ตอนที่ 3 สร้างยานขึ้นใหม่
ยานรบของจักรวรรดินั้นโดยทั่วไปแล้วจะมีรูปร่างคล้ายกับทรงกระบอก ยานนั้นถูกสร้างขึ้นโดนการรวมบล็อกต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
เหตุผลหลักคือเพื่อความสะดวกในการบำรุงรักษา ในสมัยก่อน ยานนั้นถูกสร้างแบบมีโครงสร้างชิ้นเดียวโดยยึดหลักจากการทำงานแบบเป็นทีมเดียว แต่พิสูจน์แล้วว่าการบำรุงรักษามีความท้าทายอย่างมาก อาจเป็นเพราะในตอนนั้นยังไม่มีสงครามเกิดขึ้น
ด้วยการก่อสร้างแบบแยกเป็นส่วน ๆ แม้ว่ายานจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในบางจุด แต่ก็สามารถซ่อมแซมได้ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว หากมีชิ้นส่วนอะไหล่สำรองเพียงพอ
แม้ว่าโดยรวมของยานอาจประสบปัญหาด้านโครงสร้างเมื่อใช้วิธีการก่อสร้างแบบแยกส่วน แต่ข้อเสียนี้สามารถชดเชยได้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในปัจจุบัน
ตามรายงานล่าสุดจากโหนด ดูเหมือนความเสียหายที่ได้รับจากส่วนควบคุมแรงโน้มถ่วงจะต่ำกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก ในที่สุด ก็มีข่าวดีบ้าง
งั้นต่อไป เนื่องจากกัปตันสามารถลี้ภัยได้สำเร็จ เรามาเริ่มซ่อมยานกันเถอะ
อันดับแรกให้ตัดส่วนเครื่องยนต์ออก เนื่องจากไม่มีโอกาสที่จะซ่อมได้ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว
หลังจากทำเช่นนี้แล้ว ยานก็หายไปหนึ่งในสี่ส่วน
อันที่จริง การทิ้งวัสดุแปลกปลอมลงบนดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตมีสติปัญญาถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ทางทหารอย่างร้ายแรง แต่เนื่องจากเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นสูงสุด การดำเนินการนี้จึงไม่มีปัญหา
จุดตกที่คาดการณ์ไว้ของเศษซากนั้นอยู่ห่างจากพิกัดการลงจอดของกัปตันโดยประมาณ 2,000 กิโลเมตร ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่นั่นเช่นกัน
ฉันจะใช้ลำแสงลากจูงแรงโน้มถ่วงเพื่อทิ้งซากปรักหักพัง ถ้ามันตกลงมาบนดาวเคราะห์ที่มีขนาดเท่าปัจจุบัน มันอาจทำให้ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกทำลายได้ ฉันทำให้มันแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลังจากที่มันอยู่ห่างจากยานมากพอ
อาจกล่าวได้ว่าข้อได้เปรียบที่ชัดเจนเพียงอย่างเดียวที่มนุษยชาติมีเหนือ บั๊ก คือเทคโนโลยี ดังนั้นทุกส่วนของยานจึงติดตั้งกลไกทำลายตัวเองเพื่อป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีที่สำคัญ
แน่นอนว่ากลไกเหล่านี้ได้รับการออกแบบโดยกองกำลังจักรวรรดิ เพื่อเปิดใช้งานโดยไม่ล้มเหลวไม่ว่าจะได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด
ต่อไป ฉันเปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นที่ใช้สำหรับควบคุมทิศทาง ทำให้ทั้งตัวของยานหมุน ฉันวางแผนที่จะใช้แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางเพื่อทำให้ส่วนที่เสียหายตกลงบนพิกัดที่ต้องการ ยิ่งหมุนเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
หลังจากที่เครื่องย่นไอพ่นสามารถให้โมเมนตัมการหมุนได้เพียงพอ แต่ละส่วนที่ได้รับความเสียหายเกินกว่าจะซ่อมได้ ก็หลุดออกจากส่วนที่เหลือของยานทีละจุด ฉันกะระยะเวลาและดำเนินการทิ้งส่วนโคลด์สลีปแรกและส่วนที่สองออกด้วย
ส่วนที่แยกจากกันก็ถูกทิ้งไปทางดาวเคราะห์โดยใช้ลำแสงลากจูงแรงโน้มถ่วง ทำให้สามารถนำทางวิถีที่จะตกได้ทีละเล็ก ทีละน้อย ส่วนเหล่านี้จะถูกสั่งให้ทำลายตัวเองหลังจากผ่านไประยะที่ปลอดภัย
การกระทำก่อนหน้านี้ได้เพิ่มโอกาสสำเร็จในการซ่อมแซมและสร้างยานขึ้นเป็น 68%
โรงเก็บยานบินจำเป็นต้องถูกกำจัดเช่นกัน แต่มวลที่มีทั้งหมดมันมากเกินไป
การโดนโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้ยานลาดตระเวณความเร็วสูงสองลำและยานลงจอดภาคพื้นขนาดใหญ่สี่ลำที่ประจำการอยู่ในนั้นถูกทำลาย
ฉันสั่งให้ปล่อยยานทั้งหมดที่สามารถลงสู่ดาวเคราะห์ได้ ฉันมั่นใจว่ามันจะมีประโยชน์กับกัปตันแน่
หลังจากนั้นในที่สุดก็สามารถกำจัดส่วนโรงเก็บยานได้ ฉันทิ้งมันโดยใช้ลำแสงลากจูงเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อกัปตันอ่านคำสั่งที่เตรียมไว้ เขาได้เปลี่ยนถ้อยคำเล็กน้อยจาก ‘รักษากำลังรบของยานลำนี้’ เป็น ‘รักษากำลังรบของยานลำนี้และเกียรติยศของกองทัพอวกาศ’
อาจเป็นเพราะอิทธิพลของการอบรมของเจ้าหน้าที่ขั้นสูงที่เขาได้รับ สอดคล้องกับกฎของกองทัพจักรวรรดิ มาตรา 1 วรรค 2 ก: เกียรติยศของกองทัพจักรวรรดิจะต้องได้รับการปฏิบัติและยึดถือไว้ตลอดเวลา
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว เขาไม่สามารถโทษฉันได้หรอกที่เลือกจะเน้นการรักษายานไว้แทน
หน้าที่สำคัญของยานรบได้สูญหายไปแล้ว: การนำทางเป็นไปไม่ได้ในขณะนี้ ปืนใหญ่หลักและปืนใหญ่รองไม่สามารถยิงได้ และการสื่อสารระยะไกลไม่สามารถส่งออกได้
ตามจริงแล้ว ในสถานะปัจจุบันของเรือลำนี้ มันไม่สามารถแม้แต่จะยืนหยัดต่อต้านยานพิฆาตระดับดาวเทียมของจักรวรรดิหรือยานลาดตระเวนเบา BG-1 ธรรมดาของ บั๊ก ได้ด้วยซ้ำ
ความสามารถในการรบในปัจจุบันของเรือลำนี้ต่ำมาก แต่ยังไงก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูยานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อให้บรรลุตามแผน ส่วนอุตสาหกรรม ส่วนพยุงชีพ ห้องทางการแพทย์ และส่วนควบคุมแรงโน้มถ่วงจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
AI ที่ติดตั้งอยู่ในส่วนโรงเก็บยานที่แยกออกมา ตอนนี้ก็อยู่ในอาการสับสน
คำสั่งระบุว่ายานทุกลำที่สามารถลงสู่ดาวเคราะห์ได้จะต้องถูกปล่อยออกไปโดยไม่สนใจกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทั้งหมด
แม้ว่ายานเหล่านี้จะสามารถลงสู่ดาวเคราะห์ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำแบบนั้นภายใต้วิถีการบินที่แปลกเช่นนี้ มีกี่ลำที่สามารถลงจอดได้สำเร็จกันนะ?
ตอนนี้ AI อยู่ในโหมดเตรียมพร้อมขณะรอให้ส่วนโรงเก็บยานบินไปถึงตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจุดปล่อย
AI ของโรงเก็บยานบินสนใจหุ่นยนต์เอนกประสงค์ที่เรียงรายอยู่ภายในโรงเก็บยานบิน หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ได้ติดตั้งความสามารถในการลงจอดด้วยตัวเองได้
มันถูกออกแบบสำหรับการทำงานต่าง ๆ แทนคนจริง ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงถูกสร้างขึ้นโดยเลียนแบบร่างมนุษย์ โดยทำงานด้วยมือและขาคู่กัน
แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้มากนัก แต่พวกมันก็มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์มากมายซึ่งเหมาะสมกับพวกมันในฐานะเครื่องจักรเอนกประสงค์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันสามารถปฏิบัติในระยะยาวได้เหมือนกับโดรน
ข้อเสนอถูกสร้างขึ้นโดยส่วนหนึ่งที่ประกอบขึ้นเป็น AI ตรวจสอบโครงสร้างภายในและยืนยันความสมบูรณ์ของโดรน มันเสนอแผนการที่จะรวมโดรนและหุ่นยนต์เข้าด้วยกันเพื่อให้พวกมันสามารถลงสู่พื้นได้
โดรนมีตะขอเกี่ยวด้านล่างเพื่อติดตั้งชิ้นส่วนเสริม สเปกของโดรนและหุ่นยนต์ได้รับการตรวจสอบรวมถึงความเป็นไปได้ของผลกระทบแรงต้านอากาศ
เรียกได้ว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
แผนคือให้หุ่นยนต์ติดกับโดรน เพื่อให้โดรนเป็นตัวนำเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ถ้าล้มเหลวก็ต้องปล่อยหุ่นยนต์ทิ้ง
แน่นอนว่าโดรนจะไม่สามารถบินได้ในขณะที่แบกหุ่นยนต์ภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วง แต่การลงสู่พื้นผิวนั้นทำได้
หุ่นยนต์ได้รับการติดตั้งเครื่องขับดันเพื่อเพิ่มความสามารถในการกระโดด หากพวกมันใช้เพื่อลดความเร็วในการลงจอด การลงจอดอย่างปลอดภัยก็เป็นไปได้
ในไม่ช้าก็มีการรวมโดรนและหุ่นยนต์เข้าด้วยกัน และหุ่นยนต์ก็ได้รับคำสั่งให้จับตะขอของโดรน จริงๆ แล้วมีหุ่นยนต์ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับโดรน แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะ
ในขณะเดียวกันอีริส กำลังยุ่งอยู่กับการปล่อยและเชื่อมต่อส่วนของยานที่ยังใช้ได้อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอเพิ่งเสร็จสิ้นขั้นตอนการเชื่อมต่อครั้งที่ 14 เมื่อกี้นี้
เธอแยกส่วนมันออก คว้าไว้ด้วยลำแสงลากจูง และเชื่อมต่อกันใหม่ที่จุดอื่นของยาน เมื่อทำแบบนี้ซ้ำ ๆ วิถีของยานก็เปลี่ยนไปทีละนิด ๆ
อีกเพียงนิดเดียว ยานก็จะไปถึงจุดที่กำหนดไว้สำหรับการเหวี่ยง เนื่องจากส่วนเครื่องยนต์พังไปแล้ว แรงขับเคลื่อนของยานจึงถูกจำกัดอย่างมาก ห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
แผนคือการเหวี่ยงโดยใช้เครื่องยนต์ไอพ่นเคลื่อนที่ไปสู่วงโคจรที่มั่นคง อาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ
ฉันไม่สามารถติดต่อกับกัปตันได้ในขณะนี้ เขาน่าจะไปถึงพื้นผิวดาวเคราะห์แล้ว
ในที่สุดโรงเก็บยานก็ถึงจุดที่เหมาะสมสำหรับการปล่อยยาน
ประตูถูกเปิดออก ลำแสงลากจูงที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าของยานต่าง ๆ ได้ตั้งค่าให้ลงสู่ดาวเคราะห์ทีละลำ
โดรนมีรูปร่างคล้ายลักษณะของนกและมีความยาว 15 เมตร กว้าง 10 เมตร และสูง 4 เมตร
หุ่นยนต์เอนกประสงค์เริ่มเข้าไปหาโดรนและคว้าตะขอไว้
เริ่มปล่อยหุ่นยนต์และโดรนทีละคู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อพวกมันถูกปล่อยก็ได้ติดเครื่องยนต์ไฮโดรเจนแรมเจ็ตทันที
พวกมันต้องรีบหนีออกจากโรงเก็บยานทันที เพราะมันถูกกำหนดให้ทำลายตัวเองในไม่ช้า
เมื่อทั้งหมดถูกปล่อยมีระยะห่างเพียงพอ ส่วนของโรงเก็บยานก็ทำลายตัวเองในที่สุด ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรับแรงกระแทกจากการระเบิด
พวกมันเข้าใกล้องศาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ
ประมาณ 80% ของทั้งหมดสามารถเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอย่างปลอดภัยได้ แต่องศาสำหรับการปล่อยค่อนข้างแย่ 20% ของพวกมันถูกทำลายเนื่องจากการการระเบิดของส่วนโรงเก็บยาน
โดรนที่สามารถเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้ต้องประหยัดเชื้อเพลิงเพราะมีอย่างจำกัด ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มร่อนลงจนกว่าจะถึงระดับความสูงที่ต่ำ และเพื่อไม่ให้แยกจากกัน พวกมันจัดกลุ่มกันอย่างเป็นระบบและลงมาด้วยกัน
หัวหน้าหน่วยของมันสั่งให้โดรนและหุ่นยนต์คู่หนึ่งจุดไอพ่นและนำลงไปก่อน
เมื่อทั้งคู่ไปถึงระดับความสูงหนึ่งพันเมตร เครื่องยนต์ไฮโดรเจนแรมเจ็ต ของพวกมันได้ถูกจุดเพื่อชะลอความเร็วที่ตกลงมา หน่วยที่เหลือทั้งหมดทำตามข้อมูลที่ถูกส่งมาจากหัวหน้าอย่างต่อเนื่อง
โดรนทั้งหมดเป็นแบบ VTOL (ขึ้นลงในแนวดิ่ง) และใช้ไอพ่นแบบหัวฉีด (jet nozzles) เพื่อควบคุมองศาการบิน พวกมันถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ
หุ่นยนต์สามารถลงสู่ภาคพื้นได้สำเร็จ แต่เหมือนมันจะปล่อยตะขอเร็วเกินไป มันตกลงมาจากความสูง 30 เมตร แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
การใช้ข้อมูลวิถีที่ส่งโดยคู่แรกเป็นข้อมูลอ้างอิง หน่วยอื่น ๆ ทั้งหมดจึงสร้างแผนการบินที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและเปิดใช้งานเครื่องยนต์แรมเจ็ท พร้อมกันเมื่อพวกมันไปถึงระดับหนึ่งพันเมตร
โดรนสั่งให้หุ่นยนต์ยึดติดมันไว้จนกว่าที่ทั้งคู่จะถึงระดับความสูง 15 เมตร เพื่อให้สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย
หน่วยที่เหลือทั้งหมดสามารถลงจอดได้โดยไม่มีปัญหา
หัวหน้าหน่วยจึงสั่งให้พวกมันเตรียมพร้อม หุ่นยนต์เอนกประสงค์มารวมตัวในตำแหน่งเดียวกัน โดรนเปิดใช้ใบพัดเพื่อให้มันบินขึ้นไป
พวกมันลอยผ่านชั้นเมฆและใช้พลังงานจากดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ดวงนี้เพื่อชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ต้องใช้ถูกเติมโดยการดึงจากชั้นบรรยากาศโดยรอบเข้าไป
อีริสประหลาดใจกับรายงานที่เธอได้รับบนดาวเคราะห์ โดรนประมาณ 80% หุ่นยนต์เอนกประสงค์ 60% รถแทรกเตอร์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 2 คัน และรถขุดเจาะ 3 คัน สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย มันเป็นอัตราความสำเร็จที่ไม่คาดคิดมาก่อน
โดรนลาดตระเวน DR-3020 (82 ตัว)
หุ่นยนต์เอนกประสงค์ BT-122W (82 ตัว)
รถแทรกเตอร์เอนกประสงค์ TR-400G (2 คัน)
เครื่องเจาะทดสอบ KS-10G (3 เครื่อง)
น่าเสียดายที่อาวุธนั้นถูกประจำการอยู่บนยานยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ไม่สามารถกลับเข้าไปสู่ชั้นบรรยากาศได้และส่วนใหญ่ถูกกำจัดออกไปแล้ว
ดูเหมือนว่ารถแทรกเตอร์และรถขุดเจาะสามารถลงมาได้อย่างปลอดภัยเพราะถูกใส่ในคอนเทนเนอร์พิเศษสำหรับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ แต่โอกาสที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้นั้นอาจจะไม่มีตั้งแต่แรก
อย่างไงก็ตาม โดรนและหุ่นยนต์เอนกประสงค์มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่การติดต่อกับกัปตันถูกตัดขาด
ในระหว่างนี้ ฉันสั่งให้โดรนค้นหากัปตัน ค้นหาสถานที่ที่ดูเหมือนระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต และสังเกตสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในนั้น
หน่วยอื่นที่ไม่สามารถบินได้ ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมรอไว้ก่อน เพราะพวกมันไม่สามารถใช้เมฆเพื่อปกปิดการเคลื่อนไหวของพวกมันได้
ดูเหมือนฉันจะติดต่อยานลี้ภัยไม่ได้ สงสัยจังว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับกัปตันหรือเปล่านะ?
t/n งงเรื่องจำนวนโดรนกับหุ่นยนต์นิด ๆ แต่เช็คจากต้นฉบับก็จำนวนเท่านี้ ตอนแรกแปลเพราะอยากรู้เหตุการณ์ต่อจากมังงะแต่ดูเหมือนคงอีกไกล
Chapters
Comments
- ตอนที่ 8 หลบหนี สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 7 ขาเทียม สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 6 เครเรีย สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 5 ออกเดินทาง / เข้าปะทะ สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 4 ออกสำรวจ สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 3 สร้างยานขึ้นใหม่ สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 2 ลงจอดฉุกเฉิน สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 1 ยานอวกาศประจัญบาน อีริส คอนราด สิงหาคม 31, 2021
MANGA DISCUSSION