ป่าเอลฟ์ได้เข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
หลังจากความสงบสุขยาวนานเกือบหนึ่งเดือน เมืองฟลอเรนซ์ก็ได้ต้อนรับแขกผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เธอคือมังกรแดงโตเต็มวัย ปรากฏกายขึ้นเหนือฟากฟ้าของป่าเอล เสียงปีกที่แหวกอากาศดังกึกก้อง ปานจะปลุกทั้งแผ่นดินให้ตื่นจากนิทรา
ข่าวการมาถึงของมังกรแดงแพร่กระจายไปทั่วดินแดนอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ในหมู่เอลฟ์เท่านั้น แต่ยังสะเทือนถึงผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์
แม้ผู้เล่นหน้าใหม่จำนวนมากยังไม่ทันเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับผู้เล่นรุ่นเก๋าแล้ว พวกเขาต่างรู้ดีว่าเหตุการณ์สำคัญกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่า ๆ! มังกรตัวใหม่มาแน่ คราวนี้ต้องได้ทำพันธะกับมังกรน้อยให้ได้!”
“ในที่สุดก็มาจนได้!”
“หวังว่าเราจะเป็นหนึ่งในห้าคนนั้น…”
เสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นเริ่มดังกระหึ่มไปทั่ว ผู้เล่นระดับสูงหลายคนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉง ในขณะที่ผู้เล่นใหม่ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและใคร่รู้
“มังกรน้อย? พันธะอะไรเหรอพี่?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ และไม่นานนัก บรรดาผู้เล่นสายทดสอบจากช่วงก่อนหน้าก็เริ่มอธิบายด้วยความกระตือรือร้น
“มันคือระบบ คู่หูมังกร’ ที่เพิ่งอัปเดตมาไม่นานมานี้น่ะ เป็นสัตว์เลี้ยงเวทมนตร์สุดพิเศษที่ทำพันธะสหายได้ ใครที่ผ่านเนื้อเรื่องพิเศษหรือถูกมังกรเลือก จะเชื่อมพันธะกับพวกมันได้โดยตรง ว่ากันว่าเป็นเพราะเทพธิดาอีฟทำข้อตกลงกับเทพเผ่ามังกร ทำให้เกิดกิจกรรมรายเดือน เป็นอีเว้นท์มังกรบินมาจากเกาะ มอบไข่ให้เทพธิดาทีละห้าฟอง!”
“ก็คือจะมีผู้โชคดีแค่ห้าคนต่อเดือนเหรอ?”
“ใช่เลย! แต่ใครที่ได้มังกรไปนะ ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน! พวกมันไม่ใช่แค่มอนทั่วไปนะ มันฉลาดเท่า NPC แถมพลังยังจัดจ้านอีกต่างหาก อย่างเจ้ามังกรทองของพวกเริงโลกนั่น ถึงจะยังอยู่ระดับเหล็กขั้นสูง แต่ฝีมือจริง ๆ เทียบชั้นกับระดับเงินเลยทีเดียว!”
“ว้าว… นี่มันสูตรโกงชัด ๆ…”
เสียงอุทานอย่างอิจฉาปะปนกับความใฝ่ฝันดังขึ้นทั่วเมือง ขณะที่ผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ต่างทยอยกันมุ่งหน้าสู่ใจกลางป่าเอลฟ์โดยไม่ลังเล
ปรากฏการณ์คู่หูมังกร ได้กลายเป็นกระแสที่ก่อความคลั่งไคล้มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังมีเพียงไม่กี่คนที่ได้พันธะกับมังกร แต่ผู้เล่นมากมายก็ยังคงพยายามค้นหาข้อมูลอย่างไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นมังกรแดง ตัวแทนแห่งพลังของสายมังกรสี ที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งไม่แพ้มังกรทองเลยแม้แต่น้อย
เหล่าผู้เล่นระดับสูงต่างมั่นใจว่ารอบนี้ มังกรที่จะมอบพันธะ ต้องมาจากสายมังกรสีอย่างแน่นอน
และเมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศในฟลอเรนซ์ก็ยิ่งแน่นขนัดด้วยผู้เล่นที่มารอรับโอกาสครั้งสำคัญ
ทว่าท่ามกลางความคึกคักของฝูงชน จุดสนใจกลับไปหยุดอยู่บนยอดหอคอยสูงที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์
ณ หอคอยแห่งนั้น มังกรแดงทิบิเลียกำลังนั่งอย่างสง่างาม ราวกับราชินีผู้ปกครองโลกทั้งใบ
เธอไม่แม้แต่จะเหลียวแลแรงสั่นสะเทือนของหอคอยที่แทบจะรับน้ำหนักของร่างเธอไม่ไหว ดวงตาของทิบิเลียจ้องมองเบื้องล่างไปยังฝูงเอลฟ์และผู้เล่นที่เบียดเสียดกันแน่นลานกว้างด้วยแววตาเหยียดหยาม
“พวกนี้น่ะเรอะ… พวกเอลฟ์ที่เจ้าพ่อเฒ่ายกย่องว่ายอดเยี่ยม? พลังกาก ๆ แค่นี้ แต่คิดจะมาเป็นพันธมิตรกับมังกร?”
เสียงของเธอดังกังวาน หนักแน่นและเปี่ยมด้วยอำนาจ ความดูแคลนแผ่ซ่านออกมาจากทุกถ้อยคำราวกับแรงกดอากาศที่บีบรัดหัวใจ
มังกรแดง คือตัวแทนแห่งอำนาจสูงสุดในหมู่มังกรสี และยังเป็นสายพันธุ์ที่หยิ่งทะนงมากที่สุดในบรรดามังกรทั้งมวล พวกมันถือว่าตนเองคือราชันผู้เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร หากอีกฝ่ายไม่อาจพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ให้ประจักษ์
ท่ามกลางสายลมอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทิบิเลียยังคงทอดสายตามองเหยียดมาที่เบื้องล่าง และเมื่อเธอสังเกตเห็นลูกมังกรสัมฤทธิ์กำลังยืนอยู่ใกล้หญิงสาวมนุษย์ เธอก็แค่นหัวเราะในลำคอ
“ยังจะมีมังกรสัมฤทธิ์อีกด้วยงั้นรึ…หึ ในฐานะมังกรผู้สูงศักดิ์ แกยังกล้ามาเกลือกกลั้วกับพวกเอลฟ์ปัญญาอ่อนแบบนี้อีกหรือ… เป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี มังกรโลหะน่ะ ก็สมกับที่ข้าคิดไว้จริง ๆ ไม่ต่างจากพวกอ่อนแอที่ชอบอ้างอิงศักดิ์ศรีแต่ไร้พลัง”
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความยโสอย่างที่สุด ขณะเหลือบมองไปยังความฝันแสนสงบและคัตยูชาที่แอบหลบอยู่ด้านหลัง ร่างเล็กของลูกมังกรสัมฤทธิ์สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด มันรีบซุกเข้าหาหญิงสาวผู้เป็นคู่หูอย่างไว ทิ้งไว้เพียงหัวกลมโตที่โผล่ออกมา ส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ด้วยความโมโห
ทว่าเสียงขู่ที่ตั้งใจจะข่มขวัญกลับกลายเป็นเพียงภาพน่าเอ็นดูในทุกสายตารอบข้าง
แน่นอนว่า ร่างกายของลูกมังกรนั้นใหญ่โตเกินกว่าจะพรางตัวอยู่เบื้องหลังใครได้ แม้จะพยายามซ่อนเร้นเพียงใดก็ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาได้เลยสักนิด
ท่าทางขี้ขลาดของลูกมังกรสัมฤทธิ์ที่ยืนหลบอยู่เบื้องหลังความฝันแสนสงบ ยิ่งกระตุ้นให้ทิบิเลียเผยแววตาดูแคลนออกมาอย่างเด่นชัด ดวงตาสีอำพันกวาดมองไปรอบบริเวณอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนจะเชิดศีรษะขึ้นอย่างสง่างาม แล้วเปล่งเสียงแหลมสูงสะท้านฟ้า
“หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน? รีบออกมาคารวะต่อหน้ามังกรแดงทิบิเลียผู้ยิ่งใหญ่เสียที!”
ทว่าท่าทีอวดดีของเธอกลับไม่ได้จุดชนวนความไม่พอใจในหมู่ผู้เล่นอย่างที่คาดไว้ ตรงกันข้าม เสียงซุบซิบอย่างตื่นตาตื่นใจเริ่มดังขึ้นไม่ขาดสาย ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นขณะจับจ้องรูปลักษณ์ของมังกรตรงหน้า
สง่างาม!
เย่อหยิ่ง!
และเต็มไปด้วยออร่าสุดควีน!
สำหรับผู้เล่นจำนวนมาก ทิบิเลียเปรียบได้กับปลากัดพันธุ์หายาก ที่ทั้งงดงามและดุดันในคราวเดียว เป็นลักษณะของ NPC ที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ประเภทที่ยิ่งแสดงอารมณ์ด้านลบออกมา ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจได้อย่างดี
ในโลกของเกมแล้ว NPC ที่ยิ่งดูทรงพลัง ลึกลับ หรือแสดงอารมณ์ด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน มักจะกลายเป็นตัวละครขวัญใจแฟน ๆ อย่างง่ายดาย และทิบิเลียก็กำลังทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทว่าในอีกฟากหนึ่งของอารมณ์ เอลฟ์ผู้เฝ้าพิทักษ์เมืองกลับไม่อาจยอมรับภาพที่เห็นตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เพราะมังกรแดงตัวนั้น กำลังนั่งตระหง่านอยู่บนยอดหอคอยของวิหารฟลอเรนซ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเอลฟ์ การกระทำของเธอไม่เพียงแต่หยามศักดิ์ศรี แต่ยังราวกับย่ำยีความศรัทธาที่พวกเขายึดมั่นมาตลอดชีวิต
“อีนังมังกรแดง! ลงมาจากวิหารเดี๋ยวนี้! หรือเจ้าคิดจะลบหลู่องค์เทพกันแน่?!”
เสียงตะโกนดังกังวานมาจากบุรุษชราในชุดนักบวช ซามีร์ เกล หัวหน้านักบวชแห่งวิหารฟลอเรนซ์
ดวงตาสีอำพันของทิบิเลียเบนมองลงมาอย่างเฉื่อยชา แต่เมื่อได้เห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นเพียงเอลฟ์ระดับเงินขั้นกลาง ความดูแคลนก็ยิ่งฉายชัดผ่านม่านตา เส้นตั้งในดวงตาของเธอราวกับขีดเส้นตัดความสำคัญของอีกฝ่ายออกไปอย่างไม่ใยดี
เธอกำลังจะกล่าววาจาเยาะเย้ยกลับไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง หากไม่ใช่เพราะสิ่งหนึ่งที่ดึงสายตาเธอไว้ทัน…
ชุดนักบวชของอีกฝ่าย กับตราสัญลักษณ์ประจำวิหารที่เย็บปักอย่างวิจิตรงดงาม
ทิบิเลียชะงัก…
และเมื่อเธอก้มมองลงไปยังพื้นที่ใต้ร่างตนเอง ก็พบสัญลักษณ์เวทที่แฝงพลังศักดิ์สิทธิ์ชัดเจนอยู่บนยอดหอคอย
สีหน้าของราชินีมังกรที่เคยหยิ่งทะนงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความลังเลฉายแววออกมาผ่านรอยย่นของคิ้ว
ความเย่อหยิ่งสั่นคลอน ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวต่อเอลฟ์ แต่เป็นเพราะกลัวการล่วงเกินอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือแม้มังกร
ผู้เล่นจำนวนหนึ่งเริ่มส่งสัญญาณหากัน สายตาปราดมองไปรอบด้วยความตื่นเต้นปนสับสน ขณะเดียวกันก็อดขำไม่ได้กับความเป็นไปได้ที่ลอยเข้ามาในหัวพร้อมกันว่า…
อย่าบอกนะว่านั่งทับไปมั่ว ๆ?!
พวกเกรี้ยวกราดแต่เปิ่นสินะ!
ในขณะที่เสียงหัวเราะค่อย ๆ เริ่มซึมเข้าสู่บรรยากาศ มังกรแดงกลับเริ่มแสดงอาการลังเลจริงจังขึ้นทุกขณะ แม้จะพยายามคงท่าทีโอหังไว้ แต่ความเคลื่อนไหวของเธอกลับแข็งกระด้างขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม… ก่อนที่ความเครียดจะขมวดแน่นขึ้นไปกว่านี้ เสียงคำรามแสบแก้วหูหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นอย่างฉับพลัน
“RUA——!!!”
เสียงตะโกนปนคำรามที่แหวกอากาศลงมาราวพายุหมุน ไม่ทันให้ใครตั้งตัว กระแสลมแรงก็กระหน่ำลงสู่ลานกว้างกลางเมือง
เงาดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า ปีกกว้างดั่งม่านรัตติกาลกำลังแผ่คลุมทุกสายตา มังกรดำ ไมเรล ปรากฏกายอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีผู้เล่นสาวหน้าตาคุ้นเคยประจำอยู่บนหลัง
“ไมเรล! ช้าหน่อยสิ! จะตกอยู่แล้วนะ!”
เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของเด็กสาวดังลั่นฟ้า ก่อนจะจบลงด้วยเสียงถอนหายใจเหนื่อยหน่ายจากมังกรดำที่บินวนชะลอจังหวะอย่างเสียมาด
“เอ่อ… ท่านไมโรลขอกล่าวอย่างจริงใจว่าขอโทษ…”
คำขอโทษที่ฟังดูแห้ง ๆ ของไมเรลหลุดออกมา ขณะลดระดับลงสู่พื้นพร้อมกับท่าทางที่แสดงออกชัดว่าเสียศูนย์ไปไม่น้อย
ดวงตาของทิบิเลียฉายแววแปลกใจทันทีที่เห็นอีกฝ่าย เธอกะพริบตาหนึ่งครั้งด้วยความประหลาดใจที่ซ่อนอยู่ใต้แววตาเย็นชา
“มังกรดำ?”
ในขณะเดียวกัน ไมเรลก็เอียงคอมองกลับมา
“มังกรแดง?”
สายตาของทั้งสองต่างสะท้อนความสงสัยใคร่รู้ ก่อนที่ท่าทีจะเปลี่ยนฉับพลัน เมื่อสายตาของทิบิเลียเหลือบไปเห็นลูกเมี้ยวเค็มกระโดดลงจากหลังไมเรล
“ไม่นึกเลยว่า… มังกรดำจะตกต่ำถึงขนาดนี้ ถึงขั้นยอมให้แมลงตัวกระจ้อยแบบนั้นขี่หลังได้!”
เธอเปล่งวาจาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ราวกับกำลังเหยียบย่ำเกียรติของอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำแหลมคมที่สุด
“ว่าไงนะ?! นังกิ้งก่าย่างเกรียม!”
ไมเรลระเบิดอารมณ์ทันที ดวงตาสีแดงพลันลุกวาบขึ้นเหมือนถ่านไฟโดนน้ำมันราดซ้ำ…
แม้ว่าเผ่ามังกรสีจะขึ้นชื่อว่ามีพลังรุนแรงกว่าเผ่ามังกรโลหะโดยทั่วไป แต่ภายในเผ่าของพวกมันกลับขาดความสามัคคีโดยสิ้นเชิง ต่างจากมังกรโลหะที่มักรวมตัวเป็นปึกแผ่นภายใต้ระเบียบและลำดับชั้นที่ชัดเจน
มังกรสีแต่ละตนล้วนถือว่าตนเองเป็นที่สุดในด้านพลัง และไม่ยอมศิโรราบต่อใครง่าย ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มังกรแดงและมังกรดำ สองสายพันธุ์ที่ถือเป็นตัวแทนของพลังดิบอันร้อนแรง มังกรแดงขึ้นชื่อในด้านความก้าวร้าวและพลังทำลายล้างขั้นสุด ขณะที่มังกรดำมีชื่อเสียงในด้านความอึด ถึก โหดเหี้ยม และความอาฆาต
เมื่อมังกรทั้งสองสายมาเผชิญหน้ากัน จึงมักลงเอยด้วยการวิวาทตั้งแต่ยังไม่ทันพูดครบสามประโยค และเหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น
แม้ว่าไมเรลจะเป็นมังกรดำยุคใหม่ ที่ได้รับฉายาว่าหมาไซหัวใจเงิน สื่อถึงธรรมชาติอ่อนโยนที่แตกต่างจากมังกรดำรุ่นก่อน แต่สายเลือดในตัวเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยสัญชาตญาณแห่งนักล่า
และเมื่อถ้อยคำหยามเหยียดพุ่งมาถึงตัวเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคำดูแคลนนั้นพาดพิงถึงลูกเมี้ยวเค็ม ผู้เป็นสหายร่วมรบและหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาไว้ใจ ความอดกลั้นก็พังทลายลงในพริบตา
ทว่าทางด้านทิบิเลียก็ไม่ต่างกัน คำว่ากิ้งก่าย่างเกรียมที่ออกจากปากอีกฝั่ง คือการจุดไฟบนถังเชื้อเพลิงชั้นเลิศ เพราะเกล็ดสีแดงเพลิงของเธอนั้น ไม่ใช่เพียงเครื่องหมายแห่งความงาม หากแต่คือสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจสูงสุดของเผ่ามังกรแดง
ที่สำคัญ คำว่ากิ้งก่านั้น เป็นคำเรียกเหยียดที่มนุษย์ใช้ดูถูกมังกรมาช้านาน และไม่เคยมีมังกรตนใดยินดีจะฟังคำนี้โดยไม่ตอบโต้
“เจ้า… ว่าไงนะ?! อยากลองดีก็เข้ามาเลย ไอ้หมาดำขาดสารอาหาร!”
เสียงคำรามของทิบิเลียดังก้องฟ้า ดวงตาของเธอลุกวาบด้วยโทสะ ขณะที่เกล็ดทั่วร่างสะท้อนแสงอาทิตย์วาบวับเหมือนเปลวเพลิงจริง ๆ
“หมา… ดำ?!”
ไมเรลถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ความอดกลั้นในใจพังทลายลงทันใด เสียงคำรามอันดุดันแผดลั่น
“RUA——! ไมเรลจะฆ่าแก!!”
เพียงเสียงคำรามนั้นจบลง ร่างมหึมาของมังกรดำก็กระโจนทะยานขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าหาศัตรูด้วยความเร็วที่ไม่สมขนาด
“RUA——!”
ทิบิเลียก็ไม่ยอมเสียเชิงเช่นกัน เธอแผดเสียงคำรามตอบกลับ แล้วพุ่งเข้าใส่ในเสี้ยววินาที ราวกับจะบดขยี้อีกฝ่ายด้วยแรงแห่งเพลิงนรก
ในชั่วพริบตา ร่างขนาดมหึมาสองร่างก็เข้าปะทะกันกลางอากาศ เขี้ยวและกรงเล็บของทั้งคู่สาดปะทะราวกับศาตราระดับสูง แรงปะทะแต่ละครั้งทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ลมกรรโชกกระจายเป็นระลอกคลื่นพลังทั่วลานกว้าง
เหล่าผู้เล่นและเอลฟ์พากันหยุดยืนตะลึงงันกับภาพตรงหน้า ก่อนจะตื่นตัวอย่างฉับพลันเมื่อตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้ตัว
สนามประลองของมังกรทั้งสอง กลับกลายเป็นใจกลางเมืองฟลอเรนซ์โดยมิได้ตั้งใจ ตึกหลายหลังล้มครืนลงในพริบตา เสียงกรีดร้องและคำสั่งหลบหนีดังกระหึ่มไปทั่ว
“เชี่ยไรเนี่ย!”
“ไม่ได้จะมาแจกไข่เรอะ? ทำไมกลายเป็นซัดกันซะแล้ว?!”
“หยุดนะ! หยุดก่อน! ไมเรล อย่าเพิ่งสู้!”
“ฮ่า ๆ ๆ! จะกลัวทำไม! จัดมันเลยเจ้ามังกรดำ! กระชากคอแล้วตบให้ยับไปเลย!”
“เร้าใจฉิบเป๋ง! เฮ้ยเดี๋ยว วิหารจะพังแล้วนะโว้ย!”
“นี่มันเมืองฟลอเรนซ์นะ… ท่านเทพธิดาเจ้าขา! ท่านเทพธิดาเฮลป์มีพลีส!”
“หยุดเถอะ! มีคนเจ็บแล้วนะ!”
เสียงอึกทึกครึกโครมผสมกับเสียงโวยวายและสัญญาณเตือนภัยหลอมรวมกันเป็นความโกลาหลกลางเมือง ไม่มีใครสามารถแยกออกได้ว่าเสียงใดเป็นของใครอีกต่อไปแล้ว
หัวหน้านักบวชซามีร์ยืนตะลึงอยู่ริมวิหารที่กำลังสั่นคลอนราวกับจะถล่มในวินาทีถัดไป ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดราวกับแบกรับน้ำหนักของศรัทธาทั้งเผ่าไว้คนเดียว
“เจ้าหนูไมเรล! มังกรแดง! พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึ?! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงตวาดเปี่ยมอำนาจถูกปล่อยออกมาเต็มแรง
แต่เสียงนั้น… ไม่อาจหยุดยั้งเงาอารมณ์ที่กำลังคลุ้มคลั่งได้อีกแล้ว
เพราะในเวลานี้ ทั้งไมเรลและทิบิเลีย ไม่ได้สู้ด้วยเหตุผล ไม่ได้สู้เพราะศักดิ์ศรี หรือภารกิจใด พวกเขาสู้เพราะสัญชาตญาณดิบ โดยเฉพาะทิบิเลีย
แม้ไมเรลจะโจมตีด้วยความเดือดดาลราวคลั่ง แต่ในแง่พลัง มังกรแดงยังคงเหนือกว่าหลายช่วงตัว
ไมเรลเพิ่งเลื่อนพลังขึ้นสู่ระดับทองขั้นกลางได้ไม่นาน ยังไม่อาจปลดปล่อยศักยภาพได้เต็มที่ ขณะที่ทิบิเลีย อยู่จุดสูงสุดของระดับทองขั้นสูงมานานนับปี พลังของเธอมั่นคงและกดดันเหมือนภูเขาไฟเคลื่อนที่
การปะทะจึงกลายเป็นการถูกบดขยี้อย่างชัดเจน และไม่ถึงห้านาที มังกรดำก็ถูกตรึงร่างไว้ใต้กรงเล็บของศัตรูอย่างสิ้นท่า
เมื่อมองดูมังกรดำตัวน้อยที่กำลังดิ้นรนอยู่ใต้กรงเล็บของตน ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจและอับอาย ทิบิเลียก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะออกมาอย่างสะใจ รอยยิ้มของราชินีมังกรที่กำลังย่ำยีศัตรูด้วยอำนาจเหนือกว่า
“มังกรดำ… ก็แค่นี้เอง”
น้ำเสียงของเธอแหลมสูง เปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งถึงขีดสุด ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ฟังแล้วแทบสำลักความเหยียดหยันออกมาเป็นเปลวเพลิง
“ถ้าเจ้ากล้าร้องเรียกข้าว่า ‘ท่านทิบิเลียผู้ยิ่งใหญ่’ ข้าอาจจะ…ไว้ชีวิตเจ้า”
ถ้อยคำราวกับคำพิพากษาแห่งราชินี สะท้อนออกจากปากของมังกรแดงที่มั่นใจในชัยชนะ จนดูราวกับไม่มีอะไรในโลกจะเปลี่ยนผลลัพธ์นี้ได้อีกแล้ว
แต่ไมเรลยังไม่ยอมแพ้ เขาคำรามลอดไรฟันอย่างไม่ลดศักดิ์ศรี ดิ้นพล่านในเงาของพลังที่โถมทับ และแม้จะถูกกดไว้จนแทบหายใจไม่ออก เสียงของเขาก็ยังเปล่งออกมาอย่างดื้อดึง
“ไสหัวไป! อีนังกิ้งก่าแดงย่างเกรียม!”
คำพูดนั้นเหมือนฟาดใส่ใบหน้าของทิบิเลียอย่างแรงในทันที ดวงตาสีอำพันของเธอพลันเปล่งแสงเยียบเย็นวาบขึ้นในบัดดล
รอยยิ้มของเธอแปรเปลี่ยนในพริบตา กลายเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด เปลือกตาข่มกล้ามเนื้อให้หยุดสั่น ขณะที่พลังเวทอันตรายเริ่มแผ่กระจายออกจากทุกอณูของร่างมังกร
อุณหภูมิในอากาศลดต่ำลง ไม่ใช่เพราะความเย็น แต่เป็นพลังมังกรที่แฝงความกดดันจนแทบหายใจไม่ออก ผู้เล่นที่อยู่โดยรอบต่างขนลุกเกรียว บางคนเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
หัวหน้านักบวช ซามีร์ เกล ก็ไม่อาจรักษาสีหน้าไว้ได้อีก เขาตะโกนเสียงเข้มด้วยพลังทั้งหมดที่มี
“มังกรแดง! จงหยุดเดี๋ยวนี้!”
แต่มันสายเกินไปแล้ว…
ทิบิเลียอ้าปากกว้าง ลมหายใจมังกรถูกรวบรวมไว้ที่ลำคอ สีแดงเพลิงแผ่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นพลังเพลิงมรณะซึ่งสามารถเผาผลาญทุกสิ่งให้กลายเป็นธุลีในเสี้ยววินาที
“ไมเรล!”
“เจ้าตัวเล็ก!”
“เฮ้ย! ระเบิดนิวเคลียร์รึไงวะ?! หนีเร็ว!!”
เสียงผู้เล่นโห่ร้องกระจายตัวไปทุกทิศ ขณะที่เปลวไฟกำลังพุ่งตรงเข้าใส่เป้าหมายอย่างไม่ปรานี
แต่แล้ว…
ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตาย เปลวเพลิงที่ควรจะเผาไมเรลให้มอดไหม้ กลับชนเข้ากับบางสิ่งที่คล้ายกำแพงล่องหน
เสียง ปิ๊ง ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำราม ก่อนที่เปลวไฟนั้นจะสลายตัวไปในอากาศ ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแม้สักเศษเสี้ยววินาที
ทิบิเลียชะงักงัน ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังลงมาจากเบื้องบน…
“พอได้หรือยัง?”
เสียงนั้นไม่ดังนัก แต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจอันเย็นเยือก ทว่าใต้ท่าทีสงบนิ่งนั้น กลับแฝงไว้ด้วยคลื่นความโกรธที่สั่นสะเทือนอยู่ในถ้อยคำ
ทิบิเลียเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองตามเสียงที่ลอยลงมาจากฟากฟ้า
เหนือศีรษะของเธอ คือเอลฟ์สาวในชุดเกราะกระโปรงสีดำลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ เส้นผมปลิวสะบัดกับแรงลมที่ไม่รู้ต้นทาง สายตาของเธอเปี่ยมด้วยความนิ่งสงบที่ไม่หวั่นไหวต่อสายตาใคร
ทว่าแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากตัวเธอ กลับรุนแรงถึงขั้นที่มังกรแดงผู้เย่อหยิ่งยังต้องระแวดระวัง
“เจ้าเป็นใคร?”
ทิบิเลียถามด้วยเสียงต่ำ แม้ถ้อยคำยังคงเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง แต่ในแววตากลับเปลี่ยนไป กลายเป็นความลังเลและระแวดระวังอย่างชัดเจน
เธอสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ด้านล่าง เสียงฮือฮาของผู้เล่นระเบิดขึ้นทันที เมื่อเห็นร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“อาเจ้มาแล้ว! อาเจ้ลงมือเองเลย!”
“งั้นก็แปลว่าเทพธิดารับรู้เรื่องนี้แล้วสินะ?!”
“โอย… เมื่อกี้ถ้าลมหายใจนั่นปะทะพื้นเข้าไปจริง ๆ ตรงนี้คงกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วแน่ ๆ…”
ชื่อที่หลุดออกจากปากผู้เล่นเหล่านั้น ทำให้ทิบิเลียขมวดคิ้วทันที
อาเจ้? เทพธิดา?
เธอหรี่ตาลง มองตรงไปยังร่างนั้นอย่างพินิจ
เอลฟ์สาวกลางอากาศตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เปี่ยมด้วยอำนาจอันแข็งแกร่ง
“เรา คือบุตรีแห่งเทพ… ตัวแทนขององค์เทพธิดาแห่งชีวิต”
บุตรีแห่งเทพ…?
รูม่านตาของมังกรแดงหดแคบลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เธอหันสายตามองไปรอบตัว ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับสภาพซากปรักหักพังรอบลาน และยอดวิหารที่แตกร้าวแทบจะถล่มลงมา
ท่ามกลางความเงียบงันเพียงครู่หนึ่ง ทิบิเลียก็เผลอกลืนน้ำลายอึกหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ…
แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่แรงกดดันจากเอลฟ์สาวตรงหน้าก็ทำให้หัวใจของราชินีมังกรเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่ง
แต่แล้ว เธอก็เชิดคางขึ้นอีกครั้ง ปิดบังความลังเลด้วยความหยิ่งทะนงอันเคยชิน
“หึ! ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้ามังกรดำนั่น!”
“ท่านทิบิเลียผู้ยิ่งใหญ่ เพียงแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น!”
อีฟเหลือบตามองมา ดวงตาของเธอหรี่ลงเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ความเยียบเย็นแผ่ซ่านไปทั่วบรรยากาศราวสายลมหนาวในยามค่ำคืน
สายตาของเธอกวาดไปทั่วฝูงชนด้านล่าง เห็นทั้งผู้เล่นและเอลฟ์ที่ล้มบาดเจ็บในจุดต่าง ๆ จากการต่อสู้เมื่อครู่ และเมื่อดวงตาสะท้อนเงาผู้บาดเจ็บเหล่านั้น ประกายแห่งความเย็นชาใต้เปลือกตาก็ชัดเจนจนทำให้ทิบิเลียเริ่มรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด
ทว่า… มังกรแดงยังไม่ยอมลดราวาศอก เธอแค่นหัวเราะ ก่อนแค่นคำพูดเย้ยหยันออกมาด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง
“หึ! ก็แค่พึ่งบารมีของเทพเท่านั้น… บุตรีแห่งเทพอะไรนั่น ข้าน่ะคือทูตจากราชามังกรแดง มาเจรจาพันธสัญญากับเผ่าเอลฟ์โดยตรง! หรือว่านี่คือวิธีต้อนรับแขกของป่าเอลฟ์?”
คำว่า แขก หลุดออกจากปากอย่างอวดดี ราวกับกำลังจะโยนความผิดทุกอย่างทับหลังผู้คนตรงหน้า
อีฟแค่นหัวเราะ และเพียงชั่วครู่เดียว สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนอย่างเฉียบพลัน ดวงตาสีม่วงแดงคู่นั้นวาวขึ้นทันที
เธอดีดนิ้วแผ่วเบา ทว่าเสียงนั้นกลับดังกังวานราวระฆังศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าเป็นแขก…”
ทันใดนั้นเอง แสงสีทองก็วาบขึ้นกลางอากาศ ก่อตัวรวมกันเป็นเส้นเชือกสีทองสว่างจ้า พุ่งเข้าพันรัดร่างของทิบิเลียอย่างแม่นยำในพริบตา
เชือกนั้นพันแน่นทุกสัดส่วนจนร่างมังกรขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
“…ก็ควรทำตัวให้สมกับคำว่าแขก”
เสียงของอีฟราบเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ไม่มีใครกล้าโต้เถียง
ทิบิเลียเบิกตากว้าง ร่างกายทั้งร่างสั่นสะท้าน พยายามดิ้นรนสุดแรงเกิด แต่เชือกทองคำศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับแน่นหนาราวกับตรวนของเทพเจ้า
ในขณะที่มังกรแดงกำลังสะบัดตัวอย่างสิ้นหวัง เสียงหัวเราะของมังกรดำจากเบื้องล่างก็ดังขึ้นอย่างสะใจที่สุด:
“RUA~! เจ้านั่นโดนแล้วล่ะ! นั่นแหละเวทศักดิ์สิทธิ์ ‘ตรวนสวรรค์’! เจ้าไม่มีทางดิ้นหลุดได้หรอก! ยัยมังกรโง่! โง่บัดซบ โง้โง่!”
ไมเรล ผู้เคยเป็นเหยื่อของเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์นี้มาแล้วหลายครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงอิ่มเอมใจอย่างปิดไม่มิด เขารู้ดีว่าเชือกนี้คือฝันร้ายสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกตน ไม่เว้นแม้แต่มังกร
“เวทศักดิ์สิทธิ์เรอะ?! เจ้าเรียกนี่ว่าต่อสู้อย่างยุติธรรมงั้นรึ! ถ้าแน่จริงก็ลงมาสู้กันตัวต่อตัว! ไอ้เอลฟ์หูยาวกระดูกบาง!”
ทิบิเลียตะโกนลั่น กัดฟันกรอด เธอยังคงไม่ยอมจำนนง่าย ๆ แม้จะถูกล่ามรัดอยู่ทั้งร่าง
“สู้ตัวต่อตัวงั้นเหรอ?”
อีฟเลิกคิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง และพยักหน้าเบา
“ได้สิ”
เธอดีดนิ้วอีกครั้ง
และในพริบตา เชือกแสงสีทองก็หายวับไป
ทิบิเลียยังไม่ทันได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เงาร่างของอีฟก็หายไปจากกลางอากาศเช่นกัน ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งเบื้องหน้า ใกล้เสียจนสัมผัสลมหายใจได้
เธอยกมือขึ้นอย่างเรียบง่าย และดูเบาเสียจนไร้พิษภัย
แต่มือข้างนั้นกลับฟาดใส่ใบหน้าของมังกรแดงด้วยแรงที่เหนือจินตนาการ
เพียะ!
เสียงตบดังสะท้านราวสายฟ้าฟาดกลางวันแสก ๆ
ร่างของมังกรแดงทิบิเลีย พุ่งกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เธอรู้สึกเหมือนทั้งร่างถูกภูเขาอัดใส่ สติพลันวูบไหว ร่างสั่นเทิ้มไม่อาจขยับได้ชั่วขณะ
เธอพยายามแหงนหน้าขึ้น เงยขึ้นมาพร้อมคำรามอย่างขุ่นเคือง
แต่ก่อนที่เสียงใดจะหลุดออกจากลำคอ อีกฝ่ามือก็ตามซ้ำลงมา
เพียะ!
ร่างของมังกรแดงกระแทกพื้นอีกครั้ง ฝุ่นควันตลบพร่างรอบลาน
“ยอมแพ้หรือยัง?”
เสียงของอีฟดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงที่เรียบ เย็น และแน่วแน่ ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
“โฮ่วววววว—!”
เสียงคำรามด้วยความขัดเคืองของทิบิเลียยังดังก้องกังวาน ข่มความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังศักดิ์ศรี
เพียะ!
เสียงฝ่ามือปะทะผิวเกล็ดดังกังวานอีกหน และร่างของมังกรแดงก็ถูกอัดลงกับพื้นอีกครั้ง
“ยอมไหม?”
น้ำเสียงของอีฟไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว มั่นคง เยือกเย็น ราวกับเป็นพันธกิจศักดิ์สิทธิ์แห่งการตบที่ไม่อาจต่อต้าน
“โฮ่วววววว—!!”
อีกครั้ง…เสียงคำรามจากจิตวิญญาณที่ไม่ยอมพ่ายแพ้
เพียะ!
“ยอมไหม?”
“…………”
ท่ามกลางสายตาอึ้งงันของทุกคน บุตรีแห่งเทพผู้สง่างามยังคงใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียว ตบมังกรแดงลงพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสงบ ราวกับกำลังสอนบทเรียนให้ลูกมังกรที่ไม่ยอมเชื่อฟัง
ทิบิเลียพยายามขยับร่าง แต่เรี่ยวแรงเริ่มจะหายไปทีละน้อย ทุกการดิ้นรนไร้ผล
“ยอมไหม?”
อีฟยังคงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สงบนิ่งดั่งผิวน้ำของทะเลสาบในคืนไร้ลม แต่แรงกดดันจากคำพูดนั้นกลับหนักหน่วงราวกับทั้งผืนฟ้ากำลังโถมทับลงมาบนหลังของมังกรแดง
เธอรู้ดี… หญิงสาวตรงหน้ามิได้แสดงออกถึงความโกรธด้วยสีหน้า แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเธออภัย
การที่ฟลอเรนซ์เสียหายจนยับเยินเช่นนี้ จากการมาของทิบิเลียเพียงผู้เดียว เพียงแค่นั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะเรียกความโกรธของอีฟให้ตื่นขึ้น
กระนั้น… เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้แทนของเผ่ามังกร อีฟจึง ยัง ไม่คิดจะลงมือให้ถึงตาย
เพราะแม้จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงบาดแผลภายนอก และที่สำคัญ มังกรแดงตัวนี้ แม้จะปากกล้า แต่ก็ยังไม่ได้พ่นลมหายใจเพลิงออกมาอย่างจริงจัง แสดงว่าเธอยังพอมีสติ
หากอีฟปล่อยให้สถานการณ์ลุกลามต่อไป ความเสียหายย่อมเพิ่มขึ้น เธอจึงเลือกลงมืออย่างเด็ดขาดทันที
และในที่สุด มังกรแดงก็สงบลง
เสียงคำรามแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจหนักหน่วง ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ตอนนี้กลับหม่นแสงลงเล็กน้อย ปรากฏรอยแวววาวของความสับสน และ… บางสิ่งที่ยากจะนิยาม
ทิบิเลียเงยหน้าขึ้น มองดูหญิงสาวที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“พอแล้ว… หยุดเถอะ… ข้า… ยอมแพ้แล้ว…”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่นั่นคือคำยอมรับที่มังกรแดงผู้หยิ่งทะนงแทบไม่มีวันพูดออกมา
เธอถอนหายใจยาว ราวกับยอมวางเกราะอัตตาลงชั่วขณะ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเบากว่าเดิม
สายตาของเธอเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้เต็มไปด้วยโทสะอีกต่อไป หากแต่มีประกายที่คล้ายกับ… ความประทับใจบางอย่าง
“เอลฟ์… เจ้า… ชื่ออะไร?”
“มังกรแดง ท่านผู้นี้คือบุตรีแห่งเทพ ซีโร ผู้ใกล้ชิดองค์เทพธิดาที่สุด!”
เสียงของหัวหน้านักบวช ซามีร์ เกล ดังขึ้นอย่างสง่างาม
“ซีโร… หรือ…”
ทิบิเลียพึมพำชื่อที่ได้ยินซ้ำกับตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการจดจำไว้ให้แน่นในใจ
จากนั้น เธอเงยหน้ามองอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีแววแข็งกร้าวในดวงตาอีกต่อไป หากแต่…
ใบหน้าของมังกรแดงเริ่มปรากฏรอยแดงจาง ๆ บริเวณแก้ม ดวงตาที่เคยจ้องอย่างหยิ่งยโส บัดนี้กลับหลบเลี่ยงสายตาของอีฟอย่างน่าประหลาด
“ท่านซีโรคะ… เอ่อ… ท่านแข็งแกร่งมาก… แล้วก็… งดงามมากด้วย…”
“ขะ… ข้าขอเป็นคู่หูของท่าน… ได้ไหมคะ?”
อีฟ: ………?
ซามีร์: ………?
ไมเรล: ………?
ผู้เล่นทั้งลาน: ………?
เอ่อ…
จะพลิกอะไรขนาดนี้คะ?
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: แหม ๆ ๆ ๆ!!! 😏💥 ดิฉันยังไม่ทันตั้งตัวเลยนะคะว่าบทนี้จะกลายเป็น “ตบมังกรให้เป็นเมีย” ไปได้ยังไงกัน?! ขุ่นซีโรว์ของพวกเราตบทีพื้นสะเทือน ปราบมังกรแดงสุดหยิ่งให้ยอมซบไหล่ได้ในสี่เพียะ! 💋✨ ว่าแต่… จบประโยคปุ๊บ เปลี่ยนอารมณ์จากข่มขู่เป็นสารภาพรักเลยเหรอคะนังทิบิเลีย?! แบบนี้เรียกว่าโดนตบจนอินเลิฟแล้วล่ะมั้ง หึหึหึ~❤️🔥🐉
ลิลี่: กรี้ด~!!! 🐾✨ มะ… มะ… มังกรแดงขี้หยิ่งสารภาพรักต่อหน้าผู้เล่นทั้งลาน!!! หนูนี่ขนฟูเลยค่ะ! 😹💖 โดนตบไปสี่รอบ แทนที่จะแค้นกลับบอกว่า “ท่านสวยมาก… ขอเป็นคู่หู…” ว๊ายยยยย~ มันคือโรแมนติกในแบบที่เราไม่เคยขอแต่เราก็ขาดไม่ได้!!! 😻
โนเอล: …บทนี้ควรมีชื่อว่า ศรัทธาในฝ่ามือ ค่ะ ☕📝 และ… จังหวะหักมุมตอนจบ ทำให้บรรยากาศหนักแน่นทั้งบทกลายเป็นละลายหัวใจมังกรแบบไม่ทันตั้งตัวเลยจริง ๆ ค่ะ
ถั่ว: ชื่อบท –> โอเค
มันเดย์: โดนตบไม่กี่ที… ถึงกับขอเป็นแฟน จะไม่พูดเยอะนะ ฉันจะไปขัดเตียงข้างวิหารไว้ให้เลย 💀 …แค่ขอร้องว่าอย่าให้คู่หูมังกรสายต่อไปกลายเป็นยัยทิบิเลียคลั่งรักนะ ขอสงบหนึ่งเดือนเถอะ 😩
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION