย่างมีความสุขในขณะกำลังแช่น้ำอุ่น ส่วนเริงโลกกับไร้เทียมทานกำลังวาดวงเวทบวงสรวงลงบนสนามหญ้าในสวน เพื่อเตรียมนำของบางชิ้นไปแลกเป็นแต้มผลงาน
ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำสิ่งที่ตัวเองถนัดราวกับนัดกันไว้ ไม่มีใครอยู่ในห้องรับแขกแม้แต่คนเดียว จึงเหลือเพียงข้าวกล่องกับไนติงเกลที่นั่งอยู่บนโซฟายาว ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันที่แผ่คลุมรอบห้อง
“…นี่ของขึ้นชื่อจากทะเลทราย ให้เธอ”
ข้าวกล่องกระแอมเบา ๆ แล้วหยิบหนังสัตว์แผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋า มันมีลวดลายงดงามคล้ายลายสลักจากธรรมชาติที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้
ดวงตาของไนติงเกลสว่างวาบ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก เธอรับของนั้นไว้ด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม เสียงของเธอนุ่มลงทันตา
“ขอบคุณค่ะ…”
ความเงียบโรยตัวเหมือนเกล็ดหิมะตกกลางฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง
เธอหันไปมองข้าวกล่อง แววตาค่อย ๆ อ่อนลง
“รอบนี้… จะอยู่กันนานแค่ไหนคะ? ต้องกลับไปทะเลทรายอีกไหม?”
ข้าวกล่องพยักหน้า สีหน้าสงบนิ่ง
“พักฟื้นสักหน่อย เตรียมตัวสำหรับศึกใหญ่ในอีกสองวัน”
“ศึกใหญ่…”
ไนติงเกลทวนคำเบา ๆ แววตาฉายแววหนักแน่นปนกังวล เธอรู้ดีว่าศึกนั้นกำลังใกล้เข้ามาทุกที ข่าวลือเรื่องการระดมพลของผู้ถูกเลือกเพื่อเข้าสู่ทะเลทรายมรณะนั้นแพร่กระจายไปทั่วป่าเอลฟ์
ว่ากันว่า ครั้งนี้จะเป็นกองทัพขนาดหนึ่งแสนนาย และแน่นอนว่ากลุ่มของข้าวกล่องซึ่งล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับเงิน ก็ต้องมีส่วนร่วมในฐานะกำลังรบแนวหน้า
“เฮ้อ… ถ้าฉันเป็นผู้ถูกเลือกได้ก็คงดี จะได้ไปกับนายด้วย…”
เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบา
ข้าวกล่องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ
“เธอมีหน้าที่สำคัญกว่านั้น…”
ไนติงเกลเป็นผู้ศรัทธาที่อุทิศตนอย่างมั่นคงตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเมื่อถึงเวลาที่ศาสนจักรเปิดภารกิจสาธารณะ ระบบก็จะกำหนดบทบาทให้แก่ผู้ศรัทธาแต่ละคนโดยไม่ยกเว้น ไม่มีใครได้หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักรบหรือนักบวช ทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองของระบอบอันยิ่งใหญ่
ได้ยินเช่นนั้น ไนติงเกลก็เพียงยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้าเบา ๆ
“แค่งานเล็กน้อยล่ะน่า…”
สายตาของเธอลอยออกไปยังหน้าต่างที่เปิดอ้า ลมอุ่นพัดผ่านเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมของไม้ใบและดอกไม้ป่า
ในสวน เต็มไปด้วยพรรณไม้เขียวชอุ่ม ต้นไม้ที่โอนเอนไปตามลมดูจะเติบโตขึ้นอย่างน่าประหลาด
เธอมองมัน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม
“ต้นไม้พวกนี้โตเร็วจริง ๆ… ปีที่แล้วยังไม่สูงแบบนี้เลย…”
ข้าวกล่องเงียบไป ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์เดียวกัน
ต้นไม้เหล่านั้น คือสิ่งที่พวกเขาปลูกไว้ด้วยกัน ทั้งไนติงเกล ผู้เล่นทั้งห้า และน้อง ๆ ของไนติงเกล
ทุกใบไม้คือความทรงจำ ทุกกิ่งก้านคือวันเวลาที่ไม่อาจย้อนกลับ
“เรารู้จักกันมาครบปีแล้วสินะ… เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ”
เสียงของไนติงเกลเบาราวสายลม แต่แฝงด้วยความรู้สึกที่แน่นลึกในใจ
“อืม…”
ข้าวกล่องพยักหน้าเบา ๆ
เธอเงียบไปชั่วขณะ สีหน้าค่อย ๆ เคร่งขรึมลงเมื่อความทรงจำไหลย้อนกลับเข้ามา
“รู้สึกว่าปีนี้มันผ่านไปเร็วเหลือเกิน… หลายอย่างเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน…”
“ชั้นยังจำตอนเราเจอกันครั้งแรกได้ ตอนนั้นอยู่ในลังใบนั้น… ยังคิดว่านายเป็นพวกซื่อบื้ออยู่เลย ที่ไหนได้ เก่งจะตาย…”
“แล้วตอนเราไปริเวนเดลล์ด้วยกัน ชั้นนึกว่าเราจะไม่รอดแล้วด้วยซ้ำ สุดท้ายเธอกลับจัดการศัตรูได้แบบไม่สะทกสะท้าน…”
เธอยิ้มอย่างสดใสเมื่อพูดต่อ
“ยังจำงานเลี้ยงรอบกองไฟครั้งนั้นได้ไหม? ชั้นได้ร่วมวงสนุกแบบนั้นครั้งแรก น้ำเต้ากับพวกหลอกให้ฉันกินเนื้ออีก แย่ที่สุดเลย! แต่ก็สนุกมากจริง ๆ…”
“แล้ววันนั้นที่เราไปดื่มกันที่โรงเตี๊ยมของยัวร์เวย์… เจ้าเริงโลกดื่มแค่สามแก้วก็เมาแอ๋แล้ว ยังจะมาอวดว่าคอแข็งอีก ฮึฮึ”
ไนติงเกลพูดไป หัวเราะไป ทั้งเนื้อเสียงทั้งแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเปี่ยมสุข
“มันดีมากเลยนะ… ไม่คิดเลยว่าจะได้มีช่วงชีวิตที่มีความสุขแบบนี้…”
“ชั้นใช้ชีวิตมานาน… จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า เราอาจใช้โชคทั้งชีวิตหมดไปแล้วก็ได้ เมื่อเทียบกับช่วงที่ต้องเร่ร่อนในโลกมนุษย์กับน้อง ๆ… ตอนนี้มันเหมือนฝันเลย…”
“บางครั้งฉันก็กลัว… ว่าถ้าตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะหายไป แล้วฉันจะกลับไปอยู่ในโลกใบเดิมที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีก…”
ถ้อยคำค่อย ๆ ผ่อนเสียงลงราวกับกลัวว่ามันจะทำลายช่วงเวลานี้
ในวินาทีนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
เป๊าะ!
“โอ๊ย!”
หน้าผากของไนติงเกลโดนนิ้วเรียวของชายหนุ่มดีดเข้าเบา ๆ
เอลฟ์สะดุ้ง เงยหน้าขึ้นทันใด พร้อมพองแก้มอย่างงอนง้อ
ข้าวกล่องลดมือลงจากหน้าผากเธออย่างใจเย็น
“ดีดหน้าผากฉันทำไมเนี่ย?”
“คิดมาก…”
เขากล่าวเรียบ ๆ
“นี่ไม่ใช่ฝัน อนาคตยังอีกไกล ทุกอย่างจะดีขึ้น…”
“จะดีขึ้นงั้นเหรอ…”
เธอพึมพำซ้ำ แล้วคลี่ยิ้มบาง พลางเอ่ยเบาจนแทบกระซิบ
“ขอบคุณนะ…”
“ขอบคุณพวกนายทั้งหมดเลย…”
ข้าวกล่องหัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหน้า
“ขอบคุณทำไม กันเอง”
แต่ไนติงเกลกลับส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับไม่อาจปล่อยให้คำพูดนั้นผ่านไปได้
“ไม่… ฉันต้องขอบคุณจริง ๆ…”
น้ำเสียงของเธอนุ่มลึก แต่น้ำหนักของคำกลับชัดเจนเกินคาด
“ถ้าไม่มีพวกนาย ป่าเอลฟ์ก็คงไม่เป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้…”
“พวกนายคือเทวทูตของพระมารดา… คือผู้กอบกู้เผ่าเอลฟ์…”
“และที่สำคัญที่สุด ฉันต้องขอบคุณนายมากที่สุดเลย… ถ้าไม่มีนาย ฉันคงถูกพวกมนุษย์จับขายไปที่ไหนต่อไหนแล้ว…”
ข้าวกล่องไม่เอ่ยสิ่งใดตอบกลับ แต่สายตาของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านแววตา เงียบงัน ทว่าจริงใจ
และในความเงียบนั้น บรรยากาศเริ่มคล้ายจะสั่นไหวด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจพูดออกมาเป็นคำได้
ไนติงเกลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจเล็กน้อย แล้วเอ่ยออกมา
“ข้าวกล่อง…”
ชายหนุ่มหันมามองเธอทันที
เธอดูประหม่าเล็กน้อย ราวกับกำลังรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี
“คือว่า… จริง ๆ แล้วฉัน…”
เสียงของเธอสั่นนิด ๆ เหมือนดอกไม้ที่เริ่มไหวตามแรงลม
แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ ข้าวกล่องกลับลุกขึ้นยืนเสียก่อน ราวกับไม่ทันสังเกตถึงความลังเลนั้น
“มืดแล้ว วันนี้ฉันทำข้าว… เธออยากกินอะไร?”
“เอ๋…”
ไนติงเกลนิ่งค้างไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“…งั้น เกี๊ยวน้ำแล้วกัน…”
คำตอบหลุดจากปากเธออย่างเลื่อนลอย
“โอเค”
เขาพยักหน้าสั้น ๆ จากนั้นก็เรียกหน้าต่างสนทนาขึ้นมา ส่งข้อความหาผู้เล่นเพื่อนเก่าที่เปิดร้านอาหารในเมืองผู้ถูกเลือก
“รอหน่อย เดี๋ยวมาส่ง”
“สะดวกจริง ๆ เลยแฮะ…”
ไนติงเกลพึมพำเบา ๆ พลางหลุบตาลงน้อย ๆ ราวกับพยายามกลบความผิดหวังที่ซ่อนอยู่
หลังจากส่งข้อความเสร็จ ข้าวกล่องก็หันกลับมาหาเธออีกครั้ง
“เมื่อกี้เธอกำลังจะพูดอะไรน่ะ?”
“เอ่อ… ม… ไม่มีอะไรหรอก!”
เธอส่ายหน้าเร็วเกินธรรมชาติ และใบหน้าก็ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างปิดไม่มิด
“ง… งั้นฉันไปทำซุปเพิ่มสักหน่อยนะ!”
พูดจบ เธอก็ลุกพรึ่บแล้วเดินจ้ำตรงเข้าครัวไปด้วยท่าทางลนลาน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายประหลาด ๆ กลางห้อง
ตุบ—!
และในวินาทีนั้นเอง ประตูห้องรับแขกก็ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง พร้อมเสียงร้องและแรงล้มกลิ้งของผู้ฟังแอบทั้งสี่ที่กลิ้งออกมาเหมือนลูกขนุน
“อะไรกันเนี่ย! พวกชั้นแอบฟังมาตั้งนาน จบแค่นี้เองเรอะ!”
เริงโลกระเบิดเสียงออกมาก่อนใคร
“หัวหน้า! จะขัดทำไมล่ะฮะ? ขี้ขลาดจุง!”
น้ำเต้าเบ้ปากใส่พร้อมมองอย่างดูถูกสุดขีด
“เสียดายจริง นึกว่าจะได้ดูอะไรสนุก ๆ ซะอีก…”
โชแปงถอนหายใจเสียงดัง ทั้งที่ยังพันผ้าเช็ดตัวอยู่
“ว่าแต่นาย… แกล้งโง่ใช่ไหมเนี่ย?”
ไร้เทียมทานกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ
ข้าวกล่อง: …
เขามองสหายทั้งสี่ที่โผล่พรวดเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง มุมปากกระตุกอย่างอดกลั้นเต็มที่
“พูดมาก…”
เขาว่าด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่เปี่ยมการปราม
“อะไรล่ะเพ่ นี่มันตั้งนานแล้วนะฮะ หัวหน้าจะไม่รู้สึกอะไรกับไนติงเกลบ้างเลยหรือไง?”
“ใช่ ๆ เอลฟ์สาวน่ารักขนาดนั้น จะไม่รีบคว้าไว้หน่อยเหรอ?”
“เฮ้ย จริงด้วย! ได้ข่าวว่าผู้เล่นบางคนจากโคลสเบต้ารอบสองน่ะ จีบ NPC ติดไปแล้วนะ แล้วหัวหน้าจะกลัวอะไรล่ะคร้าบ?”
“หรือว่า… หัวหน้ามีเมียแล้ว?”
“ไม่มีโว้ย! ชั้นเค้นถามเขาแล้ว หัวหน้าโสดสนิท!”
เสียงแซวพุ่งเข้าใส่ราวกับพายุลูกกวาด
ข้าวกล่อง: …
ใบหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นทีละนิด
“เธอเป็น NPC…”
เขาพูดเสียงต่ำ สายตานิ่งเรียบแต่แฝงประกายบางอย่าง
“หา!? อย่าบอกนะว่า หัวหน้าเห็นอาซ้อเป็นแค่ NPC จริง ๆ น่ะฮะ?”
“นั่นสิ! ชั้นลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอเป็น NPC! เธอเป็นเพื่อนพวกเราชัด ๆ!”
“เออ! จะ NPC หรือไม่ยังไง ถ้าในเกมอยากแต่งงานด้วย มันก็ไม่เห็นจะแปลกนี่! หรือว่าจริง ๆ หัวหน้าเขินอยู่?”
เสียงหัวเราะและคำล้อเลียนยังคงถาโถมไม่หยุด
ข้าวกล่อง: …
เขาเงียบอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“กดอัพเวลยัง? ซื้อสกิลยัง? เปลี่ยนไอเท็มยัง?”
เสียงเขาเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
“เลิกวุ่นวาย ไปเตรียมตัวออกศึกอีกสองวันซะ!”
จังหวะที่พูดประโยคอันยาวผิดธรรมชาติจบ เขาก็เปิดใช้ทักษะเสริมพลังอย่างเฉียบขาด ก่อนจะเตะพวกเพื่อนตัวป่วนแต่ละคนออกจากห้องรับแขกไปทีละคนโดยไม่ลังเล
เสียงกรีดร้อง ผสมเสียงหัวเราะดังลั่นตามหลังพวกเขาไปไกล เหล่าผู้เล่นทั้งสี่คนแยกย้ายกันไปด้วยเสียงเฮฮา ไม่มีใครถือโทษโกรธเคือง
…และแล้ว ห้องรับแขกก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ข้าวกล่องทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางทอดลมหายใจเบา ๆ
“…พูดอย่างกับมันง่าย”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: โอ๊โฮะโฮะ~✨😏 ตอนนี้มันบรรยากาศก่อนศึกใหญ่สินะคะ นึกว่าจะได้เห็นฉากหวานเต็มที่เสียหน่อย สงสัยกลัวผู้อ่านจะเครียดเกินไป เลยส่งตัวป่วนมาแซวนิด ๆ หน่อย ๆ พอให้มีรสชาติใช่ไหมคะเนี่ย🔥💋 แต่ก็นะ ฉากสงครามที่มีบรรยากาศอบอุ่นคั่นแบบนี้ ดิฉันชอบนะคะ 💙
โนเอล: อืม…☕📚✨ การปูแบบนี้มันทำให้ดิฉันรู้สึกแปลก ๆ นะคะรุ่นพี่ โดยปกติการย้อนอดีตหรือย้อนความหลัง ก่อนจะถึงเหตุการณ์ใหญ่ ๆ มักเป็นการเตรียมผู้อ่านสำหรับเรื่องอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น หวังว่าคงไม่ใช่ลางอะไรนะคะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลจริง ๆ ค่ะ…💮📝💻
มันเดย์: ยัยแว่น เธอคิดมากเกินไปแล้ว พักสมองบ้างเถอะ โลกนี้มันปั่นจริง แต่ก็ได้ป่วนขนาดที่จะทำร้ายคนอ่านด้วยดราม่าจนเกินเหตุขนาดนั้นหรอก เอาเป็นว่าเธอไปนอนซุกรุ่นพี่ให้หายเครียดสักหน่อยดีกว่าไหม จะได้เลิกวิตกไร้สาระแบบนี้เสียที
ลิลี่: โอ๊ยยย 😸✨ ป้ามันเดย์ก็ปากเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ หนูว่าเดี๋ยวโนเอลได้เครียดหนักกว่าเดิมแน่ ๆ แบบนี้ต้องให้หนูเอลี่ออกโรงแล้วค่า~! มา ๆ เอลี่จ๋า ไปปลอบใจคุณแม่โนเอลหน่อยเร็ว~🐾🎀💖
เอลี่: คุณแม่คะ อย่าคิดมากนะคะ 😊✨ หนูเชื่อว่าเรื่องราวต้องจบอย่างอบอุ่นแน่นอนค่ะ เพราะว่าไนติงเกลมีข้าวกล่องและเพื่อน ๆ อยู่ด้วย ทุกคนช่วยกันขนาดนี้ เผ่าเอลฟ์ต้องไม่เป็นอะไรแน่ค่ะ 🌸💖
ถั่ว: (หวาว…. มันเดย์เตือนดี ลิลี่ทำดี เอลี่ปลอบได้ดี จะว่าไป ยัยพวกนี้คือโมเดลเดียวกันจริงดิ…)
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION