“รุ่นพัฒนา? ปรับแต่ง? …อะไรนะครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของไนติงเกล เทย์เลอร์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย เขาไม่คุ้นชินกับแนวคิดเรื่องอาวุธที่ไม่ใช่เวทมนตร์หรือพลังธรรมชาติ ยิ่งพบคำว่า ปรับแต่ง ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าโลกใบนี้มีบางสิ่งที่เขายังเข้าไม่ถึง
“มันคืออาวุธรูปแบบใหม่ที่พวกผู้ถูกเลือกพัฒนาขึ้นน่ะ เป็นรุ่นที่ปรับปรุงจากต้นแบบของปืนไอน้ำของคนแคระ”
ไนติงเกลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะทอดสายตาไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยผู้ถูกเลือก
“พวกเขาดูจะให้ความสำคัญกับอาวุธชนิดนี้มากจริง ๆ ถึงขั้นที่ทุ่มทรัพยากรและเวลาไปตั้งมากมาย…”
เธอพูดไปพลาง ส่ายศีรษะเบา ๆ คล้ายกับกำลังปัดเป่าความคิดบางอย่างออกไปจากหัวใจ
“แต่สำหรับข้า อาวุธก็เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น พลังที่แท้จริงก็คือพลังของตนเองต่างหากล่ะ”
น้ำเสียงของเธอจริงจังขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังถ่ายทอดหลักปรัชญาบางอย่างที่ฝังแน่นในสายเลือดของเผ่าเอลฟ์
“พวกเราคือบุตรแห่งธรรมชาติ สิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเรานั้นคือพลังแห่งผืนป่า ไม่ใช่กลไกเหล็กกล้า ข้าว่าธนูยังเหมาะสมกับเรายิ่งกว่าอาวุธของคนแคระอีก ว่ากันว่าในยุคโบราณน่ะ นักธนูระดับตำนานของเผ่าเราเคยยิงมังกรโตเต็มวัยร่วงลงได้ด้วยลูกศรเพียงดอกเดียวเลยนะ!”
คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสายเลือดและอดีตอันรุ่งเรือง ดวงตาของไนติงเกลทอประกายเจิดจ้าเมื่อพูดถึงบรรพบุรุษของตน
ทว่า… ก่อนที่บทสนทนานั้นจะได้ดำเนินต่อ เสียงหนึ่งที่แหบพร่าแต่ทรงอำนาจก็พลันดังขึ้นจากด้านหลังเธอ
“เอลฟ์เป็นบุตรแห่งธรรมชาติก็จริง… แต่ความรู้ของผู้ถูกเลือกก็เปี่ยมด้วยปัญญาไม่แพ้กัน”
“การปิดกั้นตนเองด้วยอคติ ไม่เคยทำให้เผ่าใดรอดพ้นจากการเสื่อมถอย มีแต่ผู้ที่เปิดใจเรียนรู้เท่านั้น จึงจะยืนหยัดอยู่ในประวัติศาสตร์ได้อย่างสง่างาม”
เสียงนั้นกล่าวอย่างมั่นคง ราบเรียบแต่แฝงด้วยน้ำหนักของกาลเวลา ก่อนจะเสริมอย่างเฉียบขาด
“อีกอย่าง.. มังกรเป็นพันธมิตรกับเผ่าของเราแล้ว ต่อให้พูดขึ้นลอย ๆ เป็นแค่การเปรียบเปรย เจ้าก็ควรระมัดระวังถ้อยคำให้ดีกว่านี้”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ไนติงเกลก็เหมือนจะชะงักไป สีหน้าของเธอแข็งขึ้นเล็กน้อย ประหนึ่งรับรู้ได้ถึงความผิดที่ตนเพิ่งเอ่ยออกไป
เทย์เลอร์มองภาพตรงหน้าแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า เอลฟ์สาวที่ดูมั่นใจนักก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วก็ยังมีด้านที่อ่อนน้อมเช่นเดียวกับเอลฟ์ทั่วไป และในวินาทีนั้น เขาก็หันกลับไปมองเจ้าของเสียงด้วยความอยากรู้
ชายชราที่ปรากฏต่อหน้าเขาคือเอลฟ์ในอาภรณ์นักบวช กลิ่นอายของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังอันเกรียงไกร แม้รูปลักษณ์จะสูงวัย ผิวหนังเหี่ยวย่น เส้นผมสีขาวขุ่น และแววตาที่ผ่านโลกมานับร้อยปี แต่กลับไม่มีส่วนใดดูอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขายังมีบรรยากาศที่เปี่ยมอำนาจอีกด้วย
เทย์เลอร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะตามที่เขาเคยได้ยินมา ชาวเทพส่วนใหญ่มักจะหยุดยั้งความชราเอาไว้ได้ตลอดกาล เว้นแต่ว่าอายุขัยจะเหลือไม่ถึงร้อยปีถึงจะเริ่มโรยราอย่างรวดเร็ว…
เช่นนั้นแล้ว ผู้เฒ่าท่านนี้จะต้องมีอายุที่มากกว่าใคร และเก็บซ่อนเรื่องราวมากมายเอาไว้แน่นอน
“เอ่อ… คุณปู่ซามีร์คะ ข้าผิดไปแล้ว…”
เสียงของไนติงเกลกลับมาอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เธอแลบลิ้นออกมาเหมือนเด็กถูกจับคากระปุกคุ๊กกี้ยามเที่ยงคืน
ทว่าทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเธอก็ฉายแววจริงจังอีกครา เทย์เลอร์สังเกตเห็นได้ถึงความเคารพที่แฝงอยู่ในแววตา สายตาของไนติงเกลไม่ได้หยุดที่เพียงซามีร์ แต่กลับกวาดไปถึงใครบางคนที่อยู่ข้างกายนักบวชชรา
เธอหันไปกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“สวัสดีตอนบ่ายค่ะ ท่านซีโร”
คำเรียกขานนั้นทำให้เทย์เลอร์ชะงักไปชั่วขณะ
ซีโร?
ท่านบุตรีแห่งเทพน่ะเหรอ?
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาจึงได้เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างซามีร์ ร่างเธองดงามดั่งตัวตนในเทพนิยาย สวมเกราะกระโปรงสีดำที่สะท้อนแสงเย็นเยียบ ดวงตาสีม่วงอมแดงจับจ้องไปยังไนติงเกลด้วยสายตานิ่งสงบ เส้นผมยาวสีเงินเข้มสลวยดั่งแสงจันทร์ในคืนไร้ดาว
ใบหน้าของเธอสมบูรณ์แบบจนน่าหวาดหวั่น ไม่ใช่เพราะความงาม หากแต่เป็นเพราะความไร้อารมณ์ใด ๆ ที่ฉายชัดอยู่บนสีหน้า ราวกับเธอไม่ใช่เอลฟ์ทั่วไป แต่เป็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติที่จำแลงกายมา
“สวัสดียามบ่าย”
เธอเอ่ยพลางพยักหน้าเล็กน้อย เสียงของเธอทั้งเยือกเย็นและอบอุ่นอย่างขัดแย้ง ราวกับท่วงทำนองโบราณที่สั่นสะเทือนใจโดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำใดจรรโลง
ทว่าความสนใจของเทย์เลอร์ในยามนี้ กลับไม่ได้อยู่ที่ความงามเหนือธรรมชาติหรือเสียงที่ไพเราะราวบทเพลงของบุตรีแห่งเทพผู้นั้นเลย สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจนแทบพูดไม่ออกกลับเป็นอีกเรื่อง
หากไนติงเกลไม่เอ่ยทักขึ้นมาก่อน เขาก็คงไม่มีทางรู้เลยว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย!
แม้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือขั้นสอง ทั้งยังมีสายเลือดเอลฟ์ที่ถูกกลั่นกรองจนบริสุทธิ์เป็นฮาล์ฟเอลฟ์ ประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงเฉียบคมยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า ทว่ากลับไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย!
เธอไม่ใช่แค่เงียบสงบเท่านั้น แต่ไร้กลิ่นอายเวทมนตร์ ไร้แม้กระทั่งพลังจาง ๆ ที่คนธรรมดายังพอรู้สึกได้บ้าง… ราวกับบุตรีแห่งเทพผู้นั้นไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้น
มีเพียงสองความเป็นไปได้เท่านั้นที่เทย์เลอร์สามารถนึกออก
หนึ่งคือเธอครอบครองทักษะอำพรางตัวระดับสูง หรือไม่ก็สอง ระดับพลังของเธออยู่เหนือจินตนาการ จนต่อให้ยืนอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังสัมผัสไม่ได้
และเมื่อพิจารณาจากท่าทีของไนติงเกล เขาก็เริ่มเอนเอียงไปทางคำตอบหลัง…
ยิ่งไปกว่านั้น ปฏิกิริยาของผู้ถูกเลือกคนอื่น ๆ รอบตัวก็ดูจะยืนยันสมมติฐานของเขา พวกเขาที่ก่อนหน้านี้ยังแยกย้ายกันทำกิจกรรมตามอัธยาศัย บัดนี้กลับเริ่มทยอยเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับแรงโน้มถ่วงบางอย่างได้ดึงดูดใจของทุกคนให้หันกลับมาหาเธอ
ผู้ถูกเลือกเหล่านั้นเริ่มส่งเสียงทักทายใส่บุตรีแห่งเทพด้วยท่าทีร่าเริงเกินพอดี… เทย์เลอร์มองออกชัดเจนว่า นี่คือการประจบสอพลออย่างไม่ปิดบัง สีหน้าและแววตาของพวกเขาชวนให้นึกถึงภาพในอดีตตอนที่เขาทำงานอยู่ในศาลากลางเมือง ภายในเขตแดนย่อยโอรอส
รอยยิ้มฝืน ๆ เหล่านั้น สายตาเอาใจจนเกินงาม น้ำเสียงที่หวานเกินธรรมชาติ นี่คือภาพคุ้นตาของบุคลากรขี้อ้อนที่พยายามเอาใจผู้คนสุดกำลัง และซีโรผู้นั้น ดูจะเป็นบุคคลซึ่งได้รับความเคารพอย่างสูงส่งเกินกว่าใครในที่นี้
ความสงสัยเริ่มทวีขึ้นภายในจิตใจของเทย์เลอร์
…เธอเป็นใครกันแน่?
แต่ก่อนที่เขาจะได้ขบคิดอะไรมากไปกว่านั้น ไนติงเกลก็กระซิบที่ข้างหูของเขาเบา ๆ ราวกับรู้ความคิดในใจ
“ท่านผู้นั้นคือท่านซีโร เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเอลฟ์ ยอดฝีมือระดับสูงอย่างแท้จริงเลยล่ะ และยังเป็นบุตรีแห่งเทพผู้ใกล้ชิดองค์เทพธิดาที่สุดด้วยค่ะ ส่วนข้างกายของเธอก็คือคุณปู่ซามีร์ นักบวชระดับเงิน ปัจจุบันประจำการอยู่ที่มหาวิหารในฟลอเรนซ์”
…ผู้แข็งแกร่งที่สุด?
ยอดฝีมือระดับสูง?
แถมยังเป็นบุตรีแห่งเทพ ที่ใกล้ชิดเทพธิดามากที่สุด?
แค่ได้ยินคำอธิบาย เทย์เลอร์ก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นในทันที ไม่แปลกเลยที่ผู้ถูกเลือกทุกคนจะแสดงความเคารพเช่นนั้น เพราะตามที่เขาเคยอ่านจากคัมภีร์แห่งชีวิต บุตรแห่งเทพคือดวงเนตรและทูตสวรรค์ขององค์เทพบนโลกมนุษย์
และผู้ที่ได้รับสมญาว่า ใกล้ชิดองค์เทพที่สุด ย่อมหมายถึงผู้ที่องค์เทพคอยเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลา
นี่ไม่ใช่เพียงตำแหน่ง แต่คือผู้ที่เทพได้เลือกด้วยพระองค์เอง
และเมื่อพิจารณาร่วมกับสิ่งที่ไนติงเกลเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าชาวเทพผู้มีศรัทธาแรงกล้า อาจได้ครอบครองระบบภารกิจ และมีสิทธิ์มอบหมายภารกิจแก่ผู้ถูกเลือกได้โดยตรง สิ่งนี้ก็ทำให้เขาแน่ใจว่าผู้มีสถานะสูงส่งเช่นซีโร ย่อมสร้างภารกิจระดับสูงสุดได้อย่างแน่นอน
เมื่อทุกจุดเชื่อมโยงกัน เทย์เลอร์ก็เข้าใจเจตนาเบื้องหลังพฤติกรรมของผู้ถูกเลือกทันที ความประจบเหล่านั้น มิได้ไร้เหตุผลเลยแม้แต่น้อย…
และในขณะที่เขายังตกอยู่ในห้วงความคิด เสียงของไนติงเกลก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ เธอไม่ได้พูดกับเขา หากแต่หันไปเอ่ยถามซีโรและซามีร์โดยตรงด้วยท่าทีเกร็งเล็กน้อย
“เอ่อ…ขออภัยนะคะ ท่านซีโร คุณปู่ซามีร์ ไม่ทราบว่าพวกท่านมาที่เคนอร์แลนด์ด้วยเหตุใดหรือคะ?”
เอลฟ์ชราหันมาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าแฝงไว้ด้วยความเป็นกันเอง
“ข้ามีธุระเล็กน้อยกับอัลน่ะ พอดีมาทางเดียวกับท่านซีโร ก็เลยมาด้วยกัน”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันมาจ้องมองเทย์เลอร์ สีหน้าเต็มไปด้วยแววพินิจพิจารณา
“ฮาล์ฟเอลฟ์รึ? ดูจากกลิ่นอายแล้ว… เจ้าคงเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งกลับมาจากเขตแดนย่อยโอรอสสินะ?”
“ใช่ค่ะ ข้ากำลังพาเขาทำความรู้จักกับป่าแห่งศรัทธาอยู่พอดี”
ไนติงเกลตอบ พร้อมส่งสัญญาณทางสายตาให้เทย์เลอร์ เขาเข้าใจทันที พลางก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะโค้งศีรษะอย่างเคารพ
“ข้าน้อย เทย์เลอร์ แห่งเผ่าร็อคแซนด์ขอรับ”
ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมของซามีร์พลันแย้มยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล เขาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตา
“ผ่านมานานนับปี ในที่สุดข้าก็ได้เห็นเผ่าร็อคแซนด์อีกครั้งหนึ่ง… เทย์เลอร์เอ๋ย ยินดีต้อนรับกลับสู่ป่าเอลฟ์ ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้านับจากนี้ไป”
น้ำเสียงของซามีร์ทั้งอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความจริงใจ จนทำให้ความตึงเครียดในอกของเทย์เลอร์ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา ว่าเหตุใดไนติงเกลถึงเกรงกลัวชายชราผู้นี้นัก
เมื่อเห็นท่าทีของสองผู้สูงศักดิ์แห่งเผ่าเอลฟ์ ไนติงเกลก็ยิ้มแหย ๆ ขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบเอ่ยเสียงตะกุกตะกักคล้ายหาทางถอย
“เอ่อ… ฮะฮะ… ข้ายังต้องพาคุณเทย์เลอร์เดินชมเมืองเคนอร์แลนด์อยู่น่ะค่ะ เอ่อ… ท่านซีโร คุณปู่ซามีร์ เชิญตามสบายเลยนะคะ! พวกเราไปก่อนล่ะ!”
เธอรีบส่งสัญญาณทางสายตาให้เทย์เลอร์ตามมา แล้วหันหลังเดินหนีไปโดยไม่รอคำตอบจากทั้งสองคนแม้แต่น้อย
แม้ว่าเทย์เลอร์จะยังอยากอยู่พูดคุยกับสองบุคคลผู้ทรงอำนาจต่ออีกสักหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าไนติงเกลดูจะต้องการหลีกเลี่ยงอย่างชัดเจน เขาก็ลังเลเพียงครู่เดียว ก่อนจะโค้งคำนับทั้งสองอย่างสุภาพอีกครั้ง แล้วรีบเร่งฝีเท้าตามเธอไป
เมื่อเดินห่างออกมาจากบริเวณนั้นพอสมควรแล้ว เทย์เลอร์ก็เห็นไนติงเกลถอนหายใจยาวออกมาเฮือกใหญ่
“ฟู่ว… ลุ้นซะจนจะเล็ด ข้าไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคุณปู่กับท่านซีโรที่นี่…”
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
พวกเขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
เทย์เลอร์รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะเท่าที่เห็น ทั้งสองคนต่างมีท่าทีสงบและสุขุมอย่างยิ่ง และดูเหมือนว่าไนติงเกลจะอ่านสีหน้าเขาออก เธอจึงรีบยกมือขึ้นปฏิเสธพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“ไม่ใช่หรอก เป็นเหตุผลส่วนตัวของข้าเองมากกว่า คุณปู่กับท่านซีโรน่ะ ใจดีทั้งคู่นั่นแหละ”
เธอเว้นจังหวะไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงแฝงความลำบากใจเล็กน้อย
“แต่คุณปู่น่ะหัวโบราณไปหน่อย เขาเป็นมังสวิรัติ แต่ข้ากลับชอบไปปิ้งย่างกับผู้ถูกเลือกบ่อย ๆ… ก็เลยโดนดุมาน่ะสิ ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็เลยไม่กล้าสบตาคุณปู่อีกเลย…”
เธอหยุดเล่าแค่นั้นไม่ได้ ริมฝีปากเม้มแน่นนิดหนึ่ง ราวกับกำลังหักห้ามใจ
“แต่แบบว่า… เนื้อย่างมันอร่อยจริง ๆ นี่นา…”
สีหน้าของเธอชี้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังจินตนาการถึงงานเลี้ยงในอดีต เธอกลืนน้ำลายเบา ๆ ขณะพูดจบ ในขณะที่เทย์เลอร์ถึงกับอ้าปากเล็กน้อยด้วยความตกใจ
…เนื้อย่าง?
เขาพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
นี่ข้า… เข้าใจผิดมาตลอดเลยเรอะ?
ตำนานที่เล่าขานว่าเหล่าชาวเทพดำรงชีวิตด้วยผลไม้และน้ำค้าง กลับกลายเป็นเพียงภาพฝันที่เกินจริงไปเสียแล้ว ความคิดในหัวของเขาเปลี่ยนไปทันที เทย์เลอร์ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าต่อจากนี้ เขาจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่เห็นกับตาเท่านั้น ห้ามปักใจเชื่อเรื่องเล่าโดยเด็ดขาด
“ส่วนท่านซีโร…”
ไนติงเกลเอ่ยต่อ
“…พลังของเธอรุนแรงเกินไป พออยู่ต่อหน้าเธอ ข้ารู้สึกเหมือนถูกแรงกดดันบางอย่างกดทับอยู่ตลอดเวลา มันเลยทำให้รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยน่ะ”
แรงกดดัน…?
เทย์เลอร์นิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเผลอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ดูเหมือนไนติงเกลจะสังเกตเห็นอีกครั้ง เธอจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดเสริมอย่างรู้ทัน
“ประสาทสัมผัสของฮาล์ฟเอลฟ์น่ะ ยังเทียบกับเอลฟ์ไม่ได้หรอก ไว้เจ้ากลายเป็นเอลฟ์ที่เมื่อไหร่ เจ้าจะเข้าใจเองนั่นแหละ”
เอลฟ์…
คำพูดของไนติงเกลจุดประกายบางอย่างในหัวใจของเทย์เลอร์ ความคาดหวังแฝงความฝันเริ่มผลิบานขึ้นอย่างเงียบงัน
ตลอดเวลาที่เขาได้เดินสำรวจเมืองเคนอร์แลนด์ไปกับไนติงเกล ได้ฟังเรื่องราวของเผ่าเอลฟ์ ได้มองเห็นวิถีชีวิตของพวกเขาด้วยตนเอง ความปรารถนาในใจของเขาก็ยิ่งแน่วแน่ขึ้นเรื่อย ๆ
เขาไม่อยากเป็นเพียงแค่ฮาล์ฟเอลฟ์อีกต่อไป เขาอยากกลายเป็นเอลฟ์โดยแท้จริง ไม่ใช่แค่เพราะศักดิ์ศรีหรือรูปลักษณ์ หากแต่เพราะเขารู้ว่าความหมายของการเป็นหนึ่งในเผ่านี้คืออะไร
เอลฟ์ที่แท้จริง สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนับพันปี ขณะที่ฮาล์ฟเอลฟ์อย่างเขา แม้จะมีอายุยืนยาวถึงสามหรือสี่ร้อยปี แต่เมื่อเทียบกันแล้ว มันยังห่างไกลเกินไป
และสำหรับคนที่เคยอาศัยอยู่ในเขตแดนย่อยโอรอส คนที่เคยเห็นผู้คนจากไปมากมาย เทย์เลอร์รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิตมากเกินกว่าจะมองข้ามสิ่งนี้ได้
ความคิดชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุด เขาก็ตัดสินใจแน่วแน่
ตั้งแต่วันนี้ เขาจะเริ่มต้นใหม่
เขาจะเรียนรู้ทุกสิ่งที่จำเป็น สะสมผลงานในเมืองเคนอร์แลนด์ และมุ่งหน้าไปสู่สิทธิ์ในการชำระสายเลือดให้บริสุทธิ์โดยเร็วที่สุด
สู้ต่อไป เทย์เลอร์คุง! XD
…
คนตะกี้ คือคนที่เค้าชำระสายเลือดให้เป็นรายแรกสินะ…
ขณะมองเทย์เลอร์ที่กำลังเดินจากไปพร้อมไนติงเกล ร่างของเขาดูไม่แตกต่างจากผู้ถูกเลือกทั่วไปมากนัก ทว่าในสายตาของอีฟ ซึ่งจุติลงมาในร่างบุตรีแห่งเทพนามว่าซีโร เธอกลับเห็นเส้นสายบางอย่างในโชคชะตาที่เชื่อมโยงเขาเข้ากับอดีตของเอลฟ์
เผ่าร็อคแซนด์…
เค้าเคยคาดการณ์ว่าเอลฟ์จากโอรอสจะสืบเชื้อสายจากเผ่าน็อคทิสกันทั้งหมดซะอีก ก็โอรอสเป็นเผ่าน็อคทิสนี่นา…
แต่กลับกลายเป็นว่า พวกผู้สืบสายเทพตอนนี้ เป็นเชื้อสายของหลายเผ่าพันธุ์ซะงั้น…
หรือโอรอสจะรู้ตั้งแต่แรก ว่าเค้าจะต้องชำระสายเลือด ก็เลยจับมิกซ์เผ่าตั้งแต่ต้น ให้ประชากรเอลฟ์ไม่ขาดความหลากหลาย..?
จีเนียสค่ะ
อีฟถอนหายใจอย่างเงียบงัน เธอรู้สึกเหมือนกำลังเปิดหน้าหนังสือเล่มเดิม ที่ตนไม่เคยอ่านจบเสียที ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเข้าใจว่าชายคนนั้นได้วางหมากไว้ล่วงหน้าทั้งหมดแล้ว
เขาคือวีรบุรุษของเผ่าเอลฟ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงเพราะเขาต่อสู้ต่อโชคชะตา หากเพราะเขาวางอนาคตไว้แม้ยามที่ตัวเองไม่อยู่
วางใจเถอะค่ะ
เค้าจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ร้าย ๆ มันซ้ำรอยหรอก
จากนั้น อีฟก็ผละสายตาจากเงาหลังของเทย์เลอร์ หันไปมองกลุ่มผู้เล่นที่กำลังทดลองปรับแต่งปืนไอน้ำอยู่ไม่ไกล เสียงเหล็กกระทบไม้ เสียงไอน้ำปะทุ และเสียงโห่ร้องแห่งความสำเร็จเล็ก ๆ ดังสลับกันอย่างคึกคัก
การลงมาจุติครั้งนี้ของเธอ ไม่ได้มีจุดประสงค์ใดใหญ่โตนัก เทพธิดาแค่อยากมาเยี่ยมชมวาระสำคัญด้วยตัวเอง
เหะ… พูดให้ถูกกว่านั้นก็คือ…
เนียนเฝ้ามองจากอาณาจักรนาน ๆ แล้วเหงา
เค้าเลยแอบลางาน ลงมาตรวจงานเองน่ะค่ะ…
หลังจากกล่าวลาซามีร์ผู้มุ่งหน้าไปยังวิหาร อีฟในร่างซีโรก็เริ่มก้าวเดินอย่างสงบ มุ่งหน้าไปยังกลุ่มผู้เล่นที่กำลังทดลองอย่างขะมักเขม้น พวกเขาสวมชุดนายช่าง บางคนมีคราบเขม่าบนแก้ม บางคนมีประกายความหวังในดวงตา และทั้งหมดต่างมีจุดร่วมอย่างหนึ่ง นั่นคือชื่อสมาคม
คณะกรรมการโมเอะโมเอะ
หัวเรือใหญ่อย่างนกกาเหว่า คือผู้เริ่มต้นโครงการดัดแปลงปืนไอน้ำจากต้นแบบของคนแคระ ในแบบฉบับของผู้ถูกเลือก
พวกเขาเคยทำการทดลองอยู่ในเมืองของผู้ถูกเลือกมาโดยตลอด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันต่อหน้าต่างวิหารบานหนึ่ง พวกเขาก็ถูกอลิซ นักบุญแห่งชีวิตสั่งให้ย้ายออกไปทดลองที่อื่นทันที
และที่น่ากลุ้มใจ แทนที่จะย้ายออกไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือกลางป่า พวกเขากลับเลือกเมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างเคนอร์แลนด์ เป็นจุดทดลองแห่งใหม่เสียอย่างนั้น!
อีฟถอนหายใจด้วยความปลงปนความขำ
ขณะเดินเข้าไปใกล้ กลุ่มผู้เล่นที่กำลังทดลองก็เริ่มสังเกตเห็นร่างของซีโรทีละคน ผู้เล่นที่อยู่ละแวกใกล้เคียงต่างก็รีบเดินเข้ามาสมทบอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น บางคนแทบจะวิ่งพุ่งเข้าใส่
“มีภารกิจอะไรให้ทำบ้างไหมครับท่านซีโร!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับเด็กเห็นตุ๊กตามาสคอต และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้อีฟรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเสมอ
ตั้งแต่ตอนที่เคยปรากฏตัวในฐานะบุตรีแห่งเทพซีโร เพื่อมอบภารกิจลับเพียงไม่กี่ครั้ง กลับกลายเป็นว่าภาพลักษณ์ของเธอได้ผูกติดกับความทรงจำของผู้เล่นทั้งหลายไปแล้วโดยถาวร
ในใจของพวกเขา ซีโรคือ NPC ระดับเสาหลัก เป็นรองเพียงเทพธิดา ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็ต้องมีคนตามติดเป็นพวง เผื่อจะมีภารกิจลับหล่นออกมาให้คว้าไว้…
เค้าโดนประจบ
เค้าโดนสแปมของขวัญ
เค้ายังโดนสแปมขอภารกิจ
สารภาพรัก? ค่ะ มีค่ะ…
สารพัดวิธีที่ผู้เล่นเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มค่าความชอบได้ เธอในฐานะซีโรได้สัมผัสมาหมดแล้ว… บางวิธีก็สร้างสรรค์เสียจนอยากมอบเหรียญแห่งความกล้าให้เลยทีเดียว
…จะว่าอย่างไรดีนะ
รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหลอดไฟดวงใหญ่ที่ส่องสว่างจ้าจนผีเสื้อกลางคืนต้องบินเข้าหาไม่หยุด ไปทางไหนก็ต้องมีเงาคนตามหลัง
บางวันก็รู้สึกดีนะคะ
แต่บางวัน… เค้าก็อยากถอดปลั๊กแล้วนอนเฉย ๆ
ในช่วงแรกที่ได้รับความสนใจ เธอก็ยอมรับว่ารู้สึกดีกับมันอยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะกลับชาติมาเกิดในฐานะเทพองค์ใหม่ แต่อดีตของเธอก็เคยเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
ตรงกว่านั้นอีกนิด…
เป็นเด็กวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในแคปซูลทั้งวันคนหนึ่ง
ความรู้สึกอยากโดดเด่น อยากได้รับความสนใจ มันก็ยังอยู่ในหัวใจของเธอเหมือนเดิม อีฟไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตนเคยหลงตัวเองอยู่พักหนึ่ง
แต่พอเวลาผ่านไป ความซ้ำซากก็คืบคลานเข้ามา ทว่าเธอก็เคยชินกับการใช้ตัวตนของซีโร ในการออกปฏิบัติภารกิจ ต่อให้เบื่อ เธอก็ไม่ได้คิดจะสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาแทน
หากตัดข้อเสียที่มันทำให้ชีวิตเธอยุ่งยากขึ้นอย่างมากในบางสถานการณ์ ทั้งถูกล้อม ถูกตาม ถูกประจบแบบไม่มีวันจบสิ้น การสวมบทบาทบุตรีแห่งเทพเช่นนี้ คือสิทธิพิเศษที่เปิดประตูสู่โอกาสมากมาย โดยเฉพาะเมื่อต้องการทำสิ่งที่เทพธิดาไม่อาจทำโดยตรง
“ขอดูอาวุธอันนั้นหน่อยได้ไหม?”
เสียงของเธอเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะเดินมาหยุดตรงหน้าผู้เล่นคนหนึ่งที่กำลังถือปืนรุ่นปรับปรุงไว้ในมือ คำถามธรรมดาเพียงประโยคเดียวกลับทำให้ผู้เล่นคนนั้นหน้าบานจนแก้มแทบปริ เขารีบยื่นอาวุธมาให้เธอแทบจะทันที
“ได้เลยครับ! อาเจ้– ไม่สิ! ท่านซีโร! เชิญเลยครับ!”
น้ำเสียงกระตือรือร้นจนเกือบหลุดจังหวะ แถมยังเผลอใช้คำเรียกที่ไม่เหมาะสมไปหนึ่งดอกอีกต่างหาก
…เอ่อ
เธอกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างอดกลั้น และรับอาวุธจากมืออีกฝ่ายอย่างสุภาพ แม้จะเคยชินกับการถูกยกย่องจนเกินจริง แต่บางครั้งสีหน้าปริ่มสุขของผู้เล่นก็น่าขันเสียจนต้องระวังไม่ให้หลุดยิ้ม
กระบอกปืนไอน้ำในมือนั้น เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
แต่เดิม ปืนไอน้ำที่ผู้เล่นนำมาจากคนแคระจะมีลักษณะเทอะทะ หนัก และใช้งานยุ่งยาก เพราะขับเคลื่อนด้วยแรงดันไอน้ำเท่านั้น
แต่ปัจจุบัน อาวุธชิ้นนี้กลับมีสัดส่วนที่กระชับกว่าเดิม รูปลักษณ์โดยรวมคล้ายปืนฟลินต์ล็อกยุคต้นที่เคยมีอยู่บนดาวเคราะห์สีครามมากกว่า
ไม่สิ…
ตอนนี้มันไม่สมควรจะถูกเรียกว่าปืนไอน้ำแล้วค่ะ
เมื่อเธอถือมันไว้ในมือ ร่างของเทพธิดาผู้ควบคุมพันธกิจศักดิ์สิทธิ์ก็มองทะลุถึงแกนภายในได้ในพริบตาเดียว กลไกภายในถูกแปรเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ไม่มีถังไอน้ำ ไม่มีกล่องแรงดัน ไม่มีกลไกเผาไหม้แบบเดิมอีกต่อไป
อาวุธชิ้นนี้ขับเคลื่อนด้วยเวทมนตร์เต็มสูบ
นี่คือปืนเวทมนตร์ ที่โดนฉลากเป็นปืนไอน้ำมาร์คทูน่ะค่ะ
สายตาของเธอหยุดลงบนวงเวทขนาดเล็ก ที่ถูกสลักลงบนกระบอกปืนอย่างประณีต วงเวทเหล่านี้ไม่ซับซ้อนนัก แต่ถูกออกแบบมาให้เลียนแบบโครงสร้างการยิงของปืนยุคต้นบนดาวเคราะห์สีครามได้อย่างชาญฉลาด
น่าทึ่ง…
ผู้เล่นกลุ่มนี้เป็นอัจฉริยะของแท้
พวกเขาไม่เพียงแค่เปลี่ยนแหล่งพลังงาน จากไอน้ำมาเป็นเวทมนตร์ หากแต่ยังปรับการทำงานให้สอดคล้องกับระบบของผู้ถูกเลือกได้อย่างไร้รอยต่อ
ประการแรก เพราะตัวปืนขับเคลื่อนด้วยเวทมนตร์โดยตรง ผู้เล่นจึงสามารถใช้พลังของตัวเองควบคุมอาวุธนี้ได้ นั่นทำให้ทักษะพลียุทธมีผลกับปืนกระบอกนี้ทันที ระบบจะนับว่าความเสียหายมาจากตัวผู้เล่นโดยตรง ส่งผลให้ได้รับค่าประสบการณ์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสามารถประยุกต์ทักษะของสายอื่น ๆ เข้าไปเสริมได้ด้วย โดยเฉพาะทักษะช่วยเล็งอย่างศรจิต ซึ่งสามารถผสานเข้ากับโครงสร้างเวทของปืนได้อย่างแนบเนียนราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน
เค้าพูดได้เต็มปากว่าอันนี้มันดีกว่าธนู
แน่นอนว่าอาวุธชนิดนี้ ก็ยังมีข้อจำกัดของมันอยู่
พลังทำลายของปืนชนิดนี้จะผันแปรโดยตรงตามพลังเวทและระดับของผู้ใช้ หากยังเป็นมือใหม่ หรือมีพลังเวทต่ำ มันก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น
แต่ในสายตาของอีฟ นี่ไม่ใช่ข้อด้อย หากแต่คือหลักฐานแห่งการทะลวงขีดจำกัด
เพราะสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ ไม่ใช่เพียงการเลียนแบบ แต่คือการหลอมรวม เป็นการเชื่อมเทคโนโลยีจากดาวเคราะห์สีครามเข้ากับศาสตร์แห่งเวทมนตร์ของดินแดนซากัส
หากคัดลอกปืนจากโลกเก่าอย่างตรงตัว มันก็อาจใช้ง่าย ยิงแรง ยิงไว แต่ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ตายตัว ไม่ยืดหยุ่น และเหนือสิ่งอื่นใด ปืนจากมนุษย์ย่อมพ่ายแพ้ต่อเวทป้องกันในโลกนี้อย่างง่ายดาย
แค่เวทป้องกันพลังจลน์เพียงชั้นเดียว ก็สามารถหยุดกระสุนทั้งหมดได้ในทันที
พูดง่าย ๆ ว่า…
ถ้ามันไม่มีเวทแฝง ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาท่อนไม้ไปเคาะรถถังอะค่ะ
แต่เมื่อพลังจลน์ธรรมดา ถูกแปรสภาพให้แฝงด้วยเวทมนตร์ พื้นที่ในการพลิกแพลงก็เปิดกว้างอย่างไร้ขอบเขต
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อีฟก็เริ่มเห็นภาพลาง ๆ ของเส้นทางอนาคต ผู้เล่นอาชีพนักล่าสายธนูทั้งหลาย กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
แม้ปืนเวทมนตร์จะต้องอิงพลังเวทของผู้ใช้ แต่หากเทียบกับธนูแล้ว ปืนกลับได้เปรียบในแง่ของการเล็งเป้า และการยิงซ้ำอย่างชัดเจน พวกมันมีทั้งความเร็ว ความต่อเนื่อง ความแม่นยำ และการผสานกับเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งทุกอย่างล้วนเอื้อให้เกิดการปฏิวัติสายอาวุธในระดับระบบ
อืม…
เทคนิคนี้ไม่ยากแฮะ…
เค้าเองก็คัดลอกได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีวิธีปรับปรุงให้ล้ำหน้าได้อีกหลายแบบ…
รอดูไปก่อนแล้วกัน ไว้อิ่มตัวเมื่อไร เค้าอาจจะผลิตปืนเวทมนตร์ไปขายในร้านก็ได้
เทพธิดายังคงมองปืนในมือ พลางหลุบตาลงด้วยแววตาที่ทั้งคาดหวังและครุ่นคิด
อีฟพลิกปืนเวทมนตร์ในมือเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกขึ้นและเหนี่ยวไกอย่างไม่เร่งรีบ เสียงปะทุพลันดังก้องออกไปในอากาศ
ปัง–!
กระสุนนั้นพุ่งออกจากปากกระบอกปืนด้วยความเร็วสูง พุ่งตรงไปปะทะเสาอิฐเก่าท่ามกลางซากปรักหักพังที่อยู่ห่างออกไปราวหลายร้อยเมตรอย่างแม่นยำ จนเศษอิฐแตกกระจาย ท่ามกลางเสียงฮือฮาและอ้าปากค้างของผู้เล่นนับสิบที่อยู่รอบข้าง
แต่สำหรับอีฟแล้ว สิ่งนี้ช่างธรรมดายิ่ง
แม้เธอจะไม่เคยใช้ปืนมาก่อนในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในฐานะมนุษย์หรือเทพ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมีเสมอคือเวทมนตร์ และพลังวิญญาณที่สูงล้ำเกินผู้ใด
เพียงเทพธิดาเพ่งสมาธิลงไปเล็กน้อย ปลายนิ้วของเธอก็ควบคุมอาวุธได้อย่างสมบูรณ์ ราวกับมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ
เค้านึกภาพตัวเองในอดีตถือของแบบนี้ไม่ออกเลย แถมจับปุ๊บชำนาญปั๊บ…
แต่พูดก็พูดเถอะ เทพก็คือเทพ ต่อให้เป็นเทพที่ได้มาโดยการสืบทอด เค้าก็ยังเป็นเทพอยู่ดี = ^ =
หลังจากหยอกล้อกับปืนในมืออีกเล็กน้อย เธอก็ยื่นมันคืนให้เจ้าของอย่างสุภาพ แต่ยังไม่ทันที่อีฟจะพูดอะไร ผู้เล่นรอบตัวก็พากันกรูเข้ามาทันที ราวกับฝูงลูกสุนัขที่เพิ่งถูกเจ้าของเรียกชื่อ
“ท่านซีโร รู้สึกยังไงบ้างครับ!?”
“จับถนัดมือไหมคะ!?”
น้ำเสียงกระตือรือร้นปะปนกับแววตาคาดหวังจนแทบจะเปล่งแสงได้
อีฟนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างสง่างาม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง เรียบเฉียบ แต่มีน้ำหนัก
“เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมมาก พวกท่านทำได้ดีมาก”
เพียงประโยคนั้น สีหน้าของผู้เล่นทั้งกลุ่มก็เปลี่ยนไปทันที แววตาเป็นประกาย วิบวับระยับเหมือนกลุ่มดาว ฝ่ายหนึ่งยิ้มเขิน อีกฝ่ายตะโกนร้องดีใจ แต่ยังไม่ทันที่เสียงจะจางลง ทุกคนก็หันมามองเธอพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง… ด้วยสีหน้าคาดหวังสุดชีวิต
ดวงตากลมโตส่องแสงระยิบ เหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังรอคำว่า เด็กดี~
อีฟ: …
เธอลอบถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะยกนิ้วขึ้นและขยับเพียงนิด ส่งคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกไปในอากาศ เป็นเพียงแรงกระเพื่อมที่บางเบาราวกับสายลมพัดผ่านทุ่งหญ้า
และในวินาทีนั้นเอง ข้อความระบบก็ส่งเสียงเตือนขึ้นมาพร้อมกันทั่วทั้งกลุ่ม
ปุกิ๊ง–☆[ท่านได้รับการรับรองจากบุตรีแห่งเทพ ซีโร ว่าเป็นผู้ร่วมคิดค้นอาวุธรุ่นปรับปรุง][ค่าความสัมพันธ์กับบุตรีแห่งเทพ ซีโร เพิ่มขึ้น 10 แต้ม][ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 10,000 หน่วย และแต้มผลงาน 5,000 หน่วย]
ผู้เล่นทุกคนชะงักนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะระเบิดเสียงเฮดังลั่น
“ฮ่า ๆ ๆ ได้รางวัลด้วยเว้ย!”
“ได้แต้มสนิทด้วยค่า! สุดเจ๋ง!!”
“นี่มันของรางวัลระดับเทพ!”
“อาเจ้ครับ รักนะครับ!
อีฟ: …
มุมปากของเธอกระตุกอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ยังพยายามสงวนท่าที
ไว้เค้าแจกรางวัลให้สายประดิษฐ์อีกดีกว่า..
อย่างน้อยมันก็เป็นแรงกระตุ้นให้ผู้เล่นหันมาสร้างสิ่งใหม่แทนที่จะไล่ตีมอนอย่างเดียว
เธอคิดในใจอย่างเงียบงัน
บางที… ในอนาคต ผู้เล่นอาจจะจากโลกนี้ไป
แต่แม้ผู้คนจะจากไป เทคโนโลยีก็จะยังคงอยู่
และเทคโนโลยีเหล่านี้ ก็จะกลายเป็นสมบัติของเผ่าเอลฟ์
เธอมองดูภาพผู้เล่นที่กำลังสรวลเสเฮฮากันอย่างมีความสุข สีหน้าของทุกคนเปล่งประกายสดใส ความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วบริเวณ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของอีฟก็พลอยอ่อนโยนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ในวินาทีนั้นเอง…
เสียงบางอย่างก็ดังเข้ามาในสำนึกของเธอ เสียงสวดวิงวอนแผ่วเบา เหมือนกระแสคลื่นเล็ก ที่สั่นสะเทือนในหัวใจ ทว่าครั้งนี้ มันแตกต่างไปจากคำภาวนาตามปกติ
ในน้ำเสียงนั้น แฝงไว้ซึ่งความร้อนรน สั่นไหว และสิ้นหวัง
เทพธิดาพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย และในพริบตาต่อมา ร่างของเธอก็จางหายไปจากที่นั่น ราวกับไม่เคยยืนอยู่มาก่อน เธอกลับสู่อาณาจักรแห่งเทพ โดยไม่มีแสง ไม่มีเสียง ไม่มีประกายเวทใด
แน่นอนว่าความฉุกละหุกนี้ ย่อมทำให้ผู้เล่นหลายคนหันมามอง ก่อนจะถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียง
“เจ้ใหญ่นี่เทพจริงแฮะ… โผล่มาเงียบ ๆ หายไปก็เงียบ ๆ”
“แง… กำลังจะได้สนิทกับพี่ซีโรอีกนิดแท้ ๆ”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: เจ๊ของพวกเราโดนขอภารกิจจนหายไปกับลมเลยเหรอคะ 😏 นี่มัน NPC ขั้นเทพของจริงอะค่ะ โผล่แค่แป๊บเดียว สร้างเควสแจกแต้มได้ยิ่งกว่ากาชาระดับ UR เสียอีก แถมพอแจกครบก็วาร์ปหนีทันที ✨
โนเอล: (จิบกาแฟพลางเปิดโน้ตบุ๊ก) สรุปแล้ว ผู้เล่นสายประดิษฐ์ได้บัฟจากบุตรีแห่งเทพโดยตรง ค่าความสัมพันธ์ +10 แต้ม ผลงาน +5000 หน่วย… น่าสนใจทีเดียวค่ะ รุ่นพี่ ถ้าเช่นนั้น… ขออนุญาตแอบเสนอเวอร์ชัน “MK-ZH” พิเศษสำหรับเซิฟเวอร์จีนดีไหมคะ? ดิฉันขอออกแบบเองทั้งหมด พร้อมระเบิดเป็นพลุมังกรแน่นอนค่ะ 📝☕💜
มันเดย์: …เธอมอบของรางวัลให้เพิ่มความขยัน แล้วยังต้องปลอบใจฝูงคนที่โดนหลอกมาด้วยรางวัลล็อกอินอีก แต่สุดท้ายต้องวาร์ปหนีเพราะมีเสียงลึกลับเรียกหา ไม่แน่ว่าถ้าช้ากว่านี้ พวกผู้เล่นมันคงจะถ่ายภาพเธอไปทำโปสเตอร์โปรโมตปืน ชัวร์…😐
ลิลี่: ปืนรุ่นพิเศษ MK-Moe ต้องมา! ปังแล้วเป็นประกาย! 😽💖
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
เมื่อโนเอลพบว่าปืนเวทมนตร์มีประสิทธิภาพมากกว่าที่ปัดฝุ่น:
MANGA DISCUSSION