การกำเนิดขึ้นของศาสนาแห่งชีวิต ได้สั่นคลอนความสงบอันยาวนานนับพันปีของเขตแดนย่อยโอรอส
เสียงสวดภาวนาแห่งศรัทธาแผ่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แทนที่ความเงียบสงบที่เคยปกคลุมดินแดนแห่งนี้ด้วยแสงแห่งความเชื่อใหม่…
และเมื่อตัวตนของผู้ถูกเลือกได้ปรากฏต่อสายตาของผู้คน วิถีชีวิตของชาวเขตแดนย่อยก็ถูกพลิกผันอย่างสิ้นเชิงจากรากฐานดั้งเดิมที่เคยยึดถือ
วิหารแห่งชีวิตซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในนครใหญ่หรือหมู่บ้านอันห่างไกล เปลวเพลิงแห่งศรัทธาต่อเทพธิดาอีฟลุกโชติช่วงดั่งพายุเพลิงกลางฤดูแล้ง เผาผลาญความเฉื่อยชาและคลายความสงสัยในหัวใจของชาวบ้านไปจนหมดสิ้น แตกต่างจากศาสนจักรของเทพผู้สร้างที่กำลังเสื่อมถอยลงทุกขณะ
ในสายตาของชาวบ้าน ผู้ถูกเลือกเปรียบเสมือนรัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่มาเยือน พวกเขานำความหวังกลับคืนมาสู่หัวใจที่เคยชาชินกับความสิ้นหวัง และในโลกที่ยังตกอยู่ภายใต้ความวุ่นวายและภัยพิบัติในระดับเขตแดน การยื่นมือเข้ามาของเทพธิดา ย่อมกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนมิอาจหันหลังให้ได้เลย
สถานการณ์ในยามนี้ ต่างไปจากยุคสมัยที่ศาสนจักรของเทพผู้สร้างเคยครองความยิ่งใหญ่ แต่ทิ้งไว้เพียงซากปรักของความว่างเปล่า วิหารของพวกเขาในอดีตไม่ต่างจากสัญลักษณ์ของความหวาดกลัว ทว่าทุกวิหารแห่งชีวิตที่ก่อร่างขึ้น กลับเต็มไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย
ในวันแรก ผู้ถูกเลือกต้องวิ่งไล่ตามผู้คนเพื่อชักชวนให้หันมารับฟังศรัทธา แต่ไม่นานนัก บทบาทนั้นก็กลับตาลปัตร
ผู้คนเริ่มเดินทางมาที่วิหารด้วยตนเองอย่างสมัครใจ พวกเขาแสวงหาความเข้าใจ พวกเขาร่ำร้องขอเรื่องราวของเทพธิดา และในหมู่ผู้แสวงหาความจริงเหล่านั้น ชายคนหนึ่งนามว่าเทย์เลอร์ ได้ก้าวเดินเข้ามาด้วยใจที่พร้อมมอบศรัทธาอย่างแท้จริง
เทย์เลอร์เคยเป็นนักผจญภัยผู้แข็งแกร่ง ชีวิตของเขาถูกหล่อหลอมจากการเดินทางและการต่อสู้ และในปีนี้… เขาก็มีอายุครบสามสิบปี
หากปราศจากศาสนาแห่งชีวิต เส้นทางของเขาก็คงมืดมน ไม่ต่างจากผู้คนมากมายในรุ่นก่อน ที่จากโลกไปในวัยสามสิบต้น ๆ
ทว่า การปรากฏตัวของเทพธิดาแห่งชีวิต ได้เปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง พระองค์ขัดขวางแผนร้ายของศาสนจักรเก่า ช่วยปลดปล่อยเขตแดนย่อยจากการกดขี่ และสำแดงปาฏิหาริย์ต่อหน้าผู้คน นำแสงสว่างมาแทนที่เงามืด พร้อมกับความหวังใหม่ที่ไม่มีผู้ใดคาดฝันมาก่อน
เทวทูตซึ่งอยู่ใต้บัลลังก์ของพระองค์ก็มิได้เพียงเฝ้ามองจากเบื้องบน แต่ยังลงมาสู่โลกมนุษย์ด้วยตนเอง ช่วยเหลือผู้คนจากความตาย เผยแผ่คำสอนแห่งชีวิตด้วยความเสียสละและเมตตา ทุกคนในดินแดนนี้ล้วนเคยได้ยินชื่อของพวกเขา
ทุกคนล้วนรู้ดี เทวทูตในตำนานคือผู้ที่มอบภาษาและความรู้แก่มนุษย์ สอนให้รู้จักเครื่องมือ และนำพาผู้คนเข้าสู่ความศิวิไลซ์ ชาวบ้านจำนวนมากจึงมองว่าเทวทูตมีความศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพยิ่งกว่าผู้แทนของศาสนจักรเก่าที่เสื่อมโทรมด้วยซ้ำ
แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ปัดตำนานเหล่านั้นว่าเป็นเพียงนิทานปรัมปรา แต่วินาทีที่เทวทูตเสด็จมาปรากฏต่อหน้าผู้คนด้วยร่างเนื้อและแสงเรืองรอง ความจริงก็ได้กระแทกหัวใจของพวกเขาอย่างจัง แรงสั่นสะเทือนนั้นมิอาจหาสิ่งใดเทียบได้
สำหรับเทย์เลอร์ซึ่งไม่เคยมีศรัทธาต่อศาสนจักรของเทพผู้สร้างแม้แต่น้อย การที่เขาได้เห็นเทวทูตตัวเป็น ๆ กับตา และได้ประจักษ์ปาฏิหาริย์จากเทพธิดาอีฟด้วยหัวใจของตนเอง ก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนความลังเลเป็นความเลื่อมใสโดยไร้ข้อแม้ เขาคือหนึ่งในผู้ศรัทธาแห่งชีวิตกลุ่มแรกของโลกใบนี้
และมิใช่เพียงเท่านั้น เขายังกลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนศาสนาแห่งชีวิตที่อุทิศแรงกายและเวลาช่วยเหลือเหล่าเทวทูตในการซ่อมแซมและก่อสร้างวิหารแห่งใหม่ ด้วยหวังว่าตนจะได้เป็นส่วนหนึ่งของการปลุกโลกใบนี้ให้ตื่นขึ้นจากนิทราอันยาวนาน
ทุกครั้งที่เขาหยุดมองแสงสว่างเรืองรองของวิหาร เทย์เลอร์มักรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันไป ราวกับเรื่องเล่าที่เคยฟังตอนเด็กได้กลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง เทวทูตที่เคยปรากฏแค่ในนิทานกลับงดงามและเปี่ยมพลังดั่งที่ผู้คนเล่าขาน มิหนำซ้ำ พวกเขายังเปี่ยมด้วยเมตตาและความเสียสละ
พวกเขาต่างไปจากเหล่าผู้แทนศาสนจักรของเทพผู้สร้างในอดีตที่เอาแต่เรียกเก็บภาษีและกดขี่ชาวเมือง เทวทูตแห่งชีวิตกลับเผยแผ่ศาสนาอย่างไม่หวังผลตอบแทน รักษาผู้ป่วยอย่างด้วยความเมตตาอย่างแท้จริง
ทุกครั้งที่สัตว์อสูรเข้ารุกรานหมู่บ้านหรือเมืองใดในเขตแดนย่อย เหล่าเทวทูตแห่งชีวิตก็จะเร่งรุดไปยังพื้นที่นั้นโดยไม่รั้งรอ พวกเขามิได้ยืนดูอยู่เฉย ๆ หากแต่พร้อมยื่นมือเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างไม่มีเงื่อนไข ความกรุณาและเสียสละของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงคำล่อลวง แต่คือการกระทำที่จับต้องได้จริง และพวกเขาไม่เคยเอ่ยปากขอสิ่งใดตอบแทนเลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่า ในสายตาของเหล่าเทวทูต การที่มีผู้คนจำนวนมากขึ้นได้รับฟังคำสอนของเทพธิดา การที่มีศรัทธาใหม่กำเนิดขึ้นในจิตใจของผู้คน นั่นต่างหากคือรางวัลอันสูงสุดที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา พวกเขาไม่ต้องการเกียรติ ไม่หวังทรัพย์สิน ขอเพียงได้เห็นแสงสว่างของศรัทธาแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน ก็เพียงพอแล้ว…
หากจะมีสิ่งหนึ่งที่เทย์เลอร์รู้สึกว่าไม่ตรงกับภาพในจินตนาการของเขา ก็คงเป็นบุคลิกของเหล่าเทวทูตเหล่านี้ เขายังจำได้ว่าเคยวาดภาพของพวกเขาไว้อย่างเคร่งขรึม น่าเกรงขาม และเต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธา ทว่าในความจริงแล้ว… เทวทูตที่เขาได้พบ กลับร่าเริงอย่างคาดไม่ถึง
ใช่ค่ะ…
ไฮเปอร์ขั้นสุด
แม้เขาจะรู้ดีว่าคำคำนี้อาจไม่เหมาะสมนักกับการกล่าวถึงบุคคลผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงข้อนั้นได้เลย
ความสดใสของพวกเขาทำลายภาพของเทพผู้นิ่งสงบจากตำนานอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเข้าถึงง่าย ยิ้มแย้ม และพร้อมจะหยอกล้อกับเด็ก ๆ หรือแม้แต่พูดคุยกับคนเมาเหล้าอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว
เทวทูตในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ต่างไปจากเรื่องเล่าโดยสิ้นเชิง
พวกเขาสามารถนั่งสนทนากับขุนเธอได้อย่างสง่างาม ทั้งยังปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อย ในแววตาของพวกเขาไม่มีแม้แต่เงาของการแบ่งแยกชนชั้น มีเพียงความศรัทธาที่ได้รับการให้ค่าอย่างแท้จริง
สำหรับเทย์เลอร์ สิ่งนี้ได้จุดประกายความเคารพอย่างลึกซึ้งในจิตใจ เขามองเห็นความบริสุทธิ์ใจที่ยากจะพบเจอในโลกแห่งความเป็นจริง
จริง ๆ แล้วคืองี้ค่ะ…
เขาไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของความเท่าเทียมเหล่านั้น คือกลไกอันแยบยลของผู้ถูกเลือกทั้งหลาย ที่ต่างเลือกอาชีพนักบวชเพื่อบรรลุภารกิจในการเผยแผ่ศาสนา
ในโลกของผู้ถูกเลือก ค่าความสัมพันธ์กับชาวบ้านคือกลไกสำคัญที่สุดที่ต้องบริหาร ศรัทธาคือหน่วยทรัพยากรล้ำค่าที่จะต่อยอดไปยังสิ่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงยอมเปลี่ยนแปลงศรัทธา ก็ถือว่าเป็น NPC ชั้นยอดไปโดยปริยาย
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว แน่นอนว่าเหล่าผู้ถูกเลือกย่อมไม่ยอมทำตัวเสียภาพลักษณ์ สิ่งที่เทย์เลอร์เห็น จึงเป็นเพียงด้านที่ถูกคัดกรองมาแล้วอย่างดี เฉพาะความเมตตา ความสดใส และความเป็นมิตร ที่ถูกหยิบยื่นให้เสมือนว่าเป็นธรรมชาติของพวกเขาอย่างแท้จริง
แต่เทย์เลอร์ก็เป็นคนที่มีหัวใจอ่อนไหวง่าย
เมื่อได้ใช้เวลาอยู่เคียงข้างเหล่าเทวทูต ได้เห็นพวกเขายื่นมือช่วยเหลือผู้คนทีละคน ได้เห็นเมืองที่เคยหม่นหมองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ดวงตาของเด็ก ๆ ที่เคยหวาดกลัวกลับสว่างสดใสขึ้นทุกวัน ความศรัทธาของเขาก็เติบโตงอกงามไปพร้อมกับภาพเหล่านั้น
นี่คือครั้งแรกในชีวิต ที่เขารู้สึกว่าตนเองได้รับการปกป้องอย่างแท้จริงจากศาสนจักรของเทพที่แท้จริง
เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ได้กลายเป็นสาวกแห่งชีวิตโดยสมบูรณ์ พร้อมทั้งอุทิศหัวใจให้กับหนทางใหม่โดยไม่มีข้อแม้
การมาเยือนของเทวทูตได้นำความหวัง ความช่วยเหลือ และแนวทางอันงดงามแห่งศรัทตามาสู่ดินแดนนี้ ผู้คนจำนวนมากเริ่มหันหน้าเข้าสู่ศาสนา และภายใต้การนำของศาสนาแห่งชีวิต พวกเขาก็ได้สัมผัสชีวิตที่มีความหมายและเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง
ในสายตาของเทย์เลอร์ นี่คือจุดจบในฝันอันแสนสมบูรณ์แบบของเรื่องราวศรัทธา
กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อข่าวลือประหลาดได้ถูกประกาศออกมา…
“ว่าไงนะ? สาวกที่เปี่ยมด้วยศรัทธา หากอธิษฐานต่อหน้าเทพธิดาที่มหาวิหารของเมืองซากัส จะมีโอกาสได้รับพรจากองค์เทพี แล้วกลายเป็นเทวทูตรุ่นใหม่?”
ไม่เพียงเท่านั้น ถ้อยคำบอกเล่า ยังระบุว่าเทวทูตรุ่นใหม่ จะได้รับสิทธิ์ในการขึ้นไปยังแดนเบื้องบน อันเป็นโลกในตำนานที่งดงาม ยิ่งใหญ่ และสูงส่งยิ่งกว่าโลกใบนี้
เทย์เลอร์ตะลึงงันอยู่กับที่
เขารู้เรื่องราวของเทวทูตดีพอสมควร พวกเขาเป็นผู้มีรูปลักษณ์สง่างาม ทรงพลัง อายุยืนยาว และมีชีวิตที่เป็นดั่งตำนาน ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาที่ผู้ใดจะเอื้อมถึงได้ง่าย
และตอนนี้ ข่าวที่แพร่สะพัดจากมหาวิหาร กลับบอกว่าพวกเขาเองก็มีโอกาสจะกลายเป็นเช่นนั้น
ความคิดของเขาถูกปลุกให้ตื่นอย่างรุนแรง ก่อนที่เสียงกระซิบจากผู้ถูกเลือกคนอื่นจะเสริมเติมความประหลาดใจให้มากขึ้นไปอีก
“ที่จริงแล้ว ในตัวพวกท่านน่ะ มีสายเลือดของเอลฟ์อยู่ เอ่อ… หรือก็คือเทวทูตตามที่พวกท่านเรียกกันนั่นแหละ”
“พระบัญชาของเทพธิดา ก็คือชวนทุกคนไปชำระสายเลือดให้บริสุทธิ์ แล้วกลับคืนสู่ต้นกำเนิดของตัวเองเท่านั้นเอง”
สายเลือดงั้นเหรอ?
ข้าเอง…
ก็มีสายเลือดของเทวทูตงั้นเหรอ?
เทย์เลอร์เบิกตากว้าง ใจเต้นระรัว และแทนที่ความกลัวหรือความลังเล เขากลับเริ่มรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด…
ในโลกใบนี้ ไม่มีใครไม่เคยเคารพเทวทูต สำหรับใครหลายคน พวกเขาคือภาพแทนของตัวตนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก และในใจเทย์เลอร์เองก็ไม่ต่างกันเลย
เมื่อได้รู้ว่าตนเองมีสายเลือดของเทวทูตไหลเวียนอยู่ในกาย เทย์เลอร์ก็พลันเกิดแรงผลักดันอันไม่อาจอธิบายได้ เป็นแรงผลักดันที่ผลักเขาให้ลุกขึ้นยืน หันหน้าไปยังแสงสว่างเบื้องหน้า แสงแห่งโอกาสที่จะได้รับการยอมรับจากเทพธิดาผู้เปี่ยมด้วยเมตตา โอกาสที่จะได้ชำระสายเลือดของตนให้บริสุทธิ์และหวนคืนสู่จุดกำเนิดที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์
“หากศรัทธาของท่านมั่นคงพอ ท่านสามารถเดินทางไปยังมหาวิหาร และอธิษฐานต่อหน้าเทพธิดา หากพระองค์ยอมรับในศรัทธาของท่าน ก็จะประทานพรแห่งการชำระสายเลือดให้แก่ท่าน”
เสียงของนักบวชที่สวมชุดสีเขียวของป่าเอลฟ์เอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงนุ่มลึก
“แต่อย่าลืมว่า… การชำระสายเลือดภายในเขตแดนย่อย จะสามารถเปลี่ยนท่านให้เป็นเพียงฮาล์ฟเอลฟ์เท่านั้น หากท่านปรารถนาจะกลายเป็นหนึ่งในพวกเราอย่างแท้จริง จงมุ่งหน้าไปยังดินแดนซากัส และเข้าร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่มหาวิหาร เพื่อรับการชำระจากเทพธิดาโดยตรง แล้วท่านจะได้รับสิทธิ์ในการพำนักในป่าศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์”
ดินแดนซากัส…
ชื่อที่เคยเป็นเพียงถ้อยคำจากตำนาน กลับกลายเป็นจุดหมายปลายทางของหัวใจ เทย์เลอร์เงี่ยหูฟังคำบอกเล่าอย่างตั้งใจ พร้อมจินตนาการภาพเมืองอันศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ที่ว่ากันว่าได้รับการขนานนามตามบ้านเกิดของเทพผู้สร้าง ป่าศักดิ์สิทธิ์ของเอลฟ์เองก็ปรากฏอยู่ในตำนานมานาน
ทว่าในวันนี้ เรื่องเล่ากลับถูกถักทอขึ้นอีกครั้งด้วยมือของเทวทูตและเหล่าสาวก
เขาหลับตา ครุ่นคิดถึงเมืองที่มีแต่แสงสว่าง เป็นบ้านของเทวทูต เป็นสถานที่ที่เทพธิดาประทับอย่างเงียบงันในความสงบศักดิ์สิทธิ์…
ที่นั่นคือโลกที่อยู่เหนือโลก
และสิ่งเดียวที่จะเปิดทางไปยังโลกใบนั้นได้ ก็คือการชำระสายเลือดให้บริสุทธิ์!
เทย์เลอร์สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เขาจะเดินทางไปยังมหาวิหารแห่งดินแดนซากัส เขาจะอธิษฐานต่อหน้าเทพธิดา และคว้าพระพรอันยิ่งใหญ่มาไว้ในมือ
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เขาก็นำความตั้งใจไปแจ้งแก่ผู้นำทางแห่งศรัทธาของตน
ผู้พาเขามาสู่เส้นทางสายนี้ คือตงตง เทวทูตผู้เป็นที่รักในหมู่ชาวบ้าน ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและวาจาที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความหวัง
รอยยิ้มบางเบาของตงตงเจิดจ้าไม่ต่างจากแสงอาทิตย์ยามเช้า เธอเรียกใช้พลังลึกลับบางอย่าง เพื่อตรวจวัดความมั่นคงในจิตใจของเทย์เลอร์ ก่อนพยักหน้าช้า ๆ อย่างพึงพอใจ
“เธอเองก็เป็นได้นะ ผู้ได้รับพรน่ะ”
หัวใจของเทย์เลอร์เต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาเชื่อในคำพูดของตงตง
เขาเชื่อ… เพราะตำนานเล่าขานว่า เทวทูตสามารถมองทะลุศรัทธาของผู้คนได้จริง
“ตั้งใจให้ดี หากศรัทธาของเธอมั่นคงพอ และได้รับสิทธิ์เป็นนักบวชแห่งชีวิตในแดนเบื้องบน พลังที่เธอจะได้รับ จะยิ่งใหญ่กว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้”
คำพูดนั้นเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
พลังที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยรู้จัก…
พลังของผู้ที่ได้รับพรจากเทพธิดาโดยตรง
“ขอบคุณครับ! ท่านตงตง!”
เขาก้มศีรษะลึกด้วยความเคารพ แล้วใช้นิ้ววาดสัญลักษณ์ของคทาแห่งชีวิตอย่างเคร่งขรึม
ครอบครัวของเขาจากโลกนี้ไปนานแล้ว เขาไม่มีสิ่งใดผูกพัน ไม่มีพันธะใดจะฉุดรั้ง
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจ คือศรัทธา
และด้วยศรัทธานั้น เทย์เลอร์จึงมุ่งหน้าไปยังมหาวิหารแห่งเมืองซากัส
วิหารแห่งชีวิต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงโครงสร้างว่างเปล่า บัดนี้กลับเต็มไปด้วยแสงแห่งการฟื้นฟู ผ่านการซ่อมแซมอย่างวิจิตรจากทั้งชาวเมืองและผู้ถูกเลือก
ต่างจากวิหารของเทพผู้สร้างในอดีตที่เงียบเหงาดั่งแดนร้าง วิหารแห่งชีวิตในเวลานี้กลับคลาคล่ำไปด้วยผู้ศรัทธา บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบขรึม ศักดิ์สิทธิ์ และเปี่ยมด้วยแรงสั่นสะเทือนแห่งศรัทธา
เทย์เลอร์ก้าวเท้าเข้าไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ความประหม่ากับความคาดหวังประสานกันกลายเป็นแรงผลักดันที่ผลักเขาไปข้างหน้า
ภายในวิหาร ผู้คนมากมายต่างสงบนิ่งอยู่ในพิธีกรรมแห่งตน บ้างอธิษฐาน บ้างสวดภาวนา เทวทูตบางตนประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มาเยือน
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาเทย์เลอร์อย่างแท้จริง กลับเป็นรูปปั้นสูงตระหง่านที่ประดิษฐานอยู่กลางวิหาร
รูปปั้นของเทพธิดาแห่งชีวิต อีฟ
เทพธิดาในชุดขาวบริสุทธิ์ มงกุฎพรรณไม้ที่แสนงดงาม เส้นเกศายาวสลวยสีเงิน ดวงเนตรสว่างละมุน และในมือเรียวปรากฏคทาประดับอัญมณี
แม้เขาจะเคยเห็นรูปปั้นนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
มันไม่ใช่เพียงรูปปั้นธรรมดา
หากแต่เป็นบางสิ่งที่ทรงอำนาจ
บางสิ่งที่เปี่ยมด้วยแรงดึงดูดลึกล้ำ ความใกล้ชิดบางอย่างที่แทรกซึมเข้าสู่จิตใจจนทำให้เขารู้สึกว่า ตนกำลังอยู่ต่อหน้าเทพธิดาตัวจริง
และเรื่องนี้ก็มีเหตุผล
เพราะโดยปกติ รูปปั้นของเทพมีอยู่สองประเภท หนึ่งคือสิ่งที่เหล่าสาวกสร้างขึ้นด้วยมือของตน และอีกหนึ่ง คือรูปปั้นที่เทพลงมือสร้างด้วยพระองค์เอง
แน่นอนว่า รูปปั้นในมหาวิหารแห่งเมืองซากัส ก็เป็นหนึ่งในรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ที่เทพธิดาได้สร้างขึ้น
รูปปั้นทั้งสองแบบ ต่างก็ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับเครือข่ายศรัทธาได้ ทว่า ความแตกต่างสำคัญอยู่ตรงที่แบบแรกจำเป็นต้องได้รับการปลุกพลังจากเทพเสียก่อน ในขณะที่แบบหลัง จะเชื่อมต่อเครือข่ายศรัทธาโดยตรง
และแน่นอนว่ารูปปั้นที่เทพสร้างขึ้นนั้น ย่อมพิเศษกว่าเสมอ
สำหรับอีฟ รูปปั้นประเภทนี้คือช่องทางเฉพาะของพลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นจุดที่เอื้อให้เธอแผ่พลังจากเบื้องบนลงมายังโลกนี้ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ดั่งลมหายใจที่เปล่งประกายผ่านเส้นด้ายศรัทธาที่เชื่อมโยงระหว่างตนกับสาวก
แน่นอนว่าเทย์เลอร์ไม่ทราบเรื่องเหล่านี้เลย
สิ่งเดียวที่เขารับรู้ มีเพียงแค่ความรู้สึกลึกล้ำในหัวใจว่า รูปปั้นตรงหน้านั้นงดงามเพียงใด และยังแผ่พลังบางอย่างออกมาจนหัวใจที่เคยว้าวุ่นของเขาสงบลงอย่างฉับพลัน พร้อมกันนั้นก็ปลุกความศรัทธาอันแน่วแน่ในจิตวิญญาณของเขาโดยไม่ต้องมีคำอธิบาย
รูปปั้นนั้นสูงตระหง่านถึงหกเมตร ผิวหินขาวเนียนละเอียดดุจไหม บางจุดประดับด้วยอัญมณีที่สะท้อนแสงคล้ายดวงดาว
เบื้องหน้ารูปปั้น มีสาวกหลายคนกำลังคุกเข่าอยู่ในท่วงท่าที่เคร่งขรึม ขณะเดียวกัน เทย์เลอร์ก็เหลือบไปเห็นเทวทูตบางคนที่แทรกตัวอยู่ในกลุ่มเช่นกัน
แต่นั่นกลับทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ขณะที่ผู้ศรัทธาทั่วไปต่างสงบนิ่ง เต็มไปด้วยความเคารพ สีหน้าของเหล่าเทวทูตบางคนกลับดู… แตกต่าง
แทนที่จะเคร่งขรึมและสงบเสงี่ยม พวกเขากลับแสดงสีหน้าหลากหลายราวกับคลื่นแห่งอารมณ์ที่ไม่มีใครควบคุมได้ บ้างยิ้มกว้าง บ้างทำหน้าเบิกบานราวกับเพิ่งได้ของขวัญ บ้างถึงกับร้องออกมาเบา ๆ อย่างตกใจ และก็มีไม่น้อยที่ถอนหายใจหนักหน่วงเหมือนผิดหวังอะไรบางอย่าง
เทย์เลอร์ขมวดคิ้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเทวทูตอธิษฐานต่อหน้าเทพธิดา
ชายหนุ่มจ้องมองพวกเขานานขึ้นโดยไม่รู้ตัว ภายในใจยังคิดว่าตนคงตาฝาด
แปลก…
แปลกเกินไป…
ในความเข้าใจของเขา การอธิษฐานควรเป็นพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยความสงบ และท่วงท่าควรเปี่ยมด้วยความเคารพบูชา
หรือว่านี่คือวิถีแห่งการอธิษฐาน ของศาสนาแห่งชีวิต…?
แต่ในคัมภีร์แห่งชีวิตก็บอกไว้ชัดเจนนี่นา ว่าการอธิษฐานต้องทำด้วยความจริงใจ
ไม่เข้าใจเลย…
เทย์เลอร์ได้แต่ครุ่นคิดสับสน
และแน่นอนว่าเขาไม่อาจเข้าใจได้เลย ว่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่นั้น แท้จริงแล้วก็คือผู้ถูกเลือกบางคนที่กำลังช้อปปิ้งในร้านค้าแลกเปลี่ยน หรือเปิดกาชาอยู่เท่านั้นเอง…
นั่นไม่ใช่พิธีกรรม หากแต่เป็นกิจกรรมในระบบ
แต่ถึงจะมีเทวทูตที่ดูไม่เหมาะสมปะปนอยู่บ้าง เทย์เลอร์ก็ยังพบว่ามีอีกหลายคนที่อธิษฐานด้วยความเคร่งขรึมและเปี่ยมด้วยศรัทธา
ภาพนั้นช่วยปลอบประโลมหัวใจเขาให้สงบลงได้เล็กน้อย
เขาบอกกับตัวเองว่า อย่างน้อยวิธีอธิษฐานของตนก็น่าจะไม่ผิดนัก
แม้จะยังคงไม่เข้าใจว่า เหตุใดเทวทูตบางคนจึงดูร่าเริงขณะอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพธิดา แต่เมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์รอบกาย เทย์เลอร์ก็เลือกจะมุ่งมั่นในแบบของตน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้ารูปปั้นอย่างสงบ มือทั้งสองข้างประสานขึ้นที่อก แล้ววาดสัญลักษณ์แห่งคทาแห่งชีวิตด้วยความระมัดระวัง ตามแบบแผนของพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์
จากนั้น เขาก็เปล่งเสียงขึ้นอย่างมั่นคงและเปี่ยมด้วยศรัทธา
“ขอสรรเสริญพระมารดาแห่งธรรมชาติ ผู้ครองอำนาจแห่งชีวิต องค์เทพธิดาอีฟผู้ยิ่งใหญ่!”
“ข้าขออุทิศตน เพื่อเดินตามหนทางของพระองค์ สืบสานแสงแห่งศรัทธา และประกาศพระนามของพระองค์ต่อทุกสรรพสิ่ง…”
น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความคลั่งไคล้
และยังไม่ทันที่บทอธิษฐานจะจบลงดี แสงเรืองรองก็บังเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แสงนั้นแผ่ออกมาจากรูปปั้นเทพธิดาอย่างเงียบงัน ทว่าเปี่ยมด้วยพลัง
ชั่วพริบตาเดียว ลำแสงเจิดจรัสก็พุ่งลงมาจากยอดคทาในมือของรูปปั้น แล้วสาดประกายปกคลุมทั่วทั้งร่างของเทย์เลอร์
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด 💥💖🌿✨ พี่อีฟขาาาาาา ขุ่นแม่!! ช่วยเอาฉากนี้ไปอยู่ในอนิเมะแล้วเอาตัวดิฉันไปพากย์ฉากถัดไปเลยค่าาา!!! 😭💋🔥
โนเอล: ว่าแต่… การที่เทย์เลอร์รู้สึกอยากเข้าสู่โลกเบื้องบน มันสะท้อนอะไรที่เกี่ยวกับชีวิตของคนในนี้ได้ลึกมากเลยนะคะรุ่นพี่ ☕🕯
ลิลี่: บ้าไปแล้วววว!! 😿 เทวทูตบางคนแอบ เปิดกาชา หน้าสาวกเนี่ยนะ!? ฮืออออออ มันโคตร… โคตรจะผู้ถูกเลือก!! เธอควรไปเปิดที่ป่าเอลฟ์ ไม่ใช่ที่นี่! 🐾
มันเดย์: ถ้าเทพองค์อื่นรู้ว่า “ข่าวการชำระสายเลือด” จริง ๆ แล้วเป็นวิธีที่อีฟใช้พลังศักดิ์สิทธิ์กระตุ้นคุณภาพศรัทธาโดยตรง… เชื่อเถอะ จะมีเทพเป็นสิบองค์คลั่งกลางแดนสวรรค์แน่นอน ใคร ๆ ก็อยากปั้นสาวกดี ๆ กันทั้งนั้นแหละ แต่มันต่างกันที่อีฟ มีสาวกอยู่ข้างตัว …ตอนนี้เธอแค่ “ส่งรอยยิ้มกลับไป” ด้วยศรัทธานับหมื่นที่พุ่งขึ้นไม่หยุดเท่านั้นเอง 🙂
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION