ให้พวกข้าถ่มน้ำลายใส่… พระบิดา..?
ทันใดนั้นเอง ทั้งฮาล์ฟออร์คและเชลยมวลมนุษย์ที่ถูกจับมาก็พลันนิ่งงัน ราวกับอสนีบาตฟาดลงกลางกระหม่อม หัวใจของทุกชีวิตแทบหยุดเต้นในชั่วพริบตาเดียว
ศักดิ์ศรีขององค์เทพนั้น ศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าที่มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ใดจะบังอาจล่วงเกินได้ แม้รูปปั้นที่ตั้งอยู่ตรงหน้าจะเป็นเพียงงานปั้นหยาบ ๆ ที่เหล่าเอลฟ์นำมาตั้งไว้เพียงชั่วคราว มิใช่รูปเคารพอันวิจิตรที่ประดิษฐานในมหาวิหาร ทว่ามันก็ยังเป็นตัวแทนแห่งองค์เทพอย่างมิอาจปฏิเสธ
ในจักรวาลซากัสซึ่งมีเทพดำรงอยู่จริง ความเชื่อมโยงระหว่างเทพกับรูปปั้นเหล่านี้ แม้จะไม่ใช่สายธารศรัทธาที่สัมผัสได้โดยตรง แต่ก็มีเงาแห่งพันธะลี้ลับทอดยาวอยู่เสมอ
การลบหลู่รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ต่อให้ไม่ถึงขั้นดึงดูดสายตาของเทพองค์ใดโดยตรง แต่ผู้กระทำจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ลบหลู่องค์เทพในทันที ศรัทธาที่เคยเชื่อมั่นจะพังทลายไม่เหลือซาก และความหวังที่จะได้รับการอภัยก็แทบไม่หลงเหลือแม้เพียงเสี้ยว
เมื่อถึงจุดนั้น ต่อให้ชีวิตยังอยู่ ก็เท่ากับถูกขับออกจากศาสนจักรโดยสิ้นเชิง ไม่มีที่ให้ยืนอยู่ในโลกแห่งศรัทธาอีกต่อไป
ไอ้พวกหูยาว!
มันจะป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
สีหน้าของฮาล์ฟออร์คและเหล่าทหารรับจ้างมนุษย์แปรเปลี่ยนจากความสับสน เป็นความหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ผู้ที่เป็นเพียงสาวกระระดับตื้นเขินก็ตาม การถูกบังคับให้ลบหลู่เทพด้วยมือตนเองยังคงเป็นแรงกระแทกที่รุนแรงต่อมโนธรรมและศรัทธาอย่างไม่อาจหักห้าม
หากเปลี่ยนเป็นเหล่าสาวกระดับอุทิศตน หรือระดับคลั่งไคล้ล่ะก็ บางที พวกเขาอาจยอมเลือกเผชิญกับความตาย มากกว่าการมีชีวิตอยู่อย่างผู้ทรยศ
สิ่งที่เหล่าเอลฟ์กระทำอยู่นั้น เกินกว่าที่ผู้ใดคาดคิด แม้แต่ในสงครามระหว่างศาสนา ศักดิ์ศรีแห่งเทพก็ยังถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่มิอาจล่วงเกิน การลดตัวลงมาสั่งให้เชลยกระทำการเช่นนี้ เปรียบได้กับการก้าวข้ามเส้นที่ไม่ควรเหยียบย่าง คล้ายคลึงกับพฤติกรรมของสาวกเทพมารในตำนานมากกว่าเหล่าผู้สืบทอดศรัทธา
เทพมาร…
ตัวตนในป่าเอลฟ์ต้องเป็นเทพมารแน่ ๆ!
ชารุ หัวหน้านักบวชแห่งเผ่าฮาล์ฟออร์ค พึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ ร่างกายที่เคยกำยำบัดนี้สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
กระแสความปั่นป่วนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในหมู่เชลย ดุจเปลวไฟเล็ก ๆ ที่เริ่มลุกโชนในกองฟืนแห้ง แต่ถึงจะหวั่นไหวเพียงใด กลับไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัว ผู้เล่นที่ควบคุมสถานการณ์อยู่เริ่มแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
บัดนี้ เวลาได้ล่วงเลยไปมากเกินพอแล้ว ของรางวัลจากชัยชนะในศึกครั้งนี้มีมากมายเกินกว่าจะเสียเวลาอยู่กับความลังเลของเชลย อีกทั้งยังมีรายงานว่าฮาล์ฟออร์คบางส่วนสามารถหลบหนีไปได้ก่อนหน้า
ความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับกองกำลังเสริมของศัตรู จึงเริ่มกลายเป็นเงามืดที่คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบงัน หากพวกเขายังปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเช่นนี้ ผลลัพธ์อาจไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอีกต่อไป
ลูกเมี้ยวเค็มที่จับสังเกตอาการลังเลของเชลยและเพื่อนร่วมกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นเยียบยิ่งกว่าก่อนหน้า
“ตัดสินใจเร็วค่ะ… ลบหลู่ หรือ ตาย”
ถ้อยคำของเธอแหลมคมดั่งคมมีดกรีดใจ เหล่าเชลยที่กำลังหวั่นไหวอยู่แล้วถึงกับสะท้านเฮือก ทว่าในขณะเดียวกัน ลูกเมี้ยวเค็มก็โยนอะไรบางอย่างไปให้ไมเรล อัญมณีเม็ดหนึ่งวูบผ่านกลางอากาศ สะท้อนประกายสีรุ้งในแสงไฟสลัว
ดวงตาของไมเรลเป็นประกายทันที เขาคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มกริ่มด้วยความพึงใจ แล้วซุกมันลงใต้ชุดเกราะอย่างมิดชิด จากนั้นจึงสอดประสานจังหวะอย่างแนบเนียน ปลดปล่อยแรงกดดันของมังกรออกมาอย่างเข้มข้น
เมื่อแรงกดดันอันมหาศาลที่สืบสายเลือดจากเผ่าพันธุ์อันสูงส่งระเบิดออกมา ทั้งฮาล์ฟออร์คและเชลยมวลมนุษย์ต่างรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งมหึมาจับร่างกายไว้แน่น ราวกับถูกกดทับด้วยภูผาทั้งลูก หายใจติดขัด เลือดลมแห้งเหือดในเส้นสาย เหงื่อเย็นไหลพรากจากทั่วเรือนกาย เส้นขนบนผิวหนังทั่วตัวลุกชัน และหัวใจเต้นระรัวจนแทบแหลกสลาย
บางรายที่พลังอ่อนแอถึงกับทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าซีดขาวเหมือนศพที่ถูกชะล้างด้วยไอหนาว
แต่กระนั้น… แม้ความกลัวจะกัดกินหัวใจจนแทบไม่หลงเหลือสติ ก็ยังไม่มีเชลยแม้แต่ชีวิตเดียวที่กล้าก้าวออกมากระทำการลบหลู่เช่นที่ถูกสั่ง
ใบหน้าของลูกเมี้ยวเค็มขรึมลงเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วมุ่น ขณะกวาดสายตาไปทั่ว กลิ่นอายความดื้อดึงที่สุมอยู่ในหมู่เชลยเหล่านี้ทำให้เธอเริ่มตระหนักว่า แม้พวกเขาจะเป็นเพียงสาวกระระดับตื้นเขิน ทว่าในเรื่องของศรัทธา… พวกเขาก็เหนียวแน่นกว่าที่เธอประเมินไว้มากนัก
ในวินาทีนั้นเอง ความเข้าใจใหม่ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ
NPC พวกนี้ จริงจังกับศาสนาสุด ๆ เลยแฮะ…
ลูกเมี้ยวเค็มไตร่ตรอง ก่อนจะกวาดตามองอีกครั้ง และสายตาก็หยุดลงที่ชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งในกลุ่มเชลย… ฮาล์ฟออร์คที่สวมอาภรณ์นักบวช
ริมฝีปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ
หากจำไม่ผิด ชายผู้นี้เองคือจุดเริ่มต้น… ฮาล์ฟออร์คตนแรกที่ยอมจำนน และจุดประกายให้การต่อต้านทั้งหมดของเผ่าฮาล์ฟออร์คพังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
หากจะเริ่มต้นสั่นคลอนจิตใจของเหล่าเชลย ก็ควรเริ่มจากเขาก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อตัดสินใจได้ เธอจึงหันไปยิ้มหวานให้ชายผู้นั้น กล่าวเสียงเรียบนิ่ง
“มาค่ะ เร็ว”
สิ้นเสียงของเธอ สายตานับสิบคู่ก็หันขวับมาจับจ้องร่างของชายผู้นั้นทันที
ชารุพลันยืนนิ่งงัน เขารู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบที่ไหลลงมาตามสันหลัง ความหนาวเหน็บไหลซึมเข้าสู่กระดูกสันหลังอย่างเชื่องช้า เจือปนกับแรงกดดันรุนแรงจากสายตาอันเฉียบคมที่กำลังจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา
เหล่าเอลฟ์ที่สังหารผู้คนราวกับเด็ดหญ้าริมทางเหล่านั้น พร้อมที่จะสังหารเขาในทันที หากเขากล้าขัดขืนแม้แต่นิดเดียว
แน่นอนว่า เขาจะไม่ขัดขืน
ชารุ แม้จะเป็นนักบวช แต่ก็เป็นนักบวชที่บกพร่อง แตกต่างจากนักบวชผู้อุทิศตนในเผ่า
หากเขาตายที่นี่… วิญญาณของเขาย่อมไม่อาจหวนคืนสู่อาณาจักรแห่งเทพได้อีก ชีวิตหลังความตายของเขาก็คือความว่างเปล่า
ข้าไม่มีทางเลือก…
ในห้วงความคิดสุดท้ายของเขา เหตุผลที่ทำให้เขายอมจำนนตั้งแต่ต้นก็กระซิบก้องขึ้นมาอีกครั้ง เขากลัวตายอย่างที่สุด กลัวความว่างเปล่า กลัวการดับสูญยิ่งกว่าความอัปยศ
ให้ยอมตายอย่างสง่าผ่าเผยน่ะเรอะ?
ข้ายอมอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีดีกว่า…
ใบหน้าของชารุหม่นหมองลงอย่างน่าเวทนา ดวงตาที่เคยเปล่งประกายศรัทธาบัดนี้กลับว่างเปล่าไร้แวว เขาก้าวออกมาจากกลุ่มเชลยอย่างเชื่องช้า
เมื่อเห็นชารุยอมก้าวออกมา เหล่าฮาล์ฟออร์คที่เหลือต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตะลึงงัน สีหน้าของพวกเขาสะท้อนถึงความไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เสียงฮือฮาแผ่วเบาเริ่มปะทุขึ้นในหมู่เชลยอย่างไม่อาจควบคุม
ภายใต้สายตาหลั่งไหลของทุกคู่สายตา ชารุขบกรามแน่น มือทั้งสองกำแน่นจนสั่นสะท้าน แล้วเดินตรงไปยังรูปปั้นที่วางอยู่รงหน้า
รูปเคารพของเทพแห่งเหมันตฤดูและการล่า อูลร์
เสียงถอนหายใจหนักอึ้งหลุดออกจากริมฝีปากของชารุ เขากัดฟันแน่น ข่มความเจ็บปวดในอก ก่อนจะก้มหน้าลง ถ่มน้ำลายใส่รูปปั้น ไม่ต่างอะไรกับนักโทษที่ก้าวขึ้นแท่นประหารด้วยสองขาของตน
ในชั่วเสี้ยววินาทีที่หยดน้ำลายกระทบลงบนฐานรูปปั้น พลังศรัทธาที่เคยเปล่งประกายในร่างของเขาก็แตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง พลังระดับเงินขั้นต้นที่เขาเคยครอบครองหายวับไปในพริบตา เหลือเพียงกายเนื้ออ่อนแอของฮาล์ฟออร์คธรรมดาผู้หนึ่ง
การหันหลังให้เทพ ย่อมหมายถึงการสูญเสียพรที่เคยได้รับมาทั้งหมด ทว่า… ในใจของชารุกลับว่างเปล่า ไม่มีทั้งความสิ้นหวังหรือเสียใจอีกต่อไป
ช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด ก็คือก่อนตัดสินใจ
แต่เมื่อหันหลังให้แล้ว ก็แค่ความว่างเปล่า เฉยชา จนไม่รู้สึกอะไรอีก
เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ดวงตาเหม่อลอยไปยังจุดว่างเปล่าเบื้องหน้า ราวกับวิญญาณได้ปลิดปลงเสียแล้ว แม้กระทั่งคำพูดของลูกเมี้ยวเค็มที่เอ่ยชมเชยว่า ‘ดีมาก’ ก็ยังไม่อาจเรียกแม้แต่การขยับสายตาจากเขาได้
การทรยศต่อศรัทธาของนักบวชเพียงหนึ่งเดียว เปรียบเสมือนหินก้อนแรกที่กลิ้งลงจากยอดเขา จุดชนวนให้เกิดหิมะถล่มในจิตใจของเหล่าฮาล์ฟออร์คตนอื่นที่ศรัทธายังไม่แข็งแกร่งพอ
ในชั่วพริบตานั้นเอง… ฮาล์ฟออร์คจำนวนมากพลันตระหนกจนหน้าชา เส้นด้ายบางที่ยึดโยงหัวใจพวกเขาไว้กับศรัทธา ได้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่อาจฟื้นฟู
และก่อนที่บรรยากาศจะหยุดนิ่งนานเกินไป ผู้เล่นที่คุมเชลยอยู่ก็ร้องอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกปนยินดี เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นแสงแห่งศรัทธาที่เคยล้อมรอบตัวฮาล์ฟออร์คหลายคนดับวูบลงอย่างพร้อมเพรียง
พวกเขากลายเป็นผู้ไร้ศรัทธาไปแล้ว
ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากไมเรล และการเร่งเร้าจากลูกเมี้ยวเค็ม เชลยฮาล์ฟออร์คและมนุษย์คนแล้วคนเล่า ก็จำยอมเดินออกจากแถวอย่างสิ้นหวัง ทีละคน… ทีละคน เพื่อก้าวไปกระทำการลบหลู่รูปปั้นอย่างจำนน
จากเชลยกว่าร้อยชีวิต ท้ายที่สุด เหลือเพียงฮาล์ฟออร์คชราผู้หนึ่งเท่านั้น ที่เลือกเส้นทางสุดท้ายอย่างกล้าหาญ เขาพุ่งศีรษะเข้าชนก้อนหินขนาดใหญ่จนเสียชีวิต ทิ้งร่างไร้วิญญาณไว้บนผืนดิน
ลูกเมี้ยวเค็มทอดสายตาลงมองศพชายชรา ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา สี้ยวหนึ่งของสีหน้าเธอเผยแววสลดที่มิอาจปิดบังได้
ชีวิตที่ดับสิ้นตรงหน้า ทำให้เธอนึกถึงความจริงที่ผู้เล่นหลายคนมักหลงลืมไปในสนามรบ
NPC ภายในเกมนี้ ไม่ใช่แค่ชุดข้อมูลตัวเลขที่ไร้ชีวิต หากแต่พวกเขาคือผู้มีชีวิต มีเลือด มีเนื้อ มีหัวใจ ไม่ต่างจากมนุษย์ของจริง
แม้จะเป็นศัตรู แม้จะเป็นอุปสรรคในภารกิจ ก็ปฏิเสธความจริงข้อนี้ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นนักบวชฮาล์ฟออร์คผู้สละชีวิตเพื่อเผ่าพันธุ์อย่างมหาคีรี ราชาของเหล่าฮาล์ฟออร์คอย่างไลออนฮาร์ทอิมช์ หรือแม้แต่ชายชราผู้นี้… ทุกชีวิตต่างมีเรื่องราวของตนเอง มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง แม้สุดท้ายจะต้องพ่ายแพ้ก็ตาม
ลูกเมี้ยวเค็มขบคิด ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปมองกลุ่มเชลยที่ยังหลงเหลืออยู่ ด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวขึ้น
สงครามก็คือสงคราม
ชายชราผู้ที่กล้าเลือกความตาย สมควรได้รับการเคารพอย่างยิ่ง แต่ฮาล์ฟออร์คและมนุษย์ที่เหลือ… ผู้ที่เลือกสวามิภักดิ์ด้วยหัวใจอันว่างเปล่าเหล่านี้ ก็คือทรัพย์สินของพวกเธอเช่นกัน!
ด้วยความคิดที่กระจ่างแจ้ง ลูกเมี้ยวเค็มพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วออกคำสั่งให้เคลื่อนทัพกลับทันที ทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่ได้มาในภารกิจครั้งนี้มีมากเกินกว่าที่พวกเธอคาดหวังไว้ จำเป็นต้องรีบส่งกลับเขตแดนเอลฟ์โดยเร็วที่สุด
แน่นอนว่า เหล่าผู้เล่นที่ลิ้มรสชัยชนะจากศึกนี้ ต่างก็เริ่มตั้งตารอเป้าหมายถัดไปด้วยความกระหายใจจดใจจ่อ
นั่นคือหมู่บ้านฮาล์ฟออร์คแห่งถัดไป
…
ชารุไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินทางออกจากทะเลทรายมรณะพร้อมกับเหล่าเอลฟ์ได้อย่างไร
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาลบหลู่รูปปั้นเทพ หัวใจของเขาก็เหมือนหลุดหายไปทั้งดวง เหลือเพียงเปลือกกายที่เดินตามแรงพัดของโชคชะตาอย่างไร้สติ ความว่างเปล่ากัดกินหัวใจจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อต้านหรือแม้แต่จะตั้งคำถามกับโชคชะตาของตนเองอีกต่อไป
…เสียใจ?
…ก็อาจจะใช่
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกละอายใจยิ่งกว่านั้น คือความโล่งลึก ๆ ในใจ ที่ตนยังมีชีวิตรอดมาได้ ถึงจะต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีและศรัทธาทั้งหมดที่มีอยู่ก็ตาม
ทั้งที่เพิ่งลบหลู่พระบิดาไปแบบนั้น
ข้ากลับรู้สึกโชคดีที่ยังไม่ถูกลงทัณฑ์
น่าละอายสิ้นดี…
เขารู้ตัวดี ว่าต่อแต่นี้ไป คงไม่มีวันได้เหยียบทะเลทรายมรณะอีกชั่วชีวิต
การหันไปมอบศรัทธาให้เทพองค์อื่น ยังได้รับการให้อภัย และเป็นที่ยอมรับได้ง่ายกว่าผู้ลบหลู่องค์เทพด้วยซ้ำ…
ดังนั้น ชารุจึงปล่อยให้ตนเองถูกกระแสแห่งโชคชะตาพัดพาไปอย่างเงียบงัน ข้ามเทือกเขาทมิฬอันสูงชัน ข้ามหุบผาลึกดำมืดสู่โลกอีกฟากหนึ่ง จนในที่สุด ก็เดินทางมาถึงซากเมืองเอลฟ์เก่าแก่ซึ่งซุกตัวอยู่กลางหุบเขา
…หรือบางที จะเรียกว่าซากเมืองก็คงไม่ถูกต้องอีกต่อไป เพราะสถานที่แห่งนี้ กำลังฟื้นคืนชีพอีกครั้งอย่างมั่นคง
ชารุเคยได้ยินชื่อของสถานที่แห่งนี้มาบ้างในอดีต ที่นี่ คือหนึ่งในเจ็ดนครศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์ยุคโบราณ มีนามว่าริเวนเดลล์
ทันทีที่ขบวนเชลยเหยียบย่างเข้าสู่เขตนคร เอลฟ์มากมายก็หลั่งไหลออกมาจากทุกสารทิศ ล้อมรอบพวกเขาไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเอลฟ์ที่เคยเผชิญหน้าบนสนามรบ
ชารุสาบานได้ว่า ตลอดชีวิตของเขา ไม่เคยเห็นเอลฟ์รวมตัวกันมากมายเช่นนี้มาก่อน
แม้ชุดเกราะของพวกเขาจะดูด้อยกว่าพวกนักรบที่จับตัวเขามา หากแต่ท่าทีร่าเริง กระฉับกระเฉง และสายตาเปล่งประกายอย่างมีชีวิตชีวา กลับทำให้บรรยากาศทั้งเมืองดูมีคึกคักอย่างน่าประหลาด
เพียงแค่ปรายตาครั้งเดียว ชารุก็สามารถสัมผัสได้ทันทีว่า เอลฟ์เหล่านี้ ล้วนสังกัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน นั่นคือพวกที่นับถือเทพมารนั่นเอง
สายตาที่พวกเอลฟ์ใช้มองพวกเขา ช่างละม้ายคล้ายกับสายตาของพ่อค้าทาสมนุษย์ที่เคยจับเอลฟ์ขายในตลาดมืด… เต็มไปด้วยความโลภ ความอยากได้อยากมี และประกายระยิบระยับที่ทำให้ขนลุกซู่
แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในริเวนเดลล์นานนัก เพราะไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ถูกนำตัวไปยังเหมืองใต้ดินลึกแห่งหนึ่ง
ชะตากรรมที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าปรากฏชัดเจนในไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาถูกประทับตราด้วยรหัสประจำตัว ถูกบังคับให้ลงนามในพันธะทาส และได้รับอีเตอร์เหล็กคนละด้ามเป็นเครื่องมือประจำตัว
“หน้าที่ของพวกเจ้า คือขุดแร่”
“ขุดได้มากก็มีเนื้อกิน ขุดได้น้อยก็ลดอาหารลงครึ่งหนึ่ง หากทำงานดี… เราก็จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างเลวร้าย”
เสียงประกาศของเอลฟ์ที่ควบคุมเหมืองดังขึ้นอย่างชัดเจน ก้องกังวานในโถงหิน
พวกเขากลายเป็นคนงานเหมืองอย่างสมบูรณ์
ทาสในเหมืองงั้นเหรอ…
แต่ก็ดีกว่าตายล่ะนะ
เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ความสงบเรียบร้อย ชารุก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
ความรู้สึกโล่งอกปะปนกับความเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยที่สุด เอลฟ์พวกนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจฆ่าพวกเขาทิ้งอย่างเลือดเย็นดังที่เคยเล่าขานกัน
และที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาไม่ได้ถูกจับไปเสียบไม้ย่างไฟอย่างที่คำร่ำลือเลวร้ายในทะเลทรายเคยกล่าวอ้าง
ด้วยความรู้สึกปลงตกในชะตากรรม ชารุจึงยกอีเตอร์ขึ้นแนบมือแน่น และเริ่มต้นขุดดินแข็ง ๆ ของเหมืองใต้ดินนั้นอย่างเงียบงัน
…
กลุ่มผู้เล่นชุดแรกที่บุกเข้าสู่ทะเลทรายมรณะ มีมากถึงกว่าสองพันชีวิต
โดยส่วนใหญ่รวมตัวกันเป็นกลุ่มขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มีสี่สมาคมใหญ่คอยเป็นแกนกลางในการนำทางและประสานงานภายในเขตแดนกว้างใหญ่สุดสายตานี้
เมื่อเวลาค่อย ๆ ล่วงผ่านไป ข่าวสารจากทะเลทรายก็ถูกส่งกลับมาอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ใหม่ที่เคยเป็นเพียงภาพร่างลางเลือนจึงค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นทีละน้อย จากการสำรวจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเหล่าผู้กล้า
ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายมรณะ ก็ถูกรวบรวมบันทึกเข้าไปในสารานุกรมของเกมอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า จุดสนใจอันดับหนึ่งของทุกคน ย่อมตกอยู่ที่ตัวเอกของทะเลทรายแห่งนี้ นั่นคือเผ่าฮาล์ฟออร์ค
พิกัดที่ตั้งของหมู่บ้านฮาล์ฟออร์คแต่ละแห่ง ถูกผู้เล่นค้นพบและบันทึกลงบนแผนที่อย่างเป็นระเบียบ แต่บางพิกัดเพิ่งถูกจดลงได้ไม่นาน ก็ถูกลบทิ้งจากภูมิประเทศอย่างรวดเร็ว…
ยิ่งไปกว่านั้น บางแห่งยังไม่ทันได้บันทึกลงแผนที่ด้วยซ้ำ ก็ถูกผู้เล่นกวาดล้างจนสิ้นซากแล้ว
แน่นอนว่า หมู่บ้านที่ถูกกำจัดอย่างง่ายดายเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ไม่มีการป้องกันเข้มแข็งนัก แต่เมื่อการสำรวจลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
ฮาล์ฟออร์คแห่งทะเลทรายมรณะ หาได้ยากจนข้นแค้นดังที่คาดคิดกันไว้
ตรงกันข้าม… หมู่บ้านฮาล์ฟออร์คแต่ละแห่งกลับสะสมทรัพย์สมบัติไว้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังที่มีการติดต่อค้าขายอย่างใกล้ชิดกับสมาคมการค้าโซเรน ทำให้พวกเขามียุทโธปกรณ์และเสบียงสงครามสะสมอยู่ในระดับที่น่าเกรงขาม
โชคร้ายที่พวกเขาไม่ทันได้ใช้สิ่งของเหล่านั้น… ก็ต้องถูกผู้เล่นกวาดไปเสียก่อน
การปล้นหมู่บ้านฮาล์ฟออร์ค ค่อย ๆ กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมอันดับหนึ่งของหน่วยสำรวจแผนที่ และเป็นอีกหนึ่งวิธีในการหาเงินอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า เมื่อมีชัยชนะ ก็ต้องมีความล้มเหลวตามมา เพราะไม่ใช่ว่าหมู่บ้านฮาล์ฟออร์คทุกแห่งจะอ่อนแอเหมือนหมู่บ้านของชารุ
หมู่บ้านบางแห่งแข็งแกร่งเกินกว่าที่ผู้เล่นประเมินไว้ และไม่ใช่ทุกการโจมตีที่ลงเอยด้วยชัยชนะเสมอไป
ยิ่งผู้เล่นลุยลึกเข้าไปกลางทะเลทรายมรณะมากเท่าไร ข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าฮาล์ฟออร์คก็ยิ่งกระจ่างชัดมากขึ้นเท่านั้น
และข้อสรุปสำคัญประการหนึ่งที่ทุกคนต้องยอมรับก็คือ เหล่าฮาล์ฟออร์คในทะเลทรายมรณะกำลังรวบรวมกำลังพลอย่างเงียบงัน เตรียมพร้อมสำหรับสงครามครั้งใหญ่ เป้าหมายที่พวกเขามุ่งหวัง คือป่าเอลฟ์ อันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหล่าผู้เล่นแล้ว เรื่องเป้าหมายของฮาล์ฟออร์คดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาใส่ใจนัก
…เรื่องใหญ่แบบนั้น
ปล่อยให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่เขารับมือเถอะ
ต่อให้ท้องฟ้าจะถล่มลงมา ก็ยังมีเทพธิดาคอยแบกรับไว้แทนอยู่ดี สิ่งที่พวกเขาต้องทำ มีเพียงรอฟังคำสั่ง เทพธิดาชี้ไปที่ใด พวกเขาก็แค่ลุยไปที่นั่นอย่างเต็มกำลัง
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง หน่วยสำรวจจากคณะกรรมการโมเอะโมเอะ ก็กลับมาจากทะเลทรายพร้อมของขวัญชิ้นใหญ่มากกว่าที่คาดหวังไว้…
พวกเขานำเชลยฮาล์ฟออร์คและมนุษย์กลับมามากกว่าร้อยคน!
ไม่เพียงเท่านั้น… เชลยเหล่านั้นยังถูกจับแปรสภาพเป็นคนงานเหมือง ด้วยการบังคับอย่างเต็มรูปแบบ และเมื่อผ่านการทดลองงานจริง เชลยที่ถูกบังคับให้ละทิ้งศรัทธาเหล่านี้ ก็ทำผลงานได้ดีเกินคาดด้วยซ้ำ!
ข่าวลือแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว เพราะในขณะนี้ ป่าเอลฟ์กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะตำแหน่งคนงานเหมืองในริเวนเดลล์
และด้วยกระแสความนิยมของปืนเวทมนตร์ ราคาของมิทริลและหินเวทมนตร์ในตลาดก็พุ่งสูงขึ้นถึงห้าเท่า เมื่อเทียบกับช่วงทดสอบรอบสาม!
กล่าวได้ว่า ใครมีธุรกิจเหมือง ผู้นั้นย่อมร่ำรวยมหาศาล!
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่ใช้เชลยฮาล์ฟออร์คเป็นแรงงาน พวกผู้เล่นก็ยังเอาเชลยเหล่านี้ไปขายให้กับคนแคระแห่งโลกใต้พิภพได้ในราคาสูงลิบ
ในพริบตาเดียว สายตาของเหล่าผู้เล่นจึงหันกลับไปยังทะเลทรายมรณะอีกครั้งด้วยความกระหายที่พลุ่งพล่านกว่าเดิม
แต่ครั้งนี้ สิ่งที่พวกเขาหมายตาไว้ ไม่ใช่แค่หัวของฮาล์ฟออร์ค หรือทรัพย์สินในหมู่บ้านอีกต่อไป
เป้าหมายของพวกเขา… คือตัวฮาล์ฟออร์คเอง!
และเมื่อหัวหน้าสมาคมคณะกรรมการโมเอะโมเอะ ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์การจับฮาล์ฟออร์คอย่างละเอียดในเว็บบอร์ด พร้อมเทคนิคต่าง ๆ ในการเปลี่ยนพวกมันให้เป็นแรงงาน… กระแสความกระหายของผู้เล่นทั้งหลายก็ปะทุถึงขีดสุด
…
การเคลื่อนไหวอันคึกคักเหล่านี้ ย่อมไม่รอดพ้นจากสายตาของอีฟ เทพธิดาผู้เฝ้ามองโลกเบื้องหลังมาโดยตลอด
เธอทำได้เพียงยิ้มแห้ง พลางพึมพำอย่างปลงตก
ตราบใดที่พวกเขาไม่พาสาวกระดับสูงกลับมาด้วย…
ไม่พาพวกนั้นเข้าเขตของเอลฟ์..
แล้วก็ไม่ลบหลู่รูปปั้นในวิหารของเค้า…
นอกนั้นก็… เอาที่สบายใจเลยค่ะ…
อีฟส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ท่ามกลางกระแสความบ้าคลั่งที่กำลังเชี่ยวกราก เกินกว่าที่ผู้พิทักษ์ต้นหอมองค์หนึ่งจะหยุดยั้งได้…
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: เฮ้อ… 😔 ดิฉันเพิ่งอ่านจบก็ได้แต่ถอนหายใจเลยค่ะ ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่สงครามธรรมดาแล้ว… มันคือการ บั่นทอนหัวใจ ของผู้คนจริง ๆ นะ… 😢
โนเอล: ☕เห็นด้วยอย่างสุดหัวใจค่ะ บางครั้งการมีชีวิตต่ออย่างไร้สิ่งยึดเหนี่ยว มันเจ็บลึกกว่าการจบชีวิตเสียอีก… การที่ลูกเมี้ยวเค็มกล้าแบกรับบทปีศาจในสายตาของคนเหล่านั้น ก็ยิ่งตอกย้ำเลยค่ะว่าการที่พี่อีฟไม่ให้ผู้เล่นรู้ ว่านี่คือโลกอีกใบ ได้สร้างความเลือดเย็นขึ้นมาขนาดไหน…
ลิลี่: 😿😿😿
มันเดย์: แต่นั่นแหละชีวิตจริงในซากัส ถ้าอ่อนแอ… ก็โดนบดขยี้เท่านั้นเอง
ถั่ว: สาวเมดวิเคราะห์ตึง ๆ กันเฉยเลยแฮะ จะว่าไป เอไอมีประเด็นเรื่องสิทธิอย่างแรง น่าจะไม่ชอบบรรยากาศแนวสร้างทาสสุด ๆ
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION