ภาพปกเล่มสองละเจ้าค่า!!!
ตอนนี้ฮิยูกิไม่มีบทเลยนะ
—
ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง บาดแผลฉีดขาดเต็มตัว และใต้เกราะหนังเบาที่ขาดวิ่น สัมผัสที่เปียกชื้นก็ค่อยๆแผ่กระจายออกมา
กระทั่งที่ขอบสายตา ก็เห็นสีแดงที่ไม่ใช่เปลวไฟ แล้วจะทำไมละ—-!
เธอที่เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่ข้างๆกัน ถูกเจ้าหมอนั่นเล่นงานจนหมดสติ แล้วยังจะมาพาเธอไปด้วยสีหน้าชั่วช้าแบบนั้นอีก!
จะให้ยอมอยู่เฉยๆได้ไงกันเล่า!!
จะจัดการไอ้บ้านี่ที่พล่ามไม่หยุดและเอาแต่มองด้วยสายตาดูถูก และพาฮิยูกิกลับคืนมา!
เราคิดเพียงแค่นั้น แต่ทว่าดาบที่ฟันลงไปยังไม่ทันถึงตัวเลย แต่หมัดของมันก็พุ่งมาตรงหน้าซะแล้ว แบบนี้นะไม่ต้องคิดก็รู้ ถ้าโดนหมัดนี่เข้าไปหัวที่ยังติดอยู่ที่คอคงจะแตกกระจายเหมือนลูกทับทิมแน่
แต่ยังไงซะก็ไม่คิดจะปิดตาหลบหรอกนะ จนถึงวินาทีสุดท้าย จนถึงแก่ความตาย—จะต้องฟันมันให้ได้ซักครั้ง!
ถึงกระนั้นแล้ว ความมุ่งมั่นของโจอี้ก็ไร้ความหมาย เพราะดาบของฮิยูกิที่อยู่ในมือ กิลส์ เดอ เรยส์ นั่นฟันโดนเพียงอากาศว่างเปล่าเท่านั้น
—ไม่ไหวสินะ ขอโทษนะ ฮิยูกิ
แม้จะโอบรับความตายเอาไว้แล้ว แต่ดวงตาของโจอี้ยังคงจับจ้องอย่างแน่วแน่–และในเสี้ยววินาทีนั้น ผ่านสายตาของเขา ร่างของหมอนั่นก็ปลิวไปกลางอากาษราวกับเศษผ้า
เขาพยายามกระพริบตาแรงๆ เพื่อให้ความเลือนรางหายไป และเพื่อมองดูแผ่นหลังนั่นให้ชัดเจน
ชายคนนั้น–หรือเรียกว่าชายชรา จะถูกต้องกว่า–เขาสวมเสื้อคลุมสีครามเข้ม และมีรูปร่างสูงเกิน 2 เมตรเสียอีก เคราและผมของเขาเป็นสีขาวรวมถึงใบหน้าคมดูดุดัน เผ่าครึ่งสัตว์ที่ไม่ว่าจะดูยังไงก็คงจะเป็น ‘สิงโต’ อย่างแน่นอนจ้องมองอนิมารุเขม็งด้วยแววตาคมกริบ เขาค่อยๆส่งร่างเล็กของฮิยูกิที่ไม่รู้ว่าพากลับมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ให้โจอี้อย่างเบามือ
โจอี้ปล่อยมือจาก กิลส์ เดอ เรยส์ ด้วยความลนลาน และรีบใช้สองมือรับตัวของฮิยูกิเอาไว้อย่างระมัดระวัง
“…ถึงจะดื้นรั้นยืดมั่นในสิ่งที่เชื่อ แต่ก็ยอมทิ้งดาบเพื่อผู้หญิงสินะ เด็กน้อย— เป็นชายชาตรีดีนี่”
บนใบหน้าดุดันของชายชรา ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นเป็นครั้งแรก
“แกเป็นใครว๊ะ ไอ้เวรเอ้ย!? กล้ามาทำเรื่องแบบนี้กับข้าเรอะ!”
เศษหินถูกปัดกระจายทิ้งไป อนิมารุผุดลุกขึ้นมาแยกเขี้ยวคำรามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอีกครั้ง เขามองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา
“—ส่วนทางนี้ คงต้องเรียกว่าพวกเศษมนุษย์สินะ”
“….ว่าไงนะไอ้เวร แกรู้มั้ยว่ากำลังลามปามกับใครอยู่!”
“ไม่อยากรู้ และไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย”
ในเสี้ยววินาทีนั้น ชายชราก็ลดระยะเข้าหา และปล่อยหมัดใส่หน้าอนิมารุทันที
“เห่อะ กะอี้แค่หมัดช้าๆแบบนี้—- อ๊ากกกกก!?!”
ราวกับฉากสโลว์โมชั่นในหนังถูกกระตุกข้ามไป เพราะหมัดของชายชราที่อนิมารุขยับร่างหลบอย่างมั่นใจขยับพรวดเข้ามายังตำแหน่งที่เขาอยู่ และระเบิดใส่อย่างรุนแรง
อนิมารุถูกซัดเข้าที่หน้าอย่างจัง ร่างของเขากระเด็นไปกระแทกกับพื้น แต่ด้วยพละกำลังและความอึดที่เกินมนุษย์ เขาใช้จุดนั้นเพื่อกระโดดถอยห่างจากชายชราเพื่อรักษาระยะ
“ตายซะ!”
เขาพุ่งเข้าใส่และรัวสกิลหมัด แวนิชชิ่ง(หมัดต่อเนื่อง)ใส่ทั่วตัวของชายชรา ทว่า ร่างของชายชราที่ควรจะอยู่ในสายตากลับหายวับไป
“อะไร?!”
หมัดพลาดเป้าและถูกเหวี่ยงออกไปอย่างไร้ประโยชน์ ในชั่วขณะนั้น ชายชราที่ไม่รู้ว่าเคลื่อนที่มาอยู่ ณ จุดบอดได้อย่างไร ก็เตะกวาดใส่ขาของอนิมารุจนเสียหลัก และศอกเต็มแรงใส่ศีรษะที่ไร้การป้องกัน
พร้อมเสียงกระแทกดังกึกก้อง อนิมารุถูกระแทกลงพื้นอย่างแรงจนร่างจมลงไปในพื้น
“อ—อ๊อก…!”
เขาพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ขาก็โงนเงนเพราะแรงกระแทกจนสมองสะเทือน
“เป็นไปไม่ได้ เลขสเตตัสของข้าแกร่งกว่าแท้ๆ…แล้วทำไมข้าถึงได้แพ้ให้กับไอ้แก่บ้านี่”
ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยโดยไม่ได้โจมตีต่อ
“ฮึ่ม… ข้าเห็นการต่อสู้เมื่อกี้นี้ เจ้านะมีพลังที่รุนแรง แต่มันยังห่างจากคำว่าแข็งแกร่งมากนัก”
“ว่าไงนะ..?!”
“วิธีการต่อสู้ของเจ้าคือการใช้พลังมหาศาลบดขยี้ศัตรู ที่ผ่านมา วิธีแบบนั้นได้ผลคงจะเป็นเพราะว่าเจ้าสู้ในสถานการ์ณที่ตัวเองได้เปรียบอยู่ตลอด หรือไม่ก็เอาแต่รังแกพวกที่อ่อนแอกว่า และเพราะเจ้าไม่เคยมีประสบการ์ณในการต่อสู้เดิมพันชีวิตกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าตนเอง เจ้าก็เลยไม่รู้ว่าควรจะสู้ยังไง เช่นนั้นแล้ววิธีต่อสู้ของเจ้าจึงไร้การพลิกแพลงใดใด ข้าพูดผิดหรือไม่?”
อนิมารุถุยน้ำลายปนเลือดลงพื้น เพราะเขารู้สึกกดดันจากสายตาที่มีแรงดึงดูดนั่น
“–แล้วแกจะบอกว่าตัวเองคือ “ผู้แข็งแกร่ง” หรือไง? แกเป็นใครกันแน่?”
“ข้าได้ละทิ้งชื่อไปนานแล้ว แต่ผู้คนมักเรียกข้าว่า ‘ราชาอสูร’”
เมื่อได้ยินชื่อที่เอ่อยออกมา โจอี้ที่กำลังอุ้มฮิยูกิอยู่ห่างๆก็กลืนน้ำลายด้วยความตกใจ
—ราชาอสูร นั่นมันผู้ที่ไปถึงแรงค์ SS หนึ่งใน 5 คนของโลกไม่ใช่หรอ?!
คิ้วของอนิมารุกระตุกขึ้นทันที
“หาา?! ราชาอสูร? นั่นมันข้าเว่ย!”
“ไม่มีทางเสียหรอก คนไร้น้ำยาอย่างเจ้ามาแอบอ้างเป็นราชานะรึ น่าขัน”
ดูเหมือนว่าอาการมึนของอนิมารุจะหายไปแล้ว เขาจึงตั้งท่าอีกครั้ง
“งั้นข้าจะฆ่าแกซะ จะได้รู้กันไปเลยว่าใครของจริง!”
◆◇◆◇
ณ พื้นที่ราบใกล้เมืองหลวงอาระ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงจนฝุ่นฝุ้งไปทั่ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมการเชื่อมต่อกับองค์หญิงถึงหายไป?!”
เทนไก ที่อยู่ในร่างมนุษย์มังกรวิ่งนำอยู่ด้านหน้าเขาเอ่ยถามชายหนุ่มผมชาวที่วิ่งอยู่เคียงข้าง อิคารุ (หรือจริงๆเขาคือร่างโคลนของเขา ยอก โซธอท) ด้วยความหงุดหงิดที่ราวกับเขาพร้อมจะเหยียบย่ำทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อสูร หรือเทพที่ขวางทาง
“ไม่ทราบครับ เพราะยามที่เฝ้าระวังอยู่รอบๆถูกกำจัดไปโดยไม่มีการขัดขืนเลย”
“ไม่มีการขัดขืน?! เป็นไปไม่ได้ จริงอยู่ที่คนที่ส่งไปครั้งนี้เชี่ยวชาญข่าวกรองมากกว่าการต่อสู้ แต่พวกเขาก็เป็นหน่วยชั้นยอดของประเทศเรา ไม่มีทางที่พวกมนุษย์ในประเทศนั้นจะโค่นพวกเขาได้ง่ายๆแบบนั้น…”
ได้ยินถ้อยคำที่ขุ่นเคืองของเทนไก อิคารุ ก็เงียบลงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสริมด้วยนร้ำเสียงที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
“แน่นอนว่าถ้าเป็นมนุษย์ของประเทศนี้ละก็ไม่ได้แน่ –แต่ถ้าเป็นเหล่าผู้สืบเชื้อสายพระเจ้าละก็ อาจจะเป็นไปได้”
“ผู้สืบเชื้อสายพระเจ้า?! นั่นมันเป็นไปไม่ได้–”
แต่ถึงอย่างนั้น ก็่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขาคุยกับองค์หญิงเกี่ยวกับเหรียญของยุคที่สาบสูญเมื่อก่อนหน้านี้ ก็เคยมี่พูดถึงเรื่องแบบนี้ไว้เหมือนกัน
–ถ้าข้าตั้งใจสืบหาให้ดีกว่านี้.. ไม่สิ ต่อให้ฝืนคำสั่งขององค์หญิง ข้าก็ควรลงไปสืบหาด้วยตนเอง!
ถึงจะรู้ว่ามัวแต่มานั่งเสียใจก็ไม่ได้อะไร แต่เขาก็อดกัดฟันคิดว่า ‘ทำไม’ ไม่ได้
เดิมทีแล้วก็อยากจะบินไปแทนที่จะมาวิ่งข้ามแบบนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ข้อตกลงกับอมิเทียมันห้ามไม่ให้เขาบินไปลงจอดใกล้ๆตัวเมืองโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน เพราะงั้นถ้าเขาฝ่าฝืนแล้วละก็ มันก็เหมือนป้ายโคลนให้ชื่อเสียงขององค์หญิง
เทนไกอดกลั้นความเหนื่อยล้าราวกับการค่อยๆโดนเผาอย่างช้าๆ แล้วออกแรงที่ขา วิ่งต่อไป
ไม่ว่ายังไง ถ้าใช้ความเร็วแบบนี้อีกแค่ไม่ถึงนาทีก็จะถึงเมืองอาระแล้ว หลังจากนั้น—
“พวกเจ้าเร็วเข้า! ตรวจสอบความปลอดภัยขององค์หญิง! ไม่จำเป็นต้องปราณีผู้ที่ขวางทาง! ทำลายทุกอย่างที่ขัดขวางซะ! ถึงจะต้องฆ่าทุกคนและทำลายเมืองอาระก็ไม่เป็นไร!”
เมื่อได้ยินคำปลุกใจ 100 เปอร์เซน ทั้งกลุ่มก็พากันตะโกนคำรามเสียงดังลั่น
ทว่า ในทิศทางที่กำลังมุ่งไปนั้น พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะเป็นนักดาบ ชายคนนั้นใส่ชุดเกราะแวววาว สวมหมวกเกราะ และผ้าคลุมที่เป็นสีแดงด้านใน เขาก้มต่ำจนมองไม่เห็นใบหน้า
และร่างของเขานั้นดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
“อย่ามาขวาง! หลบไปซะ”
แม้เทนไกจะคำรามออกมาเช่นนั้น แต่ชายคนนั้นก็ไม่ขยับเลยซักนิด
“หลบไปซะ—-!!”
–แมนติคอร์ที่มีใบหน้าของคนและร่างของสิงโตกระโจนออกมาจากใจกลางของกลุ่ม มันกางปีกคล้างคางคาวออกกว้างและพุ่งเข้าหาชายคนนั้น
ในพริบตานั้น ดาบใหญ่ที่ชายคนนั้นถืออยู่ก็วาบเป็นแสง และผ่าเข้าที่กลางตัวแมนติคอร์
“อ๊ากกก—?!”
แม้มันจะยังหายใจอยู่ แต่ถ้ายังปล่อยทิ้งไว้แบบนี้คงไม่รอดแน่ๆ
พิกซี่ ภูตที่มีความสามารถในการรักษาพุ่งออกมารักษาเขาอย่างรีบร้อน
แมนติคอร์นั้นเป็นมอนสเตอร์ที่มีระดับสูงพอสมควร อีกทั้งเหล่ามอนสเตอร์ที่ร่วมทางมาในครั้งนี้ล้วนเคยเกิดใหม่(อีโว)มาแล้วถึง 3 ครั้ง กล่าวอีกอย่างคือ เขาเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับ 7 อสูรแห่งหายนะเลยทีเดียว
ถึงอย่างนั้น คนนั้นกลับล้มเขาได้ง่ายดายขนาดนี้..!
ความหวาดกลัวแผ่กระจายออกไปจนทั้งหมู่คณะหยุดนิ่งไปโดยไม่รู้ตัว
ในอีกด้านหนึ่ง ชายคนนั้นก็พูดด้วยความรู้สึกประทับใจคล้ายกัน
“โอ้ สุดยอดเลย รับการโจมตีนั่นไปแต่ไม่ตายทันทีเนี่ย”
เขาสะบัดดาบใหญ่หนึ่งครั้งและเก็บมันไว้ที่เอว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
เมื่อได้เห็นใบหน้านั่น ทุกคนที่เต็มไปด้วยจิตสังหารต่างก็รู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่
แต่ถึงจะพูดเช่นนั้น ผู้ที่สีหน้าเปลี่ยนท่ามกลางชาวอิมพีเรียลคริมสันก็มีแค่ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงระดับหนึ่งเท่านั้น
เขารู้จักชายคนนั้นดีที่สุด เท็นไกเบิกตากว้างราวกับจะตรวจสอบให้แน่ใจ
“…ท่านแลปพ๊อก”
ชายหนุ่มคนนั้นมีเรือนผมสีทอง และดูมีอายุราวๆช่วงกลาง 20 เขาผ่อนลมหายใจทางจมูกเบาๆตอนรับคำพูดนั้น
“ก็อย่างว่าแหละนะ ดูเหมือนว่าจะมีการพัฒนาตัวเองไปด้วยสินะ แต่รหัสพันธมิตรยังใช้ได้อยู่”
“นี่ ไอ้หมอนั่นใครนะ?”
โซเฟียเจ้าหญิงออร์คที่ตามไม่ทันสถานการ์ณกระตุกชายเสือของอิคารุเบาๆ เขาและเทนไกยืนจ้องชายหนุ่มคนนั้นโดยที่หายใจไม่เป็นจังหวะ
อิคารุตั้งสติขึ้นมาได้ และพูดด้วยใบหน้างุนงง
“ท่านผู้นั้นคือท่านแลปพ๊อก ผู้สืบเชื้อสายพระเจ้า ผู้ที่มาจากสวรรค์เช่นเดียวกับองค์หญิง”
“? ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ถ้ามันมาขวางทาง ทำไมไม่กำจัดไปซะเลยละ?”
“ไม่ได้เด็ดขาด!” อิคารุส่ายหัวอย่างหนักแน่น “ท่านคือรองผู้บัญชาการขององค์หญิง สำหรับประชาชนของอิมพีเรียลคริมสันแล้วท่านเป็นรองเพียงแค่องค์หญิงเท่านั้น ข้าไม่อาจชี้ดาบใส่เขาได้”
“ช่ายแล้วละน้า”
แลปพ๊อกคงจะได้ยินที่เขาพูด เขายักไหล่และพยักหน้า
“ท่านแลปพ๊อก ขณะนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าองค์หญิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ท่านช่วยหลีกทางให้พวกข้าได้หรือไม่?”
แลปพ๊อกส่ายหน้าช้าๆด้วยความรู้สึกผิดต่อคำขอที่เต็มไปด้วยความร้อนรนของเทนไก
“โทษทีนะ ข้าเองก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากฮิยูกิซังไว้เหมือนกัน จริง ๆ ก็อยากเข้าข้างพวกนายอยู่หรอก แต่ข้าได้รับคำสั่งให้มาถ่วงเวลาพวกนายไว้นะ”
“–คำสั่ง? ท่านคือรองผู้บัญชาการขององค์หญิง แต่องค์หญิงไม่เคยออกคำสั่งกับท่านเลย ใครกันที่เป็นคนสั่งท่าน?”
“หัวไวดีนี่…บางทีข้าควรจะบอกว่า พระเจ้าของโลกนี้ ละนะ”
แลปพ๊อกตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสมเพชตนเองเล็กน้อย
ในอีกทางหนึ่ง– โซเฟียกับคนอื่นๆเริ่มเตรียมตัว ..พวกเขาตั้งใจว่าในเมื่อคนอื่นๆไม่คิดจะทำอะไร งั้นพวกเขาก็จะลงมือเอง แต่อิคารุสังเกตเห็นเข้าก่อนและรีบห้ามเอาไว้
“หยุดซะ พวกเจ้าจะตายเปล่า”
“มีศัตรูแค่คนเดียว ไม่ลองไม่รู้นี่ ใช่ไหมละ?”
“ไม่ต้องลองก็รู้ผลแล้ว เฉกเช่นองค์หญิงที่มีนามว่า เทนโจเทนไก (โฉมงามแห่งท้องนภา) ชายคนนี้เองก็มีอีกชื่อหนึ่งเช่นกัน โดคุดันเซนโกะ (ผู้ชนะหนึ่งเดียว) ชายหนึ่งเดียวที่สามารถล้มตัวตนที่แท้จริงของข้าได้ตัวคนเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางเหล่าผู้สืบเชื้อสายพระเจ้า”
ทุกคนชะงักงันไปกับคำพูดนั้น
เพราะตัวตนที่แท้จริงของอิคารุและความแข็งแกร่งนั้นทุกคนล้วนเห็นมากับตาแล้วในช่วงสงคราม และเขาล้มได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นหรอ?!
“—ฟังดูน่าสนุกดีนี่”
ในตอนนั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งเดินแยกออกมาจากกลุ่ม ตรงไปหาแลปพ๊อก
“ใครละเนี่ย?”
ชายคนนั้น มาโรโดะ เข้าใกล้แลปพ๊อกที่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย –และเตรียมดาบของตน
“ข้ามาโรโดะ ผู้ภักดีต่อองค์หญิงและเป็นวงศ์วานคนหนึ่งของพระองค์… จะเรียกว่าหน้าใหม่ก็ได้”
“หืมม นายเป็นวงศ์วานสินะ แล้วคิดว่าตัวเองที่เป็นแค่เวอร์ชั่นราคาถูกขององค์หญิงจะสามารถเอาชนะข้า ที่เหนือยิ่งกว่าฮิยูกิซังอีกงั้นหรอ?”
แลปพ๊อกกล่าวพลางชักดาบที่เอวออกมา
“อ่า ข้าคิดว่าคงต้องลองซักทีแหละ”
มาโรโดะเข้าประจันหน้าโโยไม่ลังเลเพียงซักนิด
“มาโรโดะ—”
คิดว่าเขาคงจะโดนห้ามเสียแล้ว มาโรโดะหันไปมองเทนไก
“ดาบของท่านแลปพ๊อกแข็งแกร่งยิ่งกว่า กิลส์ เดอ เรยส์ ขององค์หญิง แม้กระทั่ง[ออร์คสโตรค]ของเจ้าก็คงทนได้ไม่นานหรอก ระวังตัวด้วยละ”
เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของแลปพ๊อกได้ แต่เขาก็ละทิ้งการตรวจสอบความปลอดภัยของฮิยูกิไม่ได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นแล้ว การตัดสินใจของเขาในตอนนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว
มาโรโดะฉีกยิ้ม พร้อมยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เทนไกที่เต็มไปด้วยความกังวล
—-
ก็แค่อยากโชว์ราชาสิงโตแบบชายหนุ่มผู้มาดแมนเฉยๆนะ (อริ
รหัสยืนยันความเป็นพันธมิตรนะลบออกง่ายๆของแค่ฮิยูกิเอ่ยปากว่า “แลปพ๊อกซังหรอ? ฆ่าได้เล๊ย☆” แต่ในสภาพตอนนี้ก็โจมตีไม่ได้แหละ ถ้าต้องสู้กับเทนไกแบบเอาจริงขึ้นมา ต่อให้เป็นแลฟพ๊อกก็คงแพ้
แต่คิดว่าประเทศนี้คงจะพังยับไปก่อนนะ
รู้สึกว่าแปลช้าลง ทำไมกันนะ ทั้งๆที่แปลทุกวันแท้ๆ (ฮาาา)
จะว่าไป พึ่งสังเกตว่าตัวเองแปลข้าม บทที่ 2 ตอนที่ 8 ไปหนึ่งตอน ข้ามไปหนึ่งตอนเต็มๆแบบที่ในไฟล์ก็ไม่ได้แปล ได้ไงกันเนี่ย แต่คือเนื้อหาดันไม่ข้ามเฉย มีก็แค่หายไปนิดนึงจนไม่ทันสังเกตุละ ฮาาาาาา
เดี๋ยวขอกลับไปแปลอันนั้นก่อนแล้วจะมาแปลตอน 4 ให้นะ อย่าลืมกลับไปอ่านกันด้วยละ!
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ
MANGA DISCUSSION