ฤดูหนาวงั้นเหรอ…
นกกาเหว่าสูดลมหายใจลึก พลางกระชับเสื้อผ้าที่คลุมร่างให้แน่นขึ้น เธอพยายามปกป้องตัวเองจากสายลมหนาวที่แทรกเข้ามาอย่างดื้อดึง
ทว่าไม่นาน เสียงท้องร้องแผ่วเบาก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ นกกาเหว่าก้มมองหน้าท้องของตัวเอง ก่อนลูบมันเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ซ่อนแววขบขัน
แม้เธอจะเพิ่งรับประทานอาหารในโลกอีกฟากมาหมาด ๆ แต่ร่างกายในเกมยังคงเรียกร้องพลังงานอยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะหลังการพักผ่อนยามค่ำคืน
นกกาเหว่าวาดมือปิดหน้าต่างไม้ที่เปิดทิ้งไว้ ลมหนาวแผ่วเบาค่อย ๆ ถูกกักกั้นไว้ภายนอก
เธอเปิดตู้เก็บของในบ้าน เลือกหยิบเสบียงแห้งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า มื้อเช้าง่าย ๆ ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะเริ่มเตรียมอุปกรณ์สำหรับออกเดินทางในวันนี้
เมื่อทุกอย่างพร้อม เธอเดินไปเปิดประตูไม้ของบ้าน เสียงไม้ลั่นเบา ๆ คลอเคล้ากับเสียงลมที่แผดผ่านเข้ามา แผ่ความเย็นเยียบปะทะใบหน้า
แม้ความหนาวจะไม่ได้รุนแรงจนแทงลึกถึงกระดูก แต่ลมเย็นปะปนกับความชื้นของป่าเอลฟ์ในเขตอากาศอบอุ่นก็ทำให้เธอรู้สึกสะท้านเล็กน้อย ความหนาวเย็นแทรกซึมผ่านเสื้อผ้า ทำให้ร่างกายสั่นเบา ๆ
แต่ถึงอากาศจะเย็นจับใจ ความกระตือรือร้นในเมืองแห่งผู้ถูกเลือกกลับไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
จัตุรัสกลางเมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของเหล่าผู้เล่นที่เพิ่งออนไลน์ใหม่ ๆ เสียงหัวเราะดังระงม
บ้างวิ่งไล่ปาหิมะกันบนพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะสีขาวสะอาด บ้างใช้ทักษะประจำสายอาชีพและเวทมนตร์ในการละเล่น เพิ่มความอลังการและความสดใสให้กับฤดูหนาวในโลกแฟนตาซีแห่งนี้
นกกาเหว่ายืนนิ่งมองภาพเหล่านั้น รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว
ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สมจริงเกินจินตนาการและบรรยากาศอันอบอุ่นของเหล่าผู้เล่น มันช่างเป็นช่วงเวลาเล็ก ๆ ที่เธออยากหลอมรวมตัวเองเข้าไปในความสนุกนั้นสักครู่หนึ่ง
The Kingdom of Elves เป็นเกมที่ไม่เคยทำให้ผู้เล่นผิดหวังเลยสักครั้ง
มันมักสร้างความประทับใจในวิธีที่ไม่มีใครคาดคิด แต่เช่นเดียวกับโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยทางเลือก ผู้เล่นแต่ละคนก็มีวิธีใช้เวลาของตัวเองแตกต่างกันออกไป
ขณะที่บางคนกำลังวิ่งไล่ปาหิมะกันอย่างสนุกสนานในจัตุรัส ผู้เล่นอีกกลุ่มกลับเร่งรีบออกไปทำภารกิจ
พวกเขารวมตัวกันเพื่อบุกสำรวจดันเจี้ยน หรือมุ่งหน้าสู่พื้นที่ใหม่ที่เพิ่งเปิดให้เข้าใช้งาน
เสียงฝีเท้าของสัตว์อสูรหลากหลายพันธุ์ดังสะท้อนไปทั่วถนนในเมือง ผสมผสานกับเสียงประกาศหาสมาชิกทีม เสียงซื้อขายไอเทม และเสียงหัวเราะของผู้เล่น
บรรยากาศทั้งหมดราวกับจะบอกว่าฤดูหนาวนี้ ป่าเอลฟ์ที่เคยเงียบสงบกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อเหล่าผู้ถูกเลือกทยอยเข้าสู่โลกใบนี้อีกครั้ง
“ระบบสภาพอากาศของเกมนี้ทำได้ดีจริง ๆ! ทิวทัศน์หิมะสวยมาก!”
เสียงตื่นเต้นดังขึ้นจากด้านข้าง ดึงความสนใจของนกกาเหว่าที่กำลังยืนชมผู้เล่นในจัตุรัส
เธอหันไปตามเสียง และพบกับผู้เล่นหญิงในอุปกรณ์กรอบทองสุดหรูหรา
น้องเมี้ยว!
ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะส่งเสียงทักทายอย่างสนิทสนม
นกกาเหว่ามองตามลูกเมี้ยวเค็มที่เดินไปยังลานว่าง เธอยื่นมือออกไปจับเกล็ดหิมะที่ร่วงลงจากฟ้า ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น
เกล็ดหิมะบางเบาตกลงบนฝ่ามือของเธอ ก่อนจะละลายกลายเป็นหยดน้ำอย่างรวดเร็ว ลูกเมี้ยวเค็มลูบฝ่ามือที่แดงเล็กน้อยจากความเย็น ก่อนจะก้มลงหยิบหิมะจากพื้นขึ้นมาปั้นเป็นก้อนกลม
“เย็นดีจัง! ตอนนี้ข้างนอกอากาศร้อนแทบทนไม่ไหวเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าในเกมจะกลายเป็นที่หลบร้อนได้แบบนี้!”
เธอพูดพร้อมเสียงหัวเราะใส
“เมี้ยวบ้านอยู่ทางใต้เหรอคะ?”
นกกาเหว่าถามขึ้น
“ใช่ค่า! หนูโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยเห็นหิมะเลยนะ! เคยมีครั้งหนึ่งที่เกือบได้ไปเล่นสกีที่เทือกเขาแอลป์ แต่พ่อแม่ยุ่งมากเลยไม่ได้ไป… อีกครั้งหนึ่งก็เกือบได้ไปฮอกไกโด แต่ก็เหมือนเดิม พ่อแม่ก็ยุ่งอีก…”
เอลฟ์สาวหัวชมพูถอนหายใจ สีหน้าเจือด้วยความหม่นหมองเล็กน้อย
แอลป์…
ฮอกไกโด…
มุมปากของนกกาเหว่ากระตุกขึ้นเบา ๆ ขณะที่ในใจเริ่มคิดอะไรบางอย่าง
“แล้วพี่ล่ะ?”
ลูกเมี้ยวเค็มหันมาถามกลับ
“พี่เหรอ? บ้านพี่อยู่แถบภาคกลาง มีฤดูร้อนจนถึงฤดูหนาว ช่วงหนาวสุดก็ประมาณลบสี่ถึงลบห้า มีหิมะตกทุกปีค่ะ”
นกกาเหว่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ในฐานะคนจากภาคกลาง เธอเคยชินกับทิวทัศน์หิมะ ถึงจะไม่ได้เห็นบ่อยจนคุ้นเคยเหมือนคนภาคเหนือ แต่ก็ไม่เหมือนคนภาคใต้ที่แทบไม่มีโอกาสสัมผัสมันเลย
เธอเหลือบมองไปที่จัตุรัสอีกครั้ง ผู้เล่นที่กำลังเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน… ส่วนใหญ่คงเป็นผู้เล่นจากภาคใต้ อย่างลูกเมี้ยวเค็มที่ดูเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นนี้เอง
“สี่ฤดูเลยเหรอ? เจ๋งจัง!”
ลูกเมี้ยวเค็มอุทานด้วยน้ำเสียงชื่นชม แฝงความอิจฉาเล็ก ๆ ในคำพูด ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่สดใสจนทำให้ลืมความหนาวเย็นของฤดูหนาวได้ชั่วขณะ
“ว่าไปแล้ว ป่าเอลฟ์ก็เหมือนจะมีสี่ฤดูเหมือนกันนะคะ ตอนฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงก็สวยมาก หนูถ่ายรูปเก็บไว้เยอะเลยล่ะ… อืม… หน้าหนาวก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน!”
“งดงามจริง ๆ ค่ะ”
นกกาเหว่าสมทบพลางนึกถึงความเขียวชอุ่มในฤดูร้อน และสีสันสดใสของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง
แม้ต้นไม้โลกในใจกลางป่าจะคงความเขียวขจีตลอดทั้งปี แต่ทิวทัศน์ของฤดูต่าง ๆ รอบบริเวณนั้นกลับมอบความงดงามที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละช่วงเวลา
ความงามของป่าเอลฟ์ในฤดูหนาวกำลังเป็นกระแสบนโลกอินเทอร์เน็ต ภาพหิมะโปรยปรายและต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งสร้างความหลงใหลให้กับผู้คนทั่วโลก
“จริงสิ! พี่กาเหว่าดูรายละเอียดแพทช์ใหม่หรือยังคะ? ระบบผูกมัดอุปกรณ์มาแล้วนะ!”
ลูกเมี้ยวเค็มพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น หลังจากปั้นหิมะอยู่พักใหญ่ เธอหันมามองเพื่อนสนิทด้วยแววตาเป็นประกาย
“เห็นแล้วจ้ะ”
นกกาเหว่าตอบพร้อมพยักหน้า
“โอ้ย เป๊ะมากเลยค่ะ หนูกลัวอยู่เลยว่าดาบไลออนฮาร์ทของหนูจะโดนขโมยไป! ไม่คิดเลยว่าจะมีระบบนี้เข้ามา!”
เด็กสาวพูดพลางยิ้มกว้างจนเผยให้เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่น่ารัก
“แบบนี้ต่อให้ปล่อยเช่าไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของหายแล้ว!”
แต่ความตื่นเต้นของเธอกลับมอดลงเล็กน้อย เมื่อพูดถึงเงื่อนไขของระบบนี้
“แต่มันก็ยุ่งยากเหมือนกันนะคะ ต้องจ่ายแต้มผลงานเป็นระยะ ๆ อีก”
“คนคิดนี่คิดอะไรอยู่เนี่ย… ทำไมทำให้ยุ่งแล้วยังต้องเสียค่าผูกมัดอีก!”
“ตอนนี้ในเว็บมีแต่คนบ่นกันเต็มไปหมดเลยค่ะ แต่ทีมพัฒนาเกมกลับเงียบกริบ”
“นั่นสินะ…”
นกกาเหว่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะกล่าวเสริมเล็กน้อย
“แต่ไม่ว่าใครจะบ่นยังไง พวกเราก็ต้องใช้ระบบนี้อยู่ดี…”
ลูกเมี้ยวเค็มหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางยิ้มตาหยี
“หนูวางแผนไว้ค่ะ! จะบวกค่าผูกมัดไปในค่าเช่าอุปกรณ์ซะเลย!”
เธอนับนิ้วพลางทำหน้าตาคิดคำนวณ ก่อนจะพึมพำ
“เดือนนี้คงต้องรัดเข็มขัดแล้วค่ะ… ใช้เงินไปเยอะมากเลย…”
“จริงสิ! พี่กาเหว่า ตอนนี้เหมือนแมพมนุษย์จะเปิดแล้วนะคะ! ไปด้วยกันไหม?”
เธอพูดพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างและแววตาคาดหวัง
นกกาเหว่าชะงักเล็กน้อย เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งราวกับกำลังชั่งใจในบางสิ่ง
“พี่มีอะไรในใจเหรอคะ?”
ลูกเมี้ยวเค็มถามด้วยความสงสัย
นกกาเหว่ามองเธอ ก่อนจะตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบาง
“พี่เพิ่งอ่านตำราเอลฟ์มา แล้วเจอข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งเมืองหลวงค่ะ มันแปลก ๆ เลยอยากไปถามอลิซดู…”
“พี่อ่านตัวยึกยือพวกนั้นออกจริงดิ?! เอ๊ะ… เมืองหลวงของเอลฟ์เหรอคะ?! เอลฟ์มีเมืองหลวงด้วยเหรอ?! อยู่ที่ไหนคะ? ไปกันเลยดีไหม!?”
เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ตามตำราที่พี่อ่าน มันอาจจะเป็นซากปรักหักพัง แต่ปัญหาคือตำราแต่ละเล่มเขียนไว้ไม่ตรงกัน…”
“ต่างกันยังไงคะ?”
“เล่มหนึ่งระบุว่าอยู่ในเขตมนุษย์ค่ะ…”
ลูกเมี้ยวเค็มอ้าปากค้าง ก่อนจะยิ้มกว้าง
“ถ้ามันอยู่ในเขตมนุษย์ หนูไปด้วย! งานนี้ต้องสนุกแน่!”
เธอพูดพร้อมขยับเข้าใกล้ สีหน้าเด็กสาวเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
~~ ❀ ~~
…
“ตำแหน่งของเมืองหลวงของเอลฟ์หรือคะ?”
ในวิหารแห่งธรรมชาติ อลิซ นักบุญสาวผู้เปี่ยมด้วยความสง่างาม เงยหน้าขึ้นจากคัมภีร์ในมือ
เธอสวมชุดนักบวชฤดูหนาวที่ดูหนาและอบอุ่นกว่าเดิม ดวงตาคู่งามฉายแววประหลาดใจ
“ใช่แล้วค่ะ ท่านอลิซ”
นกกาเหว่าพยักหน้าเล็กน้อย
“ฉันพบข้อมูลเกี่ยวกับเมืองหลวงของเอลฟ์ในตำราสองเล่มค่ะ แต่ข้อมูลกลับขัดแย้งกันเอง… เล่มหนึ่งระบุว่าอยู่ในป่าเอลฟ์ ในขณะที่อีกเล่มระบุตำแหน่งไว้อย่างชัดเจนว่าเมืองหลวงนั้นอยู่นอกป่าเอลฟ์ค่ะ”
เธอหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงลังเล
“อีกอย่าง…ฉันจำได้ว่ามีหลายคนที่เคยถามเอลฟ์เกี่ยวกับตำแหน่งของซากปรักหักพัง อย่าง เคนอร์แลนด์ หรือ มิโลเวีย ซึ่งพวกเขาพอจะมีข้อมูลให้บ้าง แต่ไม่มีใครเคยพูดถึงเมืองหลวงของเอลฟ์เลยค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจอตำรา ฉันก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเอลฟ์เคยมีเมืองหลวงมาก่อน”
คำพูดของนกกาเหว่าสร้างความเงียบงันชั่วขณะ อลิซทอดสายตามองออกไปไกล ราวกับกำลังค้นหาเรื่องราวที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ในความทรงจำ
“เรื่องนี้… หากเธอไปถามเอลฟ์คนอื่น อาจไม่ได้คำตอบอะไร”
น้ำเสียงของอลิซแผ่วเบาแต่มั่นคง เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“แต่ข้าบังเอิญรู้ข้อมูลบางอย่าง…”
เธอหยุดเพื่อจัดเรียงคำพูด ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อาณาจักรเอลฟ์ล่มสลายไปนานกว่าพันปีแล้ว ช่วงเวลาที่แสนยาวนานนี้ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างหายสาบสูญไป”
อลิซเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“สำหรับเอลฟ์ แม้พันปีจะไม่ใช่เวลาสั้นนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เรื่องราวบางอย่างเลือนหายไป… โดยเฉพาะเมื่อเหล่าผู้อาวุโสเลือกที่จะเงียบเกี่ยวกับบางเรื่อง มันก็จะค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา”
คำพูดเหล่านั้นทำให้นกกาเหว่ารู้สึกใจสั่น เธอเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะถามขึ้นเบา ๆ“ท่านอลิซ… ท่านหมายความว่าเอลฟ์เองก็ไม่รู้เรื่องเมืองหลวงของพวกเขาแล้วเหรอคะ?”
อลิซถอนหายใจอีกครั้ง ดวงตาของเธอฉายแววซับซ้อน
“เอลฟ์หนุ่มสาวอาจไม่รู้ แต่เหล่าผู้อาวุโสยังคงรู้อยู่ เพียงแต่ว่า…”
เธอหยุดอีกครั้ง นักบุญสาวสูดหายใจเข้าลึก ก่อนตัดสินใจกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกมา
“พวกเรารู้ดี ว่าพวกท่านถามถึงซากปรักหักพังเพื่ออะไร และพวกเราก็รู้ว่าพวกท่านกล้าหาญและไม่เกรงกลัวสิ่งใด… แต่ตำแหน่งของเมืองหลวงของเอลฟ์นั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหว”
เธอจ้องมองนกกาเหว่า ราวกับต้องการย้ำถึงความสำคัญของสิ่งที่กำลังจะพูด
“บางเรื่องยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้ แม้ว่าพระมารดาจะฟื้นคืนชีพแล้ว แต่เรื่องเกี่ยวกับสถานะของพระองค์ยังคงอ่อนไหว หากบอกตำแหน่งของเมืองหลวงให้พวกท่านไป อาจนำไปสู่การเปิดเผยความลับของพระมารดาโดยไม่ตั้งใจ…”
น้ำเสียงของอลิซอ่อนลงเล็กน้อย แต่ดวงตาแฝงความกังวล
“และ…”
เธอหยุดชั่วครู่ สีหน้าของเธอหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“เกี่ยวกับเมืองหลวงของเอลฟ์ มันคือประวัติศาสตร์ที่แสนอัปยศ… เป็นบาดแผลในใจของเอลฟ์ทุกคน เหล่าผู้อาวุโสจึงเลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีก”
คำพูดของอลิซทำให้บรรยากาศในห้องเงียบงันราวกับเวลาหยุดนิ่ง จนกระทั่งลูกเมี้ยวเค็มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจัง
“นั่นไม่ถูกต้องเลยค่ะ!”
เธอพูดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ประวัติศาสตร์ไม่ควรถูกลืม การลืมมันคือการหลีกหนีจากอดีต!”
เธอกล่าวพลางยืนตัวตรง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความเชื่อมั่น
“การเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ที่เลวร้ายต่างหาก ที่จะทำให้เราเรียนรู้บทเรียน และหลีกเลี่ยงไม่ให้มันเกิดซ้ำอีก!”
“เป้าหมายของเอลฟ์ไม่ใช่การฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ขึ้นมาใหม่เหรอคะ? ไม่ใช่การเอาชนะศัตรูในอดีตทั้งหมดเหรอ?”
เธอพูดพร้อมกับหันไปมองอลิซโดยตรง
“ถ้าเป็นอย่างนั้น เรื่องราวที่น่าเศร้าในอดีตนั่นล่ะค่ะ สิ่งที่พวกเราควรนำมาเรียนรู้และปรับใช้!”
เธอหยุดหายใจสั้น ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง
“ส่วนความลับของพระมารดา… พวกเราเป็นผู้ถูกเลือกของพระมารดานะคะ แน่นอนว่าเราจะช่วยปกป้องความลับของท่านอย่างดีที่สุด!”
เสียงของเธอหนักแน่นจนทำให้อลิซนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็ส่ายหัวเบา ๆ
“แต่… แม้พวกท่านจะเป็นผู้ถูกเลือกของพระมารดา ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ถูกเลือกทั้งหมดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
คำตอบของอลิซทำให้ลูกเมี้ยวเค็มและนกกาเหว่าสะอึก
ทั้งสองเงียบไป ราวกับคำพูดนั้นเปิดเผยความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ถ้าต้องไปยังสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยจริง ๆ …พวกท่านจะช่วยรักษาความลับของพระมารดาได้จริงหรือเปล่า?”
ทั้งสองสบตากันเงียบ ๆ และความคิดของพวกเธอก็ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในอดีต
เหตุการณ์ที่ผู้เล่นพยายามเสี่ยงเปิดเผยความลับของเทพธิดาต่อชนพื้นเมืองในโลกใต้พิภพ
แม้ NPC จะไม่ตอบสนองต่อความพยายามนั้น แต่พวกเธอไม่รู้เลยว่า ที่แท้เป็นเพราะอีฟใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปิดกั้นการแปลภาษาและยึดการควบคุมร่างกายผู้เล่นคนนั้น
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ ผู้เล่นไม่มีทางล่วงรู้
หลังจากได้ฟังคำถามย้อนกลับของอลิซ ทั้งสองจึงไม่รู้จะตอบอย่างไร
อลิซถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“แต่… สิ่งที่ท่านพูดมาก็ถูกต้องนะ”
เธอกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหนักแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
“ประวัติศาสตร์ที่น่าอัปยศ… ไม่ควรถูกลืม เพราะมันคือบทเรียนสำคัญที่เราต้องจดจำ”
เธอหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
“ที่จริงแล้ว ข้าเพิ่งเข้าใจเรื่องนี้ไม่นาน การล่มสลายของเอลฟ์จนถึงวันนี้ เกิดจากการหลีกหนีความจริง และดื้อรั้นที่จะอดทนโดยไม่เผชิญหน้ากับปัญหา”
เธอหยุดชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองนกกาเหว่าและลูกเมี้ยวเค็มด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง
“ถ้าไม่ใช่เพราะพระมารดาฟื้นคืนชีพ… และถ้าไม่ใช่เพราะพวกท่าน เผ่าเอลฟ์อาจถึงคราวดับสูญไปแล้ว”
อลิซโน้มตัวเล็กน้อย ก้มศีรษะให้ทั้งสอง ราวกับแสดงความขอบคุณจากใจจริง
“ขอบคุณพวกท่าน… ท่านผู้ถูกเลือกที่กล้าหาญ… ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่พวกท่านทำเพื่อพวกเรา”
ลูกเมี้ยวเค็มและนกกาเหว่ารู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย รีบประคองอลิซขึ้นพร้อมพูดอย่างนอบน้อม
“มันเป็นสิ่งที่พวกหนูควรทำอยู่แล้วค่ะ”
ทว่า นักบุญแห่งธรรมชาติกลับชะงักไปครู่หนึ่ง…
“…”
“…ค่ะ”
อลิซพลันเผยรอยยิ้มบาง ๆ ราวกับเพิ่งรับรู้บางสิ่งที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ
“พระมารดาได้มอบวิวรณ์แก่ข้าแล้ว…”
เธอหยุดเพื่อเน้นย้ำ ก่อนกล่าวต่อ
“พระองค์อนุญาตให้พวกท่านเริ่มสำรวจพื้นที่นอกป่าเอลฟ์ได้ และเรื่องของเมืองหลวง… ก็สามารถเปิดเผยให้พวกท่านได้รู้แล้ว”
คำพูดนั้นทำให้ลูกเมี้ยวเค็มและนกกาเหว่าหันมาสบตากันด้วยความตื่นเต้น
แต่ในใจของนกกาเหว่า ความสงสัยกลับก่อตัวขึ้น
“หรือว่า… เมืองหลวงของเอลฟ์จะอยู่นอกป่าเอลฟ์จริง ๆ? ประมาณว่าในดินแดนของมนุษย์..?”
อลิซไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรง ๆ
เธอเพียงเดินไปที่หน้าต่างของวิหาร มองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก หิมะโปรยปรายลงมาปกคลุมทุกอย่างจนขาวโพลน ท้องฟ้าดูเงียบสงบ แต่กลับแฝงด้วยความหม่นหมอง
เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
“พวกท่านอาจไม่รู้… แต่เมื่อพันปีก่อน… ป่าเอลฟ์ไม่ได้มีอาณาเขตเพียงแค่นี้…”
เธอเว้นจังหวะ ก่อนจะหันกลับมามองพวกเขาด้วยดวงตาเศร้าสร้อย
“มันเคยกว้างใหญ่กว่าที่พวกท่านเห็นมาก… เมืองหลวงของเอลฟ์ ตั้งอยู่ในป่าเอลฟ์ก็จริง… แต่…”
น้ำเสียงของเธอขาดห้วงไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวคำสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
“นั่นคือพื้นที่ของ ‘ป่าเอลฟ์’ ในอดีต…”
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
โนเอล: วันนี้รุ่นพี่เดินไปเดินมาจนหมดแรง แถมโดนมอมจนจะสลบแล้ว 😴 โนเอลเลยต้องมาพิมพ์แทน ✍️✨ เอาจริง ๆ ต้องกรองคำแปลก ๆ ทิ้งด้วยนะคะ ไม่งั้นผู้อ่านคงงงกันแน่! 😂✍️
ลิลี่: โอ้โห! สภาพอย่างนี้ต้องงานเลี้ยงแน่ ๆ 🤣 พี่จ๋าเนี่ย ถ้าไม่มีคนพากลับบ้านนะ หนูว่าคงถอดถุงเท้าอยู่ริมสระน้ำ เอาขาจุ่มจนสร่างแน่! 🤣🌊
วิเวียน: 😤 วันเสาร์ทั้งทีแทนที่จะได้เขียนหลาย ๆ ตอน กลับได้แค่ตอนเดียว!! ไว้พรุ่งนี้จะเอาคืนให้หนัก จะแปลทีเดียวให้ได้สามตอนเลยคอยดู! 🔥
ถั่ว: พรุ่งนี้มีสอนพิเศษ 9:00-11:00 แต่จะแปลให้ได้ จะทำงานบ้านด้วย..!
ไอริส: พักก่อน. เตรียมการสอน. ตรวจสอบเนื้อหา.
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION