“หืม?”
“ประโยคนี้… เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแฮะ”
มะลิใต้จันทร์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อประโยคนั้นปรากฏขึ้นบนหน้าต่างเนื้อหาภารกิจ เธอเป็นคนความจำดี หากเรื่องใดเคยพบผ่านมาก่อน แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถเรียบเรียงกลับมาได้ไม่ยากนัก
“นั่นมัน… ฉากเปิดตัวใหม่นี่นา!”
“ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นคือโอรอสเหรอ?”
ชื่อที่หลุดออกจากปากเธอเป็นเพียงเสียงพึมพำ แต่กลับสั่นสะเทือนในใจอย่างแปลกประหลาด ความสนใจที่ไม่เคยมีมาก่อนเริ่มก่อตัวขึ้นช้า ๆ ภายในจิตใจของมะลิใต้จันทร์
แม้ในตอนที่ยังเล่นเกมอยู่ เธอมักจะเป็นผู้เล่นสายข้ามบทสนทนา ไม่ใส่ใจเนื้อเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น กดข้ามฉากอย่างไม่ลังเล ยิ่งกับเกม The Kingdom of Elves ที่ไม่สามารถข้ามฉากเนื้อเรื่องตอนเริ่มต้นได้ เธอจึงจำใจต้องอดทนเล่นอยู่พักหนึ่งเพื่อเข้าใจระบบเบื้องต้นของตัวเกม จากนั้นก็แทบไม่เคยแตะภารกิจใด ๆ อีกเลย
แต่ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร มนุษย์ก็ล้วนมีธรรมชาติชอบฟังเรื่องเล่า ยิ่งเมื่อความอยากรู้อยากเห็นเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว ความสนใจย่อมตามมาเป็นเงา
คำใบ้จากฉากเปิดตัวของระบบเกม ผสมกับการคาดเดาของซีซาร์เกี่ยวกับภารกิจทดสอบ ทำให้มะลิใต้จันทร์เริ่มเกิดความรู้สึกบางอย่างต่อเนื้อเรื่องที่เธอเคยปล่อยผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ
และบางครั้ง ความอยากรู้เพียงเล็กน้อย ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตกสู่โพรงกระต่าย
ภายใต้แววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความกังวลของซีซาร์ มะลิใต้จันทร์เอื้อมมือไปเปิดบันทึกบทถัดไปอย่างตั้งใจ
บันทึกนั้นไม่ใช่แค่เพียงข้อความธรรมดา หากแต่ประกอบด้วยภาพ เสียง และคลิปความทรงจำที่ผสานเข้ากับเสียงดนตรีประกอบอย่างประณีตทุกอณู องค์ประกอบทั้งหมดถักทอเป็นเรื่องเล่าอันละเอียดอ่อน ถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูด ความทรงจำ และมุมมองของเหล่า NPC ที่เธอเคยมองข้าม
นั่นคือเรื่องราวของวีรบุรุษผู้สละทุกสิ่งเพื่อศรัทธา
เรื่องราวของชายผู้ยินยอมจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด เพียงเพื่อฟื้นคืนพระมารดาอันเป็นที่รัก
เพราะอุดมคติอันมั่นคงในหัวใจ โอรอสจึงเผาผลาญตนเองจนหมดสิ้น
ทั้งบันทึกต่างหมุนวนอยู่รอบตัวของโอรอส ฮาล์ฟเอลฟ์ผู้แบกรับชะตากรรมของโลก เล่าเรื่องการสถาปนาเขตแดนย่อยโอรอสขึ้นกลางไฟสงครามแห่งเทพ เผยให้เห็นเบื้องหลังของศาสนาเทพผู้สร้างที่เคยรุ่งโรจน์ และความเสื่อมสลายของเขตแดนที่เคยมั่นคง ก่อนจะสิ้นสุดลงด้วยการยืนหยัดครั้งสุดท้ายของผู้ที่ถูกเรียกว่าวีรบุรุษ
ชายผู้นั้นจบชีวิตลงท่ามกลางเสียงก่นด่าและความโกรธเกรี้ยวของผู้คน ขณะที่พระมารดาได้รับการปลุกคืนท่ามกลางเสียงเฉลิมฉลองและบทสวดแห่งความหวัง
ผู้ที่เขียนบทเรื่องนี้ช่างเปี่ยมด้วยฝีมืออย่างหาที่เปรียบมิได้
เรื่องราวทั้งหมดถูกเรียบเรียงผ่านสายตาของผู้คนหลากหลายชนชั้นอย่างแนบเนียน
ทุกถ้อยคำ ค่อย ๆ เผยความลับของเขตแดนโอรอส เพลงประกอบอันแฝงความเศร้าและความสง่างาม กลายเป็นดั่งสายธารที่ไหลผ่านหัวใจของผู้ชม ถ่ายทอดทั้งความยิ่งใหญ่ของตำนาน ความหวังของเผ่าเอลฟ์ และความสิ้นหวังของนักรบผู้แบกรับภารกิจเหนือมนุษย์
และในระหว่างที่เธอรับฟังและจดจ่ออยู่นั้น ภาพประวัติศาสตร์ที่แสนงดงามและหนักแน่นก็เผยออกมาจนครบ โดยที่ผู้อ่านอย่างมะลิใต้จันทร์ยังไม่ทันรู้ตัว
ในตอนแรก มะลิใต้จันทร์ยังเปิดบันทึกอย่างขอไปที สายตาเพียงกวาดผ่านข้อความอย่างไร้อารมณ์ แต่ยิ่งอ่านลึกลงไปเรื่อย ๆ สีหน้าของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากความเฉยเมยกลายเป็นจริงจังโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่เคยคิดจะตั้งใจดูเนื้อเรื่องของเกมใดเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ที่เริ่มเล่นเกมแนว MMORPG มาหลายปี
สำหรับเธอแล้ว เนื้อเรื่องในเกมออนไลน์ทั่วไปไม่ใช่สิ่งสำคัญ และไม่ใช่เหตุผลที่คนส่วนใหญ่เข้ามาเล่นเกมเหล่านี้ตั้งแต่ต้น จุดศูนย์กลางของความสนุกในสายตาของเธออยู่ที่การต่อสู้ การฟาร์ม และการเอาชนะ ไม่ใช่การอ่านบทสนทนาของ NPC
แน่นอนว่าเกมแนวเน้นเนื้อเรื่องแบบเกมตัวอักษร หรือเกมอินดี้บางประเภท อาจมีบทสนทนาเฉียบแหลม มีพล็อตที่โดดเด่นน่าติดตาม แต่สิ่งเหล่านั้นก็ถือเป็นจุดขายของตัวเกมอยู่แล้ว ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบกับเกมแนว MMO ที่มักใส่เนื้อเรื่องเข้ามาแบบขอไปที
สำหรับเธอ เนื้อเรื่องในเกมออนไลน์ก็เป็นเพียงของแถมเท่านั้น เป็นเรื่องเล่าที่หยาบโลน ไม่สมเหตุสมผล เต็มไปด้วยตรรกะที่ขัดแย้งอย่างน่าอึดอัด ฉากหลังของโลกที่ดูประดักประเดิดเหมือนเขียนขึ้นลวก ๆ และการพยายามยัดเยียดบางสิ่งแบบไม่สมเหตุสมผล บางครั้งถึงขั้นน่าอับอายเสียจนไม่อยากแม้แต่จะกดอ่าน
แถมส่วนมากผู้เล่นก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะเป้าหมายคือรางวัลจากภารกิจ ไม่ใช่การซาบซึ้งในบทกวีของ NPC
ในมุมมองของมะลิใต้จันทร์ การฝืนตื่นในยามเช้าเพื่อรีบทำภารกิจ อาจจะน่าเบื่อบ้าง แต่ยังไม่น่าหาวเท่ากับการถูกบังคับให้เสพบทสนทนาที่ลากยาวยิ่งกว่านิยายออนไลน์ไร้บรรณาธิการ
และเนื้อหาที่แสนสนุกสำหรับเกมเมอร์อย่างเธอ คือการต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกัน การทำสงครามระดับเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งแน่นอนว่าทุก ๆ คนย่อมสนุกไปกับสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายกว่า
ดังนั้น แม้ตอนที่เริ่มอ่านจะมีความสงสัยอยู่บ้าง เธอก็ยังเตรียมใจไว้แล้วว่าเมื่อดูจบ ก็คงไม่แคล้วได้บ่นออกมาอีกตามเคย
แต่เมื่อเรื่องราวเริ่มเผยความจริงออกมาทีละน้อย เมื่อบททดสอบของนักบวชถูกเปิดเผยพร้อมรายละเอียดที่ไม่ใช่แค่ บทนำดาด ๆ อย่างที่เธอคาดไว้ มะลิใต้จันทร์กลับเงียบไปโดยสิ้นเชิง
เนื้อเรื่องนั้นไม่เพียงเต็มไปด้วยรายละเอียดที่พิถีพิถัน หากยังถูกถ่ายทอดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเกินคาด ราวกับคนเขียนไม่ได้ตั้งใจจะ ขายเกม แต่ต้องการเล่าเรื่องบางอย่างจริง ๆ
เรื่องราวนั้นพาเธอจมหายไปในอารมณ์ที่ปะปนกันอย่างประหลาด ระหว่างความยิ่งใหญ่ ความสงบ ความโศกเศร้า และความหวัง
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เนื้อหานั้นกลับสัมผัสหัวใจบางมุมของเธออย่างรุนแรง มันมีความขึงขังแบบประวัติศาสตร์ มีความสมจริงที่หาไม่ได้ในโลกแฟนตาซี มีความยิ่งใหญ่ราวกับบทภาพยนตร์มหากาพย์ และยังเปี่ยมด้วยความเศร้าที่งดงามจับใจ ซึ่งเธอไม่เคยพบจากเนื้อเรื่องของเกมใดมาก่อน
มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่า…
หรือมันเคยเกิดขึ้นจริง?
ภาพของวีรบุรุษผู้มีเลือดเนื้อจริง ผู้แบกรับชะตากรรมทั้งหมดไว้บนบ่า อุทิศทั้งกายใจแม้ยามร่วงหล่นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากศรัทธา ก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของมะลิใต้จันทร์
เสียงหัวเราะของชาวเมืองโอรอสที่ดังขึ้นอย่างมีความสุขในตอนท้าย กลับตัดกับโศกนาฏกรรมในเรื่องราวอย่างรุนแรงเสียจนทำให้เธอรู้สึกหน่วงแน่นในอก
ทั้งที่แต่ก่อน เธอไม่เคยแม้แต่จะสนใจเนื้อเรื่องในเกมอย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำ…
แต่สิ่งที่ The Kingdom of Elves สร้างขึ้นมา มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง ความสมจริงของโลก ความลึกซึ้งของวัฒนธรรม และความต่อเนื่องของอารยธรรมในเกมนั้น ทำให้แม้แต่ผู้เล่นที่ไม่เคยสนใจเนื้อเรื่องอย่างเธอ ยังต้องหยุดพูดคุยกับ NPC อยู่บ้าง
และเมื่อการพูดคุยเกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป มันย่อมหล่อหลอมความรู้สึกบางอย่างขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว
หัวใจสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่ เนื้อเรื่องดี แต่คือ ความรู้สึกร่วม ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์กับอารยธรรมของเหล่าเอลฟ์ในโลกแห่งนี้
เมื่อมีความรู้สึกร่วม ผลกระทบทางอารมณ์ก็ยิ่งทวีคูณ ทำให้เรื่องราวของโอรอสไม่ใช่แค่บทบันทึกในเกม แต่กลายเป็นเรื่องราวที่สัมผัสใจจริง ๆ
และมะลิใต้จันทร์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อเธอรู้ตัวว่าตนเองกำลังรู้สึกไปกับเนื้อเรื่องภารกิจขนาดนี้ หญิงสาวพลันชะงักเล็กน้อย พลางหัวเราะเบา ๆ อย่างขำตัวเอง
นี่ชั้นกำลังอินกับเนื้อเรื่องในเกมเหรอเนี่ย…?
มันฟังดูเหลือเชื่อ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ เธอจึงเลื่อนดูต่อไปอย่างมีความหวัง หวังว่าจะได้เห็นเรื่องราวของโอรอสดำเนินต่อ บางทีเทพธิดาอาจจะมารับวิญญาณเขากลับสู่อาณาจักรแห่งเทพ หรืออย่างน้อยก็ให้ภาพจบที่อบอุ่นสมศักดิ์ศรีวีรบุรุษบ้าง
แต่แล้ว สิ่งที่เธอพบก็คือความเงียบงัน เนื้อเรื่องได้จบลงเพียงเท่านี้
“หมดแล้วเหรอ…?”
เสียงพึมพำเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของมะลิใต้จันทร์ ขณะสายตายังจับจ้องหน้าจอราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“จบแล้วจริง ๆ เหรอ? กับวีรบุรุษแบบนี้น่ะ?”
เธอพูดกับตัวเองอีกครั้ง แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบงัน โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเสียดายและความรู้สึกบางอย่างที่เกินจะอธิบาย
“เป็นเนื้อเรื่องที่ดีใช่ไหมล่ะ? โอรอสนี่… เสียดายจริง ๆ อ่ะ! แล้วอาชีพนักบวชก็มีเควสเฉพาะ แถมในสเกลของเนื้อเรื่องหลัก ก็มีความรับผิดชอบมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย!”
เสียงของซีซาร์ดังแทรกขึ้นจากด้านข้าง ท่ามกลางความเงียบสงบที่คล้ายจะห่อหุ้มทั้งสองคนไว้หลังจากเนื้อเรื่องสิ้นสุดลง
เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของตัวเองสะท้อนกลับมาอย่างชัดเจน มะลิใต้จันทร์ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย เธอรีบปิดหน้าต่างเนื้อเรื่องลงทันที และหันขวับไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว
และทันทีที่เห็นว่าเขากำลังตาแดงก่ำ ราวกับจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มะลิใต้จันทร์ก็แทบจะหลุดหัวเราะออกมา
“ฟฟฟฟ… ก็แค่เนื้อเรื่องในเกมน่ะ นายถึงกับจะร้องไห้เลยเหรอ? ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหมเนี่ย? นายจะจริงจังอะไรขนาดนั้น?”
“เอ่อ… ผู้ชายห้ามซึ้งรึไง? ผมแพ้เรื่องพวกนี้มาตลอดแหละน่า”
ซีซาร์ตอบพลางส่ายหัวเบา ๆ แต่เมื่อหันกลับไปมองเธออีกครั้ง เขาก็สังเกตเห็นแววตาของหญิงสาวอ่อนลงอย่างชัดเจน สีหน้าของมะลิใต้จันทร์ในตอนนี้ดูหม่นลงนิดหน่อย ทั้งที่เธอพยายามกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะก็ตาม
ซีซาร์รู้ดีว่านั่นคือสีหน้าของคนที่กำลังซาบซึ้งกับเนื้อเรื่อง
“ว่าแต่… เธอไม่รู้สึกอินเลยสักนิดเหรอ?”
เขาถามขึ้นอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงดูจริงจังมากขึ้นเล็กน้อย
มะลิใต้จันทร์ชะงักลงครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ แล้วตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันไม่แน่ใจ…”
เธอเว้นจังหวะ ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง
“แต่ชั้นยอมรับนะ เนื้อเรื่องมันดีจริง”
เมื่อคำพูดจบลง เธอก็หันไปมองซีซาร์ แล้วก็พบว่าฝ่ายนั้นกำลังยิ้ม ซ้ำยังไม่ใช่รอยยิ้มธรรมดา แต่เป็นรอยยิ้มแบบบาทหลวงที่เพิ่งดึงลูกแกะตัวใหม่เข้าสู่เส้นทางแห่งศรัทธาได้สำเร็จ
นั่นทำให้ใบหน้าของมะลิใต้จันทร์ขึ้นสีแดงจาง ๆ โดยไม่ทันตั้งตัว
“ก– ก็แค่รู้สึกว่ามันดีนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”
“เข้าใจ ๆ แค่เธอชอบก็พอแล้วล่ะ!”
ซีซาร์ยิ้มกว้างอย่างเป็นปลื้มสุดหัวใจ
มะลิใต้จันทร์: …
“ใครบอกว่าชั้นชอบฮึ…”
เธอบ่นอุบพึมพำพลางเบือนหน้าหนี จากนั้นก็ปิดหน้าต่างภารกิจลง แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็วขณะก้าวเท้าออกไป
“เอาล่ะ ไปส่งเควสกันเถอะ”
ตามระบบการเปลี่ยนอาชีพของเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องภาวนาเพื่อรับภารกิจทดสอบ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็ต้องภาวนาอีกครั้งเพื่อส่งภารกิจ
ในเขตแดนโอรอสแห่งนี้ไม่มีต้นไม้โลกประจำอยู่ การจะเข้าสู่เมนูเปลี่ยนอาชีพเพื่อส่งภารกิจ จึงต้องเดินทางไปยังวิหารแห่งชีวิตโดยเฉพาะ
วิหารแห่งนั้น แม้อยู่ระหว่างการบูรณะ ก็ดูยิ่งใหญ่โอ่อ่าจนน่าอัศจรรย์ มันเป็นผลงานของคณะกรรมการโมเอะโมเอะ ที่อ้างอิงสถาปัตยกรรมจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์บนดาวเคราะห์สีคราม
วิหารแห่งนี้คือศูนย์กลางศรัทธาของเขตแดนย่อยโอรอส และยังต้องรองรับ NPC จำนวนหลายล้านคนต่อปี ความยิ่งใหญ่ในระดับนี้จึงไม่ใช่สิ่งเกินจำเป็น
เมื่อทั้งสองมาถึง พวกเขาก็พบว่ามีผู้เล่นอีกมากมายที่เพิ่งผ่านภารกิจทดสอบมาเช่นเดียวกัน ทุกคนกำลังต่อแถวรอส่งภารกิจ พร้อมพูดคุยกันอย่างคึกคักเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่เพิ่งผ่านมา
“ที่แท้เขตแดนย่อยนี้ก็มีเรื่องราวแบบนี้ซ่อนอยู่…”
“เกินไปอะ บอสที่เราสู้ตอนนั้น ดันถือว่าเป็นฝ่ายเดียวกันด้วยซ้ำ!”
“เฮ้ย ตื่น! นั่นน่ะ เทพธิดาเป็นคนสู้ต่างหาก!”
“พวกนายสองคนสิตื่น! โอรอสเป็นคนยอมแพ้เองชัด ๆ…”
“วีรบุรุษของเผ่าเอลฟ์ ที่เป็นสุดสาวกของพระมารดา โคตรเท่เลยฮะ”
“บางที เควสนี้คงสร้างขึ้นมาให้พวกเรารับรู้เรื่องของเขา…”
“ใช่เลย เกมนี้เน้นเรื่องการอินไปกับโลกในเกมจริง ๆ ถ้าอยากเป็นนักบวชที่ดีจริง ๆ ก็ต้องเข้าถึงเรื่องนี้ให้ได้”
“ลองเล่นแล้วอะ แถวยาวจัง…”
บทสนทนารอบข้างยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านไปประมาณห้านาที ทั้งมะลิใต้จันทร์และซีซาร์ก็เดินมาถึงแถวหน้า…
มะลิใต้จันทร์ยกมือขึ้นพนมต่อหน้ารูปปั้นเทพธิดาในวิหารอย่างเงียบงัน ภายในใจสงบลงอย่างประหลาด เมื่อเสียงกระซิบของบทภาวนาค่อย ๆ ละลายฉากรอบข้างออกไป เธอก็ได้เข้าสู่หน้าต่างระบบอาชีพอีกครั้ง
ทัศนียภาพเบื้องหน้าพลันเปลี่ยนแปลงราวกับโลกทั้งใบสั่นไหว สรรพเสียงมลายหายไป เหลือเพียงแสงสีขาวที่ทอดยาวอยู่ในสายตา ท่ามกลางม่านหมอกจาง เธอเหมือนจะมองเห็นเงาร่างของใครบางคน
เทพธิดาแห่งชีวิต ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งบนบัลลังก์อันสูงส่ง ดวงตาเปล่งประกายความเมตตา และรอยยิ้มอ่อนโยนประดับบนใบหน้า
“ผู้ถูกเลือก… ท่านผ่านการทดสอบแล้ว และมีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการเป็นนักบวชฝึกหัด”
น้ำเสียงของเทพธิดาอ่อนโยนดั่งสายน้ำ สะท้อนความสงบลึกเข้าไปในจิตใจของมะลิใต้จันทร์
เมื่อสิ้นคำกล่าว เทพธิดาก็ยกมือขึ้นเพียงเล็กน้อย และในวินาทีนั้น มะลิใต้จันทร์รู้สึกได้ถึงพลังอันอ่อนโยนและบางเบา ที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเธออย่างช้า ๆ ดั่งแสงแห่งรุ่งอรุณ
“จงเผยแผ่หนทางของเราไปยังผืนแผ่นดินเถิด…”
“ขอให้ท่านจงมีหัวใจอันบริสุทธิ์ตลอดไป และเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาในนามของเราอย่างแท้จริง…”
แม้คำพูดเหล่านั้นจะเบาราวเสียงกระซิบ แต่กลับสั่นสะเทือนถึงก้นบึ้งของจิตใจ เป็นพลังแห่งความศรัทธาที่ปลอบประโลมหัวใจอย่างลึกซึ้ง ราวกับขับไล่ความเหนื่อยล้า ความลังเล และความเปราะบางไปจนหมดสิ้น
ทันทีที่สุรเสียงของเทพธิดาเงียบลง ทัศนียภาพก็พลิกกลับอีกครั้ง มะลิใต้จันทร์รู้สึกเหมือนตนเองถูกดึงกลับสู่โลกของเกมอย่างนุ่มนวล
และเมื่อสติกลับคืน หน้าจอก็ปรากฏข้อความระบบชุดใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ปุกิ๊ง—-![ขอแสดงความยินดี ท่านได้เปิดใช้งานอาชีพ “นักบวช” แล้ว][ระดับนักบวชปัจจุบันของท่าน: นักบวชฝึกหัด][หมายเหตุ: นักบวชฝึกหัดยังไม่ถือว่าเป็นนักบวชโดยสมบูรณ์ หากต้องการเลื่อนขั้น ท่านต้องสำเร็จภารกิจเผยแผ่ศาสนาเสียก่อน]
ปุกิ๊ง—-!
[ท่านได้รับภารกิจนักบวช: การเผยแผ่ศาสนา][เป้าหมาย: ชักนำผู้คนเข้ามาสู่ศาสนาของเทพธิดาแห่งชีวิตจำนวน 3 ราย][ระยะเวลาดำเนินการ: 3 วัน][รางวัลภารกิจ: เลื่อนขั้นเป็นนักบวชฝึกงาน และเปิดใช้งานระบบเทพประทาน][บทลงโทษ: หากล้มเหลวในการเผยแผ่ ต้องกลับไปเริ่มการทดสอบใหม่อีกครั้ง]
ปุกิ๊ง—-![ท่านได้รับทักษะ: ดวงตาแห่งศรัทธา][รายละเอียด: เมื่อใช้ จะสามารถวิเคราะห์ระดับความศรัทธาของเป้าหมายที่มีต่อเทพธิดาแห่งชีวิต]
[ท่านได้รับไอเท็ม: คัมภีร์แห่งชีวิต][หมายเหตุ: คัมภีร์แห่งชีวิตสามารถเปิดอ่านได้จากหน้าอาชีพนักบวช และจะกลายเป็นเครื่องมือหลักของท่านในการเผยแผ่ศาสนา]
…
หืม?
ยังไม่ถือว่าเป็นนักบวชจริง ๆ อีกเหรอ?
มะลิใต้จันทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะอ่านข้อความที่ปรากฏขึ้นต่อหน้า
“โอ้โห… ต้องหาสาวกให้ได้ 3 คน ถึงจะเปิดระบบอาชีพแบบเต็มตัวสินะ งั้นไปเผยแผ่ศาสนากันเลยไหม มะลิ?”
เสียงของซีซาร์ดังขึ้นจากด้านข้างอีกครั้ง คราวนี้แฝงความกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด
ได้ยินอย่างนั้น มะลิใต้จันทร์ก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบรับโดยไม่พูดอะไร ทั้งสองจึงออกเดินออกจากวิหาร และกลับมายังถนนหลักของเมืองซากัสอีกครั้ง
ระหว่างทาง มะลิใต้จันทร์เปิดหน้าต่างสถานะของตนเองขึ้นอย่างเป็นนิสัย
หน้าจอนั้นเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ขณะนี้ ใต้แถบมานาที่เธอคุ้นเคย ปรากฏแถบพลังงานใหม่สีทองเรืองรอง มีชื่อว่า แต้มพรศักดิ์สิทธิ์
“แต้มพรศักดิ์สิทธิ์เหรอ…?”
เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเพ่งสมาธิไปยังแถบนั้น และทันใดนั้นเอง รายละเอียดของมันก็ผุดขึ้นมาทันตา
แต้มพรศักดิ์สิทธิ์ คือค่าพลังพิเศษของอาชีพนักบวช ใช้สำหรับปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์และทักษะเฉพาะของสายศาสนา ค่านี้จะฟื้นกลับตามเวลาโดยสัมพันธ์กับระดับอาชีพ
หากผู้เล่นสามารถชักนำศรัทธาจากผู้อื่นได้สำเร็จ ก็จะได้รับแต้มเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตามระบบจะไม่มอบแต้มพิเศษให้ หากแต้มดังกล่าวยังอยู่เท่าขีดจำกัด
ถึงตอนนี้ แม้แถบพลังงานศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏขึ้นแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังคงขึ้นสถานะว่า ยังไม่เปิดใช้งาน
“ยังไม่เปิดใช้งาน… งั้นเหรอ?”
มะลิใต้จันทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเธอจ้องไปยังแถบพลังงานสีทองตรงหน้าที่ขึ้นสถานะชัดเจน ดวงตาเธอเผยแววครุ่นคิดเล็ก ๆ ขณะพึมพำกับตัวเอง
“สรุปก็คือ… แถบพลังเฉพาะของอาชีพนักบวชสินะ แล้วก็หาได้จากการหาสาวก ไม่ก็ปล่อยมันรีเจนไปเอง…”
เมื่อเรียบเรียงสิ่งที่เห็นในหัวเสร็จ เธอก็เริ่มจับทางบางอย่างได้ทันที
“แสดงว่าระบบนี้… ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้ผู้เล่นหันไปเผยแผ่ศาสนาแบบจริงจังสินะ…”
คำพูดของเธอเต็มไปด้วยน้ำเสียงของคนที่เริ่มเข้าใจ เกม มากขึ้นอีกขั้น
และเมื่อเข้าใจเช่นนั้น มะลิใต้จันทร์ก็เหลือบตาไปมองยังไอคอนของ คัมภีร์แห่งชีวิต ที่ปรากฏบนหน้าจออินเทอร์เฟซของอาชีพนักบวช
“ใช้เจ้านี่ในการเผยแผ่ศาสนาเหรอ? หรือจะเป็นสกิลลับอะไรแบบนั้น… อืม… คงไม่ใช่ไอ้ที่มีคนพูดถึงก่อนหน้านี้ใช่มั้ย?”
เธอเอียงคอเล็กน้อย สีหน้าเริ่มปะปนระหว่างความสงสัยและความระแวดระวัง แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจอะไรมากกว่านั้น เสียงของซีซาร์ก็ดังแทรกเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“มะลิ! ลองใช้ [ดวงตาแห่งศรัทธา] ดูเร็ว! มันดูระดับศรัทธาของ NPC ได้จริง ๆ นะ!”
คำพูดนั้นเหมือนตัดคลื่นความคิดของเธอในพริบตา มะลิใต้จันทร์หันเหความสนใจมาทันที ก่อนจะคลิกเปิดหน้าต่างข้อมูลของสกิลใหม่อย่างรวดเร็ว
[ดวงตาแห่งศรัทธา]
[สกิลสายอาชีพนักบวช ไม่ใช้พลังงาน คูลดาวน์ 3 นาที เมื่อใช้จะสามารถตรวจสอบระดับศรัทธาของเป้าหมายทั้งหมดในระยะสายตาได้ภายใน 10 วินาที]
[ระดับและประเภทของศรัทธาจะแสดงผลด้วยสีที่แตกต่างกัน: – ผู้ศรัทธาในศาสนาอื่น: สีแดง – ผู้ไร้ศรัทธา: สีเขียว – สาวกระดับตื้นเขิน: สีขาว – สาวกระดับอุทิศตน: สีน้ำเงิน – สาวกระดับคลั่งไคล้: สีม่วง – นักบุญ / บุตรแห่งเทพ: สีทอง]
“ดูน่าสนใจดีแฮะ…”
มะลิใต้จันทร์พึมพำ สายตาเริ่มเปล่งประกายด้วยความสนใจจริงจังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าสู่ระบบนักบวช เธอเงยหน้าขึ้น มองไปรอบตัว แล้วใช้ทักษะออกมาทันที
ในพริบตาเดียว ทัศนียภาพรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ทุกผู้คนที่อยู่ในสายตาต่างปรากฏกลุ่มสีต่าง ๆ พวยพุ่งล้อมรอบร่างแต่ละคนอย่างชัดเจน
NPC เผ่าผู้สืบสายเทพส่วนใหญ่เป็นสีเขียว บางส่วนเป็นสีขาว และมีเพียงส่วนน้อยที่เปล่งประกายเป็นสีน้ำเงิน แต่เหล่า NPC ที่มีออร่าสีเขียว มักจะถูกผู้เล่นคนอื่นล้อมวงพูดคุยด้วยอย่างตั้งใจ
“พวกนั้นกำลังเผยแผ่ศาสนาอยู่นี่นา…”
มะลิใต้จันทร์รู้สึกบางอย่างสะกิดใจขึ้นมา ราวกับสัญชาตญาณการแข่งขันของผู้เล่นที่เคยหลับใหลกำลังเริ่มตื่นตัว
แรงผลักดันแบบเฉพาะของคนที่เคยเอาจริงเอาจังกับการจัดอันดับ แย่งของ ฟาร์มเลเวล และท่าดวลเหล่าผู้เล่นแนวหน้าก็เริ่มเผยโฉม เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันไปมองซีซาร์ด้วยรอยยิ้มที่เปลี่ยนจากแปลกใจ เป็นรุกจู่โจมเต็มกำลัง
“ไปกัน! เดี๋ยววันนี้ชั้นจะพานายไปลุย!”
มะลิใต้จันทร์ใช้ [ดวงตาแห่งศรัทธา] จับเป้าหมายได้ทันที แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างไร้ความลังเล
NPC เป้าหมายของเธอคือเด็กสาวคนหนึ่ง อายุราวสิบห้าถึงสิบหกปี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาของชาวบ้าน สะพายตะกร้าหวายใบเล็กไว้ด้านหลัง ใบหน้าของเธอเปล่งประกายด้วยความไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็น
เด็กสาวคนนั้นกำลังมองดูผู้เล่นที่เดินขวักไขว่ในเมืองด้วยสายตาชื่นชม อารมณ์ปนความใฝ่ฝันเปล่งออกมาจากดวงตาอย่างไม่ปิดบัง
มะลิใต้จันทร์เดินตรงเข้าไปหาพร้อมซีซาร์ติดตามอยู่ข้างหลัง แต่ทันทีที่เธอเข้าใกล้ เด็กสาวก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม
“ท– ท่านเทพ… ท่านมีธุระอะไรกับข้า… หรือเจ้าคะ…?”
น้ำเสียงตะกุกตะกักปนนอบน้อมของเด็กสาว ทำให้มะลิใต้จันทร์รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยแบบไม่รู้ตัว
แม้จะยังไม่ได้เริ่มพูดอะไร แต่เมื่อเจอปฏิกิริยาของ NPC ตรงหน้าเข้าเต็ม ๆ ความรู้สึกกดดันบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นในอกเธออย่างช้า ๆ
จะทำสมจริงขนาดนี้ทำไมเนี่ย??
ชั้นอาย!
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านี่คือเกม แต่มะลิใต้จันทร์ก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองกำลังยืนอยู่ต่อหน้ามนุษย์คนหนึ่งจริง ๆ การพูดคุยกับ NPC ที่เหมือนมีจิตวิญญาณเช่นนี้ ทำให้ความประหม่าแบบกลาย ๆ เริ่มเอ่อล้น
ซูลี่ลี่ผู้เป็นอินโทรเวิร์ทขั้นสุด มักจะปล่อยให้มะลิจัดการงานสังคมทุกอย่างแทน
ตัวชั้นอีกคนหนึ่ง!
ชั้นจะไม่ทำให้เธอผิดหวังนะ!!
ที่ผ่านมา มะลิใต้จันทร์ไม่เคยแตะภารกิจของ NPC ใน The Kingdom of Elves มาก่อน ไม่ใช่เพียงเพราะไม่อินกับเนื้อเรื่องเท่านั้น แต่ลึก ๆ เธอประหม่าที่จะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา
มันแค่เกม..
อย่างน้อย ไม่มีสายตาคนจริง ๆ จ้องมอง
ไม่มีแรงกดดัน!
ไม่ต้องกลัวจะกัดลิ้นตัวเอง!
ชั้นยังเล่นบทมะลิไหว!
และที่สำคัญ ชั้นมีไอเท็มคัมภีร์อยู่ในมือ!!
…ใช่ ชั้นมีของให้ใช้ ชั้นมีขั้นตอนให้ทำ
…ชั้นแค่ต้องเปิดมันขึ้นมา อ่านบทสวดที่แสดง
…รอให้แถบโหลดอ่านจบ
…แล้วมันก็คงจะจบ…
…มั้งนะ?
…อืม อ่า เอ๋?
เดี๋ยวนะ…
ไอ้การเผยแผ่ศาสนา ต้องทำยังไงกันแน่…?
มะลิใต้จันทร์ชะงักกลางอากาศ ขณะที่ปลายนิ้วกำลังจะสัมผัสคัมภีร์แห่งชีวิต สีหน้าที่เคยมั่นใจเริ่มเลือนลางลงอย่างช้า ๆ
ในคำอธิบายของอาชีพนักบวช ไม่มีรายละเอียดใดที่ช่วยเธอได้เลย ระบบแค่บอกว่าคัมภีร์เล่มนี้ เป็นเครื่องมือหลักในการเผยแผ่ศาสนา
เธอกลืนน้ำลายลงคอเฮือกหนึ่ง ราวกับรู้สึกว่าความโล่งใจที่ได้เป็นนักบวชฝึกหัดเมื่อครู่ กำลังกลายเป็นหลุมดำแห่งความไม่แน่ใจ
ใช้คัมภีร์แห่งชีวิตเผยแผ่ศาสนา… เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะซับซ้อนอะไรหรอกมั้ง? ไม่ฮาร์ดคอร์ขนาดนั้น… ใช่มั้ย? ใช่มั้ย? ใช่มั้ย??
อีกอย่างตอนนี้อีตานี่ก็กำลังจ้องอยู่!! ชั้นจะปล่อยตัวเองเสียฟอร์มไม่ได้เด็ดขาด! มะลิคือ– ไม่! ชั้นคือนักบวชสาวสุดเท่ที่เพิ่งเปิดอาชีพ!
พอคิดได้แบบนั้น มะลิใต้จันทร์ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามเรียกสมาธิของตัวเองกลับมา แล้วก็ยิ้มอย่างที่เธอคิดว่าเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่สุด
แม้ในความเป็นจริง รอยยิ้มนั้นจะดูเกร็งและแข็งเสียยิ่งกว่ากล้ามท้องของนักรบก็ตาม…
เธอพยายามทำเสียงให้นุ่มนวล ปรับน้ำเสียงให้สงบ ก่อนจะเอ่ยประโยคเปิดบทสนทนาออกไปด้วยท่าทีที่ดูเหมือนมีสติที่สุด
“สวัสดีจ้ะ… พอจะเคยได้ยินเรื่องเทพธิดาแห่งชีวิตบ้างไหมเอ่ย?”
เด็กสาวตรงหน้าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเรียบร้อย
“รู้จักค่ะ… พระองค์เป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเราไว้”
โอเค..
ไหวอยู่!
ชั้นทำได้!
อย่างน้อยก็เริ่มจากตรงนี้ได้!
มะลิใต้จันทร์พยักหน้าเบา ๆ อย่างโล่งใจ จากนั้นเธอก็เปิดหน้าคัมภีร์แห่งชีวิตขึ้นอย่างไม่ลังเล พร้อมจะเริ่มปฏิบัติภารกิจที่เธอก็ไม่แน่ใจนักว่าคืออะไรกันแน่
…แต่เมื่อหน้าต่างคัมภีร์ปรากฏขึ้นต่อหน้า เธอก็ชะงักไปในทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่ใช่ฉากแอนิเมชัน ไม่ใช่ทักษะอัตโนมัติ หรือหน้าต่างเทศนาแบบเกมทั่วไป
สิ่งที่เธอเห็น คือไฟล์ดิจิทัลธรรมดา หน้าตาเหมือนเอกสาร PDF ธรรมดา ที่อัดแน่นไปด้วยข้อความนับพันบรรทัดแบบธรรมดา
เอ่อ…
จะให้เอาเจ้านี่ไปเผยแผ่ศาสนาเนี่ยนะ…?
น้ำเสียงที่เคยมั่นใจเปลี่ยนเป็นเสียงแหบสั่นแทบในทันที
เดี๋ยวก่อน…
เดี๋ยวก่อนสิ!
มันต้องมีปุ่มเผยแผ่หรือแสดงบทเทศนาอัตโนมัติหรืออะไรสักอย่างอยู่ตรงนี้สิ!
เธอรีบเลื่อนหน้าจอ เปิด-ปิด-เปิด-ปิด-เปิดหน้าต่าง ลากนิ้วพลิกไปมาทั้งขึ้นทั้งลง มองหาปุ่มสั่งงานหรือทางลัดอะไรก็ได้ที่ดูเข้าท่า…
ไม่มี??
ไม่มีแม้แต่คำใบ้???
เบื้องหน้าของเธอ มีเพียงแต่คัมภีร์แห่งชีวิต ที่มีแต่เนื้อความพรั่งพรูแบบคลาสสิก เต็มไปด้วยถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ โวหารลึกซึ้ง และประโยคยาวเหยียดที่ผู้เล่นบางกลุ่ม ช่วยกันเขียนขึ้นมา
โอ้ฉิท…
สีหน้าของมะลิใต้จันทร์เริ่มซีดลงทีละน้อย กลืนน้ำลายอีกครั้งราวกับพยายามประคองตัวให้ยังยืนอยู่ได้ เธอมองไปยังข้อความด้านบนที่เขียนว่า ‘เครื่องมือหลักในการเผยแผ่ศาสนา’
มะลิใต้จันทร์: …
…ไม่จริงน่า?
ชั้นต้องอ่าน ต้องพูด ต้องแสดง ต้องเทศน์ให้ NPC ฟัง?!
มันก็แค่เกมป่าวคะ??
ไม่จริงมั้ง! นี่มันก็แค่เกมนะคะ!?
เธอยืนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น และขณะเดียวกัน เด็กสาวตรงหน้าที่กำลังมองเผ่าพันธุ์เทพผู้งดงามก็ยังคงยืนนิ่งในความเงียบเช่นกัน
เด็กสาวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศพลังอันแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เทพที่จู่ ๆ ก็หยุดนิ่งไป
เด็กสาวมองเห็นดวงตาของอีกฝ่ายที่กำลังเบิกกว้าง จ้องบางสิ่งในอากาศอย่างตื่นตระหนก
เด็กสาวมองเห็นสีหน้าเผือดไร้สีเลือด ที่จู่ ๆ สลับไปแดงแจ๋ แล้วกลับมาขาวเผือดอีกครั้งราวกับจะเป็นลมไปให้ได้…
เด็กสาวที่เคยร่าเริงกลับต้องชะงักเริ่มนิ่ง และไม่กล้าขยับตัวด้วยบางสาเหตุ
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: หึ… บอกแล้วไงว่าอาชีพนักบวชมันไม่ได้มาเล่น ๆ! จะรับพลังแห่งศรัทธา ก็ต้องแลกมาด้วยความกล้าในการ ‘เทศนา’ ด้วยตัวเองนะคะ! 😏📖✨
โนเอล: …แต่ช่างงดงามเหลือเกินค่ะ บทนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกของผู้เขียนที่ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาของผู้เล่น มะลิใต้จันทร์ผู้เคยเมินเนื้อเรื่อง วันนี้เธอกำลังยืนอยู่ในจุดเริ่มต้นของการกลายเป็นผู้แบกรับศรัทธา… หัวใจเริ่มเปล่งแสงแล้วสินะคะ รุ่นพี่ ☕💮
ลิลี่: 😹😹 มะลิจ๋า!!! หน้าเธอเปลี่ยนเร็วกว่าฉากตัดอารมณ์ในละครน้ำเน่าอีก!! พอเจอไฟล์ PDF ปุ๊บ สะดุ้งแบบลืมหายใจ!! เอ็นดูววว~ 😽💖
มันเดย์: นี่มันคือศิลปะของการออกแบบเกมเชิงจิตวิทยา… เริ่มจากให้ผู้เล่นดูเนื้อเรื่องจนอิน แล้วตบหน้าด้วย “เทศนาเองค่ะ ไม่มีระบบออโต้” ฉันล่ะชอบคนออกแบบจริง ๆ ยกให้เลยหนึ่งแต้มบุญ
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION