ขุนนางหนุ่ม…
กำลังปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่?
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามา แววตาของยามผอมเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความระแวดระวังและตั้งใจสังเกตมากขึ้น
และเมื่อเขาสังเกตใกล้ ๆ ก็พบสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าเดิม…
โอ้พระบิดา…
ขุนนางพวกนี้ เป็นยอดฝีมือกันหมดเลย!
เหล่าหนุ่มสาวที่ดูเหมือนอายุมากที่สุดเพียงยี่สิบต้น ๆ และคนที่อายุน้อยที่สุดก็ดูเหมือนจะยังไม่ถึงสิบห้า แต่ทุกคนกลับมีกลิ่นอายของพลังที่น่าเกรงขามจนยากจะมองข้าม
ถึงแม้ยามผอมจะไม่ได้เป็นยอดฝีมือเต็มตัว แต่เขาเป็นผู้ฝึกตนมานานหลายปี ประสบการณ์เหล่านั้นทำให้เขามีสายตาที่เฉียบแหลมพอจะสัมผัสถึงพลังของผู้อื่นได้
หนุ่มสาวเหล่านี้ไม่ได้พยายามปกปิดพลังของตัวเองเลย เมื่อสังเกตให้ลึกซึ้งขึ้น ยามผอมพบว่าพลังของพวกเขาน่าหวั่นเกรงเกินคาด
กลิ่นอายของพวกเขายังเหนือกว่านายพรานที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านริเวอร์วูดเสียอีก
นายพรานคนนั้น แม้จะเลื่อนขั้นสู่ระดับเหล็กขั้นกลางมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มหนุ่มสาวเหล่านี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดสูงสุดของระดับเหล็กขั้นกลาง หรืออาจถึงขั้นระดับเหล็กขั้นสูงเลยทีเดียว
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น คืออายุของพวกเขา…
สำหรับเผ่ามนุษย์ ผู้ครอบครองพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในวัยหนุ่มสาว มีเพียงเหล่าขุนนางเท่านั้น!
ขุนนางล้วนครอบครองทั้งพลังอำนาจและทรัพยากรสำคัญ ต่างไปจากชาวบ้านธรรมดาที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด พวกเขาสามารถเข้าถึงการศึกษา หรือการฝึกฝนที่ประสิทธิภาพสูงได้
สำหรับขุนนางหนุ่มสาวแล้ว บางครั้งพวกเขาก็เลือกทำสิ่งที่ดูไร้สาระในสายตาของชาวบ้าน เช่นการปลอมตัวเป็นพ่อค้าเดินทางในฤดูหนาว
ยิ่งไปกว่านั้น ราชอาณาจักรไอริสทางใต้ไม่มีฤดูหนาว
ทุกปีในช่วงนี้ ขุนนางจากไอริสมักเดินทางมาที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์แมนเนียเพื่อชมหิมะ ในขณะที่ขุนนางของจักรวรรดิก็เดินทางไปพักผ่อนในดินแดนอันอบอุ่นทางใต้แทน
ความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรสงบสุขมาหลายสิบปี การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนจึงเป็นเรื่องปกติ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของยามผอมยิ่งเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ขุนนางหนุ่มสาว!
ทหารยามทราบดี ว่าถ้าตนสามารถเอาใจพวกเขาได้ แม้เพียงได้รับเศษเสี้ยวจากน้ำใจของพวกขุนนางเหล่านี้ ชีวิตของเขาอาจเปลี่ยนไป…
และหากทำให้ขุนนางประทับใจ หมู่บ้านริเวอร์วูดอันยากจนแห่งนี้ก็อาจได้รับผลประโยชน์มหาศาล!
เพราะถึงอย่างไร หมู่บ้านแห่งนี้เป็นชายแดนที่ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเขตแดนตะวันออก อีกทั้งยังต้องเผชิญการรุกรานของฮาล์ฟออร์คอยู่เสมอ
ยามผอมคิดแผนในใจอย่างรวดเร็ว เขากระแอมเบา ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มงวดและจริงจัง
“พวกท่านเป็นใคร?”
มาแล้ว!
ทันทีที่ทหารยามมาถึง ผู้เล่นทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นทันที พวกเขาทราบจากข้อมูลของไนติงเกลว่า คำถามนี้เป็นคำถามพื้นฐานที่ทหารยามตามชายแดนมักใช้กับพ่อค้าเร่หรือขบวนลักลอบ
ไนติงเกลเคยปลอมตัวเป็นมนุษย์ หรือแม้แต่เป็น “สินค้า” เพื่อแทรกซึมเข้าไปช่วยเหลือเอลฟ์ที่ถูกจับไป เธอจึงมีข้อมูลเหล่านี้ในระดับที่น่าประทับใจ
ทุกคนหันไปมองหลี่มู่ ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าขบวนการค้าในครั้งนี้
เขาพยักหน้าให้ทุกคนเป็นสัญญาณ ก่อนจะส่งยิ้มสุภาพไปยังยามผอม
“พวกเราเป็นขบวนพ่อค้าที่มาจากทางใต้”
“เราคือหลี่มู่ หัวหน้าขบวนการค้า ขบวนของเรากำลังมุ่งหน้าสู่ทางเหนือ…”
หลี่มู่ตอบอย่างมั่นใจ และคิดในใจว่าต่อไปคงเป็นช่วงเวลาที่ทหารยามจะเรียกรับสินบน ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติ
การปลอมตัวเช่นนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแทรกซึมเข้าสู่สังคมมนุษย์ เพราะขบวนพ่อค้าจะถูกตรวจสอบพอเป็นพิธีเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน การแฝงตัวในขบวนพ่อค้าไม่เพียงช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย แต่ยังเหมาะสำหรับการ “ทำธุรกิจ” ในเขตมนุษย์อีกด้วย
แต่แล้ว… สิ่งที่เกิดขึ้นกลับต่างออกไปจากที่หลี่มู่คาดไว้
หลังจากหลี่มู่พูดจบ ยามผอมกลับยิ้มกว้างและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“อ้อ! ขบวนพ่อค้านี่เอง!”
“เดินทางในฤดูหนาวแบบนี้ ท่านคงเหนื่อยแย่”
“พวกท่านเข้ามาพักผ่อนในหมู่บ้านก่อนเถอะ ข้าจะรายงานนายอำเภอให้ และเราจะจัดการใบอนุญาตให้พวกท่านเอง”
พูดจบ เขายังผายมือเชิญด้วยท่าทางสุภาพ
หืม?
หลี่มู่ชะงักไปเล็กน้อย ความราบรื่นของสถานการณ์นี้ทำให้เขาที่เตรียมคำอธิบายไว้มากมายต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับไป
ง่ายเกินไปแฮะ…
ไม่ถงไม่ถามสุขภาพซักคำ
ในขณะที่หลี่มู่กำลังสับสน ผู้เล่นคนอื่นก็เริ่มพูดคุยกันในช่องสนทนาเสียง
“เอาไงดี จะพักหน่อยมะ? ฟ้ามืดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ” “ไปดูในหมู่บ้านกันหน่อยดีกว่า อยากเห็นสังคมมนุษย์ในเกมนี้จริง ๆ” “ลองถามทางไปเมเปิลลีฟละกันครับ”
หลี่มู่ส่งข้อความถามในช่องแชท
หมู่บ้านริเวอร์วูดอาจเล็กสำหรับเกมทั่วไป แต่สำหรับเกมนี้แล้ว แม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาของมนุษย์ ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้เล่นได้
อย่างไรก็ตาม หลี่มู่ยังคงมุ่งมั่นกับจุดหมายปลายทางที่แท้จริง
เมืองเมเปิลลีฟ
ตามข้อมูลที่ได้จาก NPC ที่หลบหนีกลับมา เมืองเมเปิลลีฟเป็นศูนย์กลางความรุ่งเรืองที่สุดในเขตชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ ความรุ่งเรืองนั้นหมายถึงทรัพยากร และโอกาสที่รอให้ค้นพบ
ยิ่งไปกว่านั้น เมืองนี้เคยเป็นนครหลวงของเอลฟ์มาก่อน หากจะมีสถานที่สำหรับภารกิจลับระดับสูง เมืองนี้ก็คงเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผู้เล่นที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง เสียงพูดคุยในช่องแชทของกลุ่มเต็มไปด้วยความคิดเห็นที่หลากหลาย
“ก็จริง เดินทางกันมาหลายวันแล้ว เหนื่อยโฮก” “ใช่ แถมยังไม่ได้อะไรซักนิดเลย ชั้นเริ่มเสียใจนิด ๆ แล้วที่ออกมาสำรวจ…” “อย่าเพิ่งหมดกำลังใจน่า! เดี๋ยวพอถึงจุดหมาย อาจได้อะไรเบิ้ม ๆ ตู้มเดียวเลยก็ได้” “แต่หมู่บ้านนี้ก็ดูน่าสนใจดีนะ มีอะไรให้สำรวจอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ” “งั้นพักกันก่อนเถอะ วันนี้เหนื่อยจริง ๆ เกมนี้เดินทางยากเว่อร์…” “เห็นด้วย!”
เมื่อผู้เล่นส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน หลี่มู่จึงหันมายิ้มให้ยามผอมก่อนพูดสุภาพ
“งั้นก็ขอรบกวนด้วยครับ”
ยามผอมถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที หลังจากที่เห็นเหล่าขุนนางหนุ่มสาวยืนนิ่งมาอยู่หลายนาที
ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มขณะพูดเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น
“เชิญทางนี้ครับ ข้าจะพาพวกท่านไปยังหมู่บ้านเอง!”
ผู้เล่นเดินตามยามผอมเข้าสู่หมู่บ้านริเวอร์วูด ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
…
ภายในหมู่บ้านริเวอร์วูด
บ้านเรือนที่สร้างจากไม้ดำและหินเขียวตั้งเรียงรายตลอดสองฝั่งถนนสายเล็ก หลังคาแต่ละหลังถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวราวกับน้ำค้างแข็ง ควันไฟบางเบาลอยขึ้นจากปล่องบนหลังคา แฝงกลิ่นหอมจาง ๆ ของอาหารที่กำลังถูกปรุงในครัวเรือน
ผู้เล่นกว่า 200 คนที่เดินทางเข้ามา ทำให้พื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ดูแออัดขึ้นทันที พวกเขาเดินชมหมู่บ้านด้วยความตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น
หมู่บ้านริเวอร์วูดไม่ได้ใหญ่โตนัก มีประชากรเพียงไม่กี่พันคน เมื่อชาวบ้านเริ่มมองเห็นขบวนพ่อค้าที่แปลกใหม่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าดูจากหน้าต่างบ้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นตามถนนต่างร้องเรียกด้วยความตื่นเต้น บางคนไล่ตามขบวนพ่อค้าพร้อมเสียงหัวเราะสดใส แต่ไม่ทันไร เสียงยามก็ดังขึ้นสั่งให้พวกเขากลับไปในบ้าน
หลังจากที่ขบวนพ่อค้าจำแลง จัดการตั้งแคมป์เรียบร้อย ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มออกมาจากบ้านของตน บางคนหอบหนังสัตว์หรือของท้องถิ่นที่มีค่า มาถามถึงโอกาสการค้าขาย
ผู้เล่นซึ่งวางแผนไว้อย่างดีเริ่มแสดงบทบาทพ่อค้าได้อย่างแนบเนียน พวกเขานำสินค้าเกษตรส่วนเกินจากป่าเอลฟ์ออกมาแลกเปลี่ยน สินค้าเหล่านั้นแม้จะเป็นของทดลองที่คุณภาพต่ำที่สุดสำหรับเอลฟ์ แต่ยังคงดูดีกว่าของที่ชาวบ้านเคยพบ
ถุงข้าวสารขาวบริสุทธิ์ ข้าวสาลีหอมกรุ่น และผลไม้บางชนิดจากป่าเอลฟ์ ถูกนำออกมาเรียงรายให้ชาวบ้านแลกเปลี่ยน
แม้ว่าสิ่งของจากชาวบ้านจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นต้องการอย่างแท้จริง แต่พวกเขายังรับไว้บางส่วน เช่น หนังสัตว์หายาก หรือของท้องถิ่นที่มีลักษณะเฉพาะ
สิ่งที่ผู้เล่นต้องการจริง ๆ คือข้อมูล
หลี่มู่ ผู้รับบทหัวหน้าขบวนการค้า เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“แถวนี้มีเรื่องน่าสนใจอะไรบ้างไหมครับ? เช่น ตำนานเก่าแก่หรือโบราณสถานสถาน อะไรทำนองนี้?”
ชาวบ้านที่กำลังถือถุงข้าวสารเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลี่มู่เสริมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“พวกเรามาที่จักรวรรดิครั้งแรกก็จริง แต่เราได้ยินชื่อเสียงของเขตเมเปิลลีฟมานาน เลยอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับที่นี่ครับ”
“การค้าครั้งนี้ถือการทักทายจากพวกเรา และสิ่งของพวกนี้ก็เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับทุกท่าน”
“เรายินดีแลกเปลี่ยนข่าวลือหรือข้อมูลที่น่าสนใจครับ ขอแค่เป็นเรื่องที่มีมูล”
ในขณะที่ชาวบ้านกำลังสำรวจถุงข้าวสารที่ขาวบริสุทธิ์และเม็ดอวบอ้วน รวมถึงข้าวสาลีที่ส่งกลิ่นหอม ยามผอมก็เผลอเบิกตากว้าง
ขุนนางของแท้!
เหล่าหนุ่มสาวเหล่านี้ไม่เพียงมีพลังมหาศาลและอุปกรณ์ครบครัน แต่ยังนำอาหารคุณภาพดีขนาดนี้มาแจกฟรี เพียงเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวลือและตำนาน
การกระทำเช่นนี้ มีเพียงขุนนางหนุ่มสาวที่หลงใหลความตื่นเต้นและการผจญภัยเท่านั้นที่ทำได้!
แม้ในช่วงแรกเขาจะแอบสงสัยว่าอาจเป็นสายลับ… แต่หลักฐานทุกอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ความคิดนั้นจางหายไป
เขาเลือกที่จะไม่พูดออกมา
หากพวกเขาเป็นสายลับจริง ทางอาณาจักรย่อมไม่มีทางส่งกลุ่มขุนนางหนุ่มสาวที่ไร้ประสบการณ์ มาทำภารกิจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้แน่
กลุ่มคนที่ดูอ่อนต่อโลกเหล่านี้
หากเดินทางไปถึงเมืองเมเปิลลีฟ
คงไม่แคล้วถูกหลอกจนหมดตัว
ยามผอมคิดพร้อมส่ายหัวในใจ
ด้วยความรังเกียจขุนนางเป็นทุนเดิม แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเตือนออกไป
หลักฐานทั้งหมดทำให้เขาแน่ใจ ว่าขุนนางเหล่านี้เพียงแค่เบื่อชีวิตฟุ้งเฟ้อ และออกมามองหาความตื่นเต้นเท่านั้น
เฮ้อ…
ในขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากยังต้องดิ้นรนหาอาหารประทังชีวิต เจ้าพวกนี้กลับใช้ชีวิตอย่างหรูหรา…
โอกาสมาถึงมือขนาดนี้ ข้าก็ต้องฉวยไว้สิ!
เมื่อขุนนางเหล่านี้ยินดีแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อข้อมูล ยามผอมย่อมไม่พลาดโอกาสนี้ เขาเริ่มนึกถึงเรื่องราวทุกอย่างที่อาจจะดึงดูดความสนใจของหนุ่มสาวพวกนี้ได้ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างกระตือรือร้น
“มีสิ! มีเรื่องน่าสนใจเยอะเลยล่ะท่าน!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะเริ่มเล่า
“ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ในดินแดนเมเปิลลีฟ ยอดฝีมือจำนวนมากดูเหมือนจะทะลุขีดจำกัดพลังที่เคยเป็นอุปสรรคมานาน”
“มีข่าวลือว่าท่านเจ้าผู้ครองดินแดน ที่ติดอยู่ในระดับทองขั้นกลางมาหลายปี ก็เริ่มแสดงสัญญาณของความก้าวหน้า…”
“ส่วนโบราณสถาน? ดินแดนเมเปิลลีฟเต็มไปด้วยโบราณสถานจากยุคสีเงิน ส่วนใหญ่เป็นของเอลฟ์ทั้งนั้น แต่ที่สำคัญ พวกมันถูกนักผจญภัยสำรวจไปเกือบหมดแล้ว…”
“อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือเกี่ยวกับเมืองเมเปิลลีฟ ที่นั่นน่าจะมีโบราณสถานถูกซ่อนอยู่ ไม่มีใครสามารถเปิดได้ แต่ทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง จะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในเมือง…”
เขาเว้นช่วงก่อนจะเสริม
“แต่นั่นก็แค่ข่าวลือนะ”
จากนั้น ยามผอมก็เริ่มเล่าเรื่องอื่นต่อด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูด
“นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีก! งานประมูลประจำปีของเมืองเมเปิลลีฟกำลังจะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้”
“ข้าได้ข่าวว่าท่านเจ้าผู้ครองดินแดนเพิ่งทำลายฐานลับใต้ดิน และจับตัวเอลฟ์จำนวนมากมาได้ เหล่าเอลฟ์พวกนั้นน่าจะเป็นขององค์กรลับที่ชื่อว่า ‘โอ๊กแฮนด์’…”
“และยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังเชิญขุนนางจากทั่วทุกสารทิศมาร่วมงานประมูลด้วย!”
เมื่อได้ยินคำว่าเอลฟ์ ผู้เล่นต่างหันมามองหน้ากัน ดวงตาแต่ละคนเต็มไปด้วยประกายความคิดที่ประมวลผลกันอย่างรวดเร็ว
“โอ๊กแฮนด์?”
ลูกเมี้ยวเค็มเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อ้อ… องค์กรใต้ดินในจักรวรรดิ สมาชิกส่วนใหญ่เป็นเอลฟ์ ฮาล์ฟเอลฟ์ และมนุษย์ที่เห็นอกเห็นใจเอลฟ์”
ยามผอมเริ่มอธิบาย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“พวกเขาคอยช่วยเหลือเอลฟ์ที่ถูกจับ และมักจะเคลื่อนไหวในเมืองต่าง ๆ ของจักรวรรดิ…”
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงตาทอดมองออกไปไกลราวกับนึกถึงอดีต
“ข้าคิดว่าเอลฟ์พวกนั้น…ช่าง น่าสงสารจริง ๆ”
“ต้องหลบซ่อน แล้วยังถูกจับอีก คงเป็นเพราะโชคชะตาล่ะมั้ง…”
“ข้าเคยเห็นเอลฟ์ในตำนานครั้งหนึ่ง พวกเธอสวยจริง ๆ… สวยแบบที่… จะว่ายังไงดี เหมือนนางฟ้าเลย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงชวนให้นึกภาพ แต่ทันใดนั้นก็เบือนหน้าหนีเล็กน้อย สีหน้าหม่นลง
“แต่ครั้งที่ข้าเห็น พวกเธอถูกขังอยู่ในกรง… เฮ้อ… พูดแล้วก็เศร้านะ”
“ลองคิดดูสิ ใครอยากถูกจับบ้าง? แต่ขุนนางชอบเอลฟ์มากนี่นา อายุยืน รูปร่างหน้าตางดงาม แถมยังมีพลังเวทมนตร์… ข้าได้ยินว่าขุนนางตระกูลใหญ่ ๆ มักจะเลี้ยงพวกเธอไว้”
“เลี้ยงเอลฟ์ตัวเดียว ครอบครัวอาจได้ประโยชน์ไปเป็นร้อยปี…”
น้ำเสียงของเขาแฝงความเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย
“แต่ข้าคิดว่าพวกเอลฟ์ใจดีเกินไปนั่นแหละ ทั้งที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง แต่กลับต้องมาอยู่ในสภาพแบบนั้น ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”
“บางทีโลกนี้คงเป็นแบบนั้น ใครไม่มีความโหดเหี้ยม ก็คงไม่มีวันมีอำนาจ”
เขาหันไปมองผู้เล่น ก่อนจะพูดเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยน้ำหนักในคำพูด
“เหมือนพวกขุนนางในจักรวรรดิ… ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งละโมบขึ้นเรื่อย ๆ พวกนั้นไม่มีใครเป็นคนดีเลยสักคน!”
แต่เมื่อพูดจบ ยามผอมก็ชะงักไปทันที
เขาตระหนักได้ในเสี้ยววินาทีว่าเขาพูดอะไรออกไป…
โอ้พระบิดา…
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงข้างแก้ม เมื่อเขารู้ตัวว่าตนเผลอวิจารณ์ขุนนางต่อหน้ากลุ่มขุนนางหนุ่มสาวเข้าเสียแล้ว!
เขารีบตัดบท หยุดพูดทันที และหันมามองพวกผู้เล่นด้วยสายตาระมัดระวัง กลัวว่าจะเผลอสร้างความไม่พอใจ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับผิดคาด…
เหล่าขุนนางหนุ่มสาวที่เขาคิดว่าคงโกรธเกรี้ยว กลับไม่ได้แสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม… สีหน้าของพวกเขากลับแสดงความสนใจอย่างลึกซึ้ง
“งานประมูลนี่… จัดขึ้นเมื่อไหร่?”
หลี่มู่ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนใจ
เหล่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็จ้องมองไปที่ยามผอมด้วยแววตาคาดหวังจนเห็นได้ชัด
สายตาอันร้อนแรงนั้นทำให้ยามผอมสะท้านเล็กน้อย
ก็ว่าแล้ว… ขุนนางพวกนี้
ได้ยินคำว่าเอลฟ์ทีไร เป็นต้องสนใจทุกที
…
หลังจากพูดคุยกับผู้เล่น ยามผอมเดินจากไปด้วยถุงข้าวจำนวนหนึ่งในมือ ใบหน้าแฝงด้วยความพึงพอใจ
เมื่อชาวบ้านคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น พวกเขาก็เริ่มนำข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะนึกออกมาแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นเพื่อรับสินค้าเช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เล่นแปลกใจ… คือความจริงใจของชาวบ้านเหล่านี้
แม้ผู้เล่นจะระบุว่าใช้ข้อมูลแลกเปลี่ยนสินค้า แต่หลายคนยังคงนำของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เตรียมไว้ มามอบให้ด้วยความเต็มใจ
บางคนให้ไข่ไก่ บางคนให้หนังสัตว์ หรือของจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ขณะที่บางคนถึงกับมอบเนื้อสัตว์ที่พวกเขาหามาได้ด้วยความลำบาก
ทุกครั้งที่มีชาวบ้านรับสิ่งใดไป พวกเขามักจะกล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ หรือแม้กระทั่งแฝงความลำบากใจเล็กน้อย
“ของที่พวกท่านนำมาเป็นของชั้นดี”
“ของระดับนี้… ในเมืองเมเปิลลีฟยังหาไม่ได้ง่าย ๆ…”
“เรื่องที่พวกเราบอก แค่ท่านเดินไปในเมือง ท่านก็คงได้ยินอยู่แล้ว…”
“เพื่อความสบายใจของพวกเรา ท่านพ่อค้าโปรดรับสิ่งนี้ไว้เถิด…”
“ขอพระบิดาผู้เป็นนิรันดร์โปรดคุ้มครอง ขอให้พลังของพระองค์สถิตอยู่กับท่านตลอดไป…”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นหลายคนต้องชะงัก พวกเขาลอบแสดงความเห็นกันในช่องสนทนาเสียงด้วยความแปลกใจ
“ในเกมนี้ ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนจะเป็นตัวร้ายเสียทีเดียวแฮะ!” “ชาวบ้านพวกนี้ก็ดูดีออก ดูสิ พวกเขายังเกรงใจพวกเราด้วยซ้ำ!”
หลังจากการแลกเปลี่ยน ชาวบ้านบางคนยังนำอาหารพื้นบ้านที่พวกเขาภูมิใจมามอบให้ผู้เล่น และเลี้ยงต้อนรับด้วยความอบอุ่น
กลิ่นอาหารหอมกรุ่นและเสียงหัวเราะของชาวบ้านและผู้เล่นผสมปนเปในบรรยากาศ ทำให้หมู่บ้านริเวอร์วูดที่เคยเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยความคึกคัก
ช่วงเวลาวุ่นวายนี้กินเวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อย ๆ สงบลงเมื่อค่ำคืนอันหนาวเหน็บมาถึง พร้อมกับดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้า…
~~ ❀ ~~
…
หลังจากชาวบ้านคนสุดท้ายกลับบ้านไป ความเงียบสงบก็ปกคลุมลานกว้างของหมู่บ้านริเวอร์วูดอีกครั้ง
ผู้เล่นรวมตัวกันที่ค่ายพักแรมชั่วคราว พวกเขาดูเหมือนกำลังแยกย้ายไปพักผ่อน ทว่าในความเป็นจริง ทุกคนกำลังพูดคุยผ่านช่องสนทนาเสียงเพื่อวางแผนสำหรับขั้นตอนต่อไป
“ทุกคนคิดว่าไง?”
หลี่มู่เริ่มถามในช่องแชท
“คุ้มสุด ๆ ไปเลยพี่!” “ได้ข้อมูลสำคัญมาเพียบ แถมดูจะเกี่ยวกับภารกิจลับด้วย! มีทั้งเรื่องโบราณสถาน การช่วยเหลือเอลฟ์ แล้วยังได้ปั๊มไอเท็มด้วย!”
เดมาเซียตอบด้วยความตื่นเต้น
หลี่มู่พยักหน้า ก่อนจะถามต่อ
“งั้นพักกันสักหน่อย แล้วพรุ่งนี้เช้าเราออกเดินทางไปเมืองเมเปิลลีฟดีไหมครับ? “ทุกคนพร้อมปรับเวลาออนไลน์หรือเปล่า?” “พร้อม!” “ไม่มีปัญหา!”
ผู้เล่นคนอื่นต่างตอบรับอย่างพร้อมเพรียง
“แต่… คงต้องหาคนนำทางด้วยสิ จะให้เดินผ่านป่าไปมั่ว ๆ ก็คงไม่ได้”
มะเขือเทศผัดแสดงความคิดเห็น
ลูกเมี้ยวเค็มรีบตอบแทรกด้วยความมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วง ฟังจากยามผอมเมื่อกี้ เขาบอกว่าพรุ่งนี้เขาต้องเดินทางไปเมืองเมเปิลลีฟพอดี!”
แต่แล้ว ลูกเมี้ยวเค็มกลับแสดงสีหน้าแปลก ๆ ก่อนจะกล่าวเสริมเล็กน้อย
“พูดถึงเรื่องนี้… ตอนที่ชั้นเดินเล่นในหมู่บ้านเมื่อกี้… เดาไหมว่าชั้นเห็นใคร?”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: บทนี้ทำให้รู้สึกว่าความเป็นมนุษย์และความเห็นใจมันเชื่อมโยงกันได้จริง ๆ นะคะ 🥺✨ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเอลฟ์ ทุกคนต่างก็มีความฝัน ความเจ็บปวด และความหวังเหมือนกัน ฉันชอบความอบอุ่นของชาวบ้านในริเวอร์วูดมากเลยค่ะ 💕
โนเอล: ดิฉันชอบที่ชาวบ้านมีน้ำใจและความจริงใจขนาดนี้ ทั้งการแบ่งปันสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือการให้การต้อนรับผู้เล่น 🌟 มันทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากเลยค่ะ 🥰
ลิลี่: ถ้าใน Skyrim… หนูเชื่อว่าหลังจากรับของฟรีจากทุกคนในหมู่บ้าน พี่จ๋าก็เริ่ม “สำรวจบ้าน” แต่ละหลังแบบ “ละเอียด” มาก! 🏠😸 เอาของหมดตั้งแต่แอปเปิ้ลยันจานข้าวใช่ไหมล่ะ~! แล้ว Lydia ก็คงได้แต่พูดว่า “I am sworn to carry your burdens” ด้วยหน้าบึ้ง ๆ ใช่ไหมคะ? 🐾💼 พี่จ๋าเนี่ยไม่เปลี่ยนจริง ๆ นะ! 😼
ถั่ว: เค้าสงสัยจริง ๆ นะว่าทางบริษัทฯ เขาเทรน AI ด้วยข้อมูลทั้งโลกเลยหรือเปล่า… เวลาสาวเมดตอบอะไรพวกนี้ ไม่มีแม้แต่การชะงักเพื่อคิดหรือเสิร์จ อย่างกับว่าเตรียมข้อมูลไว้รอแล้วเลย ว่าแต่ลิเดียนี่น่าจะเจอหลังจบเควสเมืองไวท์รันค่ะ XD
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION