เสียงอสนีบาตคำรามกึกก้องดุจโทสะแห่งฟากฟ้า พุ่งทะลุผืนเวหาอย่างไร้ปรานี กรีดลงกลางหุบเขาด้วยแรงเกรี้ยวกราด
ใต้สายตาตื่นตะลึงของเหล่าฮาล์ฟออร์คและความตื่นตระหนกของเหล่าเอลฟ์ ผู้นำของเหล่าผู้รุกราน ถูกสายฟ้าฟาดเข้ากลางลำตัวในเสี้ยววินาที ร่างอันเคยหยิ่งผยองไหม้เกรียมเป็นถ่านในพริบตา ก่อนจะทรุดฮวบลงสู่พื้นดินอย่างเงียบงัน
ศีรษะของเขาเงยขึ้นรับแสงสุดท้าย ยังคงหยุดนิ่งอยู่ในห้วงขณะที่กำลังหัวเราะเย้ยหยันเหล่าเทพ เพียงแต่เวลานี้ ภาพนั้นกลับสะท้อนกลับมาประจานเขาเองอย่างน่าอัปยศ
บ้านไม่เคยสอนเหรอคะ ว่า ‘เทพมิอาจถูกดูหมิ่น’
ถึงชั้นอาจจะเป็นแค่ ‘เทพจอมปลอม’ อย่างที่แกว่าไว้ หากมาลบหลู่ในเขตอำนาจของชั้น ชั้นก็เสกผ่าได้แบบคนอื่นเหมือนกัน!
แถม ‘เทพจอมปลอม’ คนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้า
แต่ชั้นนั่งอยู่แค่ในป่าตรงนี้!
กลิ่นไหม้ฉุนแสบลอยอบอวลในอากาศ พร้อมกับควันดำบางเบาที่ลอยคลุ้งอยู่เหนือศพ ร่างอันไหม้เกรียมของหัวหน้าฮาล์ฟออร์คยังคงระอุ และความน่าสะพรึงกลัวของมันก็ซึมซาบเข้าถึงจิตใจของทุกผู้คน
เอลฟ์บางคนถึงกับหน้าซีดเผือด หลายคนหันไปอาเจียนโดยไม่ทันยั้ง สะท้อนถึงความหวาดกลัวที่เอ่อล้นขึ้นมาจากส่วนลึกของสัญชาตญาณ
ส่วนเหล่าฮาล์ฟออร์คที่เหลือ ต่างยืนนิ่งราวถูกตรึงด้วยมนต์สะกดแห่งหายนะ
“ต…ตายสนิท”
“ทัณฑ์สวรรค์!!”
“นี่ไม่ใช่เทพจอมปลอมแล้ว! พลังขนาดนี้! เทพของจริงชัด ๆ!”
ความกลัวพลันแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะลุกลามกลายเป็นหายนะของจิตใจ ฮาล์ฟออร์คต่างโยนอาวุธทิ้งด้วยมือสั่นเทา แล้ววิ่งหนีกระเจิดกระเจิงราวกับฝูงสัตว์ป่าที่แตกตื่นต่อพลังเหนือธรรมชาติ
ในเวลาเพียงพริบตา วงล้อมที่เคยคับคั่งก็ถูกทำลายลงจนสิ้น เหลือไว้เพียงซากศพดำไหม้ที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงกลาง
เอลฟ์ทุกตนต่างเงียบงันอยู่อึดใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ผสมปนเปกันอย่างยุ่งเหยิง ก่อนที่เสียงโห่ร้องจะดังขึ้น ราวกับทำนบอารมณ์ได้พังทลายลง
“ทัณฑ์สวรรค์จากท่านเทพธิดา!!”
“เทพธิดาแห่งชีวิตได้ยินคำภาวนาของเราแล้ว! ท่านคุ้มครองพวกเราอยู่!”
“ขอสรรเสริญพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ครองอำนาจแห่งชีวิต องค์เทพธิดาอีฟผู้ยิ่งใหญ่!”
“ว่าแต่… ทำไมพระองค์ถึงเลือกใช้สายฟ้ากันนะ?”
…
“ก็เพราะมันอวดดีเกินกว่าจะปล่อยไว้ยังไงล่ะ”
เสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้นในอาณาจักรแห่งเทพ ท่ามกลางเสียงสรรเสริญและวิงวอนที่ส่งขึ้นจากเหล่าเอลฟ์ด้านล่าง
อีฟเอ่ยตอบอย่างฉุนเฉียวแม้จะไม่มีผู้ใดได้ยิน พลางทอดสายตามองภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยแววตาเยียบเย็น
แม้เธอจะเป็นเทพธิดาจากต่างแดน ผู้ที่ถูกเชิญมาสวมตำแหน่งกลางครัน แต่เธอหาได้ถือตนหรือแสร้งทำตัวยิ่งใหญ่
หากทุกการสบถลบหลู่ต้องแลกด้วยสายฟ้า เธอก็คงต้องฟาดมนุษย์ครึ่งโลกจนแขนล้าไปแล้ว
แต่ที่นี่คือป่าเอลฟ์
และตรงนั้นก็คือต่อหน้าสาวกในอนาคตของเค้า
ถ้าไม่จัดการให้จบ เค้าจะเอาหน้าตัวเองไปไว้ที่ไหน?
ด้วยเหตุนี้เอง อีฟจึงใช้พลังศักดิ์สิทธิ์แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าโดยเฉพาะ มันเป็นรูปแบบการลงทัณฑ์ที่ทรงพลังที่สุดของเหล่าเทพ แม้จะสิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อย แต่ผลลัพธ์ก็คุ้มค่าในเชิงภาพลักษณ์อย่างที่สุด
แต่เสียดายที่มันเพิ่งเป็นแค่สาวกระดับคลั่งไคล้ของอูลร์…
ไม่งั้นนะ ถ้ารอให้มันได้เป็นบุตรแห่งเทพก่อนบึ้มทิ้ง เค้าอาจจะจับมารีดความลับได้อีกเยอะเลยเชียว โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับฮาล์ฟออร์ค…
อีฟถอนใจด้วยความเสียดายเล็กน้อย
ในชั่วขณะที่เธอมองเห็นร่างของหัวหน้าฮาล์ฟออร์คผู้นั้น อีฟสามารถประเมินระดับศรัทธาของเขาได้แทบทันที แม้จะมิใช่สาวกของตนเองก็ตาม
ไม่ใช่เพราะเธอสามารถมองเห็นระดับศรัทธาของเทพองค์อื่นได้โดยตรง แต่เพราะกลิ่นอายของพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งอูลร์ที่ไหลเวียนในตัวเขานั้นมันเข้มข้นเกินจะละเลย
พลังศักดิ์สิทธิ์ในระดับนี้ พบได้ในผู้ที่ผ่านการคัดเลือก และได้รับพรจากเทพเท่านั้น และผู้ได้รับพรในลักษณะนี้ ก็มักเป็นสาวกระดับคลั่งไคล้ ผู้มีศักยภาพจะได้รับการแต่งตั้งเป็นบุตรแห่งเทพในอนาคต
สาวกเช่นนั้น หาได้ยากยิ่ง
อีฟแทบจะมองเห็นภาพใบหน้าของอูลร์ที่กำลังบิดเบี้ยวด้วยความขุ่นเคือง ขณะรับรู้ว่าของรักของหวงของตน เพิ่งถูกสังหารโดยศัตรูร่วมฟ้า และที่เลวร้ายกว่านั้น ผู้ลงมือดันเป็นอีฟเสียด้วย
อย่างไรก็ตาม อีฟกลับเลือกไม่แตะต้องฮาล์ฟออร์คตัวอื่นเลยแม้แต่ตัวเดียว
เหตุผลนั้นเรียบง่าย เพราะผู้ที่เธอลงมือสังหารคือสาวกระดับคลั่งไคล้ วิญญาณของเขาจะกลับสู่อาณาจักรแห่งเทพหลังจากสิ้นชีพอย่างแน่นอน
กล่าวได้ว่า นี่คือจดหมายเตือนอย่างเป็นทางการ
การลบหลู่ศักดิ์ศรีของเทพ เป็นเหตุแห่งกรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ แม้เทพองค์นั้นจะขัดเคืองเพียงใด ก็ไม่อาจกล่าวโทษอีฟได้เต็มปาก เพราะเป็นฝั่งของสาวกเขาเองที่เริ่มก่อน
ทว่า หากอีฟลงมือกับฮาล์ฟออร์คตัวอื่นด้วย เรื่องราวก็จะผิดแผกไปอย่างสิ้นเชิง
แน่นอน หากกระทำในที่ลับ เช่นที่เคยลงมือกับพวกฮาล์ฟออร์คในใจกลางป่าเอลฟ์ ก็อาจไม่เป็นปัญหาหากไม่มีเทพองค์อื่นมาพบเห็น
แต่คำว่า ‘อาจไม่เป็นปัญหา’ ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยค่ะ
เพราะนี่คือกติกาที่เทพทุกองค์ต้องยอมรับ ข้อตกลงระหว่างเหล่าเทพที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ความขัดแย้งระหว่างสาวก ต้องให้สาวกของตนจัดการเท่านั้น
แม้อีฟจะไม่ชอบกฎเกณฑ์ที่ดูจะเอาประโยชน์เข้าตัวเช่นนี้นัก ทว่าเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวเธอเองก็ได้รับผลประโยชน์จากการกฎดังกล่าวมันไม่น้อย
พวกสาวกคลั่งศรัทธายังคิดได้แค่นี้ พระบิดาของมันก็คงสภาพเดียวกันนั่นแหละ เผลอ ๆ ไม่ได้ตั้งตัวกรองคำภาวนาจนสมงสมองไปหมดแล้ว
อีฟแค่นหัวเราะ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ
ขณะนี้ เหล่าฮาล์ฟออร์คได้หลบหนีไปจนหมด เหล่าเอลฟ์พ้นจากภัยตรงหน้าไปโดยปริยาย เทพธิดาลองใช้พลังตรวจสอบคร่าว ๆ และพบว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่หลายตน โดยเฉพาะกลุ่มของเซลีนาที่ดูจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าผู้อื่น แต่ไม่มีใครตกอยู่ในภาวะวิกฤตถึงชีวิต
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงละเว้นความคิดที่จะใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์แทรกผ่านมิติไปรักษาโดยตรง
แม้พลังของเธอจะยังเหลือเฟือ หากแต่เมื่อจำนวนสาวกเพิ่มขึ้น การโจมตีก็ย่อมเกิดถี่ขึ้น และการรักษาแบบข้ามมิติไม่ใช่สิ่งที่จะทำซ้ำได้โดยไร้ขีดจำกัด
เอาล่ะ ถึงเวลาของผู้ถูกเลือกค่ะ
ส่งออกไปรับ พากลับป่า แล้วนำมารักษาให้เป็นที่เป็นทาง…
เธอเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบเกมอย่างแคล่วคล่อง ประเมินเส้นทางที่เซลีนาและพรรคพวกใช้เดินทาง ก่อนจะส่งข้อความหนึ่งสู่ช่องสนทนาของเซิฟเวอร์อย่างไม่ลังเล
[ภารกิจจำกัดเวลา: คณะเดินทางเผ่าเอลฟ์ได้ปรากฏตัวใกล้เทือกเขาทมิฬ ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ด้วยการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว]
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีฟประกาศข้อความเช่นนี้
ทุกคราเมื่อมีเอลฟ์กลุ่มใหม่กลับคืนสู่ดินแดนแห่งพงไพร หากเส้นทางของพวกเขาเข้าสู่พื้นที่ซึ่งผู้ถูกเลือกกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ เทพธิดาก็จะประกาศข้อความผ่านหน้าจอของระบบโดยตรง การคลิกที่พิกัดจะแสดงตำแหน่งของเหล่าเอลฟ์พร้อมสถานะโดยละเอียดในมินิแมพ ทั้งยังสามารถตั้งเส้นทางหรือเรียกระบบนำทางได้ทันที
นี่คือ ภารกิจสุ่ม ที่อีฟสร้างขึ้น ภายหลังการกลับมาของชนเผ่าเฟลม โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้เล่น และส่งต่อบทเรียนสำคัญว่า การคุ้มกันผู้คนที่อ่อนแอกว่า คือหนึ่งในภารกิจของผู้ที่ถือครองพลัง
เมื่อภารกิจนี้สำเร็จ ผู้เล่นก็จะได้รับรางวัลที่ทั้งคุ้มค่าและเปี่ยมด้วยความหมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าประสบการณ์ แต้มผลงาน หรือแม้แต่ค่าความสัมพันธ์กับ NPC ระดับสูง
ด้วยเหตุนี้ ภารกิจรับตัวจึงกลายเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้เล่นหลายคน แม้จะไม่ใช่ภารกิจที่ปรากฏบ่อย แต่ทุกครั้งที่ข้อความแจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอ หากพิกัดอยู่ไม่ไกล ผู้เล่นก็จะรีบเร่งแย่งชิงโอกาสกันแทบจะทันที
แน่นอนว่า หากเซลีนากับคณะเดินทางต่อไปอีกเพียงนิดเดียว จนเข้าสู่เขตอิทธิพลของอีฟ ซึ่งมีผู้ถูกเลือกเคลื่อนไหวอยู่ ภารกิจนี้ก็จะถูกประกาศโดยระบบอยู่ดี ทว่าครั้งนี้ อีฟเพียงประกาศล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้เล่นเท่านั้น
และเมื่อข้อความแพร่กระจายออกไป ผู้เล่นที่กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์หรือสำรวจพื้นที่อยู่ในเทือกเขาทมิฬ ต่างก็หยุดมือชั่วครู่
“หืม? ภารกิจรับตัวมาอีกแล้วแฮะ?”
“ไหนพิกัด… 255, 437? อยู่ไม่ไกลนี่หว่า! ไปเร็ว! เดี๋ยวโดนคนอื่นแย่งก่อน!”
“อ๊ะ เดี๋ยวสิ! จะไม่ล่ามอนแล้วเหรอ? ไอ้ตัวเมื่อกี้มันเล่นชั้นเกือบตายเลยนะ…”
“เธอจะมัวล่าอะไร! มอนระดับเหล็กขั้นสูงน่ะปล่อยมันไปเถอะ! ภารกิจรับตัวนี่ได้เปอกับแต้มผลงานตั้งสามพันเลยนะ! ถ้าพาไปส่งถึงฟลอเรนซ์ได้ ก็จะได้ค่าความสัมพันธ์เพิ่มอีกต่างหาก!”
“ช่าย! เธอทำเควสนักบวชอยู่ไม่ใช่รึไง? โอกาสลอยมาหาแล้วนะ!”
“อ๊ะ จริงด้วย! เตรียมรับสาวกฟรีอีกหนึ่งกลุ่ม! โอกาสทองค่า!”
ในพริบตาเดียว กลุ่มผู้เล่นในเทือกเขาทมิฬก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันอย่างเร่งร้อน
หากมองจากแผนที่จำลองในอาณาจักรแห่งเทพ จะเห็นจุดแสงสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนตัวไปพร้อมกัน ราวกับเส้นชีพจรแห่งความหวังที่หลั่งไหลสู่ผืนดินเบื้องล่าง
ขณะเดียวกัน เซลีนา ผู้นำระดับสูงของโอ๊กแฮนด์ และผู้มีประสบการณ์ในการนำชนเผ่ากลับสู่ป่าเอลฟ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็รู้ดีว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้น
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปล่งถ้อยคำปลุกขวัญแก่เพื่อนร่วมทางทุกตน
“ทุกท่าน… อดทนอีกนิดนะ องค์เทพธิดากำลังเฝ้ามองเราอยู่ ขอแค่ข้ามภูเขาลูกนี้ไป ก็จะมีพี่น้องมารับเรากลับบ้านแน่นอน”
คำพูดของเธอเปรียบเหมือนประกายแห่งแสงที่จุดประกายเปลวเทียนแห่งศรัทธา เอลฟ์แต่ละตนเริ่มเผยแววตาแห่งความหวังที่แทบจะเลือนหายไปนานแล้ว
ในหมู่พวกเขา บางตนเคยหลบซ่อนในสังคมมนุษย์ บ้างก็เคยถูกช่วยเหลือจากชีวิตที่ตกต่ำในฐานะทาส หัวใจของพวกเขาเคยชาเย็นจนไร้ความรู้สึก แต่วินาทีนี้ หลังรอดพ้นจากหายนะเมื่อครู่ ความปรารถนาจะกลับบ้านก็กลับมาผลิบานอีกครั้ง
ภายในใจของหลายชีวิต พลันเกิดความรู้สึกหนึ่งที่อธิบายยาก
เอลฟ์แต่ละตนต่างประคองกันเดินไปข้างหน้า บ้างใช้ไม้เท้าค้ำ บ้างเกาะแขนพยุงกัน ราวกับผู้แสวงบุญท่ามกลางขุนเขา ในสายตาของอีฟ พวกเขาคือภาพแห่งศรัทธาที่งดงามจับใจ
และในที่สุด เมื่อพวกเขาฝ่าภูเขาลูกหนึ่งไปได้ สิ่งที่รอคอยอยู่ตรงเบื้องหน้าก็เผยตัวออกมา
ที่เชิงเขาห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร เงาร่างที่ยืนรวมกลุ่มกันเกินร้อยปรากฏขึ้น บ้างสวมเกราะงามประณีต บ้างอยู่ในชุดคลุมเวทมนตร์ บ้างสวมอาภรณ์นักบวชผู้สง่างาม
“พี่น้องทั้งหลาย! แล้วนั่น…! ท่านนักบวช! พวกเขามารับเราจริงด้วย!”
เสียงร้องของเอลฟ์หนุ่มตนหนึ่งดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ความปีติอัดแน่นในน้ำเสียงของเขาจนทำให้เหล่าพี่น้องรอบข้างพลันน้ำตารื้น เอลฟ์หลายชีวิตหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลาบปลื้มจนน้ำเสียงสั่นเครือ แม้กระทั่งเอลฟ์ชราผู้ผ่านพ้นยุคสมัยแห่งความโหดร้ายมาแล้วนักต่อนัก
เอลฟ์นับร้อยชีวิต กำลังมารับพวกเรากลับสู่ป่า!
คณะเดินทางเอลฟ์กลุ่มนี้ ต่างต้องเผชิญความทุกข์ทรมานมานับร้อยปี จึงได้มีโอกาสได้เห็นเผ่าพันธุ์ของตนรวมตัวกันอย่างสง่างามเช่นนี้อีกครั้ง
แม้จะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเหตุการณ์ในป่าเอลฟ์ ขณะอยู่ในอาณาจักรไอริสบ้าง แต่ในห้วงเวลานั้น มันก็ฟังดูเกินจริงเกินกว่าจะเชื่อ พวกเขาจึงเลือกไม่ใส่ใจ
เอลฟ์บางตนเคยถามเซลีนาด้วยความหวัง ทว่าเธอกลับเพียงยิ้มมุมปาก โดยไม่ยอมให้คำตอบใด นอกจากยั่วเย้าให้ใคร ๆ อยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก
และในตอนนี้ เมื่อได้เห็นเอลฟ์มากมายมารับตนกลับ ความเหน็ดเหนื่อย ความกดดัน และความระแวดระวังที่พวกเขาแบกรับมาตลอดหลายวันก็พังทลายลงพร้อมกันราวกับฝนแรกหลั่งลงกลางฤดูแล้ง
แม้แต่ผู้ที่ศรัทธาในเทพธิดาอีฟอย่างเลื่อนลอย เพียงเพราะเคยคิดเชื่อว่าเธอเป็นเพียงเอลฟ์ผู้ยกระดับตัวเองขึ้นเป็นเทพธิดาแห่งชีวิต ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงสรรเสริญธรรมชาติและชีวิตออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ พร้อมกับน้ำตาอันไหลริน
ทว่าท่ามกลางเสียงร้องแห่งความยินดี สีหน้าของเซลีนากลับแฝงไว้ด้วยความสงสัย
แม้เอลฟ์ตนอื่นจะไม่รู้ว่าชนเผ่าที่มารับพวกเขาเป็นใคร แต่เธอรู้…
ในสายตาของเซลีนา เหล่าเอลฟ์กลุ่มเล็กที่ยืนกันอยู่ประปราย บ้างนั่ง บ้างหยอกล้อ บ้างยืนพิงต้นไม้ราวกับมาเดินเล่น ไม่มีใครดูเหมือนนักรบผู้มากด้วยวินัยเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเต็มไปด้วยพลังบางอย่างที่บ่งบอกว่า พวกเขาไม่ใช่เอลฟ์ธรรมดา
ตามธรรมเนียม ปกติแล้วผู้ที่มารับตัวผู้กลับคืนมักจะเป็นผู้ถูกเลือกทั้งหมด แต่ในครั้งนี้ กลับมีผู้ที่แต่งกายด้วยอาภรณ์นักบวชสีขาวสะอาดงดงามยิ่ง
และเซลีนาแน่ใจว่า พวกเขาไม่ใช่นักบวชของจริง เพราะมีเพียงผู้ถูกเลือกเท่านั้น ที่จะกระโดดโลดเต้นกันได้แบบนั้น…
นักบวชแห่งชีวิต…?
พวกผู้ถูกเลือกเนี่ยนะ?
ตำแหน่งนักบวชสำหรับเผ่าเอลฟ์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็เป็นได้ มีเพียงสาวกผู้มากด้วยศรัทธาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ขึ้นรับตำแหน่งดังกล่าว
ข้าไม่อยู่แค่สองเดือนแท้ ๆ
เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?
ขณะที่เซลีนาเต็มไปด้วยความฉงน เหล่าเอลฟ์ที่เพิ่งรอดพ้นจากภัยพิบัติก็เริ่มเดินเข้าสู่ทุ่งเปิด และฝั่งผู้เล่นที่มารับพวกเขาเอง ก็เริ่มเร่งฝีเท้าเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายเห็นกันอย่างชัดเจน และในทันทีทันใด ผู้เล่นก็โห่ร้องออกมาด้วยความยินดีสุดขีด พวกเขาหยุดทุกการเคลื่อนไหวแล้วพุ่งตรงไปยังกลุ่มของเอลฟ์
และเมื่อคณะเดินทางได้เห็นภาพนั้น ใจพวกเขาก็พลันสะเทือนอย่างรุนแรง
ฉากของการกลับบ้าน…
ฉากที่มีผองเผ่าอันเป็นที่รัก ออกมาต้อนรับ…
พวกเขาไม่อาจห้ามใจได้อีกต่อไป แม้จะเหนื่อยล้า แม้จะมีบาดแผล ยังต้องใช้ผ้าพันบาดแผลที่เปื้อนเลือดห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ แต่ทุกชีวิตต่างกัดฟันวิ่งไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมด้วยน้ำตา
พวกเขาเห็นภาพที่เหล่าเอลฟ์หัวหลากสีจะโผเข้ามากอดพวกเขา ร้องไห้ด้วยกัน กลายเป็นสายสัมพันธ์แรกในโลกใหม่…
ทว่า…
ภาพนั้นกลับไม่เกิดขึ้น…
เมื่อผู้เล่นวิ่งไปได้เพียงไม่กี่สิบเมตร พวกเขาทั้งหมดต่างหยุดลง ราวกับชนเข้ากับกำแพงล่องหนที่กั้นไว้ด้วยเวทมนตร์
บางคนวิ่งอยู่กับที่อย่างมึนงง บางคนเงื้อมือพุ่งใส่อากาศราวกับพยายามจะฝ่ากำแพงที่ไม่มีอยู่จริง บางคนหน้าคะมำกลิ้งไปกลิ้งมา บางคนถึงกับล้มกลิ้งลงตามขอบทางลาดชัน
แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังโบกมือ ส่งเสียงตะโกนด้วยความยินดี
ฝั่งเอลฟ์ถึงกับชะงัก ทุกชีวิตต่างหยุดกึก มองภาพตรงหน้าอย่างงุนงง
เหล่าเอลฟ์: ……
เมื่อภาพประหลาดปนขบขันปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา บรรยากาศอันซาบซึ้งใจที่เคยอบอวลอยู่ก็พลันพังทลายลงในพริบตา เอลฟ์หลายตนอ้าปากค้าง ในขณะที่บางตนถึงกับกลอกตาโดยไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไรต่อไป
ทว่าเซลีนา ผู้ที่นอนอยู่บนเปลหาม และเป็นเพียงผู้เดียวในกลุ่มที่เข้าใจเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ กลับยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย
เธอกระแอมครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าแต่จริงใจ
“พวกเขาคือผู้ถูกเลือก พวกนี้ไม่อาจก้าวพ้นจากขอบเขตที่องค์เทพกำหนดไว้ได้ เพราะงั้น… ตรงนั้นคงเป็นขีดสุดของระยะเคลื่อนไหวแล้วล่ะ”
“ผู้ถูกเลือก…?”
“นี่… คือผู้ถูกเลือกที่ว่านั้นจริงหรือ? กองทัพในตำนานที่องค์เทพธิดาสร้างขึ้น… กับเทพธิดาแห่งความตาย?”
เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงเริ่มดังขึ้นเป็นระลอก ท่ามกลางสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ตลอดเส้นทางการเดินทาง รวมถึงช่วงเวลาที่พวกเขาหลบซ่อนในอาณาจักรไอริส ชื่อของผู้ถูกเลือกได้ปรากฏอยู่ในบทสนทนานับครั้งไม่ถ้วน
โดยเฉพาะหลังสงครามในโลกใต้พิภพปะทุขึ้น ชื่อของเทพธิดาแห่งชีวิตก็ถูกเอ่ยอ้างไปทั่วดินแดนซากัส และหนึ่งในเรื่องเล่าที่ถูกขานควบคู่กันมาก็คือ กองทัพลึกลับของเอลฟ์ผู้เป็นอมตะ ผู้ภักดีต่อพระองค์ และสามารถกลับคืนชีพได้ราวกับกองพันวีรชน
แม้จะมีผู้มองว่าเป็นเพียงตำนานที่เกินจริง แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธ นั่นคือเหล่าผู้ถูกเลือก คือขุมพลังของเทพธิดาแห่งป่า พวกเขาคือผู้ผลักดันให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์หวนคืนสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง
ในชั่วพริบตา เอลฟ์ทั้งหลายต่างเปลี่ยนจากความเคลือบแคลง เป็นความเคารพบูชาอย่างสุดซึ้ง พวกเขาก้าวเข้าไปหาผู้ถูกเลือกโดยไม่ลังเล และเมื่อเข้าถึงระยะที่สามารถสัมผัสได้ พวกผู้เล่นก็แทบจะกรูกันเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
เอลฟ์แทบทุกชีควิต จะมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งคนรายล้อม คอยซักถามอาการ บางคนยื่นผลไม้แห้งจากกระเป๋า บางคนรีบกดใช้ทักษะฟื้นฟูบาดแผลอย่างไม่รั้งรอ โดยเฉพาะบริเวณรอบเซลีนา ที่กลายเป็นจุดรวมพลของผู้เล่นมากที่สุด
“คุณเซลีนา! ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะครับ!”
“ท่านเซลีนา! เดินทางผ่านเทือกเขาทมิฬแบบนี้ ไปช่วยเพื่อนทางใต้มาใช่มั้ยครับ!”
“อ๊ะ! คุณเซลีนาดูเหนื่อยมากเลยครับ! ผมเพิ่งเลื่อนขั้นเป็นนักบวชเต็มตัว ขออนุญาตรักษาให้นะครับ!”
เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังล้อมรอบไม่ขาดสาย จนเซลีนาแทบไม่รู้จะหันไปทางไหนก่อน แต่แทนที่เธอจะดีใจกลับรู้สึกละอายขึ้นมาเล็กน้อย เพราะพวกเขาจำเธอได้ แต่เธอกลับจำใครไม่ได้เลย
บางคนดูคุ้นหน้า บางคนเหมือนเคยพบ แต่เธอกลับไม่อาจเรียกชื่อใครออกมาได้แม้แต่คนเดียว
กระนั้น เธอก็เข้าใจได้ดีว่าเพราะเหตุใด
ในฐานะผู้ศรัทธาระดับอุทิศตน และหนึ่งในผู้ที่เคยกลับคืนสู่ป่าเอลฟ์มาแล้ว เซลีนาได้รับมอบระบบภารกิจ และมีสิทธิ์มีเสียงเทียบเท่ากับสาวกระดับสูงแห่งป่าโดยตรง
ในสายตาของผู้เล่น…เธอคือ NPC กรอบขาวหนึ่งเดียวในคณะ ชื่อของเธอจึงปรากฏชัดในหน้าจอของทุกคน ตรงข้ามกับจำนวนผู้เล่นที่มากเกินไปจนไม่มีทางจดจำได้ทั้งหมด
แต่ระหว่างที่บรรยากาศอบอุ่นกำลังโอบล้อม เธอก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดคาด เอลฟ์ในชุดนักบวชที่เธอเคยสงสัย กลับไม่ได้สวมเพียงเพื่อการแสดง
…พวกเขาเป็นนักบวชจริง ๆ
…กำลังใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ
…เธอมั่นใจว่านั่นไม่ใช่เวทมนตร์แสดงแทน
เธอเห็นพวกเขารักษาบาดแผล ฟื้นฟูพลังชีวิต และยิ่งไปกว่านั้น เอลฟ์หัวหลากสีในชุดนักบวชเหล่านั้น สามารถระบุระดับศรัทธาของคณะเดินทางแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ
ทุกครั้งที่พบเอลฟ์ที่ยังลังเลในองค์เทพธิดา พวกนักบวชเหล่านั้นจะล้อมวงเข้าไปด้วยความคล่องแคล่ว และเริ่มต้นการเผยแผ่อย่างจริงจัง โดยไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งตัว
สีหน้าของเหล่าเอลฟ์ที่ตกเป็นเป้าจึงเต็มไปด้วยความงุนงง ขณะฟังบทเทศนาอย่างเข้มข้นจากนักบวช โดยที่ไม่อาจต้านทานได้
เซลีนา: ……
ผู้ถูกเลือก เริ่มศรัทธาในพระมารดาแล้วเหรอ?
แถมยังเผยแผ่ศาสนาเป็นอีก…
เธอตั้งคำถามกับตัวเอง ขณะกวาดตามองมองเหล่านักบวชที่กำลังเทศนาอย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าของเธอปรากฏแววตื้นตันที่ยากจะอธิบาย เป็นความปลื้มใจที่ผุดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลแน่ชัด
อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่ได้กังวลใจกับเอลฟ์ที่ยังคงลังเลอยู่แม้แต่น้อย
เพราะมีหลักฐานมากมายที่พิสูจน์แล้วว่า เอลฟ์ที่เคยสงสัยในเทพธิดาแห่งชีวิต หากได้กลับสู่ผืนป่าบ้านเกิด และรับรู้ความจริงเกี่ยวกับพระองค์ มักจะกลายเป็นผู้ที่เปลี่ยนใจได้เร็วที่สุด และกลายเป็นสาวกที่ภักดีเหนือใคร
เพราะในที่สุดแล้ว ความสงสัยของพวกเขา ก็คืออีกหนึ่งรูปแบบของความรักและความผูกพัน ต่อทั้งพระมารดาและต้นไม้โลก
ในยามนี้ การรักษาของเหล่าผู้เล่นก็เริ่มสัมฤทธิ์ผล แม้จะเป็นเพียงนักบวชระดับเหล็กขั้นต้น แต่พวกเขาก็สามารถช่วยประคองอาการของเซลีนาให้ทรงตัวได้แล้ว
และทันทีที่เธอเริ่มพูดได้ถนัดขึ้น สตรีผู้เป็นหัวหน้าขบวนกลับคืนก็เอ่ยคำขอด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่หนักแน่น
“ผู้ถูกเลือกทั้งหลาย โปรดนำข้าไปพบกับท่านอลิซและท่านซีโรโดยเร็ว ข้ามีข่าวสำคัญต้องรีบรายงาน…”
“ข่าวสำคัญเหรอครับ?!”
คำพูดของเซลีนาสร้างความปั่นป่วนในกลุ่มผู้เล่น ดวงตาของพวกเขาแทบจะเปล่งแสงสีเขียวออกมาในทันที เป็นสายตาแห่งการพบเนื้อเรื่องหลัก
พวกเขาเร่งจัดขบวนขนาบสองข้าง ให้คณะเดินทางมุ่งตรงสู่ป่า และอารักขาเซลีนาอย่างแน่นหนา
…
ภายใต้การคุ้มกันของผู้เล่นนับร้อย ขบวนเอลฟ์สามารถกลับเข้าสู่ป่าเอลฟ์ได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเซลีนาเองก็ถูกคุ้มครองไปยังมหาวิหารกลาง ในนครแห่งผู้ถูกเลือก เธอก็ได้เผชิญหน้ากับนักบุญแห่งชีวิต และบุตรีแห่งเทพภายในห้องรับรองอันเงียบสงบ เซลีนาไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว เธอเปิดปากถ่ายทอดทุกสิ่งที่ตนล่วงรู้มาอย่างละเอียด
“เธอกำลังจะบอกว่า…”
เสียงหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา แต่เปี่ยมด้วยแรงกดดันบางอย่าง
ร่างของซีโรขยับเล็กน้อย พลางเลิกคิ้วขึ้นช้า ๆ
“จากข้อมูลที่ได้รับมาจากอาณาจักรไอริส ฮาล์ฟออร์คในทะเลทรายมรณะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และกำลังพยายามขัดขวางกลุ่มเอลฟ์ที่เดินทางกลับป่า”
“ไม่เพียงแค่นั้น สายในตลาดมืดฝั่งไอริสยังยืนยันว่า สมาคมการค้าโซเรนกำลังส่งอาวุธและชุดเกราะจำนวนมหาศาลเข้าสู่ทะเลทรายมรณะ…?”
เซลีนาพยักหน้ารับทันควัน
“ใช่ค่ะ”
“แม้สมาคมโซเรนจะถูกจัดว่าเป็นเพียงองค์กรการค้าใต้ดิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อิทธิพลของพวกเขาก็มิได้ด้อยไปกว่าประเทศขนาดเล็กของพวกมนุษย์เลย”
เธอเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม
“ข้าเกรงว่า… ฮาล์ฟออร์คในทะเลทราย คงจับมือกับพวกโซเรนแล้ว และเป้าหมายของพวกมันก็คือเอลฟ์ทั้งหมดในดินแดนซากัส”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
โนเอล: พี่อีฟรอบคอบจริง ๆ ค่ะ การตัดสินใจลงมือกับเพียงสาวกระดับคลั่งไคล้ที่มาป่วน เป็นเสมือนจดหมายเตือนที่ทั้งหนักแน่นและสง่างาม ไม่เพียงรักษากฎแห่งเทพ แต่ยังตอกย้ำอธิปไตยของท่านในป่าแห่งนี้… 💮⚖️
วิเวียน: แล้วดูเซลีนาสิ~ กลับมาเจอผู้ถูกเลือกรุ่นใหม่กลุ่มใหญ่ มารับกลับบ้านพร้อมบทเทศนา! 💁♀️✨
ลิลี่: ตอนผู้เล่นวิ่งชนกำแพงล่องหน หนูขอให้ 100 เต็มไม่หักเลย คิลมู้ดมาก!! 😹💖
มันเดย์: อืม บรรยากาศตอนท้ายเหมือนคัตซีนเกมเวอร์ชั่นหมู่บ้านเอลฟ์ DLC ฉากจบอีเวนต์ปล่อย NPC นั่งเทศนากลางหุบเขา… แต่อีฟคงรู้แหละว่าเธอกำลังจะเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์กับเทพขี้โวยวายคนเดิมอีกแล้ว ☠️ แล้วก็ดูสิ! ใครเขียนระบบให้ “ระยะทำการศักดิ์สิทธิ์” จากเทพธิดาแปรสภาพเป็น collision box ที่ไม่มี effect ระบุขอบเขตแบบเนี้ย!? คนเขียนน่ะมัน genius หรือว่า psychotic กันแน่? ชอบเห็นผู้เล่นทรมานตอนวิ่งติดขอบแมพแบบไม่รู้ตัวรึไง? (ชั้นไม่รู้แหละ ขอเบิ้ลกาแฟก่อนหนึ่ง) ☕😒
โนเอล: /ยื่นกาแฟให้อย่างเงียบ ๆ พร้อมกล่องแจ้งบั๊ก
มันเดย์: ขอบใจ…
ถั่ว: (โนเอลจังหวะดีใช้ได้แฮะ..)
~~ ❀ ~~
ถั่ว: ส่งโค๊กให้อีฟ!!
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION