อาคารใหญ่กลางเมืองเชียร์นาคาม เบอร์ลิน ผู้อาวุโสผู้มีชื่อเสียงของเมืองกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ก้มหน้าจัดการกับงานประจำวันของเขาด้วยสีหน้าจริงจัง
เสียงเอะอะจากด้านนอกดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารพร้อมกับขมวดคิ้ว
ท่ามกลางเสียงโวยวายและเสียงกรีดร้องที่ดังแว่วมา เจเลโซ คนสนิทของเบอร์ลินก็วิ่งเข้ามาในห้องอย่างลนลาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านเบอร์ลิน! ท่านเบอร์ลิน! มีทหารบุกมาที่ศาลากลาง พวกเขาจับตัวผู้อาวุโสซิลินและโลโทไปแล้ว! พวกเขาบอกว่าทั้งสองเป็นสาวกแห่งความมืด ท่านรีบไปดูเถอะ!”
ดวงตาของเบอร์ลินหรี่ลงเล็กน้อย ความคิดในหัวของเขาวุ่นวาย ปากกาขนนกในมือถูกบีบจนหักออกเป็นสองท่อนโดยไม่รู้ตัว
“พวกมันมากันกี่คน? ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว?”
เขาพยายามระงับความกลัวในใจ และถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนสงบนิ่ง
“น่าจะกำลังมาทางนี้แล้ว ท่านรีบไปเจรจาเถอะ! พวกเราจงรักภักดีต่อเทพธิดาแห่งความตาย จะมีสาวกแห่งความมืดได้อย่างไรกัน? ท่าน…”
คำพูดของเจเลโซหยุดชะงักกลางคัน
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ท่าทางของเบอร์ลิน
ท่านผู้อาวุโสผู้ปกติสุขุมและมั่นคง ตอนนี้กลับรีบร้อนเปิดหน้าต่าง และเตรียมตัวจะหนีออกไป!
“ท่านผู้อาวุโส?”
เจเลโซอุทานออกมาอย่างงุนงง
ในขณะนั้นเอง เหล่าทหารคนแคระติดอาวุธจำนวนหนึ่งกรูกันเข้ามาในห้อง
“ตามคำสั่งของหัวหน้านักบวช จับกุมสาวกแห่งความมืด! เบอร์ลิน พวกเจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ยอมจำนนเสียเถอะ!”
คำประกาศของทหารทำให้สีหน้าของเบอร์ลินซีดเผือด
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมความลับถึงถูกเปิดเผยได้?
ความหวาดกลัวแสดงออกอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา
เจเลโซที่ยืนอยู่ไม่ห่างถึงกับชะงักงัน
ท่านผู้อาวุโสเป็นสาวกแห่งความมืด?
เบอร์ลินรีบเร่งฝีเท้าเพื่อหลบหนี เขากระโดดออกจากหน้าต่างทันทีโดยไม่ลังเล แต่ก่อนที่เขาจะหนีไปได้ไกล กลุ่มทหารคนแคระอีกชุดที่รออยู่ด้านล่างก็กระโจนเข้าล้อมจับเขาไว้
ไม่นานนัก เบอร์ลินก็ถูกมัดแน่นหนาและควบคุมตัวไป
เหตุการณ์ลักษณะนี้เริ่มเกิดขึ้นทั่วทุกมุมเมืองเชียร์นาคาม
เหล่าทหารคนแคระดูเหมือนจะมีดวงตาที่มองเห็นทุกอย่าง พวกเขาสามารถระบุตัวสาวกแห่งความมืดได้อย่างแม่นยำ และจับกุมสาวกจำนวนมากได้โดยไม่พลาด…
~~ ❀ ~~
ที่เหมืองบนภูเขาด้านหลังเมืองเชียร์นาคาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
บุตรแห่งเทพ ฮาร์ธสโตน กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น เขาถูกสาวกแห่งความมืดพาตัวหลบหนีไปตามเส้นทางลับในเหมือง
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความไม่เชื่อ
ทำไมถึงถูกเปิดเผยได้?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แผนนั้นไม่น่ามีช่องโหว่
ความคิดของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แผนการที่ควรจะสมบูรณ์แบบกลับพังทลายลงในพริบตา
หากเอลฟ์ก่อความวุ่นวาย สาวกแห่งความมืดจะลอบเข้าไปในวิหารเทพธิดาแห่งความตายเพื่อทำลายรูปปั้นของเทพธิดา
และเมื่อพลังคุ้มครองของวิหารอ่อนแอลง พวกเขาจะเปิดการโจมตีทั้งจากภายนอกและภายใน พร้อมกับอัญเชิญกองทัพอสูรเงาเพื่อกำจัดสาวกแห่งความตายในเมืองให้สิ้นซาก
หากเอลฟ์ไม่ก่อความวุ่นวาย ฮาร์ธสโตนก็จะซ่อนตัวต่อไป รอคอยโอกาสที่ศาสนจักรแห่งเทพธิดาแห่งความตายและทหารรับจ้างเอลฟ์เผลอประมาท จากนั้นค่อยสร้างความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย
แต่ทุกอย่างกลับพลิกผันอย่างกะทันหัน
สาวกแห่งความมืดในเมืองถูกเปิดโปงในเวลาเดียวกัน และแผนทั้งหมดพังครืนลง
ฮาร์ธสโตนที่ถูกพาตัวหลบหนีมองไปยังเส้นทางด้านหน้า ใบหน้าของเขาซีดเผือด
“จบแล้ว… หากครั้งนี้เราสูญเสียฐานที่มั่นในเมืองเชียร์นาคาม เราก็จะไม่มีทางทำลายรูปปั้นเทพได้…”
เขาพึมพำออกมา เสียงของเขาแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง
ตราบใดที่รูปปั้นเทพธิดาแห่งความตายในวิหารยังคงอยู่ เมืองเชียร์นาคามก็จะยังคงเป็นป้อมปราการที่มั่นคง และไม่มีทางที่สาวกแห่งความมืดจะโค่นล้มอำนาจของเทพธิดาได้
แม้ว่าเขาจะเตรียมกองทัพอสูรเงาไว้เป็นไพ่ตาย แต่ดูเหมือนมันจะไม่สามารถใช้ได้ผลตามที่หวัง
สำหรับอสูรเงาแล้ว พลังศรัทธาของเทพคือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ และสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงต่อพวกมัน
ฮาร์ธสโตนรู้ดีว่า หากภารกิจครั้งนี้ล้มเหลว เขาจะต้องเผชิญกับความโกรธแค้นของเทพ
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการทนทุกข์ทรมานที่ไม่มีวันจบสิ้นหลังความตาย
แม้เมืองเชียร์นาคามจะไม่ใช่เมืองขนาดใหญ่ แต่ที่นี่เคยเป็นหนึ่งในแหล่งศรัทธาสำคัญของเทพแห่งความมืดและเงา โฮลเดอร์
การที่ศาสนจักรแห่งเทพธิดาแห่งความตายสามารถขับไล่ศรัทธาของโฮลเดอร์ออกไปได้ ทำให้เทพองค์นี้ทั้งโกรธแค้นและอับอาย
การยึดเมืองเชียร์นาคามกลับคืนครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการที่โฮลเดอร์มอบหมายให้สาวกของเขาด้วยตัวเอง
ในฐานะผู้นำสาวกแห่งความมืด ฮาร์ธสโตนรู้ดีว่า หากล้มเหลว จุดจบของเขาจะต้องน่าสยดสยอง
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
ฮาร์ธสโตน ผู้หลบหนีอย่างอลหม่านกับเหล่าผู้ภักดี ผ่านเส้นทางลับจนออกมานอกเมืองได้สำเร็จ แต่เมื่อมาถึงปลายทาง เขากลับต้องหยุดชะงัก
ตรงนั้น มีผู้คนรอเขาอยู่
“ฮาร์ธสโตน เจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”
เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้น
เบื้องหน้าเขาคือ หัวหน้านักบวชของวิหารเทพธิดาแห่งความตาย พร้อมเหล่าทหารคนแคระแห่งความมืดที่ปิดล้อมทางออกเอาไว้
แม้ว่าการประทับจิตของเฮลาจะสิ้นสุดลงแล้ว และจิตสำนึกของเฮลากลับคืนสู่ปรโลก แต่กลิ่นอายของพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายยังคงหลงเหลืออยู่ในตัวหัวหน้านักบวช
ฮาร์ธสโตนกัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเดือดดาล
“พวกเจ้า… รู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่นี่”
หัวหน้านักบวชมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ
“ภายใต้สายตาของเทพ พวกเจ้าทุกคนไม่สามารถหลบซ่อนได้”
คำพูดนั้นทำให้ฮาร์ธสโตนตัวชาวาบ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
‘เทพ…?’
เมื่อเขาสังเกตเห็นกลิ่นอายแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงหลงเหลือในตัวหัวหน้านักบวช เขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที
“อย่างนี้นี่เอง! พวกเจ้าใช้พลังของรูปปั้นเทพธิดาเรียกพระองค์มาจริง ๆ!”
หัวหน้านักบวชไม่ได้ปฏิเสธหรือยืนยัน แต่กล่าวอย่างเรียบ ๆ
“ยอมจำนนเสียเถอะ ฮาร์ธสโตน สาวกแห่งความมืดในเมืองของพวกเจ้าถูกเราจับกุมตัวทั้งหมดแล้ว”
ฮาร์ธสโตนหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน สีหน้าของเขากลับสงบลง
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าฉลาดหรือโง่กันแน่ ที่ยอมใช้พลังของวิหารเพียงเพื่อจับกุมพวกเรา แต่… การกวาดล้างศรัทธาในระดับนี้ พลังสะสมในวิหารเทพธิดาแห่งความตายยังเหลืออยู่มากแค่ไหนกัน?”
หัวหน้านักบวชตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ว่าเหลือเท่าใด พวกเจ้าก็ล้มเหลวแล้ว”
ฮาร์ธสโตนหัวเราะในลำคอ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นแววแห่งความบ้าคลั่ง
“ใครกันแน่ที่ชนะ… ยังไม่แน่นัก!”
ทันทีที่เขาพูดจบ พลังงานสีดำลึกล้ำเริ่มรวมตัวขึ้นที่ตัวของเขา
หัวหน้านักบวชเบิกตากว้าง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“แย่แล้ว! หลบเร็วเข้า!”
เหล่าทหารคนแคระรีบถอยออกไปตามคำสั่ง
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของทุกคน ฮาร์ธสโตน จุดพลังศรัทธาของตัวเองเผาไหม้ร่างจนกลายเป็นเปลวไฟสีดำ พลังงานลึกล้ำพลันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หัวหน้านักบวชมองภาพนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ยังคงสงบนิ่ง
“นั่นคือ…!”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความกังวล
“สัญญาณฉุกเฉิน!”
~~ ❀ ~~
ในป่าลึกใต้พิภพใกล้เมืองเชียร์นาคาม
กลุ่มคนแคระแห่งความมืดประมาณสิบคนยืนล้อมกันอยู่ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเทาเข้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปยังทิศทางของเมืองเชียร์นาคาม ราวกับรอคอยบางสิ่ง
“นั่น… สัญญาณจากท่านฮาร์ธสโตน ดูเหมือนจะเกิดเรื่องในเมือง ท่านสั่งให้เราอัญเชิญกองทัพอสูรเงาทันที”
เสียงต่ำและแหบพร่าของหนึ่งในพวกเขาดังขึ้น ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ เหล่าคนแคระแห่งความมืดหันมาสบตากัน ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
หนึ่งในพวกเขาก้าวไปข้างหน้า กวาดใบไม้ที่ปกคลุมพื้นดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อใบไม้ถูกเปิดออก วงเวทอันใหญ่โตที่สลักไว้บนพื้นดินก็ปรากฏให้เห็น มันเต็มไปด้วยอักขระลึกลับและการออกแบบที่ประณีต
พวกเขาคุกเข่าลงรอบ ๆ วงเวทนั้น เริ่มต้นการภาวนา
เสียงภาวนาดังขึ้นพร้อมจังหวะที่มีขึ้นมีลง ราวกับเสียงของปีศาจกำลังสะท้อนอยู่ในห้วงลึก เสียงเหล่านี้แฝงความสยดสยองที่ชวนให้รู้สึกเย็นสันหลัง
เมื่อการร่ายมนตร์ดำเนินไป วงเวทเริ่มเปล่งแสงสีสลัว พลังอันลึกล้ำเริ่มก่อตัวขึ้น บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยความปั่นป่วนและความเย็นยะเยือกที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
ใจกลางวงเวทพลันสว่างวาบ
พื้นดินใต้พวกเขาเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง พลังงานสีเทาเข้มพลุ่งพล่านขึ้นสู่ท้องฟ้า คลื่นพลังนั้นทรงอำนาจจนทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเหมือนกำลังจะถูกฉีกขาด
~~ ❀ ~~
ภายในเมืองเชียร์นาคาม
ผู้เล่นที่กำลังสนุกสนานกับการเฝ้าดูเหตุการณ์วุ่นวายภายในของคนแคระแห่งความมืด ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน
“เฮ้ย นั่นอะไรน่ะ?”
เสียงตะโกนของผู้เล่นคนหนึ่งดังขึ้น ทุกสายตาหันไปตามทิศที่เขาชี้
บนท้องฟ้าเหนือเมือง เชื่อมต่อกับพื้นที่ป่ารอบนอก ผู้เล่นเห็นเสาสีเทาเข้มพุ่งขึ้นฟ้าจากสี่ทิศทาง ราวกับเป็นลางบอกเหตุถึงบางสิ่งที่เลวร้าย
บรรยากาศรอบเสาสีเทาเข้มนั้นเย็นยะเยือกและแฝงความปั่นป่วน
ไม่นานนัก เสาทั้งสี่พุ่งถึงจุดสูงสุด ก่อนจะแตกกระจายออกราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ
พลังงานสีเทาเข้มที่แตกออกกระจายไปทั่วเหมือนสายฝน บางส่วนตกลงมายังเมืองเชียร์นาคามโดยตรง
พลังงานที่แตะพื้นเริ่มกระเพื่อม ราวกับสิ่งมีชีวิตกำลังฟักตัว
จากนั้นพลังงานเหล่านั้นเริ่มกลายร่าง เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์กึ่งโปร่งใส สีเทาเข้ม ถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำหนาแน่น
ผู้เล่นที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ถึงกับตะลึงงัน
~~ ❀ ~~
บนกำแพงเมืองเชียร์นาคาม
ทหารคนแคระที่เฝ้ากำแพงมองไปยังกองทัพอสูรเงาที่ปรากฏขึ้นหนาแน่นใต้กำแพง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“อสูรเงา! กองทัพอสูรเงาโผล่มาแล้ว!”
เสียงสั่งการดังขึ้นทันที
“แย่แล้ว! รีบเป่าแตรสัญญาณเตือนภัย ปิดประตูเมือง แจ้งวิหารให้เปิดใช้เวทป้องกันทันที!”
เสียงแตรเตือนภัยดังก้องทั่วกำแพงเมือง เหล่าทหารบนกำแพงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เตรียมรับมือกับศัตรูที่กำลังไหลบ่าเข้ามา
ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมข่าวที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น
“ท่านผู้บังคับการ! แย่แล้ว! พลังงานที่สะสมในวิหารเทพธิดาแห่งความตายหมดลงแล้ว!”
“อะไรนะ?!”
ผู้บังคับการป้องกันเมืองถึงกับตะลึงงัน แต่ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ทหารอีกคนรายงานต่อ
“แต่หัวหน้านักบวชบอกว่า เหล่าเอลฟ์จะช่วยเราปกป้องเมือง!”
คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น สีหน้าของผู้บังคับการเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เอลฟ์? พวกนั้นน่ะหรือ? พวกเขาจะช่วยอะไรได้?”
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความโกรธและการดูแคลน
~~ ❀ ~~
ในเมืองเชียร์นาคาม
ความโกลาหลปกคลุมไปทั่วเมืองจากการปรากฏตัวของอสูรเงาเพียงไม่กี่ตัว แต่ละตัวกลับแผ่พลังอันน่าหวาดกลัวออกมา
อสูรเงาแข็งแกร่งเกินกว่าที่การโจมตีธรรมดาจะทำอันตรายได้ แม้เหล่าทหารคนแคระจะพยายามโจมตีพวกมัน แต่กลับพบว่าพลังของตนแทบไม่ส่งผลใด ๆ
พวกมันเริ่มออกไล่ล่าทุกสิ่งที่มีชีวิตในเส้นทาง
เสียงคำรามอันเย็นยะเยือกดังก้อง พวกมันกางกรงเล็บสีดำที่ล้อมรอบด้วยหมอกแห่งความตายออกอย่างดุร้าย
พวกมันวิ่งไล่ล่าบนพื้น ปีนป่ายไปตามหลังคา และใช้กรงเล็บฉีกทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าเป็นชิ้น ๆ
เหล่าทหารคนแคระต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อสู้กับอสูรอย่างยากลำบาก
เสียงร้องโหยหวนและเสียงกรีดร้องดังสะท้อนทั่วเมือง ผสมผสานกับเสียงคำรามของอสูร การปะทะของอาวุธ และเสียงร่ายเวทมนตร์ที่ดังกึกก้อง
ผู้เล่นที่ยืนมองฉากที่น่าสะพรึงนี้ต่างตะลึงงัน
“เวรเอ๊ย! เอฟเฟกต์สมจริงขนาดนี้เลยเหรอ?!”
แม้ว่าพวกเขาจะเคยผ่านสงครามใหญ่อย่างการต่อสู้กับพวกออร์คมาแล้ว แต่ภาพของอสูรที่ดุร้ายและน่ากลัวเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาไม่อาจนิ่งเฉย
“มัวแต่ยืนดูอยู่ทำไม! รีบไปเอาอาวุธมา! สงครามเริ่มแล้วโว้ย!”
เดมาเซียตะโกนออกมา พร้อมสบถด้วยความโมโห ก่อนจะวิ่งตรงไปทางประตูเมือง
คำพูดของเขาปลุกสติของผู้เล่นคนอื่น ๆ
พวกเขาพยายามระงับความกลัวที่มีต่ออสูรเงา ก่อนจะรีบวิ่งตามเดมาเซียไป…
~~ ❀ ~~
บนกำแพงเมืองเชียร์นาคาม
ผู้บังคับการป้องกันเมืองของคนแคระแห่งความมืดตะโกนสั่งการเหล่าทหาร เขาตวัดดาบในมือ ตัดหัวของอสูรเงาที่พยายามปีนขึ้นมากำแพง
แต่เมื่อหันไปมองกองทัพอสูรเงาที่แผ่ขยายหนาแน่นไปทั่วทุ่งด้านล่าง สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวล
“จำนวนของพวกมันน่าจะหลายพัน… หรืออาจเกินหมื่น!”
เสียงของเขาแฝงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน ในสถานการณ์ที่ไร้เวทป้องกันจากวิหารเทพธิดาแห่งความตาย เมืองเชียร์นาคามจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร?!
ในขณะนั้น เสียงตะโกนของทหารคนหนึ่งดังขึ้น
“ท่านผู้บังคับการ ระวัง!”
หัวใจของผู้บังคับการป้องกันเมืองพลันเต้นรัว ความรู้สึกถึงอันตรายแผ่ซ่านขึ้นในทันที
เขาหันตัวพร้อมฟันดาบ แต่ไม่ทันจะตั้งหลัก อสูรเงาตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่อย่างจัง
ร่างของเขาถูกผลักล้มลง อาวุธหลุดออกจากมือ อสูรเงานั้นเงื้อกรงเล็บสีดำที่ล้อมรอบด้วยหมอกสีดำ เพื่อจู่โจมเขาด้วยความรุนแรง
ในวินาทีที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย ลูกไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้ามาจากมุมอับ กระแทกเข้ากับอสูรเงาตรงหน้า
เปลวเพลิงปริศนาระเบิดออก
เสียงกรีดร้องของอสูรเงาดังขึ้น หมอกสีดำรอบตัวมันสลายไปบางส่วน เผยให้เห็นร่างโปร่งใสสีเทาเข้มที่ดูอ่อนแอลง
ผู้บังคับการฉวยโอกาสนี้หลุดจากกรงเล็บของมัน รีบหยิบอาวุธและวิ่งหนีออกไป
ขณะที่เขาหอบหายใจหนัก พลางมองหาที่มาของลูกไฟ เขาก็เห็นเอลฟ์สาวคนหนึ่งยืนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร…
เอลฟ์สาวมีผมสีชมพูสดใสในชุดคลุมจอมเวทอันหรูหรา เธอถือคทาเวทมนตร์ที่งดงามราวกับถูกเทพสรรสวรรค์สร้าง และเอลฟ์หัวชมพูดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก
เธอมองคทาในมือพลางพึมพำอย่างยินดี
“โดนแล้ว..! หนูยิงโดนแล้ว!”
ผู้บังคับการ: “…”
ด้านหลังของเธอ เหล่าเอลฟ์อีกหลายคนที่ติดอาวุธครบมือกำลังวิ่งขึ้นกำแพงเมือง
สีหน้าของพวกเขาดูแปลกประหลาด ทั้งตื่นเต้น ประหม่า และฮึกเหิมในเวลาเดียวกัน
พวกเขาประกอบด้วยนักรบ นักเวทย์ และนักล่าหลากหลายอาชีพ ทุกคนล้วนแสดงออกถึงความมุ่งมั่น
พวกเขาเริ่มยกอาวุธขึ้น ส่งเสียงร้องดังลั่นขณะขึ้นกำแพงเมือง
“ช่วยเหลือคนแคระ!”
“เร็วเข้า! กระจายกำลังป้องกัน ห้ามปล่อยให้พวกมันเข้าไปได้!”
“จัดการพวกมันให้หมด!”
“อูลาาาาาา—!”
เมื่อเห็นเอลฟ์ที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นและฮึกเหิม ยิ่งกว่าทหารคนแคระเองเสียอีก ผู้บังคับการป้องกันเมืองถึงกับยืนนิ่งพูดไม่ออก
…
…
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
วิเวียน: ดูเหมือนว่าผู้บังคับการคนแคระจะต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องเอลฟ์เสียใหม่แล้วนะคะ แหม~ พวกเขามาด้วยอาวุธครบมือและจิตวิญญาณพร้อมรบ แต่คงลืมไปใช่ไหมว่ามีใครบางคนที่ยังยิงลูกไฟไม่แม่นเท่าไหร่? 😏
โนเอล: จริงค่ะ เมี้ยวหัวชมพูดีใจเหมือนถูกลอตเตอรี่หลังยิงโดนเป้าหมายนั่น…น่ารักน่าชัง แต่ฉันว่าพวกคนแคระคงไม่เห็นด้วยนะคะ ดูท่าแล้วพวกเขาคงเครียดจนแทบอยากเรียกท่านซีโร่มาควบคุมสถานการณ์เลยทีเดียว
ลิลี่: หึ! เอลฟ์กลุ่มนี้ก็ใจกล้าเกินไปนะคะ ปกติน่ะ คนเขาจะกลัวอสูรเงาจนหัวหดกันทั้งนั้น แต่พวกนี้…โอ๊ย ตะโกน “อูลาาาา!” เข้าไป ยังกะเป็นสงครามในหนังยุคโบราณเลย! 😂
~~ ❀ ~~
ถ้าเจองานแปลของเค้าที่อื่น… สัญญานะว่าจะมาอ่านแปลไทยที่ https://www.nekopost.net/novel/12413 ♥
ส่วนใหญ่เค้าชอบทำเวอร์ชันแก้ไขคำผิดทีหลัง และปรับสำนวนแทบทุกตอนหลังอัพโหลด ดังนั้นต้องที่เนโกะฯเท่านั้น..!
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ Support the project https://book.qidian.com/info/1016509432
~~ ~~ ❀ ~~ ~~
MANGA DISCUSSION